คือค่าตัวนักเตะสมัยนี้มันเว่อร์แบบน่าเกลียดเกินเหตุไปแล้ว และมันแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่ากฏ Financial Fair Play ก็หยุดพวกบ้าเลือดแบบ P$G ไม่ได้ และทำให้ราคานักเตะมันเฟ้อน่าเกลียดเกินเหตุ

คิดว่าควรจะทำระบบประเมินค่าตัวนักเตะตามฟอร์มการเล่น ไม่ต้องมีค่าฉีกสัญญา ปีไหนฟอร์มดีค่าตัวก็เพิ่มขึ้น ปีไหนฟอร์มตกค่าตัวก็ดรอปลงไป โดยจะประเมินรวมๆทั้งผลงานของทีม การมีส่วนร่วมต่างๆ โดยไม่สนว่าทีมใหญ่ทีมเล็ก(ค่า Factor ของทีมเล็กจะมีผลมากกว่าทีมใหญ่ อะไรแบบนี้)

Ex. อัลฟี่ มอว์สัน ช่วยดันสวอนซีจนได้ทอป 6 เล่นเด่นทั้งฤดูกาล ค่าตัวจะมีการอัพพุ่งไปมากกว่า คริสเตียน เอริคเซ่นที่อยู่ไก่และช่วยไก่ให้ได้แชมป์ แต่ไม่ได้แปลว่ามอว์สันค่าตัวจะมากกว่าเอริคเซ่น แต่แค่อัตราการอัพค่าตัวของทีมเล็กจะสูงกว่าทีมใหญ่ สมมติว่าเอริคเซ่น 50 ล้าน มอว์สันก็น่าจะอยู่ที่ 30-35 ล้านปอนด์ ถ้าใช้ Factor ในลักษณะแบบนี้

คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้ค่าตัวนักเตะไม่เว่อร์ดีครับ

ลองทำให้เงินไม่สำคัญแล้วน่าจะยังพอมีหวังครับ

อย่าลืมว่ามีเรื่องทีมอยากขายหรือไม่ กับอีกทีมต้องการซื้อเพราะสำคัญ มาประกอบด้วย ราคาถึงพุ่ง

ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด

อยากซื้อของที่เขาไม่อยากขาย ราคาก็สูงเป็นธรรมดา

อย่างเคสเนย์มา ค่าฉีกสัญญามันราคานั้น PSG อยากได้ ยอมจ่าย จบ

เคส ป๊อกบา จูฟไม่อยากขาย แมนยู อยากซื้อ ตกลงราคาก็ได้ จบ

ตอนนี้ ทีมไหนจะขาย เขามองมูลค่าเงินสูงกว่าเดิมละครับ ยิ่งรู้ว่าคนซื้อมีเงิน แต่ถ้าคนซื้อยอมจ่าย จบ

ทีมไหนไม่อยากเสียเงินเยอะก็ซื้อตัวไม่ค่อยดังมาปั้น หรือปั้นเด็กขึ้นมาแทน

มันเป็นไปตามกลไกตลาดเมื่อมันแพงมากสุดท้ายคนไม่ซื้อมันก็ลดถ้างั้นคุณกำกับราคาทองบางสิให้บาทละไม่เกิน 10,000 บาท

แล้วเอาราคาเท่าไรเป็นเกณฑ์ล่ะครับ

สมมุติซัวเรสแบกบาร์ซ่าคว้าแชมป์ลาลีก้าได้

เนย์มาร์แบก PSG ได้แชมป์ลีคเอิง

เลวานยิงจนบาเยินได้แชมป์บุนเดส

กับ เดมเบเล่ เป็นดาวยิงสูงสุดคว้าแชมป์สก็อตติชลีค

ค่าตัวมันต้องประมาณไหนกันล่ะครับ ในเมื่อทุกคนก็ดีกรีแชมป์เหมือนกันหมด ?

ถ้าทีมอยากขายมันอาจไม่แพงขนาดนั้น

แต่ถ้าทีมไม่อยากขายเลยแพง

แนวคิดแบบนี้ละ ที่ คาร์ล มาร์ก คิดมาก่อน

ก็ดีัออกครับ เงินจะได้ ไหลเข้าระบบฟุตบอลมากขึ้น

การซื้อขึ่้นอยู่กับผู้ซื้อและผู้ขาย

สาเหตุที่เศรษฐกิจฉิบหายในยุคต้มยำกุ้งก็คือ ความพยายามที่จะแทรกแซงตลาด และสุดท้ายก็ไม่สามารถต้านกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงได้

ผมว่าสุดท้ายก็จบไม่ต่างกัน

ขอตอบว่าไม่ดีครับ มันไม่มีราคากลางที่แน่นอน ยังงี้ทีมเล็กเสียเปรียบแย่ โดนทีมใหญ่ดึงในราคาถูกหมด จะเก็บสตาร์ไว้โดนซื้อหมด ผมว่าเงินเฟ้อมันดันเป็นจข้อดีให้ทีมเล็ก ทีมกลาง ปล่อยตัวนักเตะยากขึ้น สมัยก่อนบาร์ซ่า มาดริด ซื้อตัวดีๆจากลีคอื่นได้ถูกตลอด แต่ตอนนี้ยากขึ้นมาก สรุปต้องเน้นปั้นดาวรุ่งขึ้นมาแบบ มาดริด หรือสเปอร์จะดีกว่า ค่าตัวนักเตะมันกำหนดไม่ได้ ถ้าทีมไม่อยากขาย

มันคือธุรกิจครับ

ผมเชื่อว่า เงิน มีอำนาจมาก ขนาดฟีฟ่า ยังเงียบ เล่น เดินแผน ว่าโปรโมต บอลโลก ใครจะไม่ชอบ

แล้ว เนย์มาร์ มาลีคเอิงเนี่ย นอกจาก ปารีส จะ อยากได้แล้ว

ตัวองค์กรของลีค หรือ องค์กร ในฝรั่งเศส ต้องสนับสนุนเต็มที่อยู่ละ

เพราะมายกระดับ ให้ลีค และ เรตติ้ง

เคสนี้ ผมว่า ผ่านไปแบบเงียบๆ แน่นวล

อาจจะไปเล่นที่ค่าจ้างแทนได้ไหม

โดยระบุเพดานเงินเดือนที่ควรจะเป็น เช่น ลีคยุโรปแต่ละทีมมีเพดานเงินเดือนนักเตะไม่เกิน 100 บาทนะ ทีนี้ทีมที่มีซุปตาเยอะ เพดานก็จะเฉียดๆ 100 บาท พอจะซื้อตัวนักเตะเพิ่ม คุณก็ไม่สามารถไปซื้อซุปตาค่าตัวแพงมาเพิ่มได้อีกเนื่องจากค่าจ้างแพง เดี๋ยวเกินเพดานเงินเดือน ก็จะซื้อได้แต่พวกระดับธรรมดาค่าเหนื่อยไม่แพง เป็นต้น

วิธีการนี้ยังช่วยทำให้แต่ละทีมมีความแข็งแกร่งต่างกันไม่มาก สูสีกันขึ้นอีกด้วย

คหสต.

ทุกวันนี้มันก็มีราคาประเมินอยู่แล้ว แต่เค้าไม่ขาย
จะให้ออกกฏบังคับขายหรือไง

Demand Supply ครับ

ตลาดนี้ทำได้เพียงคำหนดกฎอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวก้บตัวเองเงิน

เช่นระเวลาในการซื้อขาย ตรวจสอบความโปร่งใส แต่ไม่สามารถสามารถบังคับเรื่องราคาได้

เพราะมันขึ้นอยู่ปัจจัยหลัก ที่ได้กล่าวไว้ในบรรทัดแรกครับ

ก็ถ้าราคาต่ำแล้วต้นสังกัดไม่อยากขาย

ก็จะต้องไปบังคับให้เค้าขายงี้เหรอ

มันก็ปกติอะครับ ตามอัตราเงินเฟ้อโลก

ใครๆก็อยากเก่ง อยากเก่งก็ต้องทุ่มหน่อย

เพราะปล่อยตามกลไกตลาดไงครับมันถึงน่าเกลียดแบบนี้ คือมันโก่งกันแบบอันลิมิตเลยบางตัวคือโคตรแพงเว่อร์ไม่สมกับฝีเท้าจริงๆปัจจุบัน มันก็เกินไปอะ

ผมว่าปล่อยราคามันเป็นไปตามกลไกลของมันแบบนี้ดีแล้ว

แต่ปัญหาคือการซิกแซกแบบที่ปารีสทำ ฟีฟ่าต้องออกกฎตรงนี้ให้ไม่มีการใช้ช่องโหว่ตรงนี้มากกว่านะผมว่า

ผมคิดว่าควรมีการจำกัดเงินซื้อผู้เล่น+ค่าเหนื่อยในแต่ละปีนะครับ

อาจจะอ้างอิงตามอันดับที่จบในปีนั้นๆ หรือถ้วยที่ได้

เช่นเชลซีจบที่ 1+ได้แชมป์ลึค อาจจะจำกัดเงินซื้ิอผู้เล่นที่ 100M ค่าเหนื่อยรวมกัน 10M (ประมาณ) ใช้ไม่ถึงก็ไม่ว่ากัน

แต่ลิเวอร์พูลจบที่ 4 ก็ได้เงินซื้อผู้เล่นที่ 80M ค่าเหนื่อยรวมกัน 8M (ลดหลั่นลงมาตามอันดับที่จบ)

ถ้าทีมไหนอยากซื้อเกินโควต้าก็ต้องขายตัวที่มีออกไป ถ้าซื้อเกินโควต้าก็จะโดนทางสมาคมลงโทษ ทำให้จะซื้อใครต้องคิดดีๆให้มันสมดุลกับผู้เล่นและค่าเหนื่อยที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน (คล้ายๆกฏใน NFL)

ไอเดียที่ผมคิดไว้คือทีมเล็กจะไม่เสียเปรียบนะครับ ขึ้นอยู่กับฟอร์ม อันดับของทีม ความสำคัญในทีม ซึ่งค่าสัมประสิทธิ์ของทีมเล็กจะมีมากกว่าทีมใหญ่อยู่ ถ้าฟอร์มมันดีจริงๆราคามันก็ไม่ได้ถูกมากอย่างที่คิดหรอกครับ ใครอยากมีราคาสูงก็ต้องทำผลงานให้ดี มันจะดีกว่าอะ

มันอยู่ที่ความพอใจ ของทีมซื้อ ทีมขาย ล้วนๆครับ
ตามหลักกลไกลตลาด
ไม่พอใจ คุณก็ไม่มองตัวอื่น
ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใจใครให้ขายหรอกครับ
ผมไม่เห็นด้วยเลยอะ ไร้สาระมาก

ผมไม่เชื่อ กฎ ไฟนอล แฟรเพลย์ อะไรหรอก

แต่ผมเชื่อในฝีมือกุนซือมากกว่า

เขาเอาปืนมาจี้ให้ซื้อหรอครับ มันเปนความพอใจของคนขายและคนซื้อ คนขายตั้งราคาเท่าไหร่ก็ได้ แต่คนไม่ซื้อก็จบป้ะ ราคามันเปนไปตามกลไกตลาดอยู่แล้วจะไปแทรกแซงทำไม แล้วไอราคากลางนี่มันจะกำหนดได้ไง สมมติกำหนดราคานักเตะมา 50 ลย.คนซื้อบอกแพงไป คนขายบอกถูกไป แบบนี้ไม่ทะเลาะกันตายหรอให้ใครไม่รู้มากำหนดราคากลางแทนที่จะคุยกันเองแค่ 2 คน

แล้วประเมินค่าตัวไง เอาอะไรเป็นมาตรฐาน
มันไม่ได้เหมือนกับทอง ที่ราคาชัดเจน ทองก็คือทอง เหมือนกันทั้งโลก
นักเตะเหมือนกับเพชร แต่ละเม็ด ไม่เหมือนกัน กำหนดราคาไม่ได้
พอใจราคา ทั้งคนซื้อ และคนขาย ก็ดิล แค่นั้น

ของอย่างนี้วัดกันได้ที่ไหนครับ ราคานักเตะมันขึ้นอยู่กับความพอใจของคนขาย

ไม่ใช่ว่าเป็นกองหน้ายิง 30ลูก ต้องค่าตัว30ล้าน

หรือยิงไม่ได้เลยสักลูก ค่าตัวห้ามเกิน10ล้านงี้

แล้วถ้าจะมาจำกัดเรื่องค่าตัวกับค่าเหนื่อยตามผลงานตามอันดับทีมที่ทำได้

แน่นอนว่าพวกทีมใหญ่ๆมันอยู่หัวตารางอยู่แล้ว ยังไงเขาก็มีโอกาสเสริมทัพมากกว่าทีมเล็กๆ

แล้วแบบนี้มันเป็นการแก้ปัญหาตรงไหน

ค่าฉีกสัญญา อยากให้คำนวนตามสัญญา และบวกเพิ่มไม่เกินเท่าไหร่ก็ว่าไป

สมมุติ เช่น เซ็น5ปี ปีละ10ล้าน =50ล้าน ให้บวกเพิ่ม100% =50ล้าน

ค่าฉีกสัญญา 100ล้าน แบบนี้มันจะไม่เว่อร์เกินไป

อันนี้แค่แนวทางและแนวคิด

ถ้าเห็นว่าค่าตัว ไม่คุ้มฝีเท้า ก็ไม่ต้องซื้อครับ ไปหาตัวอื่น

คนขายตั้งเว่อร์ แต่ถ้าคนซื้อไม่ซื้อ ก็จบครับ

ยังไงก็เสียเปรียบครับบอกได้เลย งั้นอาซาร์ตั้งเท่าไหร่ สัก 60-70 ยังงี้ ก้องเต้ 50 งี้ ปารีส บาร์ซา แมดริด เอาไปสบายมากครับ พวกนี้รายได้งบเกิน 200-300 ล้าน บอกทีมเล็กตัวไม่ถูกถ้าฟอร์มดี คุณบอกอีริคเซ่น 50ล้รนงั้นเคน 60 อัลลี 50 เชื่อไหมปีเดียวพวกนี้ย้ายหมดอ่ะถ้ามีราคาตั้งต้น รวม160 ล้าน กับสตาร์ที่ทีมต้องเก็บไว้ ทีมเล็กยิ่งหนัก ตัวล่ะได้มากสุด 30-40 ล้านงี้โดนซื้อยกทีมเลยยังได้ จะเก็บสตาร์ได้ไง

แนวคิดนี้ผมว่าแปลกๆนะ ปล่อยไปตามกลไกตลาดนี่แหละ แฟร์กับทุกทีมแล้ว

เห็นราคามาตรฐานแบบนี้ ทองก็ตาม demand supply เหมือนกันครับ.แต่คนเชื่อถือกันทั่วโลกไง ยิ่งเกิดสงครามคนแห่ซื้อราคายิ่งพุ่ง

ขาดฮิตเลอร์ยังไม่เข้ามาแทรกแซงเลย

ทองก็คือทอง มันตั้งราคากลางได้ไง เพราะว่ามันเหมือนกัน
จะขึ้น จะลง ก็ตามตลาด

เข้าใจที่ผมจะสื่อมั้ยเนี่ย

กลไลตลาด

ถ้ากลไกเป็นแบบนี้ ต่อไปฟุตบอลลีกแต่ละประเทศก็จะผูกขาดด้วยทีมชั้นนำ ทีมที่มีเงินลงทุนสูง

พอมาเล่นบอลยุโรป ก็เป็นทีมเดิม ๆ ใหญ่ ๆ เจอกันเอง

เด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มดูบอล ก็จะเชียร์ทีมที่โด่งดังในยุคตัวเอง

ทีมเล็ก ๆ ค่อย ๆ เงียบหาย

ทำยังไงได้ครับ ในเมื่อเงินเป็นปัจจัยสำคัญ

หงส์ผมก็เตะเพื่อสุขภาพต่อไป

ตามกลไกตลาดดีแล้วครับ

ถ้าไม่ตามมีกำหนดเพดานนี่ ทีมเงินเยอะกินเรียบครับ เช่นเสนอสัญญาให้นักเตะมูลค่าได้สูงๆมาชดเชยกับจ่ายค่าตัวน้อยลง สบายกว่าเดิมอีกครับ

เป็นไปตามยุคสมัย

พูดถึงวิธี คงเป็นไปได้ยาก

แต่ผมสนใจว่าจะทำไปเพื่ออะไรครับ

ผมว่าน่าจะกำหนดราคากลางของนักเตะ แล้วให้สูงกว่าไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์
หรือหาค่าความสัมพันธ์กับมูลค่าของสโมสร สโมสรใดมูลค่าหรือความสำเร็จสูงอัตราความสามารถในการซื้อตัวแพงก็จะเยอะกว่าทีมอื่นๆ

เล่นนอกกรอบแบบการ์ต้าอะไรก็กันไม่ได้ครัช

สมมุติสโมสรจ่าย 10%

ที่เหลือ 90% บ.ข้างนอกบอกจ่ายเป็นค่านายแบบเป็นวีค หลุดละ

ผมว่ามันต้องตั้งวิธีคำนวนให้มันเยอะกว่านี้อ่ะถ้าจะทำ ส่วนเรื่องกำลังเงินซื้อ ผมเฉยๆ ต่อให้ทีมนั้นมีกำลังซื้อเป็นหมื่นล้าน ก็ส่งนักเตะลงตัวจริงแค่11ตัว สำรองอีกกี่ตัวละก็ว่าไป

ผมว่ามันก็น่าจะควบคุมกันได้ละ เพราะซื้อกันถูกได้ มันก็แข่งกันที่ค่าเหนื่อย ก็ลองไปดูพวกแย่งฟรีเอเย่นกันดิ

แต่ถ้าอยากให้เสริมเรื่องผลประโยชน์ของต้นสังกัด มันควรจะเพิ่มความเยอะเช่น ลงเล่นกี่แมทช์กี่นาที ทำประตูได้ มีผลงานระดับไหน
ก็ส่งเงินเอคตร้าให้กับต้นสังกัด เกิดย้ายไปทำผลงานที่อื่น ต้นสังกัดก็ได้เงิน หรือขายต่อก็ยังได้เงินกลับมา
ลองเป็นอะไรพวกนี้เสริมดิ มันเจรจากันหัวแตกอ่ะ

ก็นั้นละครับ ต่อให้มีกำลังซื้อ ทีมก็ใช้ได้กี่ตัวกัน
นักเตะก็อยากมีผลงาน อยากลงตัวจริง อยากติดทีมชาติ
เว้นแต่จะหน้าเงินอ่ะ ถึงได้ฟิวอยากไปนั่งสำรอง