ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 3941
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 5:48 pm
2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ
ชาว SS ใช้ ตัวไหนกัน ดียังไง เสียยังไง (ไม่นับเสียตัง )
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 7672
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 5:56 pm
[RE: 2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ]
ผมไม่ใช้ เพราะมั่นใจว่าเราไม่ได้สุ่มเสี่ยงที่จะนำพาไวรัสมาสู่คอม
1
0
เข้าร่วม: 31 Jul 2009
ตอบ: 1494
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 6:24 pm
2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ
ไม่ใช้
1
0
เข้าร่วม: 31 Mar 2015
ตอบ: 186
ที่อยู่: ประเทศไทย
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 6:34 pm
[RE: 2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ]
ผมไม่ได้ใช้เหมือนกัน ^ ^
0
0
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 9511
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 8:46 pm
[RE: 2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ]
ถ้า Free

สมาชิกพันทิปบางท่าน จะเชียร์
Avast (Free Antivirus) ใช้ร่วมกับ Malwarebyte (Free) ไว้จัดการ malware อื่นๆ

ข้อดีของสูตรนี้ คือ FREE
ข้อเสีย คือ ทั้งสองตัวนี้ ปกป้องได้ไม่ครอบคลุม
หลักๆเลยคือ ไม่ได้ป้องกันแบบ real time

หรืออีกตัวหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจ คือ Kaspersky Anti Virus (ฟรี)
แต่ข้อดีข้อเสีย ก็เหมือนด้านบน

--------------------------------------------------------

ถ้าเอาที่ผมใช้ ผมใช้รุ่น Internet Security ขึ้นไป

ขออธิบายก่อนว่า ปกติแล้ว โปรแกรมป้องกันไวรัส(หรือมัลแวร์)
จะแบ่ง segment ได้ 3 รุ่นใหญ่ๆ

1. Anti Virus พวกนี้ฟังก์ชั่นน้อยสุด ป้องกันได้น้อยสุด และบางเจ้าให้ใช้ฟรีๆ
หรือถ้าขาย ก็จะราคาถูกที่สุด

2. Internet Security พวกนี้จะเพิ่มเกราะมาเพียบ เช่น Firewall
และป้องกันแบบ Real Time - ส่วนใหญ่ประเภทนี้ ต้องควักเงินจ่าย
ราคาไม่เกิน 1 พันบาท/ต่อปี แทบทุกเจ้าที่ดังๆ ตีว่าราวๆ 600-1000
(แต่อาจจะมีถูกกว่านี้นะ ผมไม่รู้ หาๆอยู่เหมือนกัน)

ปัจจุบันเท่าที่ผมทราบ มียี่ห้อ Sophos แบรนด์จากอังกฤษ
ที่ให้ใช้รุ่นนี้ได้แบบฟรีๆ แต่คุณภาพเป็นยังไง ต้องหารีวิวอ่านเองนะครับ

ถ้าถามว่าแล้วแบบ "ขายขาด" มีหรือไม่ ?
ตอบว่า ผมไม่เห็นมาตั้งนานแล้วครับ เห็นแต่แบบเก็บเงินรายปี

3. Total Security ตัวนี้ก็เป็นรุ่น Top การป้องกันแทบไม่ต่างจากรุ่น 2
แต่จะมีฟังก์ชั่นเครื่องมืออื่นๆมาให้ด้วย (ซึ่งผมมองว่า ส่วนใหญ่ไม่จำเป็น)
แน่นอนว่า มันก็จะแพงขึ้นมาอีกหน่อย

ยี่ห้อที่ดังๆ เอาในไทยนะ เช่น ESET (NOD32เดิมอ่ะ) / Kaspersky / Bitdefender เป็นต้น ก็จะมี 3 รุ่นให้ท่านเลือกในแต่ละยี่ห้อ

ซึ่งสำหรับผม ผมว่าใช้แค่ Internet Security ก็พอ ตัวเดียว จบ
ไม่ต้องหาไรมาเสริมอีก อย่างมากก็ลงพวก Ad Block ใน Browser

ถ้าเอาที่ผมไว้ใจ ผมไว้ใจ Bitdefender กับ Kaspersky

* มีตัวทดลอง Trial ให้ท่านโหลดมาลองใช้ก่อนได้ 30 วัน
สำหรับ Kaspersky
และ Bitdefender มีให้ลองใช้ 90 วัน ถ้าสนใจ Quote ผมมาครับ
เดี๋ยวมันต้องอธิบายเพิ่ม

ถ้าท่านไม่มั่นใจ ก็ลองโหลดมาลองใช้ก่อนก็ได้ ถ้าถูกใจอันไหน ค่อยซื้อ

* ข้อควรระวัง สำคัญ : อย่าลงโปรแกรมป้องกันไวรัสพวกนี้
มากกว่า 1 ตัว พร้อมๆกันในเครื่อง ไม่งั้นเครื่องเน่าครับ

-----------------------------------------------------------

ถ้าถามว่า จำเป็นหรือไม่ ? อันนี้คำถามโลกแตก นานาจิตตัง

ถ้าเราคิดว่า เรา Clean มาก เราพอมีความรู้แก้ปัญหา
หรือระแวดระวังภัย ...บางคนไม่ใช้เลยด้วยซ้ำ

หรือบางคน ไม่ได้ใช้คอมในการทำงานสำคัญๆ หรือมีไฟล์ส่วนตัว หรือมีทำธุรกรรม
... ก็ไม่รู้จะใช้โปรแกรมป้องกันพวกนีั้ไปทำไม
(เหมือนกับ สมมติบ้านผมมีแค่ นาฬิการาคา 100 บาท ผมไม่ซื้อตู้เซฟมาใส่หรอก)

- ข้อควรระวังอีกอย่างคือ
จะใช้โปรแกรมไหนเถื่อน ก็พอน่าเสี่ยงได้บ้าง
แต่กับโปรแกรมป้องกันไวรัส ... ต้องแท้ เท่านั้น

- ข้อควรระวังอีกอัน สุดท้ายละมั้ง
คือ โปรแกรมแต่ละอัน มันก็มีพลาดนะ เจ้าดังๆก็พลาดได้ครับ
เพราะงั้น ตนแลเป็นที่พึ่งเห็นตน ขยัน Back Up ข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ภายนอกเสมอ
และพยายามไม่เก็บอะไรที่สุ่มเสี่ยงมากเกินไปไว้ในเครื่อง





The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.
เข้าร่วม: 01 Jun 2007
ตอบ: 1247
ที่อยู่: นครสวรรค์
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 11:17 pm
[RE: 2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ]
เครื่องที่บ้าน 3 เครื่อง ไม่ติดตั้ง Antivirus

แต่ที่ทำงาน ซื้อ Kaspersky ครับ
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 345
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Nov 11, 2017 11:21 pm
2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ถ้า Free

สมาชิกพันทิปบางท่าน จะเชียร์
Avast (Free Antivirus) ใช้ร่วมกับ Malwarebyte (Free) ไว้จัดการ malware อื่นๆ

ข้อดีของสูตรนี้ คือ FREE
ข้อเสีย คือ ทั้งสองตัวนี้ ปกป้องได้ไม่ครอบคลุม
หลักๆเลยคือ ไม่ได้ป้องกันแบบ real time

หรืออีกตัวหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจ คือ Kaspersky Anti Virus (ฟรี)
แต่ข้อดีข้อเสีย ก็เหมือนด้านบน

--------------------------------------------------------

ถ้าเอาที่ผมใช้ ผมใช้รุ่น Internet Security ขึ้นไป

ขออธิบายก่อนว่า ปกติแล้ว โปรแกรมป้องกันไวรัส(หรือมัลแวร์)
จะแบ่ง segment ได้ 3 รุ่นใหญ่ๆ

1. Anti Virus พวกนี้ฟังก์ชั่นน้อยสุด ป้องกันได้น้อยสุด และบางเจ้าให้ใช้ฟรีๆ
หรือถ้าขาย ก็จะราคาถูกที่สุด

2. Internet Security พวกนี้จะเพิ่มเกราะมาเพียบ เช่น Firewall
และป้องกันแบบ Real Time - ส่วนใหญ่ประเภทนี้ ต้องควักเงินจ่าย
ราคาไม่เกิน 1 พันบาท/ต่อปี แทบทุกเจ้าที่ดังๆ ตีว่าราวๆ 600-1000
(แต่อาจจะมีถูกกว่านี้นะ ผมไม่รู้ หาๆอยู่เหมือนกัน)

ปัจจุบันเท่าที่ผมทราบ มียี่ห้อ Sophos แบรนด์จากอังกฤษ
ที่ให้ใช้รุ่นนี้ได้แบบฟรีๆ แต่คุณภาพเป็นยังไง ต้องหารีวิวอ่านเองนะครับ

ถ้าถามว่าแล้วแบบ "ขายขาด" มีหรือไม่ ?
ตอบว่า ผมไม่เห็นมาตั้งนานแล้วครับ เห็นแต่แบบเก็บเงินรายปี

3. Total Security ตัวนี้ก็เป็นรุ่น Top การป้องกันแทบไม่ต่างจากรุ่น 2
แต่จะมีฟังก์ชั่นเครื่องมืออื่นๆมาให้ด้วย (ซึ่งผมมองว่า ส่วนใหญ่ไม่จำเป็น)
แน่นอนว่า มันก็จะแพงขึ้นมาอีกหน่อย

ยี่ห้อที่ดังๆ เอาในไทยนะ เช่น ESET (NOD32เดิมอ่ะ) / Kaspersky / Bitdefender เป็นต้น ก็จะมี 3 รุ่นให้ท่านเลือกในแต่ละยี่ห้อ

ซึ่งสำหรับผม ผมว่าใช้แค่ Internet Security ก็พอ ตัวเดียว จบ
ไม่ต้องหาไรมาเสริมอีก อย่างมากก็ลงพวก Ad Block ใน Browser

ถ้าเอาที่ผมไว้ใจ ผมไว้ใจ Bitdefender กับ Kaspersky

* มีตัวทดลอง Trial ให้ท่านโหลดมาลองใช้ก่อนได้ 30 วัน
สำหรับ Kaspersky
และ Bitdefender มีให้ลองใช้ 90 วัน ถ้าสนใจ Quote ผมมาครับ
เดี๋ยวมันต้องอธิบายเพิ่ม

ถ้าท่านไม่มั่นใจ ก็ลองโหลดมาลองใช้ก่อนก็ได้ ถ้าถูกใจอันไหน ค่อยซื้อ

* ข้อควรระวัง สำคัญ : อย่าลงโปรแกรมป้องกันไวรัสพวกนี้
มากกว่า 1 ตัว พร้อมๆกันในเครื่อง ไม่งั้นเครื่องเน่าครับ

-----------------------------------------------------------

ถ้าถามว่า จำเป็นหรือไม่ ? อันนี้คำถามโลกแตก นานาจิตตัง

ถ้าเราคิดว่า เรา Clean มาก เราพอมีความรู้แก้ปัญหา
หรือระแวดระวังภัย ...บางคนไม่ใช้เลยด้วยซ้ำ

หรือบางคน ไม่ได้ใช้คอมในการทำงานสำคัญๆ หรือมีไฟล์ส่วนตัว หรือมีทำธุรกรรม
... ก็ไม่รู้จะใช้โปรแกรมป้องกันพวกนีั้ไปทำไม
(เหมือนกับ สมมติบ้านผมมีแค่ นาฬิการาคา 100 บาท ผมไม่ซื้อตู้เซฟมาใส่หรอก)

- ข้อควรระวังอีกอย่างคือ
จะใช้โปรแกรมไหนเถื่อน ก็พอน่าเสี่ยงได้บ้าง
แต่กับโปรแกรมป้องกันไวรัส ... ต้องแท้ เท่านั้น

- ข้อควรระวังอีกอัน สุดท้ายละมั้ง
คือ โปรแกรมแต่ละอัน มันก็มีพลาดนะ เจ้าดังๆก็พลาดได้ครับ
เพราะงั้น ตนแลเป็นที่พึ่งเห็นตน ขยัน Back Up ข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ภายนอกเสมอ
และพยายามไม่เก็บอะไรที่สุ่มเสี่ยงมากเกินไปไว้ในเครื่อง





 

สนใจ bitdefender มาลองครับ
ถามเพิ่ม ตัวนี้หนักเครื่องมั้ยครับ
0
0
เข้าร่วม: 01 May 2008
ตอบ: 9511
ที่อยู่: โรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์
โพสเมื่อ: Sun Nov 12, 2017 12:39 am
[RE: 2017 แนะนำตัวสแกนไวรัสหน่อยครับ]
Apollo123 พิมพ์ว่า:
ศาสตราจารย์ พิมพ์ว่า:
ถ้า Free

สมาชิกพันทิปบางท่าน จะเชียร์
Avast (Free Antivirus) ใช้ร่วมกับ Malwarebyte (Free) ไว้จัดการ malware อื่นๆ

ข้อดีของสูตรนี้ คือ FREE
ข้อเสีย คือ ทั้งสองตัวนี้ ปกป้องได้ไม่ครอบคลุม
หลักๆเลยคือ ไม่ได้ป้องกันแบบ real time

หรืออีกตัวหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจ คือ Kaspersky Anti Virus (ฟรี)
แต่ข้อดีข้อเสีย ก็เหมือนด้านบน

--------------------------------------------------------

ถ้าเอาที่ผมใช้ ผมใช้รุ่น Internet Security ขึ้นไป

ขออธิบายก่อนว่า ปกติแล้ว โปรแกรมป้องกันไวรัส(หรือมัลแวร์)
จะแบ่ง segment ได้ 3 รุ่นใหญ่ๆ

1. Anti Virus พวกนี้ฟังก์ชั่นน้อยสุด ป้องกันได้น้อยสุด และบางเจ้าให้ใช้ฟรีๆ
หรือถ้าขาย ก็จะราคาถูกที่สุด

2. Internet Security พวกนี้จะเพิ่มเกราะมาเพียบ เช่น Firewall
และป้องกันแบบ Real Time - ส่วนใหญ่ประเภทนี้ ต้องควักเงินจ่าย
ราคาไม่เกิน 1 พันบาท/ต่อปี แทบทุกเจ้าที่ดังๆ ตีว่าราวๆ 600-1000
(แต่อาจจะมีถูกกว่านี้นะ ผมไม่รู้ หาๆอยู่เหมือนกัน)

ปัจจุบันเท่าที่ผมทราบ มียี่ห้อ Sophos แบรนด์จากอังกฤษ
ที่ให้ใช้รุ่นนี้ได้แบบฟรีๆ แต่คุณภาพเป็นยังไง ต้องหารีวิวอ่านเองนะครับ

ถ้าถามว่าแล้วแบบ "ขายขาด" มีหรือไม่ ?
ตอบว่า ผมไม่เห็นมาตั้งนานแล้วครับ เห็นแต่แบบเก็บเงินรายปี

3. Total Security ตัวนี้ก็เป็นรุ่น Top การป้องกันแทบไม่ต่างจากรุ่น 2
แต่จะมีฟังก์ชั่นเครื่องมืออื่นๆมาให้ด้วย (ซึ่งผมมองว่า ส่วนใหญ่ไม่จำเป็น)
แน่นอนว่า มันก็จะแพงขึ้นมาอีกหน่อย

ยี่ห้อที่ดังๆ เอาในไทยนะ เช่น ESET (NOD32เดิมอ่ะ) / Kaspersky / Bitdefender เป็นต้น ก็จะมี 3 รุ่นให้ท่านเลือกในแต่ละยี่ห้อ

ซึ่งสำหรับผม ผมว่าใช้แค่ Internet Security ก็พอ ตัวเดียว จบ
ไม่ต้องหาไรมาเสริมอีก อย่างมากก็ลงพวก Ad Block ใน Browser

ถ้าเอาที่ผมไว้ใจ ผมไว้ใจ Bitdefender กับ Kaspersky

* มีตัวทดลอง Trial ให้ท่านโหลดมาลองใช้ก่อนได้ 30 วัน
สำหรับ Kaspersky
และ Bitdefender มีให้ลองใช้ 90 วัน ถ้าสนใจ Quote ผมมาครับ
เดี๋ยวมันต้องอธิบายเพิ่ม

ถ้าท่านไม่มั่นใจ ก็ลองโหลดมาลองใช้ก่อนก็ได้ ถ้าถูกใจอันไหน ค่อยซื้อ

* ข้อควรระวัง สำคัญ : อย่าลงโปรแกรมป้องกันไวรัสพวกนี้
มากกว่า 1 ตัว พร้อมๆกันในเครื่อง ไม่งั้นเครื่องเน่าครับ

-----------------------------------------------------------

ถ้าถามว่า จำเป็นหรือไม่ ? อันนี้คำถามโลกแตก นานาจิตตัง

ถ้าเราคิดว่า เรา Clean มาก เราพอมีความรู้แก้ปัญหา
หรือระแวดระวังภัย ...บางคนไม่ใช้เลยด้วยซ้ำ

หรือบางคน ไม่ได้ใช้คอมในการทำงานสำคัญๆ หรือมีไฟล์ส่วนตัว หรือมีทำธุรกรรม
... ก็ไม่รู้จะใช้โปรแกรมป้องกันพวกนีั้ไปทำไม
(เหมือนกับ สมมติบ้านผมมีแค่ นาฬิการาคา 100 บาท ผมไม่ซื้อตู้เซฟมาใส่หรอก)

- ข้อควรระวังอีกอย่างคือ
จะใช้โปรแกรมไหนเถื่อน ก็พอน่าเสี่ยงได้บ้าง
แต่กับโปรแกรมป้องกันไวรัส ... ต้องแท้ เท่านั้น

- ข้อควรระวังอีกอัน สุดท้ายละมั้ง
คือ โปรแกรมแต่ละอัน มันก็มีพลาดนะ เจ้าดังๆก็พลาดได้ครับ
เพราะงั้น ตนแลเป็นที่พึ่งเห็นตน ขยัน Back Up ข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ภายนอกเสมอ
และพยายามไม่เก็บอะไรที่สุ่มเสี่ยงมากเกินไปไว้ในเครื่อง





 

สนใจ bitdefender มาลองครับ
ถามเพิ่ม ตัวนี้หนักเครื่องมั้ยครับ  


รบกวนเข้าไปอ่านคอมเม้นต์ผมในนี้นะครับ

http://www.soccersuck.com/boards/topic/1564234/2

ถ้าถามผมนะ ผม โน้ตบุ้ค Ram 4 GB Win10 64 bit
วินโดว์เนื้อแท้ i7 ไม่เล่นเกมส์ ไม่ตัดต่อ ไม่ใช้โปรแกรมเฉพาะทาง
ผมไม่รู้สึกว่ามันอืดอะไรนะครับ (แค่รู้สึกว่าไม่นะครับ)

แต่ถ้าอิงจากที่เขาโฆษณา เขาบอกว่า ของเขาคะแนน Performance สูงมาก
คือ ไม่กินทรัพยากร

ลองอ่านในนี้นะครับ ภาษาไทย
เขาโฆษณามาว่า ประสิทธิภาพเยี่ยมที่สุด (ไม่พอ) กินเครื่องน้อยมากๆด้วย
https://www.bitdefender.co.th/total-security/

แต่อย่างที่บอกครับ ลองเองชัวร์สุด

0
0
The Quieter You Become, The More You Are Able To Hear.