ปกติแล้วเราจะลดหย่อนภาษีได้จากตัวเอง พ่อแม่หรือลูกอยู่แล้ว

ต้องมาดูว่าเงินเดือนเท่าไร ตกอยู่ฐานภาษีเท่าไร

ถ้าต้องเสียเพิ่มหลังลดหย่อนพวกนี้แล้ว ก็ค่อยหาซื้อประกัน หรือกองทุนเพิ่ม  

เงินเดือนนี่คิดจากเงินเดือนจริง ๆ รวมพวกเงินพิเศษมั้ยครับ เช่น โบนัส โอที และงานนอก  

ถ้าคิดไว้แค่ลดหย่อน ไม่เน้นกำไรจากการลงทุนก็

อัดประกันชีวิตให้เต็ม(แสนหรือแสนห้าหรือเปลี่ยนแล้วจำไม่ได้)ก่อน

แล้วค่อยมามอง LTF RMF จริงๆถ้าเสียฐาน10-15% ก็ศึกษาดีๆก่อน ถ้าเสียฐานเกินนี้ก็ซื้อๆไปเหอะ

LTF RMF เป็น กองทุน แต่ไม่ใช่ทุกกองทุนจะเป็น LTF RMF

"เพราะปลายปีคนจะซื้อเยอะ เพื่อไว้ลดหย่อน มันจะทำให้ราคาต่อหน่วยสูงขึ้น"

อันนี้มีส่วนด้วยหรอ ผมว่าไม่น่าใช่ ถ้ามันจะขึ้นหรือลงขึ้นกับตลาดหุ้น(หุ้นที่กองไปซื้อ) ไม่เกี่ยวกับคนซื้อกองทุนเยอะไม่เยอะ

อย่างปี2013-15 นี่ ไปดักตอนเดือนธันวา ดีกว่าซื้อเดือนกันยา-ตุลาทั้งนั้น แต่ยังไงก็ศึกษาอีกที


 

เงินเดือนนี่คิดจากเงินเดือนจริง ๆ รวมพวกเงินพิเศษมั้ยครับ เช่น โบนัส โอที และงานนอก  

โบนัส โอที งานนอก งานในรวมหมดครับ

สิ้นปีสรุปรายรับแล้วก็มาดูว่าต้องเสียเท่าไร ตามฐานภาษี
 

แปลว่างานนอกไม่นับใช่มั้ยครับ อย่างรับเขียนแบบ รับทำ 3D เดือนนึงก็หลายบาทอยู่ แต่ไม่เท่ากันทุกเดือน

จริง ๆ พึ่งเริ่มรับงานนอกมาทำปีนี้เองครับ ก่อนหน้านี้ขี้เกียจ ติดเที่ยว ไม่อยากรับ พอดีปีหน้าวางแผนจะแต่งงานเลยรับงานเก็บเงิน จึงยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องภาษี ว่างานนอกต้องจ่ายหรือเปล่า


Edit : อ้าวเวน ผมอ่านไม่ละเอียด ท่านบอกว่างานนอกก้นับภาษีด้วยนี่นา โทษทีครับ  

เงินที่รับงานนอกนี่ จะไม่ใส่เป็นรายได้ถ้าผู้ว่าจ้างไม่ได้เป็นบริษัทหรือทำงบไม่ละเอียด (ไม่ได้แจงรายจ่ายที่เอามาจ่ายเรา)  

ขอบคุณครับ แล้วเราจะรู้ได้ไงครับว่าเราควรจะต้องใส่เป็นรายได้หรือไม่

ตอนรับเงิน ก็เหมือนว่าถูกผู้ว่าจ้างหัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว 3 %
 

ถ้าโดนหัก ณ ที่จ่าย ลงเป็นรายได้เลย สรรพากรเค้าตรวจได้  

อ้าว ถ้าเงินที่ได้มาผมนำมาแบ่งกับทีม แต่คนรับเงินเป็นชื่อผม แบบนี้ผมก็เสียภาษีคนเดียวใช่มั้ยครับ