"แม่กาหลง"
"เรือนกาหลง" เรื่องจริงที่มีประวัติอันน่าขนลุก !
ของผีเปรตในบ้านเรือนไทยหลังหนึ่ง มีผู้คนมากมาย
ที่พบกับเหตุการณ์ประหลาด ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัว
ในรูปแบบต่างๆ กับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ !???
วันนี้จะพาท่านไปรู้จักกับตำนานของหญิงสาว
ที่ต้องกลายเป็นเปรต เพื่อรอการกลับมาของคนรัก
กับเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น !!!
เมื่อปี พ.ศ. 2499 มีหลวงพ่อท่านหนึ่งได้รับหน้าที่
ให้มารักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดในจังหวัดสิงห์บุรี
ซึ่งแรกๆ วัดแห่งนี้มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาเพียง 15 รูป เท่านั้น
ในเวลาต่อมาจำนวนพระภิกษุ และสามเณรก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
นั่นจึงทำให้ หลวงพ่อต้องสร้างโรงครัวขึ้นมา
เพื่อรองรับจำนวนพระและเหล่าชาวบ้านที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
เพียงแต่ขณะนั้น ท่านเองก็มีปัจจัยส่วนตัวเพียง 3,000 บาท
ครั้นจะสร้างโรงครัวหลังใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อจึงปรึกษากับนางพิน บำเรอจิต
ให้ช่วยดูว่ามีใครจะขายบ้านเก่าบ้างหรือไม่ ?
ซึ่งนางพินก็ได้แนะนำให้หลวงพ่อซื้อบ้านเรือนไทยหลังหนึ่ง
มันเป็นบ้านเก่าของนายอำเภอซึ่งได้ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ แล้ว
พอหลวงพ่อเดินทางไปถึงที่เรือนไทยหลังดังกล่าว
ท่านก็ลองขึ้นไปสำรวจบนตัวบ้าน
โดยท่านเล่าว่าพอขึ้นไปบนบ้านไม่ทันไร
ตัวบ้านก็สั่นขึ้นมาราวกับเกิดแผ่นดินไหว
ท่านรู้สึกผิดปกติจึงแผ่เมตตาให้....!!!!!
และหลังจากนั้นหลวงพ่อจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้
โดยก่อนจะรื้อท่านได้กล่าวว่า...!!??
“นี่พี่น้องทุกคนที่อยู่บ้านนี้ เจ้าของบ้านก็ดีนะ ที่อยู่ที่นี่น่ะ
มาอยู่ทำไมเล่า ไปอยู่ด้วยกันนะ ไปอยู่วัดเจริญวิปัสสนากรรมฐานกันดีกว่านะ
จะมาหลงอยู่ที่นี่ทำไม อยู่ในอบายเป็นเปรตวิสัยไม่ดีแน่
ช่วยกันรื้อ ช่วยปลูกเป็นโรงครัว เพื่อทำอาหาร
ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์องค์เณร และช่วยเลี้ยงพุทธศาสนิกชน
ที่มาวัดให้ได้รับความสะดวกในการบำเพ็ญกุศลของเขาต่อไป”
พอหลวงพ่อกล่าวจบ จากบ้านที่โยนก็สงบลงทันที
หลังจากนั้นท่านก็ให้คนงานรื้อ
แล้วย้ายไปปลูกใหม่ในวัดโดยใช้เวลาปลูกเพียงวันเดียว
"เรือนกาหลง" ของจริงในปัจจุบัน
พอเวลาผ่านไปไม่นานก็เกิดเหตุประหลาดขึ้น
ว่ากันว่าวันนั้น นางบุญชู ซึ่งมาช่วยงานเป็นแม่ครัววัด
กำลังทำงานอยู่ดีๆ เธอก็มีอาการผิดปกติ
นั่งอยู่ดีๆ ก็เกิดอาการสั่นและพูดเสียงดังขึ้นว่า
“น้อยไป ! พวกเรานี่บาปกรรมเหลือเกินนะ
เราบาปมาแล้วต้องเป็นเปรตอยู่ที่บ้านหลังนี้ เรามากับบ้านหลังนี้”
คนที่มายืนมุงดูต่างตกใจ และมีคนถามกลับไปว่า
“เอ้า ! มาทำไมเล่า ผีเข้ามาอยู่กุฏิหลังนี้ได้อย่างไร ?”
นางบุญชูที่กำลังสั่นเกร็งไปทั้งตัวก็ตอบกลับทันที
ซึ่งคำตอบของเธอทำให้ทุกคนที่อยู่ในโรงครัวถึงกับต้องขนลุก !
“เออ ! พวกเอ็งไม่ต้องมายุ่ง ! เพราะท่านเชิญเรามา หลวงพ่อเชิญมา
ให้มานั่งเจริญวิปัสสนาที่วัดนี้ เราก็ตามมาและช่วยท่านดูแลโรงครัวด้วย
เราดูไม่ได้เลย ดูมาหลายวันแล้ว พวกเจ้าทำครัวแล้วก็ลักของวัด
เอากะปิ หอม กระเทียมติดไปบ้าน เอาปลาติดไปบ้านทุกวัน
เราทนดูอยู่ไม่ได้จึงมาบอกเล่า เจ้าอย่าเอาไปนะจะเป็นเปรต
เราเคยเป็นเปรตในบ้านหลังนี้มาแล้ว ! เราต้องตายแล้ววิญญาณก็อยู่เป็นเปรต !”
“เพราะเราได้ผลกรรมของเปรตผูกใจอำนาจของโลภะ โทสะ โมหะ
มันเกิดขึ้นในจิต สามีของเราเจ้าชู้มากชอบเที่ยวผู้หญิงยิงเรือมากหน้าหลายตา...
ตลอดจนเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เราเฝ้าอยู่ที่บ้านนี้
เป็นบ้านของนายอำเภอ สามีของเราก็เจ้าชู้
ตอนที่เราจะตายวิญญาณออกจากร่างไป
เรามีอำนาจโลภะห่วงใยสมบัติ ห่วงใยสามี
เราตายแล้ววิญญาณจึงต้องมาอยู่ที่นี่ ที่เรือนหลังนี้... กลายเป็นเปรต !”
“แต่เราก็โชคดีเหลือเกินที่ท่านไปซื้อบ้านหลังนี้มา
ท่านก็บอกกับเราว่าอย่ามาอยู่บ้านหลังนี้เลย
อย่ามาเฝ้าอยู่เลยเปรตเอ๋ย... !!!
ท่านก็พูดอย่างนั้น เรารับทราบแต่ท่านไม่ทราบว่าเรานั่งอยู่ใกล้ๆ ท่าน
ที่บ้านหลังนั้น เราก็ตามบ้านนี้มา ช่วยท่านรื้อช่วยปลูกจนเสร็จ...
เราเป็นเปรต !!! ท่านทั้งหลายอย่าเป็นเปรตอย่างเราเลย
มานั่งเจริญกรรมฐานกันเถิด”
ภาพเหมือน "แม่กาหลง" หน้าตาคมขำ
เหล่าคนทำครัวก็พอจะสรุปได้ว่านี่ก็คือ ผีเปรตแม่กาหลง
หญิงสาวที่รอสามีจนตรอมใจตายติดมากับบ้านหลังนี้นั่นเอง !
และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเอาพวกกะปิ หอม กระเทียมของวัดไปอีกเลย
นอกจากเหล่าคนทำงานในโรงครัวมีเรื่องเล่าให้ต้องขนลุกแล้ว
แม้แต่คนที่มานั่งกรรมฐานที่วัด ก็ยังพูดถึง
หญิงสาวลึกลับ !? ที่ขึ้นมาบนศาลาในตอนเช้ามืด
ที่คอยปลุกให้ตื่นมาทำกรรมฐานและหุงหาอาหาร
โดยเล่าว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนมีรูปร่างหน้าตาดี
ผิวพรรณละเอียดคมขำ พูดจาไพเราะ
และยังมาช่วยแนะแนวทางในการนั่งกรรมฐานอีกด้วย
อยู่มาวันหนึ่งมีกลุ่มข้าราชการเดินทางมาขอพักค้างแรมที่วัด
คืนวันนั้นเป็นวันพระ แม่ครัวแอบไปดูมหรสพกันหมด
ส่วนพระทุกองค์ก็ล้วนเข้าโบสถ์จนดึกเพื่อลงปาฏิโมกข์
จึงไม่มีใครอยู่ดูแลแขกในคืนวันนั้น
พอรุ่งเช้าหลวงพ่อทราบเรื่องก็รีบเดินทางมาพูดคุยกับข้าราชการกลุ่มนี้
เพราะทราบว่าไม่มีใครคอยอยู่ดูแลแขกของท่าน
พอจะเอ่ยถามคนในกลุ่มข้าราชการก็พูดขึ้นทันทีว่า
“หลวงพ่อไม่ต้องห่วง เขาเลี้ยงอย่างดีเลย อาหารอร่อยมากเมื่อคืนน่ะ”
แถมยังเล่าถึงความประทับใจว่า
ตอนเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็ยังมีคนเดินมาเปิดไฟและเปิดประตูห้องน้ำให้อีกด้วย
อีกทั้งข้าวปลาอาหารคาวหวาน น้ำร้อน น้ำชา กาแฟ
ก็ไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย..!!???
หลวงพ่อท่านได้ยินแบบนั้นก็สงสัย
เพราะท่านทราบว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ท่านจึงลองถามกลุ่มข้าราชการว่า
“ขอเจริญพร.... ใครมาเลี้ยงคุณ มีอะไรบ้าง ?”
“ยำเล็ก ยำใหญ่... แหม ! อาหารอร่อยมีกาแฟ โอวัลติน มีหลายอย่างเจ้าค่ะ”
“ใครมาเลี้ยงคุณหรือ ?”
“รูปร่างสวย เป็นผู้หญิงลักษณะดำขำ
เอาอาหารให้ดิฉันรับประทานกัน และมีกาแฟเรียบร้อย
เขายิ้มตลอดเวลา บอกไม่ต้องห่วงยินดีต้อนรับ
เพราะเป็นแขกของหลวงพ่อ ที่วัดนี้มา ไม่ให้อดอยากปากแห้ง
ขาดตกบกพร่องประการใดให้อภัยด้วย”
กลุ่มข้าราชการเห็นหลวงพ่อบ่นเด็กๆ
ว่าไม่คอยอยู่ดูแลแขก ก็เกิดสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อจึงบ่นเช่นนั้น
เพราะทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็มีคนอยู่ดูแลเป็นอย่างดี
จึงเกิดอยากพบหญิงสาวที่มาดูแลเมื่อคืนนี้
พอหลวงพ่อเรียกเหล่าแม่ครัวทั้งหมดมา
กลุ่มข้าราชการกลับบอกว่าไม่ใช่เลยสักคน
หลวงพ่อท่านก็ยืนยันว่าทางวัดมีแม่ครัวสี่ถึงห้าคนเพียงเท่านี้
นั่นจึงทำให้ทุกคนถึงกับเงียบไม่พูดอะไร
รีบเดินกลับไปเก็บข้าวของลากลับบ้านทันที
โดยไม่เคยหวลกลับมาขอพักที่วัดนี้อีกเลย !!!!!
"ทางขึ้นกุฏิ" ชั้นบนเป็นไม้ของเก่า ชั้นล่างเป็นปูนสร้างขึ้นใหม่
หลังจากนั้นก็มีคนพบและเล่าถึงแม่กาหลงในลักษณะต่างๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าจะมาเป็นกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้
บ้างก็เล่าว่ามีคนเห็นแม่กาหลงลงมาทำครัว
หรือออกมานั่งกรรมฐานแสดงภาพและเสียง
ออกมาให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน
ว่ากันว่าในปัจจุบันสิ่งที่แม่กาหลงได้ทำเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นการออกมาช่วยงานของวัด
ไปจนถึงออกมานั่งวิปัสสนา ทุกอย่างนี้
ก็ได้ทำให้เธอได้พ้นสภาพจากเปรต
ไปสู่เทพธิดาตามบุญกุศลที่ได้สร้างเอาไว้นั่นเอง
ถึงแม้ตำนานเรือนแม่กาหลงเรื่องนี้
จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการตีความของเราว่า
เลือกจะมองถึงสาระสำคัญในเรื่องนี้อย่างไร !?
ใช้วิจารณญาน กันด้วยนะครับ.
...