ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 08 Mar 2015
ตอบ: 588
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 5:08 am
อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า
ยาวหน่อยนะ พยายามจะรวบรัด

ตอนนี้รักษามาเข้าปีที่ 5 แล้วเปลี่ยนหมอมาสามคน คนที่รักษาอยู่เข้าปีที่ 3

เข้าเรื่อง ผมคือผู้ป่วยคนหนึ่งหลังจากการพูดคุยกับจิตแพทย์

พื้นฐานผมเป็นคนเฮฮา ตัวโจ๊กของกลุ่ม เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ไปไหนก็มีแต่เพื่อนคนรู้จัก

ผมเคยพิมพ์ไว้นานแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งในเฟส และ ในนี้ แต่วันนี้จะมาเพิ่มเติมนิดนึง

ตั้งแต่ครั้งแรกเลยที่ไม่รู้ตอนนั้นคือมีอาการใจสั่นเหมือนจะตายนอนอยู่หอโทรไปสั่งเสียพ่อแม่ สุดท้ายบอกเพื่อนให้พาไป รพ. (ตอนนั้นยังไม่รู้)

สาเหตุที่เป็นคือผมนอนน้อย ทำงานหนัก ใช้สารเสพติด แล้วมันฮีท ๆ เลยตอนเครียดมาก ๆ ที่ทำวิทยานิพนธ์ไม่ผ่าน ไม่เคยรู้สึกหมดแรงอะไรขนาดนี้

เวลาใจสั่นจะต้องการที่เดียวคือ รพ. แล้วจะหายไปเอง (คงเป็นเพราะแบบสบายใจแล้วเมื่ออยู่ในมือหมอ) เป็น ๆ หาย ๆ มาโรงบาลก็ตรวจไม่พบหรอกเพราะชีพจรกลับมาปกติ

ไม่กล้าออกไปไหนกลัวจะวูบ หัวใจเต้นรัว หนัก ๆ สมอง ปวดหัว อยากนอนอยู่บ้าน ขนาดจะอาบน้ำยังไม่กล้ากลัวจะล้มในห้องน้ำแล้วไม่มีใครรู้

จนขอที่โรงบาลเอกชลเอาเครื่องวัดชีพจรติดไว้ 24 ชม.

ผลคือไม่มีอะไรเลย กราฟหัวใจปกติดี (ตอนนั้นหากูเกิ้ลอ่านเกี่ยวกับแต่หัวใจ)

จนผมต้องศึกษาจากกูเกิ้ลแล้วก็เจอที่ตรงกับอาการของผมคือโรคแพนนิค (วิตกกังวล) (แล้วตอนนั้นมั่นใจว่าจำได้ว่าอาการนี้เมื่อเสิทหาข้อมูลมีให้อ่านแต่เนื้อหาซ้ำ ๆ เหมือนก๊อป ๆ กันมา)

ก็เลยลองไปหาจิตแพทย์เล่าทุกอย่างให้ฟัง ตั้งแต่การใช้ชีวิตยันอาการ

สรุปคือแพนนิคครับ หมอก็บอกนะว่าคุณเก่งมากนะที่รู้ตัวเร็ว ยิ่งรู้ช้ายิ่งปล่อยไว้นานมันจะรักษายาก

รักษาอยู่ปีนึงกินยาวันละสองเม็ด ลดเหลือเม็ดนึง จนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติแบบเดิม เลิกสารเสพติดแล้วทุกอย่าง

(ระหว่างนั้นมีเพื่อนคนนึงในคณะก็เป็นแพนนิคเหมือนกันหลังจากผม ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคล้ายกัน มันรู้มากเพื่อนผมที่เคยเล่าอีกที ก็เลยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเหมือนกัน ไม่กล้าขับรถคนเดียว ไม่กล้าไปไหน ไม่ค่อยมั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าคน ตอนนี้ไม่ได้ไถ่ถามกันเลย)

แต่ผมกลับมามีอาการใหม่หนักกว่าเดิม อันนี้เพราะเรางดกินยาต่อเนื่องไปไม่ถึงขั้นที่เขาควรจะกินต่อไปก่อน

อาการใหม่ไม่ถึงปีที่กลับมาคือซึมเศร้า แต่ในส่วนของผมคือไบโพล่า คือมีขั้วที่แบบซ่าตลกโปกฮาสุด ๆ กับขั้วที่เศร้าแบบไม่มีแรงที่จะทำอะไรเลยจนถึงอยากตาย

(ขั้วซ่าเพิ่งมารู้ทีหลัง หลังจากพาเพื่อนร่วมงานไปคุยกับหมอ หมอบังคับให้พาคนรอบตัวมาอาทิตย์ละคนในช่วงสองเดือนแรก เราก็พา พ่อแม่ แฟน เพื่อนรอบ ๆ ข้างไปพูดคุยเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเรา และหมอเขาจะพูดในสิ่งที่เราอาจจะสื่อสารไม่ดีพอให้เขาเข้าใจ คือพูดแทนเรานั่นแหละ อย่าเพิ่งงง)

หมอคนนี้เลยเลือกที่จะรักษาขั้วที่มันเศร้าให้หายแค่นั้น เพราะมันเป็นผลร้ายมากกว่า

ข้ามตอนที่ฟุ้ง ๆ ไปเลยละกัน คือระหว่างนั้นมันก็ไม่ได้ถึงกับเศร้าทั้งสัปดาห์ หรือตลอดเวลาอะไรอย่างนี้นะ

อย่างที่บอกมันมีซ่ากับเศร้า ซ่าเลยก็เช่นใส่เสื้อกันฝนกับกางเกงขาสั้นไปโรงหนัง และอีกหลาย ๆ วีรกรรม เป็นต้น สำหรับเรามันรู้สึกฟิลกู๊ดแหละ

(ซึ่งอันนี้คนรอบ ๆ ตัวหลายคนก็งงว่ามึงเนี่ยนะเป็นโรคซึมเศร้า เพราะมึงเคยอะเลิทอยู่ตลอดเวลา)

มันก็คือสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ

ตอนนั้นเราก็บอกเขาได้แค่นี้จริง ๆ

ตอนเศร้าก็คือหมดแรง ไม่มีไฟ อะไรก็ไม่สุนทรีด้วย แต่พยายามจะออกไปหาที่นั่งคุยกับคนอื่น

ตอนนี้ก็จะ 3 ปีแล้วที่ยังคงกินยาอยู่ อาการที่ประเมินน่าจะ 80-90 เปอร์เซ็นได้ที่ใช้ชีวิตได้ปกติ

สิ่งที่หายไปหลังจากรักษาคือ ไม่ค่อยมีไอเดียในการทำงาน และเซ็กซ์ ผมไม่มีเซ็กซ์กับแฟนมาเกือบปีแล้ว คือนาน ๆ ทีเลยแหละจริง ๆ

มันมีผลกระทบต่อชีวิตแหละ แต่ส่วนนี้ผมรับได้

ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณคนรอบข้างหลายคนที่เข้าใจเรา จากตอนแรกที่พาไปพบหมอ

และตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีประเด็นเกี่ยวกับโรคนี้ให้ได้อ่านว่ามันมาจากเหตุนี้ ๆ นะ

ทีนี้ถึงส่วนที่ผมจะพูดอีกใจความหนึ่งคือ

ผมไม่เคยโกรธเลยนะใครที่เขาไม่เข้าใจเรา เพราะตอนแรก ๆ ผมก็เจอแบบ มึงจะไปเครียดทำไมวะ มึงจะคิดมากทำไม ประโยคประมาณนี้ที่เขาปลอบผม

เขาหวังดี เพียงแต่ เขาไม่รู้ตรงนี้ที่เราก็ต้องเข้าใจเขาด้วยว่าเขาไม่รู้จริง ๆ และบางทีอาจจะยังไม่คิดจะสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตัวอย่างคือคนที่บอกว่าฆ่าตัวตายแล้วบอกว่ามันบาปนะ อันนั้นก็คือในความคิดของเขา
เขาเตือนเรา

อีกตัวอย่างคือทำไมมึงไม่คิดถึงคนข้างหลังบ้างว่ะ ว่าทำไมมึงต้องฆ่าตัวตายกันด้วย มึงไม่ห่วงคนที่มึงต้องดูแลหรือคนที่เขาเสียใจหรือไง อันนั้นก็คือในความคิดของเขาอีกนั่นแหละ

มันคือการเตือนสติได้นะสำหรับคนที่เขาไม่รู้จริง ๆ หรือไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

เราก็ยังคงมองว่าเขาหวังดีแหละ ความเห็นส่วนตัวสำหรับผม

(คือตอนนี้ผมอาการดีขึ้น ผมก็จะมองกลับไปในมุมของคนที่ไม่เข้าใจเลย เพราะก่อนที่พ่อแม่ผมได้คุยกับหมอก็แบบว่าจะเครียดทำไมละลูก ประมาณนี้)

แต่บางอารมณ์คือมันไม่ให้ไง แบบกูยังอยู่ได้เลย มึงดูคนที่เขาไม่มีอะไรเลยสิ

มันเหมือนเป็นเส้นบาง ๆ บนดาบสองคมอีกทีที่แบบความหวังดี คนที่หวังดีจริง ๆ ก็ควรจะศึกษาหรือคิดอะไรก่อนพูดนึงนิด

ส่วนใครที่แบบกำลังเห็นว่าแม่งเชี่ยนี่แม่งซึมเศร้าเก๊ว่ะ อันนั้นผมว่าคนที่คิดแบบนี้ผมว่าไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก

ปล่อยเขาไปเถอะจริง ๆ ยิ่งพยายามทำให้เขาเข้าใจเขาจะยิ่งไม่อยากฟัง คือเขาคิดลบไปแล้ว

(แต่บางคนแม่งเป็นดาราหรือคนติดตามเยอะนี่สิอันนี้อีกกรณี)

ใครที่สงสัยว่าตัวเองเป็นหรือไม่เป็นไม่ต้องกลัวอายครับ ลองไปปรึกษาหมอก่อน

มีคนเคยมาปรึกษาผมสามสี่ห้าคน ผมก็ไม่ได้เก่งอะ ผมก็แนะนำไปหาหมอทุกคนแหละ แค่แนะนำหมอไป

กาลเวลาเปลี่ยนโลกมันก็เปลี่ยนครับ

ไลฟ์สไตล์ การแข่งขัน ผมเคยฟังข่าวโรคนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีครับ และอนาคตจะเป็นโรคที่จะเป็นกันมากอันดับที่สอง (ไม่มั่นใจว่าในปีไหน ขอโทษด้วยที่หาแหล่งข่าวไม่ได้ เคยฟังมาจากทีวี)

ผมจะฝากเท่านี้แหละครับ คนที่หวังดีผมขอขอบคุณ และขอบคุณทุก ๆ คนในสื่อโซเชียลที่เป็นกระบอกเสียงช่วยอธิบายเกี่ยวกับอาการ สาเหตุของโรคนี้

ส่วนคนที่เขาแบบคิดลบเราปล่อยแม่งไปเถอะครับ ถ้าไม่ใช่พวกคนที่เขาเป็นเซเลปหรือคนติดตามเยอะนะ ผมเห็นหลาย ๆ คนเข้าไปให้ความรู้ บางคนไปด่า ผมว่าอย่าไปด่าเขาดีกว่า บอกกันดี ๆ คือเขาไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง เขาไม่เคยประสบ

อันที่จริงมันก็ควรให้ความสำคัญกับทุกอาการป่วยนะ แต่ตอนนี้กระแสมันกำลังมา

คนที่เขาวิจารณ์ในทางไม่ดีอย่าไปด่าครับเขาจะยิ่งคิดลบ ถ้าหวังดีขอแค่ไปพิมพ์ ๆ ข้อมูลทิ้งไว้ ไม่ต้องไปเล้าหลืออะไรเค้ามาก

ในชีวิตผมเคยประสบกับเคราะห์ร้ายมาหลายครั้งนะ เคยโดนล้อ กูก็แช่งในใจให้มึงเป็นบ้าง

แต่อันนี้ผมว่ามันน่ากลัวเกินกว่า แล้วก็ไม่อยากให้ใครเป็นจริง ๆ

ขอบคุณที่รับฟังกันครับ

Spoil
ไม่ต้องแผล่บ โหวตแนะนำก็พอ  
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 6874
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 8:27 am
อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า
ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับ


ผมมีเพื่อนเป็นซึมเศร้า คนนี้เป็นเพราะเลิกกับแฟนแล้วเศร้ามาก คนนี้กินยาหามอแปปเดียว ใช้ชีวิตได้ปกติ


แต่ผมมีเพื่อนอีกคนนึงอยู่ด้วยกันตลอด เป็นไบโพล่าฝั่งบวก


ความเครียดสะสม เรียนมหาลัยแต่พยายามทำธุรกิจขายของ


ตอนแรกยังไม่มีใครเอะใจอะไร สักพักหลายเดือนต่อมาเครียดหนักนอนไม่หลับ ถึงหลับก็ได้แต่ก็พักผ่อนน้อย



จนสะสมนานๆเข้าจนกลายเป็นโรคไบโพล่าฝั่งบวก พูดวกไปวนมาวันนึงเป็นสิบครั้ง เรื่องทีีคิดอยู่ในหัว


อยากลงทุนแต่ที่บ้านไม่ยอม อยากทำงาน ไม่อยากเสียเวลาเปล่า ไม่อยากเรียน ไม่อยากเล่นเกม ไม่อยากไปเที่ยวกับเพื่อน อะไรแบบนี้



อยากลงทุน อยากทำธุรกิจให้ใหญ่โต อยากมีเงินเป็นพันล้าน
ตอนแรกไม่รู้เลยว่าเป็นไบโพลาเพราะไม่เคยศึกษาเลย


คือพูดง่ายๆแอคทีฟมากจนเกินไป


สุดท้ายคิดมากจนต้องไปหาหมอ ต้องอยู่หลังคาแดงเกือบเดือน


ได้กินยารักษาดีขึ้น แต่ก็ไม่ปกติเต็มร้อย ก็ยังมีหลุดๆมาบ้าง เรื่องธุรกิจ แล้วก็พูดวนไปวนมา นานๆครั้งที


สาเหตุหลักๆเพราะใช้ยาเสพติด ตั้งแต่ตอนมอต้น ไอซ์ ยาบ้ากัญชา และก็อื่นๆอีก


สารเคมีในสมองไม่เท่ากัน มันจะหายกลับเป็นปกติได้มั้ยครับ


ปล.ใครที่ใช้สารเสพติดอยู่สายแข็งเลิกเถอะครับก่อนที่จะเป็นเหมือนเพื่อนผม สารเคมีในสมองไม่เท่ากัน

ปล.2 เวลารู้ตัวว่าเครียดเกินไปหาวิธีผ่อนคลายบ้าง หรือไม่ก็รีบไปหาหมอเลย มันไม่น่าอายหรอกครับ ก่อนที่จะสายเกไป อย่าให้ถึงขั้นเพื่อนผมเลยครับ

เข้าร่วม: 22 Nov 2008
ตอบ: 5884
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 8:44 am
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
2ทู้แรกผมยกเครดิทให้สารเสพติดเลยแฮะ

กัญชาไม่นับนะ ผมว่าหลายคนไม่ได้โดนผลเสียจากมัน
VAMOS Theerathon!!
เข้าร่วม: 06 Apr 2017
ตอบ: 55
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 9:17 am
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
ชื่นชมตงที่ มองเหนเข้าใจความห่วงใยจากคนรอบข้าง แม้คำพูดต่างๆเปนมุงมองของคนไม่เคยเปนโรค อันนี้ดีจิงๆ
เข้าร่วม: 16 Oct 2007
ตอบ: 7503
ที่อยู่: ไม่รู้
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 9:37 am
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง

สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี


ลองศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าดูครับ
สุดท้าย คนเราพบกันเพื่อลาจาก แค่นี้ใช่ไหม


เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 24150
ที่อยู่: The First Order - ปฐมภาคี
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 10:45 am
อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า
โรคตื่นตระหนกเหรอ จะว่าไปเพื่อนผมมีอาการนี้อยู่ กลัวน้ำ
0
0
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 6288
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 2:46 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
เรื่องคนรอบข้าง จขกท บอกไปเลยว่าเป็นไบโพล่าจะง่ายกว่า

ผมขอแนะนำวิธีการสื่อสารกับหมอหรือนักจิตฯเพิ่มนะครับ

เท่าที่อ่านมา ยังไม่เจอว่า จขกท บำบัดด้วยวิธีใดบ้างนอกจาก FFT ซึ่งจริงๆแล้วยังมีวิธีการบำบัดอีกหลายวิธีให้ผู้ป่วยไปปฏิบัติ จขกท ลองถามแพทย์หรือนักจิตฯดูได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้อาการแย่หรือไม่ได้ผล แม้การรักษาจะได้ผล จขกท ก็ควรถามวิธีบำบัดเพิ่มเติมอีก เช่นการปรับพฤติกรรม(ส่วนนี้ผมว่าเจ้่าหน้าที่คงแนะนำไปนานแล้ว) กิจกรรมบำบัดต่างๆ การสังเกตุอารมณ์ตัวเอง(อันนี้สำคัญ การกระทำบางอย่างสามารถส่งผลต่ออาการคนไข้โดยตรง แถมแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าคนไข้รู้จักสังเกตุอารมณ์ตัวเองจะช่วยคนไข้เองได้มาก) ส่วนเรื่อง cognitive จขกท ผ่านมาแล้วซึ่งถือว่าดีมากสำหรับผู้ป่วย

เรื่อง creative และความต้องการ อาจจะเป็นที่ยาครับซึ่งก็ไม่แปลกอะไร แต่ผู้ป่วยสามารถบอกหมอได้ บอกไปเลยว่ามันซึมๆนะหมอ คิดงานไม่ค่อยออก อย่าไปคิดว่านิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรหรอก

ประเด็นสำคัญคือบอกหมอให้หมด อะไรที่มันทำให้เราเปลี่ยน บอกให้หมด ไม่ต้องสนว่ามันกระทบเรามากหรือน้อย เราทนได้หรือไม่ บอกไปให้ครบ หมอเขาจะได้วางแผนได้ถูก side effect บางตัวหมอเขาเปลี่ยนยาก็ช่วยได้

สุดท้ายคือ จขกท โชคดีแล้วครับที่ไปพบแพทย์ไว ไบโพลากลายพันธุ์เป็นเรื้อรังได้นะ จริงๆแล้วโรคทางจิตเวชถ้าปล่อยทิ้งไว้เกิน 2 ปี จะกลายพันธฺุ์เกือบทุกโรคแหละ ถึงตอนนั้นโอกาสหายแทบไม่มีแล้วต้องทานยาไปทั้งชีวิต ขอเตือนคนที่สงสัยว่าตัวเองเป็นหรือไม่ตรงนี้ด้วยเลยว่าถ้าสงสัย ให้ไปพบแพทย์ ไม่งั้นอาจเสียใจไปทั้งชีวิต
เข้าร่วม: 17 Jul 2009
ตอบ: 1772
ที่อยู่: OTF
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 2:46 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
ไม่มีเซ็กส์มาเกือบปี นี่คือไม่มีอารมณ์เลยหรอครับ

มีรู้สึกเงี่ยงบ้างมั้ยครับ เวลาเห็นสาวๆหรือกระทู้แนว 18+ ใน SS ครับ
0
0
เข้าร่วม: 08 Mar 2015
ตอบ: 588
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 4:27 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
Elizx พิมพ์ว่า:
ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับ


ผมมีเพื่อนเป็นซึมเศร้า คนนี้เป็นเพราะเลิกกับแฟนแล้วเศร้ามาก คนนี้กินยาหามอแปปเดียว ใช้ชีวิตได้ปกติ


แต่ผมมีเพื่อนอีกคนนึงอยู่ด้วยกันตลอด เป็นไบโพล่าฝั่งบวก


ความเครียดสะสม เรียนมหาลัยแต่พยายามทำธุรกิจขายของ


ตอนแรกยังไม่มีใครเอะใจอะไร สักพักหลายเดือนต่อมาเครียดหนักนอนไม่หลับ ถึงหลับก็ได้แต่ก็พักผ่อนน้อย



จนสะสมนานๆเข้าจนกลายเป็นโรคไบโพล่าฝั่งบวก พูดวกไปวนมาวันนึงเป็นสิบครั้ง เรื่องทีีคิดอยู่ในหัว


อยากลงทุนแต่ที่บ้านไม่ยอม อยากทำงาน ไม่อยากเสียเวลาเปล่า ไม่อยากเรียน ไม่อยากเล่นเกม ไม่อยากไปเที่ยวกับเพื่อน อะไรแบบนี้



อยากลงทุน อยากทำธุรกิจให้ใหญ่โต อยากมีเงินเป็นพันล้าน
ตอนแรกไม่รู้เลยว่าเป็นไบโพลาเพราะไม่เคยศึกษาเลย


คือพูดง่ายๆแอคทีฟมากจนเกินไป


สุดท้ายคิดมากจนต้องไปหาหมอ ต้องอยู่หลังคาแดงเกือบเดือน


ได้กินยารักษาดีขึ้น แต่ก็ไม่ปกติเต็มร้อย ก็ยังมีหลุดๆมาบ้าง เรื่องธุรกิจ แล้วก็พูดวนไปวนมา นานๆครั้งที


สาเหตุหลักๆเพราะใช้ยาเสพติด ตั้งแต่ตอนมอต้น ไอซ์ ยาบ้ากัญชา และก็อื่นๆอีก


สารเคมีในสมองไม่เท่ากัน มันจะหายกลับเป็นปกติได้มั้ยครับ


ปล.ใครที่ใช้สารเสพติดอยู่สายแข็งเลิกเถอะครับก่อนที่จะเป็นเหมือนเพื่อนผม สารเคมีในสมองไม่เท่ากัน

ปล.2 เวลารู้ตัวว่าเครียดเกินไปหาวิธีผ่อนคลายบ้าง หรือไม่ก็รีบไปหาหมอเลย มันไม่น่าอายหรอกครับ ก่อนที่จะสายเกไป อย่าให้ถึงขั้นเพื่อนผมเลยครับ  


ถ้าจะหายได้คงต้องใช้เวลาอ่ะครับแบบนี้

เพราะใช้สารเสพติดเป็นเวลานาน
0
0
เข้าร่วม: 08 Mar 2015
ตอบ: 588
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 4:31 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
BenzVam พิมพ์ว่า:
ไม่มีเซ็กส์มาเกือบปี นี่คือไม่มีอารมณ์เลยหรอครับ

มีรู้สึกเงี่ยงบ้างมั้ยครับ เวลาเห็นสาวๆหรือกระทู้แนว 18+ ใน SS ครับ  


ไม่มีอารมณ์กับแฟนนะ แต่ถ้านาน ๆ ทีเพื่อนชวนไปตีหม้อผมไปนะ

กลิ่นใหม่อ่ะ
0
0
เข้าร่วม: 08 Mar 2015
ตอบ: 588
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 4:32 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
เทวีสุริยา พิมพ์ว่า:
โรคตื่นตระหนกเหรอ จะว่าไปเพื่อนผมมีอาการนี้อยู่ กลัวน้ำ  


อันนั้นผมไม่แน่ใจนะว่าเขาฝังใจอะไรป่าว ของผมมันกลัวจนไม่กล้าเข้าสังคม
0
0
เข้าร่วม: 08 Mar 2015
ตอบ: 588
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 28, 2017 4:37 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
Pemberton พิมพ์ว่า:
เรื่องคนรอบข้าง จขกท บอกไปเลยว่าเป็นไบโพล่าจะง่ายกว่า

ผมขอแนะนำวิธีการสื่อสารกับหมอหรือนักจิตฯเพิ่มนะครับ

เท่าที่อ่านมา ยังไม่เจอว่า จขกท บำบัดด้วยวิธีใดบ้างนอกจาก FFT ซึ่งจริงๆแล้วยังมีวิธีการบำบัดอีกหลายวิธีให้ผู้ป่วยไปปฏิบัติ จขกท ลองถามแพทย์หรือนักจิตฯดูได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้อาการแย่หรือไม่ได้ผล แม้การรักษาจะได้ผล จขกท ก็ควรถามวิธีบำบัดเพิ่มเติมอีก เช่นการปรับพฤติกรรม(ส่วนนี้ผมว่าเจ้่าหน้าที่คงแนะนำไปนานแล้ว) กิจกรรมบำบัดต่างๆ การสังเกตุอารมณ์ตัวเอง(อันนี้สำคัญ การกระทำบางอย่างสามารถส่งผลต่ออาการคนไข้โดยตรง แถมแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าคนไข้รู้จักสังเกตุอารมณ์ตัวเองจะช่วยคนไข้เองได้มาก) ส่วนเรื่อง cognitive จขกท ผ่านมาแล้วซึ่งถือว่าดีมากสำหรับผู้ป่วย

เรื่อง creative และความต้องการ อาจจะเป็นที่ยาครับซึ่งก็ไม่แปลกอะไร แต่ผู้ป่วยสามารถบอกหมอได้ บอกไปเลยว่ามันซึมๆนะหมอ คิดงานไม่ค่อยออก อย่าไปคิดว่านิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรหรอก

ประเด็นสำคัญคือบอกหมอให้หมด อะไรที่มันทำให้เราเปลี่ยน บอกให้หมด ไม่ต้องสนว่ามันกระทบเรามากหรือน้อย เราทนได้หรือไม่ บอกไปให้ครบ หมอเขาจะได้วางแผนได้ถูก side effect บางตัวหมอเขาเปลี่ยนยาก็ช่วยได้

สุดท้ายคือ จขกท โชคดีแล้วครับที่ไปพบแพทย์ไว ไบโพลากลายพันธุ์เป็นเรื้อรังได้นะ จริงๆแล้วโรคทางจิตเวชถ้าปล่อยทิ้งไว้เกิน 2 ปี จะกลายพันธฺุ์เกือบทุกโรคแหละ ถึงตอนนั้นโอกาสหายแทบไม่มีแล้วต้องทานยาไปทั้งชีวิต ขอเตือนคนที่สงสัยว่าตัวเองเป็นหรือไม่ตรงนี้ด้วยเลยว่าถ้าสงสัย ให้ไปพบแพทย์ ไม่งั้นอาจเสียใจไปทั้งชีวิต  


ขอบคุณครับ หมอเคยถามว่าสิ่งที่อยากทำที่สุดคืออะไรนอกจากงาน ผมก็บอกว่าเพ้นรูปอยู่บ้าน

พยายามไม่รับงานที่มันเครียดเกินตัวเลยครับ ว่างก็นั่งวาดนู่นนี่ไปเรื่อย ส่วนตัวโชคดีที่เรียนเกี่ยวกับศิลปะมาเลยมีอะไรทำ

ผมว่าสำคัญมากเลยแหละทำกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ แล้วก็ออกกำลังกายด้วย
0
0
เข้าร่วม: 06 Apr 2017
ตอบ: 55
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 29, 2017 8:52 am
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
มีคำพูดแนวไหน ที่จะทำให้ จขกท. รู้สึกดีขึ้นนมา เวลาได้ฟังคับ เทียบกับตัวอย่างคำพูด ที่จขกท ยกตัวอย่างในหัวข้อสีแดง เหมือนรุสึกว่า น่าจะมีประโยค ที่ให้กำลังใจที่ดีกว่าอยู่
0
0
เข้าร่วม: 08 Mar 2015
ตอบ: 588
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jul 29, 2017 5:14 pm
[RE: อีกนิดนึงสำหรับเรื่องโรคซึมเศร้า]
Sloth พิมพ์ว่า:
มีคำพูดแนวไหน ที่จะทำให้ จขกท. รู้สึกดีขึ้นนมา เวลาได้ฟังคับ เทียบกับตัวอย่างคำพูด ที่จขกท ยกตัวอย่างในหัวข้อสีแดง เหมือนรุสึกว่า น่าจะมีประโยค ที่ให้กำลังใจที่ดีกว่าอยู่  


ไปกินเหล้ากัน

จริง ๆ ผมได้ยินแค่คำว่าสู้ก็รู้สึกดีแล้ว เพราะส่วนตัวเวลาเครียดเราก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง กับมาโฟกัสกับเรื่องที่ต้องแก้ สมมติตอนอาการกำเริบ ก็คือต้องอยู่กับลมหายใจตัวเอง
1
0