เร่งสร้างบุญบารมีให้ตัวเองเพื่อหนีวิบากกรรม
1. ต้องเร่งเพิ่มพลังบุญก่อน
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ยามเมื่อวิบากกรรมไม่ดีเข้าและกำลังทำให้ชีวิตเราวุ่นวายนั้น เป็นเพราะบุญเราน้อยกว่าบาปที่ทำมา หรือกรรมดีในตอนนั้นยังไม่มีกำลังพอที่จะต้านกรรมไม่ดีได้เราควรจะเร่งสร้างบุญบารมีของเราเองอย่างเร่งด่วน
บุญบารมีนั้นสร้างได้ทุกวัน ไม่ต้องมานั่งรอ นอนรอรอให้ถึงวันพระ หรือถึงคราวดวงตกแล้วถึงจะไปทำบุญกัน คนที่ไม่ประมาทนั้นเขาจะมีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีภัยมาก็จะรับมือได้ทัน
ดังนั้นเรื่องแรกต้องเป็นเรื่องของการสร้างบุญบารมีที่ถูกต้องและมีอานิสงส์สูงเสียก่อน
เพราะเมื่อเราได้รู้วิธีการสร้างบุญบารมีที่เป็นของตัวเองแล้ว เราก็สามารถจะใช้บุญที่ทำนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิตของเราด้วย บุญนั้นเป็นพลังงานบริสุทธิ์ ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา จับต้องไม่ได้ แต่สัมผัสได้ด้วยจิต หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว ก็คงเหมือนกับกระแสไฟฟ้า คลื่นวิทยุที่เรามองไม่เห็นแต่มีจริง
บุญที่เราทำนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์มากมายในชีวิตประจำวัน เป็นพลังงานละเอียดที่บริสุทธิ์ช่วยสลายความทุกข์ยาก การติดขัดในทุกเรื่องได้จริงแต่บุญที่เราทำนั้น เราต้องพยายามให้บุญนั้นเป็นบุญบริสุทธิ์มากที่สุด เพราะบุญบริสุทธิ์นั้นมีอานิสงส์สูงด้วย
บุญบริสุทธ์ คือ บุญที่ไม่มีบาปเจือปน
เหมือนน้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่ไม่มีเชื้อโรค สิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอมเจือปนมา ถ้าเราทำบุญ ทำความดี เราก็จะได้บุญ ถ้าเราไม่ทำบุญ ไม่ทำความดี เราก็จะไม่ได้บุญ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา
บุญบริสุทธิ์เป็นบุญที่ทำแล้วไม่ได้หวังผลตอบแทน บุญที่ทำแล้วไม่เสียดาย บุญที่ไม่ได้มาจากเบียดเบียนผู้อื่นซึ่งมาจากการทาน ศีล ภาวนา เป็นบันได 3 ขั้นการสร้างบุญบารมีที่ถูกต้อง
ท่านพุทธทาส พระอริยสงฆ์ของเมืองไทยท่านหนึ่ง ท่านได้เคยเมตตาเทศนาเรื่องบุญ 3 แบบที่ดีมากๆ จึงใคร่ขออนุญาตน้อมนำคำเทศนาของท่านมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน ซึ่งจะสรุปย่อๆ ให้เข้าใจกันดังนี้
1. ทำบุญแบบอาบน้ำโคลน หมายถึง ทำบุญแต่ทำบาปด้วย เช่น ไปทอดกฐิน ทอดผ้าป่าด้วย ไปกินเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ไปฆ่าวัว ฆ่าหมู เป็ดไก่ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอามาทำบุญ เป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น แบบนี้เรียกว่า บุญที่มีบาปเจือปนอาจจะได้บุญน้อยหรือแทบไม่ได้บุญเลย ควรหลีกเลี่ยงเสีย
2. ทำบุญแบบอาบน้ำหอม หมายถึง การทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทน ทำบุญเพื่อแลกเอาสวรรค์วิมาน ทำบุญเพื่อถูกหวย ถูกลอตเตอรี่ ให้ค้าขายร่ำรวย ให้การงานก้าวหน้า ทำบุญสิบบาทจะให้ถูกรางวัลที่ 1 ทำบุญสร้างโบสถ์เพื่อจะให้ได้วิมานหลังหนึ่ง จะให้หายจากโรคภัยต่างๆ เป็นการค้ากำไรเกินควรแบบนี้เรียกว่า บุญที่ต้องการหวังอะไรตอบแทน ทำบุญเพราะหวังวาจะได้สิ่งนั้น สิ่งนี้ซึ่งมักจะไม่ได้เพราะความโลภและกิเลสนั้นจะไปขวางทางบุญนั้นไม่ให้ได้ตามที่หวัง
3. ทำบุญแบบอาบน้ำสะอาด หมายถึง คนที่ทำบุญเพื่อที่จะละจากความยึดมั่น ถือมั่น ไม่ให้มีความยึดมั่น ถือมั่นสิ่งใด ว่าเป็นตัวเราหรือว่าของเรา ทำบุญเพื่อให้กิเลสหมด ออกไปจากสันดานอย่างนี้เหมือนกับคนที่อาบน้ำสะอาด
บุญนั้นจึงเป็นบุญที่เหมือนกับน้ำที่สะอาด ซึ่งจะส่งผลแน่นอนทั้งในชาตินี้และชาติหน้าโดยที่เราไม่ต้องไปกำหนดกะเกณฑ์ว่าต้องออกมาในแบบที่เราต้องการ ขอให้เพียงเชื่อว่าเมื่อเราทำดีแล้วต้องได้ดี ทำชั่วและต้องได้ชั่ว
การที่บุญจะส่งผลในเรื่องใดนั้นสำเร็จได้เร็วนั้น ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า ส่วนหนึ่งจะมาจากการอธิษฐานที่ถูกต้องและสะสมบุญมากพอที่จะส่งให้กรรมดีนั้นสำเร็จลงได้ และไม่ต้องกลัวว่าบุญนั้นจะไม่ส่งผล เพราะกรรมดีที่เราทำนั้นต้องส่งผลตามหน้าที่ ตามลำดับ ตามกาลหรือตามเวลา
ในเวลาทำบุญนั้นทั้งก่อนทำ ขณะทำและหลังทำไม่ต้องไปพะวงคิดอะไร ขอให้จิตนั้นสะอาดและบริสุทธิ์เท่าที่จะทำได้ ทำเพราะหวังจะคลายทุกข์ให้ผู้อื่น ทำเพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาก็พอ ทำเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นส่วนรวม อย่าไปคิดอะไรมากมายให้ฝึกใจให้วางเฉยมีอุเบกขามากๆ แล้วจะดีเอง
สำหรับคนเราทั่วไปที่ไม่ทราบหรือไม่เข้าใจดีพอในเรื่องนี้ จึงทำบุญที่มีบาปเจือปนนั้นได้ง่ายได้ เช่น เมื่อใส่บาตรแล้ว บุญได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน มือที่กำลังตักข้าวใส่บาตร แต่ใจกลับไปคิดแวบเดียว เป็นความคิดที่เป็นอกุศล
เช่น พาลคิดไปว่า พระที่กำลังรับบาตรนั้นเป็นพระปลอมหรือพระจริง แล้วท่านจะเอาอาหารไปทำอะไร หรือเวลาไปถวายปัจจัยคิดว่า ท่านต้องเอาไปใช้ส่วนตัวแน่ๆ ความคิดแบบนี้ได้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งบุญทั้งบาป บาปนั้นจะไปเหนี่ยวรั้งบุญให้ส่งผลน้อย เหมือนมีก้อนหินใหญ่ไปขวางกระแสน้ำไว้ไม่ให้ไหลสะดวก
และถือว่าเป็นการปรามาสพระสงฆ์ ยิ่งถ้าพระสงฆ์องค์นั้นเป็นพระอริยบุคคล มีเนื้อนาบุญสูงแล้ว กรรมหนักจะหนักมากตามไปด้วย
หรือวัตถุทานที่เอามาทำบุญมีบาปเจือปนเช่น ไปฆ่าปลามาทำอาหารใส่บาตร แอบไปเด็ดดอกไม้ที่เจ้าของไม่ได้อนุญาตมาถวายพระ รวมถึงปัจจัยที่ไปซื้อหามาด้วยเช่น เงินที่มาซื้อสิ่งของนั้นมาจากการพนัน เอาเงินจากการคดโกงผู้อื่นหรือบังคับจากผู้อื่นโดยที่เขาไม่เต็มใจ รวมถึงการทำบุญแบบเอาหน้าด้วย เป็นต้น
บางเรื่องนั้นดูเหมือนจะเป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามกฎกติกาของสังคมนั้น แต่ทว่ามีมากมายที่ไม่ถูกต้องตามธรรม เช่น การค้าขายเหล้านั้นถูกกฎหมายแต่ในทางธรรมนั้นผิดเต็มประตูในศีลข้อที่ 5 การฆ่าสัตว์ที่มีใบอนุญาตนั้นก็ถูกกฎหมายแต่ผิดศีลข้อที่ 1 ที่ใครได้ทำก็จะต้องพบกับความยากลำบาก ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่ตนเองรัก เพราะได้ไปพรากชีวิตคนอื่นเขา จึงต้องพิจารณาให้ดี และเงินที่มาจากการทำผิดศีลนั้นเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์เท่าที่ควร
หรือคนที่ขายเหล้าหรือฆ่าสัตว์เป็นอาจิณ ให้ลองสังเกตดูให้ดีเถอะว่า ทำไมตนเองหรือคนในครอบครัวมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นบ่อยครั้งในชีวิต ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ตนเองนั้นมีส่วนร่วมในการทำกรรมไม่ดีของคนที่มาซื้อเหล้าของเราไปกินและคนทีฆ่าสัตว์นั้นพรากสิ่งที่เขารักที่สุดก็คือ ชีวิตนั่นเอง
คนที่ฉลาดในบุญนั้น เขาจะคิดว่าการให้อะไรก็ตามนั้นเป็นทาน เช่น ให้อาหารเป็นทาน เมื่อคิดถูกต้องจะรู้ว่าเมื่อให้แล้วก็จะได้บุญจึงคิดใส่บาตร ใส่บาตรแล้วก็จบ ไม่คิดอะไรต่อไปที่เป็นลบ เขาย่อมได้บุญที่ไม่มีบาปเจือปน
หรือให้เงินคนอื่นไปแล้วเพื่อช่วยเหลือให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ไปคิดเสียดายหรือคาดหวังอะไรจากผู้รับนั้น ซึ่งในบางครั้งอาจจะยากที่ทำใจให้ได้อย่างนั้น ครูบาอาจารย์ท่านรู้เรื่องนี้ดี ท่านจึงเมตตาบอกหาทางช่วยแก้ไขกับคนทุกคนว่า ต้องฝึกจากการตั้งพรหมวิหาร 4 มาช่วย คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา บ่อยๆ แล้วจะทำสำเร็จได้ง่าย
การถือศีลนั้นเพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ทำผิด ฝึกให้ตัวเองมีหิริโอตัปปะหรือความอายและความเกรงกลัวต่อบาป ต่อความชั่วในทุกวินาทีของชีวิต เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกต่ำหรือไม่ให้ไปทำร้ายคนอื่นเพราะจะเกิดกรรมไม่ดีขึ้น
การภาวนานั้น เพื่อให้จิตใจนั้นสงบ ไม่ฟุ้งซ่านมีสิตเมื่อมีสติก็จะเกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาก็จะพบทางออกของปัญหาได้
ขอให้เข้าใจตรงกันว่า บุญนั้นจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราละชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส บุญเป็นพลังงานที่จะหล่อเลี้ยงจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด มีกำลังใจ มีอายุที่ยืนยาวและทำให้เกิดความสุข ความสำเร็จในทุกๆ ด้าน
ตามหลักพุทธศาสนา สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งบุญ หรือเป็นที่มาของบุญ นั้นเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ที่เป็นการสร้างบุญบารมีที่ถูกต้องและได้บุญมากนั้นมีดังนี้
1. การให้ทาน รู้จักแบ่งปันสิ่งของให้แก่ผู้อื่น เป็นการช่วยลดความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ การติดยึดในวัตถุสิ่งของ การทำทานที่ได้ผลมากหรือมีอานิสงส์บุญมากคือ วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ ผู้ให้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ทั้งก่อนให้ กำลังให้และหลังการให้ และผู้รับบริสุทธิ์ที่มีเนื้อนาบุญบริสุทธ์หรือเนื้อนาบุญสูง
2. การรักษาศีล เป็นการฝึกใจให้ลด ละ เลิกความชั่ว กิเลสทั้งหลาย ไม่เบียดเบียน รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น การทำความดีให้เกิดขึ้น
3. การเจริญภาวนา เป็นการพัฒนาจิตใจ และปัญญาให้สูงขึ้น เห็นตามความเป็นจริง อันจะทำให้ใจสงบ และมีความสุขมากขึ้น
4. การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนของตน
5. การช่วยเหลือสังคม สละแรงกาย แรงใจ เพื่อส่วนรวม เป็นบุญที่ให้กับคนหมู่มาก
6. การเปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมบุญกับเรา หรือมีส่วนร่วมในบุญ รวมไปถึงการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว
7. การยอมรับและยินดีในการทำความดีของผู้อื่น เป็นการอนุโมทนาในการทำคุณงามความดีของผู้อื่น
8. การฟังธรรม เป็นการขัดเกลาเพิ่มพูนสติปัญญาให้สูงขึ้น
9. การแสดงธรรม ให้ความรู้เรื่องธรรมะ นำธรรมมะไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รู้ ได้ปฏิบัติามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
10. ทำความเห็นให้ถูกต้อง เป็นการปรับปรุง พัฒนาความคิดเห็น ความเข้าใจ ให้ถูกต้องตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์
ถ้าได้อ่านมาถึงตอนนี้ ก็คงจะพอเข้าใจได้ไม่ยากว่า ในการทำบุญนั้นมีหลายช่องทางที่ไม่ต้องใช้เงินเลยแม้แต่บาทเดียว แต่ทุกวันนี้มีคนมากมายขาดความรู้และความเข้าใจ ไปติดกับดักของการทำบุญอยู่เพียงแค่วิธีแรก คือ การทานหรือวัตถุทาน
เพราะถ้านึกจะทำบุญก็จะนึกกันได้แต่เพียง การตักบาตร ถวายสังฆทาน ถวายปัจจัยให้พระ ถวายเงินให้วัด เป็นต้น โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าการตั้งใจถือศีล 5 ให้ครบสมบูรณ์เพียงหนึ่งวัน หรือตั้งใจนั่งสมาธิด้วยจิตสงบเพียงช้างกระดิกหูนั้นมีอานิสงส์ของบุญที่มากกว่าเป็นไหนๆ เพราะทานนั้นได้อานิสงส์บุญน้อยกว่าการถือศีล และการถือศีลนั้นได้อานิสงส์บุญน้อยกว่าการภาวนา ที่เป็นบันไดไล่กันขึ้นไป
เมื่อเรารู้เรื่องวิธีการสร้างบุญบารมีที่ถูกต้องแล้ว ก็มาลองดูกันว่า ประโยชน์ที่ได้จากการทำบุญกันเพื่อจะได้เข้าใจลึกซึ้งว่า ทุกวันนี้เราทำบุญกันไปเพื่ออะไร
ประโยชน์ที่ได้จากการทำบุญ
– ประโยชน์สุขในปัจจุบัน กล่าวคือ เพื่อให้เกิดลาภ บริวาร สภาพความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บุญอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จทั้งหลาย
– ประโยชน์สุขที่สูงขึ้น กล่าวคือ เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ได้เรียนรู้พัฒนาตนเอง ให้เป็นคนมีศีลธรรม มีคุณธรรม มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีความสุขเมื่อละโลกไปแล้ว
– ประโยชน์อย่างสูงสุด เป็นประโยชน์ที่เป็นสาระแก่นแท้ของชีวิต รู้แจ้งตามสภาวธรรมของโลก จิตใจไม่หวั่นไหว เมื่อประสบกับความไม่เที่ยงของชีวิต ความเป็นอนิจจัง ความไม่แน่นอนของชีวิต
คนทุกคนนั้น ย่อมต้องการได้ผลลัพธ์จากสิ่งที่ทำไป ในเรื่องของบุญก็เช่นกัน ยากจะปฏิเสธว่า อย่างน้อยก็ต้องการเก็บไว้เป็นเสบียงบุญเลี้ยงตัวในชาติหน้าและน่าจะดียิ่งขึ้นถ้าส่งผลได้เลยในชาตินี้
คนที่วิบากกรรมไม่ดีเข้าหรือดวงตกนั้น ควรต้องเร่งมืออีกสักนิดในการสร้างบุญ และการเพิ่มพลังบุญ ถ้าเปรียบเทียบกับโรคภัยไข้เจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุนั้น ก็คงต้องใช้ยาแรงสักนิดหรือหมอที่เก่ง ที่จะต้องหยุดโรคร้ายในเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
จึง มีเคล็ดการเพิ่มพลังบุญแบบเร่งด่วนมาให้ เพื่อจะช่วยให้ทุกท่านได้รับมือกับกรรมไม่ดีมาให้พิจารณา
อ้างอิงจาก:
จากหนังสือเรื่อง ปาฏิหาริย์แก้ “ดวงตก” โดย ชำนาญ การวิเศษ