ในรูปคือ .. ชายที่ ฆ่าหมี ด้วยมือเปล่า ... !!??
เขาก็คือ Hugh Glass ...นี่แหละ... "คนอึดตายยาก"
.
ถ้าหากจะพูดถึงตัวละคร ในภาพยนตร์
ที่ตราตรึงใจ ผู้ชมที่สุดในปี 2015
คงจะไม่พ้นตัวละคร
Hugh Glass จาก The Revenant
ที่ทำให้นักแสดงหนุ่มลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ
ได้รับรางวัลออสการ์
สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
ภาพเปรียบเทียบในหนังกับภาพตัวจริง
ซึ่งนอกจากความยอดเยี่ยมของภาพยนตร์
ความสามารถ ในการแสดงของลีโอนาร์โด
และการโจมตี ที่สมจริงของหมีแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าทึ่งมาก
ก็คือตัวละคร Hugh Glass นั้นได้แรงบันดาลใจ
มาจากชายคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่จริง ... !!????
.
Hugh Glass คือนักล่าขนสัตว์
แห่งอเมริกันตะวันตก ในช่วงศตวรรษที่ 19
เขาล่าขนสัตว์ เพื่อนำไปจำหน่าย
ทั่วทั้งอเมริกาและทวีปยุโรป
โดยสามารถล่าสัตว์ และเอาชีวิตรอด
ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บ
ที่แสนโหดร้าย กลางเทือกเขา
ได้เป็นเวลานานหลายปี
ขณะนั้นมีนักล่าขนสัตว์ ที่เก่งกาจ
และเชี่ยวชาญ หลายคน ที่สามารถ
ใช้ชีวิตท่ามกลางภูมิประเทศสุดโหด
ด้วยอาวุธและข้าวของเพียงไม่กี่ชิ้น
แต่เรื่องราวของ Glass คือตำนาน
ที่ทุกคนยกย่อง แม้แต่นักล่า
แห่งเทือกเขาด้วยกันเอง
เรื่องราวของ Hugh Glass และหมีกริซลีตัวโต
เกิดขึ้นในปี 1823 ขณะนั้น Glass
เป็นส่วนหนึ่งของคณะเดินทาง
ที่นำโดยนายพล William Henry Ashley
.
ขณะที่กำลังเดินทางผ่านริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง
ในรัฐเซาท์ดาโคตา คณะของพวกเขา
ก็ถูกนักรบ Arikara โจมตี
จนต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มของ Glass ตัดสินใจเลือกเดินทาง
ไปทางแม่น้ำเยลโลว์สโตน
ในวันหนึ่งใกล้กับแม่น้ำแกรนด์
Glass แยกตัวออกจากกลุ่ม
แล้วบังเอิญไปเจอแม่หมีกริซลี กับลูกหมีสองตัว
ก่อนที่เขาจะทันได้ขึ้นนกปืนไรเฟิล
เจ้าหมีตัวใหญ่ก็พุ่ง ตรงเข้ามาขย้ำเขาอย่างดุร้าย
Glass ส่งเสียงร้องดังลั่น จนเพื่อนๆ ได้ยิน
ทุกคนวิ่งตรงมาหา Glass พร้อมกับอาวุธในมือ
และยิงทะลุตัวหมี แต่ก่อนหน้านั้น
Glass ได้ปลิดชีพหมีตัวใหญ่
จากการใช้มีดเล่มเล็กๆ เพียงเล่มเดียว ไปแล้ว
.
Glass มีแผลฉีกขาดที่หลัง หนังศีรษะถูกถลก
ลำคอถูกเจาะและขาหัก เพื่อนร่วมคณะ
ต่างคิดว่า Glass คงไม่รอดชีวิตไปถึงพรุ่งนี้เช้า
แต่หลังจากคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไป
และ Glass ยังมีลมหายใจ ทุกคนจึงตัดสินใจ
ลงมือทำแคร่เล็กๆ แล้วแบก Glass
เดินทางไปด้วยเป็นเวลา 2 วันเต็ม
อาการบาดเจ็บของ Glass ทำให้คนอื่นๆ
เดินทางช้าลงและอาจไปถึงที่หมายไม่ทันเวลา
หัวหน้าคณะจึงตัดสินใจว่า จะให้ชายสองคน
อยู่กับ Glass จนกว่าเขาจะเสียชีวิต
เพื่อทำพิธีศพอย่างถูกต้องตามหลักศาสนา
ชายสองคนที่อาสาก็คือ ...
John Fitzgerald และหนุ่มน้อย Jim Bridger
.
ทั้งคู่ดูแล Glass และค่อยๆ ประคองเขา
เพื่อเดินทางต่อเป็นเวลานาน 3 วันเต็ม
จนกระทั่ง Fitzgerald รู้สึกว่าเพื่อนๆ
กำลังเดินทางห่างออกไป อย่างน่าหวาดวิตก
จึงโน้มน้าวให้ Bridger ทิ้ง Glass ไว้
พวกเขาทิ้งร่างของ Glass ไว้ในหลุมตื้นๆ
พร้อมทั้งหยิบเอาไรเฟิล มีด และข้าวของต่างๆ
ของ Glass ไปด้วย จากนั้นก็กลับไปเข้าร่วมกับคณะ
โดยโกหกว่า Glass ได้เสียชีวิตไปแล้ว !!!
.
Glass ที่บาดเจ็บสาหัส พยายามพาร่าง
ของตัวเองเดินทาง ไปจนถึงชุมชนชาวอเมริกัน
ที่ใกล้ที่สุดใน Fort Kiowa เขารอดชีวิตมาได้
ด้วยการกินผลเบอร์รี่ รากไม้ แมลง และงูตัวเล็กๆ
และถึงกับสามารถไล่หมาป่า ออกไปจาก
ซากควายไบซันและเอาเนื้อของมันมาประทังชีวิตได้
จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือ
จากชาวพื้นเมืองอเมริกัน
ที่มอบทั้งอาหารและอาวุธให้กับเขา
Glass พักอยู่ที่ Fort Kiowa
เพื่อพักรักษาตัว เป็นเวลานานหลายสัปดาห์
เมื่อหายดีแล้วจึงออกตามหา
Fitzgerald และ Bridger
แต่แทนที่จะต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
เหมือนในภาพยนตร์ Glass กลับให้อภัยพวกเขา
ว่ากันว่าเขาให้อภัย Bridger เพราะเขายังเด็ก
ส่วน Fitzgerald นั้นกลายเป็นทหารในกองทัพ
จึงทำให้ Glass ไม่สามารถทำอะไรได้
จนปล่อยวางในที่สุด

รูปปั้นโลหะที่เมือง Lemmon รัฐเซาท์ดาโคตา
Glass แข็งแรงดังเดิม และกลับล่าขนสัตว์อีกครั้ง
จนกระทั่งเสียชีวิตในอีก 10 ปีต่อมา
จากการถูก Arikara โจมตี
.
เรื่องราวของ Glass ถูกนำมาเล่าขานกันอย่างยาวนาน
นับศตวรรษ มีทั้งหนังสือ ละคร และภาพยนตร์
ที่มีเนื้อหาแตกต่างกันออกไปในรายละเอียด
นอกจากนี้ยังมีการสร้างอนุสรณ์ระลึกถึง Hugh Glass
ทั้งที่ริมแม่น้ำแกรนด์ Shadehill Reservoir
ในรัฐเซาท์ดาโคตา อีกด้วย... !!!!

นอกจากนี้ยังมีการสร้างอนุสรณ์ระลึกถึง Hugh Glass
ทั้งที่ริมแม่น้ำแกรนด์ Shadehill Reservoir ในรัฐเซาท์ดาโคตา.
....