รายได้เปิดตัว3วันเทียบกับเรื่องอื่นในจักรวาลเดียวกัน
#1.BatmanvSuperman $166,007,347
#2.Suicide Squad $133,682,248
#3.Man of Steel $128,681,486
#4.Wonder Woman $103,251,471
#5.Justice League $96,000,000(Estimate=ประมาณ)

อันดับรายได้ทั้งหมด(เฉพาะอเมริกา)
#1.Wonder Woman $412,563,408
#2.BatmanvSuperman $330,360,194
#3.Suicide Squad $325,100,054
#4.Man of Steel $291,045,518
#5.Justice League $96,000,000 (Estimate)

อันดับทุนสร้างของหนัง
#1.Justice League $300 million (Estimate)
#2.BatmanvSuperman $250 million
#3.Man of Steel $225 million
#4.Suicide Squad $175 million
#5.Wonder Woman $149 million

ดูเเล้วยังไงก็น่าจะแย่สุดในDC ด้วยกระแสที่ตกและมีเเต่คนด่า
แม้เเต่แฟนDCเริ่มออกมาด่าเกี่ยวกับเรื่องการตัดหนังนู้นนี้
ซึ่งมีผลต่อรายได้หนังเเน่นอน

แม้แต่แฟน DC เองก็ยังยี้จัดเลยรอบนี้

รายได้เน่าไม่ว่า ทุนสร้างก็เยอะ +-ออกมารายได้ต่ำกว่าเรื่องอื่นเเน่นอน

รุ่นน้องผมเป็นแฟน DC เข้าเส้นยังด่าสะเละเลย

จะได้ดูหนังเดี่ยว flash ไหมเนี่ยอยากดู

เอาแบบพูดตรงๆเลยนะ ก็ สมควร

ไปดูมาวันนี้ ดูได้ ไม่ว้าว

ปกติผมชอบซุปทั้งสองภาค

ยังไม่ได้ดูแต่ถ้าตัดแบบ BVS ก็สมน้ำหน้า WB จะตัดทำหอกไรคิดว่าหนังที่มันสู้ Marvel ไม่ได้เพราะหนังมันยาวหรือไง สรุปคือที่ wonder woman มันออกมาใช้ได้ก็คือฟลุ๊คหยิบได้ผู้กำกับ ทีมงานดีเท่านั้นซิ เดี๋ยวขอไปดูก่อนถ้ามันห่วยเดี๋ยวจะเมลไปด่าแบบจากใจติ่งเลย

แต่จะให้ขาดทุนยับจนเปลี่ยนมือผู้สร้างก็เสียดายตัวละครอีก

เบื่อWBตรงชอบตัดฉากดีๆออกพร่ำเพื่อเนี่ยแหละ ออกมาเต็มๆก็ไม่โดนด่าละ
ใจจริงอยากให้มันเจ๊งเผื่อจะขายให้เจ้าอื่นเหมือนกันนะ แต่คงยาก
คิดว่ารายได้รวมคงจบแถวๆ750+แหละ ไม่น่าจะถึงกับเจ๊งหรอก

WBจริงๆการแคสตัวละคร โปรดัคชั่น คอสตูม ผมโคตรชอบเลย
ทั้งแบทเบน วันเดอร์ โจ๊กเกอร์ ฮาร์ลี่ แฟลช เอนชานเตท อควาแมน
พวกนี้คาแรคเตอร์ดีมาก มาเสียตรงบทเนี่ยแหละ นึกแล้วก็เสียดาย

เอาตรงๆโคตรสะใจ อยากให้เจ๊งหนักๆ จะได้รู้บ้างว่าเเฟนๆเค้ารู้สึกกันยังไง
จุดยืนไม่มี พยายามจะทำเป็นมาเวลก็สมควร ให้เจ๊งไปเลย

จริงๆงานดีทุกเรื่องน่ะเเหละ เเต่ปัญหาคือโดนเเทรกเเซงกันทั้งนั้น อย่าง WW นี่ก็เกือบจะโดนนะ ตอนเเรกจะโดนตัดฉาก No Man's Land ออก เเต่ผู้กำกับขอเอาไว้ได้ ไม่งั้นก็เละ ตามๆกัน

ส่วนตัวผมดูแล้วชอบนะครับ...ชอบมากกว่า Thor

#ติ่ง มาร์เวล

สะใจ สมน้ำหน้า หนังดาร์กไหมหล่ะเมิง
ดีกว่าหนังเด็ก แขวะอีกค่าย

กำลังจะไปดูอยู่ 1-2 นี้ รอแฟนว่าง ไปดูความกากของมัน แล้วค่อยมาขยี้ มายำต่อให้เละในบอร์ด

หนังที่เกี่ยวกับ 6 คนในลีก(รวม GL) ได้สร้างแน่นอน(มากกว่า1ภาค ยกเว้น CYBORG ที่น่าจะหาที่ลงกับเรื่องอื่นเช่น FLASH 2 , TITAN) รายได้ไม่ได้มี effect อะไรมากกับหนังในอนาคต แต่สำหรับนักแสดงบางคน ไม่แน่(รวมถึงผกก บางคนด้วย)

ใจเย็นๆหนังมันไม่ได้กาก ที่เค้าบ่นกันคือเเนวทางของทางค่ายที่ทำหนังออกมา มันหักหลังคนดู

แค่หนังยังแบ่งฝ่ายกันอีกเหรอ ทำไม่ติ่งมาเวลต้องไม่ชอบดีซี ติ่งดีซีต้องไม่ชอบมาเวลอ่ะ
ส่วนตัวผมก็ดูมันทั้งคู่แหละ อันไหนดีก็ชม อันไหนห่วยก็ด่า ไม่เห็นต้องแบ่งฝ่ายเลย

น่าเสียดายจักรวาล DC ฮีโร่ตัวชูโรงไม่ได้มีน้อยกว่า Marvel เลย (ส่วนตัวผมยกให้

Super Man / Batman / Spiderman เป็นฮีโร่ที่ดังที่สุด) ดันทำออกมาน่าผิดหวังจริงๆ

ปัญหาเรื่องบทนี่มีมันทุกเรื่อง คนด่ายังไงก็ยังเป็น ทุกเรื่องของ DC ผมดูเเล้วจะมีความคิด

ว่า "เออ สะดวกดีเนอะ/เออ ง่ายดีเนอะ" --- ในขณะที่ของ Marvel เป็นเเค่บางเรื่อง

หรือบางฉากเท่านั้น

อยากเอาชนะ ขนาดนั้นเลยหรอ

ขนาด viewfinder ทำจับผิดหนังมาร์เวลยังโดนด่าเลย ถึงขนาดต้องไปจับผิดหนังdcด้วยจะได้เสมอภาคกัน

โคตรกาก

ไม่เข้าใจพวกติ่งที่ไปด่าอีกฝั่งเหมือนตัวเองชนะ

คือมีส่วนได้เสียกับหนังเค้าหรอถามจริง55555555

บางทีงงเว้ยแค่นี้ยังจะทำให้มันใหญ่โต

อารมณ์เหมือนพวกแฟนบอลบางทีข่มอีกทีมซะเหมือนอยู่ทีมเดียวกับเค้า

เกินไป้

หนังเดี่ยวของแต่สมาชิกที่เหลือคือ Aquaman รอฉายปีหน้า , The Flash เห็นว่าฉายปี 2020 นี่ผมว่าโอกาส 50/50 ส่วนตัวอยากให้ทำนะ ชอบตัวละครนี้ของ Ezra มาก ผมว่าแกแสดงได้ดีมากเลย ที่น่าเป็นห่วงสุดคือ Cybrog โอกาสน้อยๆมาก จากที่ Plan ไว้ว่าจะสร้าง เพราะบทไม่ส่งเลย รายได้ก้อดันมาแป้กอีก

ทีไปด่าเขาว่า "ข้านี้หนังดาร์กเว้ย ดูเป็นซุปเปอร์ฮีโร่กว่า"
"ดีกว่าหนังของอีกค่ายเป็นหนังเด็ก หนัง 3 ช่า"

พอตัวชี้วัดที่ดีที่สุดออกมา นั่นก็คือ "รายได้" เพราะหนังมันอยู่ด้วย "ต้นทุน" เว้ย ถึงจุดคุ้มทุน มีกำไรโน่น เขาถึงจะมีกำลังใจ สร้างภาคต่อ ให้มันไปต่อได้ ไม่ใช่ไปต่อแบบติดๆขัดๆ

พอ "รายได้" ดูท่าจะแพ้เขาไง เขาเลย สาดโคลนกลับ ทีนี้หล่ะ ร้องซิ
ดาร์กไหมหล่ะ (ดาร์กเลย รายได้หน่ะ ดาร์กสมใจเลย)
ลุงทุนก็มากกว่าเขา รายได้ ยังรั้งท้ายอยู่เลย เมื่อเทียบจำนวนเวลาฉายเท่ากัน และยังไม่รู้จะคุ้มทุนรึป่าว(แต่ก็คงแตะๆ ได้บ้างแหละ เล่นยึดโรงฉายขนาดนี้ 6 โรง ยึดซะ 5 โรง ไม่แตะ ให้มันรู้ไป จริงไหม)
ตัวที่ลงทุนต่ำสุด กลับ ทำรายได้สูงสุดขณะนี้ เหอะ

ติ่ง มาร์เวล เขาไม่ค่อยยุ่งกับใครอยู่แล้ว เพราะหนังเขาทำอะไรออกมา มันก็ "ปัง" ทั้งเรื่อง บทบาท และ รายได้ จะมีไม่กี่เรื่องที่ไม่ปัง "แต่ก็ไม่ได้แย่" ขนาดขาดทุน

ไปดูในเว็บฝรั่งบ้างหน่ะ มันด่ากันไปถึงไหน และ ติ่ง DC มันมาแขวะว่าอะไรอีกค่ายบ้าง ติ่ง มาร์เวล อยู่ๆมีคนมาด่า จะให้เขาอยู่เฉย ให้เขาด่าฟรีๆเหรอ
พอเขาแขวะกลับ ก็ไปหาว่า "เห้ย มีส่วนได้ส่วนเสียกับเขาหรือ ถึงออกมาปกป้องขนาดนี้"
เอ้า "แล้วตอนติ่งทีม DC ไปสาดโคลนใส่เขาหล่ะ พอแพ้แล้ว เคยออกมารับผิดคำพูดหรือป่าว" ก็หายหมด

แล้วออกมาปกป้อง DC มีส่วนได้ ส่วนเสียกับเขาปะหล่ะ เขาก็ด่ามาด่ากลับ ไม่โกงเน้อ

ศัตรูหมายเลข1ของDC ไม่ใช้Marvelหรอก Warnerนี้แหล่ะ

ปล.สาวกบางคนก็ยังไม่วายแขวะอีกเรื่องเนอะ เห็นทุกมู้ จะยี้อะไรกันขนาดนั้น

บอกเลยว่าสมน้ำหน้า
อยากทำหนังลัดขั้นตอนดีหนัก สมน้ำหน้า มีของดีอยู่ในมือแต่ดันใช้ไม่เป็น

พูดเลยว่าต่อให้ไม่ตัด หนังก็แย่เหมือนเดิม

ไอที่มีอยู่ก็ทำให้ดูรู้เรื่องหมดแล้ว
ผมไม่คิดว่าต่อให้เพิ่มฉากมาแล้วจะดีกว่าเดิม

1 การฟื้นของซุปเป็นอะไรที่ไม่ต้องลุ้นเลยโชวเอฟเฟ็คอย่างเดียว
2 การต่อสู้ที่ห่างชั้นของซุปเข้าใจว่าซุปเก่งมาก แต่พี่เล่นเอา WW อ่อนไปเลย ระดับธิดาแห่งเทพเลยนะ
3 การเป็นภาระของแบทแมน ต้องเทียบกับแบล็กวิโด้ กับฮอคอายอีกค่ายเขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกันแต่เอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆได้ในส่วนของเขา ไม่ได้จ่ายเงินแล้วยืนดูที่ห้องวีไอพี
4 การเกลี่ยบท civilwar ตัวละครเยอะกว่าเยอะยังให้ทุกคนมีบทบาทได้ แต่เรื่องนี้ อควาแมนให้มายืนเสยผม โชวหุ่น แล้วคุยกับปลา ดูแล้วต่อให้เพิ่มมาไม่ตัดก็คงเป็นแต่ส่วนของอควาแมน แต่อยู่ในวงสนทนาก็ไม่มีอะไรคุย

เห็นข่าวว่า มันตัดเนื้อเรื่องอกเยอะมาก น่าจะมีผล

ไปดูมะวาน Supฟื้นแล้วไงต่ออ่ะ ผมหลับ

ฟื้นแล้วก็ลืมตา ลอยขึ้น ไล่กระทืบ

แย่พอๆ กับ suicide squad

ถามแฟน หนังสองค่ายนี้หน่อย ทำไม DC ทำออกมาไม่โอเคเลย ทั้งๆ ที่มีทุนก็เยอะ

หรือรีบ อยากตามคู่แข่งให้ทัน

ใครจะกล้าทำต่ออะเนี่ย รวมดารามาขนาดนี้ยังเละ แถมไม่ได้ตังค์อีก

WB รีบเกินไป ไม่รู้จักค่อยๆรอให้มันสุกงอม เห็นดิสนีย์ทำกำไรงาม WB เห็นหนทางทำกำไร รีบเอาใจตลาดจนหลุดโทนไปหมด เอาวีดอนมาเพื่อปรับให้เหมาะกับตลาดแถมล้วงลูกแทบทุกขั้นตอน โง่สุดๆไม่เปลี่ยนผู้บริหารก็ได้แต่ทนให้ WB ทำลาย DC ต่อไป

ดูเมื่อวานมีฉากที่ตัดออกไปเยอะ เห็นได้จากการลำดับที่โดดไปมา
ที่แน่ ๆ ฉากแนะนำ Cyborg หายไปเลย ไม่เห็นรวมกับส่วนนึงของมาร์เธอร์บ็อกซ์

ถ้า Warner Brothers ค่ายหนัง ส่งบลูเรย์แบบ Director's Cut ออกมาอีก
จะสาปส่งเลยค่ายนี้ ผิดหวังมาก ตัดหนังห้วน ๆ ให้คนในโรงดู แล้วตัวเต็ม
ทำในบลูเรย์ ไม่เคารพดูเลย

ที่จริงให้ความเป็นธรรม อาทิตย์นี้มี Wonder หนังจับตาออสการ์เปิดตัวดีที่สอง
และโรงที่ฉาย Justice League ยังน้อยกว่า Thor ที่ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 3 ด้งย

WB อาจจะลืมว่ายอดขายแผ่น Director's Cut มันไม่รวมเป็นรายได้ Box Office อะนะ

ทางค่าย WB เข้ามาแทรกแซงงานของทีมงานค่อนข้างเยอะครับ โดยเฉพาะการเข้ามาร่วมตัดต่อฉากในหนัง หลายๆ ครั้งเลยกลายเป็นตอนฉายโรงโดนด่ายับ แต่ขายแผ่นแบบ Director's Cut ดันกลายเป็นหนังเทพไปเลยก็มี

เอาจริง ๆ ในฝั่งมาเวลก็มีการแทรกแซงไม่ต่างกันหรอกนะครับ
ไม่งั้นภาพรวมของทั้งจักรวาลมันจะมาจบกันยาก

แต่ผมว่ามาเวลเป็นงานกว่า รู้ว่าควรแทรกตั้งแต่จุดไหน
ดูกรณีศึกษาอย่าง ant man ก็ได้ ที่ ผกก. บ้าบอมีความต้องการอย่างแรงที่จะให้หนังมันเป็น stand alone

สุดท้ายทำออกมานอกสโคบแล้วมาโดนแทรกแซงที่หลังก็เลยทนไม่ได้ลาออกไปเอง
(แต่ผมชอบไอเดียแกนะ ดูเบบี้ไดรเวอร์ก็ได้)

แล้วคนที่มาทำต่อก็สานต่อบวกกับผนวกเนื้อได้กลมกล่อมดีซะด้วยสิ

เลยไม่แน่ใจว่า บุคลากรที่ dc ตั้งใจเลือกมาด้วยความเกร็ง
เก่งจริงหรืออีโก้จริง ๆ กันแน่

หนังสนุกครับ

อยากรู้จริงๆใครมันเป็นคนคิดว่าตัดหนังโรงแล้วเอาไปใส่แผ่นจะทำให้รายได้ดี

เปิดตัวแพ้แก็ง 3 ช่า

ผมสปอยคร่าวๆ นะครับ

ใครยังไม่ดูอย่ากดนะ

หนังสนุก แต่ลืมตัวตนของตัวเอง กลายเป็นหนังตลาด

สรุปสั้นๆตามนี้

ถ้าจะโทษ WB ต้องโทษตัวเองอย่างเดียวเลย โดยเฉพาะ CEO ที่ต้องการให้ตัวหนังไม่เกิน 2 ช.ม. เพื่อให้ได้ฉายหลายๆรอบ

สุดท้ายตัดเยอะเกินไป จนหนังเละเทะ รายได้ก็ตามสภาพนั่นแหละครับ

ปล. ผมไม่ได้เป็นติ่งฝั่งไหนนะ ผมดูได้ทั้ง 2 ค่าย ไม่ดีก็ติ ดีก็ชมกันไป แค่นั้นเอง

ขนาดหนังยังมีแบ่งฝ่าย อะไรกันโลกเรา

ผมว่าถ้าเป็น สไนเดอร์ กำกับ เนี่ย ภาพไม่หม่น ๆ ไปนะ สู้ค่ามาร์เวล ไม่ได้ สบายตา

ปล ยังไม่ได้ แต่คิดว่าห่วยแน่นอน

ทำไมต้องแยกฝ่าย แล้วทำไมต้องขยี้่ซ้ำ มีคนแบบนี้่ในสังคมมากๆนี้แย่นะ

มาร์เวลมีเควิน ไฟกีคอยคุมสโคปหนังครับ ยังไงก็ต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับจักรวาลรวมของหนัง

กรณีแอนท์แมนผมไม่ชัวร์ว่าออกไปนอกขนาดไหน เพราะเอาจริงๆอย่าง cap2 ก็สามารถเป็นหนังเดี่ยวๆได้เลยด้วยซ้ำเหมือนกัน

ตัดออกเอาไว้ขายแผ่นDirector cutรึป่าว

ขำตรงติ่งมาเวล ไม่ค่อยยุ่งกับใคร

Xander วายยูโซซีรีอัส

ไม่เเย่หรอก เพราะมันไม่ได้เเค่ตัดออกอย่างเดียว มันเปลี่ยนโทนของหนังด้วย มันไปเปลี่ยนงานของเเซคเยอะมาก เเถมไปไล่คนคอมโพสอย่าง Junkie XL ออกอีก การตัดหนังออกจนเหลือเเค่ 2 ชม. จากตัวเต็มเป็นสิบๆนาที ในงานภาพยนตร์ถือว่าเยอะมากนะ เพราะเเค่ 1 นาที ในงานภาพยนต์มันสามารถใส่ได้หลายช็อตภาพ สามารถเล่าเรื่องได้เยอะเลย เเค่ 1 นาทีเนี่ย
นี่เเหละเหตุผลทำไมเเฟนๆถึงบ่นกัน ขนาดเเฟนบอยเเท้ๆยังด่าเลย
เหมือน BVS น่ะเเหละ ทำไมเเฟนๆถึงชอบตัวเต็ม 3 ชม. กัน

เอางี้ผมว่าประเด็นหลักๆเลยต่อให้เพิ่มมาอีก 3 ชั่วโมงมันก็ความรู้สึกเดิม
1 การฟื้นของซุป ให้เพิ่มเวลาอีก 20 นาทีเลยจะเล่นอะไรกัน เอากล่องแม่มาช็อตไฟฟ้าแล้วแช่น้ำตื่นเลย แถมไอกระบวนการนี้ไม่มีการทดลองเลยเสี่ยงด้วยแล้วสำเร็จอีก

2 การต่อสู้กับตัวร้ายมันไม่ได้ดูสิ้นหวังไร้หนทางอีกต่อไปแล้วเมื่อซุปฟื้น เมื่อนายพลซอด กับดูมเดย์เพิ่งถล่มโลกไปราบ กับสเตฟเฟนวูฟมันแค่ผิวๆเอง แล้วไม่มีการชิงเหลี่ยมไหวพริมกันเลย คือรุมกระทืบอย่างเดียว ให้เวลาเพิ่มจะเล่นอะไร

3 ฉากสนทนาถ้าให้เวลาเพิ่มอาจจะมีบทพูดมากขึ้นของไซบรอกและอควาแมน แต่ก็เป็นไปได้ว่าคนอื่นก็แย่งพูดหมดอยู่ดี ที่สำคัญเลยบทพูดการดำเนินเนื้อเรื่องมันมาจาก แบทแมน กับ วอนเด้อวูแมนสองคน ลองตัดบทคนอื่นออกไป เนื้อเรื่องมันยังเดินได้ครับ

ที่ผมบอกไปนั้นแหละบทมันมีแค่นี้ใส่มาก็แค่โชว CG กับตัวละครเดินไปเดินมาแหละ เนื่องจากเนื้อเรื่องมันดำเนินด้วยคนไม่กี่คน และบทมันง่ายๆมาแล้วจึงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก สู้ไม่ได้ต้องชุปซุปให้ซุปจัดการ จบ

มันต่างกันเยอะครับ อย่างมาเวลมันเเทรกเเซงตอน pre-production ซึ่งมันเป็นปกติอยู่เเล้วในวงการหนัง เพราะมันยังไม่เริ่มถ่ายทำ มันสามารถเเก้งานได้เรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ
เเต่ดีซีมันไปเเทรกเเซงช่วง post-production คือหลังจากถ่ายทำเสร็จเเล้ว นี่เเหละมันทำให้ตัวหนังมันมีปัญหามากกว่า งบบาน

ใช่ไงครับ
ถึงได้บอกว่า รู้ว่าควรแทรกตั้งแต่จุดไหน

ตอนผมเด็กๆนี่ไม่มีใครรู้จัก Hero ของ Marvel เลยนอกจาก Spider-man ทุกคนจะรู้จักแต่ Superman กับ Batman จนหนังเรื่อง Ironman เข้าฉายนั่นแหละครับ Marvel เลยเริ่มลืมตาอ้าปากได้ แต่ก็ถือว่าทางค่ายทำได้ดีเกินคาดมากๆ...ผมชอบทั้ง 2 ค่ายนะครับ อ่านคอมมิคทั้ง 2 ค่ายเลย สนุกพอๆกัน

ปล.Spider-man ของ Marvel นะครับ...

ก่อนหน้าที่จะมีจักรวาลหนัง Marvel ผมมองว่า DC ดูดังกว่าในระดับนึง(ถ้าไม่นับ X-

Men ที่มีหนังออกมาก่อนหน้านี้) เเต่ตอนหลัง Marvel เปิดจักรวาลหนัง ก็ดังระเบิด

ปล. ผมรู้ครับว่า Spider-Man ของ Marvel ผมเเค่จะพิมพ์ว่านี่คือสามฮีโร่ที่ดังที่สุด

และเป็น DC สะสองแล้ว เเต่หนังกลับทำออกมาบูมไม่ได้

ที่บอกเพิ่มมันไม่ใช่รายละเอียดพวกนั้นครับ เรื่องภาพรวมของเนื้อเรื่องอันนั้นรู้อยู่
เเต่ที่อยากให้เพิ่มคือรายละเอียดปลีกย่อยพวกพื้นหลังของตัวละคร อย่างพวกในตัวอย่างที่ตัดออกน่ะ เช่นช่วยไอรีส พื้นหลังของไซบอร์ก ตอนเป็นคน อัลเฟรดคุยกับซุป พวกนี้มันเป็นรายละเอียดเล็กๆก็จริง เเต่มันจะช่วยเพิ่มมิติของบทให้มากขึ้น ทำให้อินมากขึ้น ไม่ใช่อยู่ดีๆจะมาก็มา เหมือนพวกหนังมาเวลนั้นเเหละที่จะมีรายละเอียดพวกนี้
เเล้วเรื่องนี้มันไม่ได้ดำเนินเรื่องไม่กี่คนนะ จริงๆตัวละครทุกตัวมันสำคัญกันหมด พวกฮีโร่ตัวเอง เเต่หนังมันตัดออกมานำเสนอมีเเค่นี้
อย่าง Aquaman บทจริงๆมันจะต้องเป็นไอตัวเเสบของทีม จากการสัมภาสของนักเเสดง เเต่ในหนังมันเปลี่ยนลุคไง ไหนจะซาวด์ที่ไม่เข้ากับหนังอีก
เหมือนในกรณี BVS ฉบับเต็มนั้นเเหละ ทำไมมันถึงดีกว่าเเบบโรง ทั้งๆที่โครงเรื่องมันก็เเบบเดียวกัน
ไม่ได้บอกว่าเนื้อเรื่อง JL มันดีนะ เเต่การที่เราได้ดูฉบับเต็มจริงๆ มันจะเข้าถึงบทหนังจริงๆได้ดีกว่าหนังฉบับที่โดนตัด
เพราะ JL มันเป็นหนังรวมทีม การลดเวลาเหลือเเค่ 2 ชม. มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้หนังมันสมบูรณ์