"เฮงซัง" วิทยา เลาหะกุล ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย เผยปัญหาระกับชาติของนักเตะไทยคือการเล่นเป็นทีม พร้อมเป็นห่วงเรื่องของการสื่อสารระหว่างโค้ชต่างชาติกับเด็กไทย ย้ำชัดโค้ชต้องถามเด็กเสมอว่าเข้าใจไหม ต้องเน้นให้เยอะกว่าเดิมทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ"

ไอ้หนูเยาวชน 15 ปีฝึกซ้อมกันอย่างต่อเนื่องที่ แคมป์ บางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยในการซ้อมครั้งนี้ มี "เฮงซัง" วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค ได้ร่วมเข้าชมและให้คำแนะนำอีกด้วย

สำหรับการฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้แบ่งนักกีฬาทั้ง 46 คนเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละ 1 ชั่วโมง กลุ่มแรก เป็นกองหลังและผู้รักษาประตู โดยเน้นเรื่องของการสนับสนุนช่วยกันในเกมรับ, การผ่านบอล และ การป้องกันในเขตโทษ, กลุ่มสอง เป็น กองหน้าและผู้รักษาประตู โดยเน่นที่การวิ่งหนีตัวประกบ และ การเข้าทำ และกลุ่มสุดท้าย เป็นกองกลาง เน้นเรื่องการ สนับสนุน และ การรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์รอบตัว

หลังการฝึกซ้อม วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค กล่าวว่า "มันเป็นหน้าที่ของฝ่ายเทคนิคที่จะมาดูเรื่องของวิธีการฝึกสอนเด็กของโค้ช เด็กที่คัดมาก็มีความสามารถ และก็มาจากสโมสรใหญ่ๆทั้งนั้น ความแตกต่างของโค้ชไทยกับโค้ชต่างชาติ โค้ชไทยน่าจะได้เปรียบในเรื่องของภาษา แต่โค้ชต่างชาติ เขาก็จะทำได้ดีตรงส่วนของการโค้ชชิ่ง เขามีส่วนร่วมในการสอนเยอะมาก"

"แต่เราไม่แน่ใจว่าเด็กๆจะเข้าใจสิ่งที่โค้ชต่างชาติถ่ายทอดหรือไม่ ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติ เราไม่ต้องการเห็นเด็กลงไปเล่นเพื่อให้จบไปเท่านั้น เราต้องติดตามดูการฝึกอีกหลายบทเรียน โดยเฉพาะเรื่องการฝึกเป็นทีม เพราะนี่เป็นเรื่องยาก สิ่งที่ทุกคนอยากเห็นคือเด็กๆเล่นกันเป็นทีม ฟุตบอลสำคัญสุดคือทีม ความสามารถของโค้ชก็มีส่วน ก็อยู่ที่ว่านักเตะจะให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน"

"สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับฟุตบอลก็คือการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารระหว่างผู้ฝึกสอนกับตัวนักฟุตบอล คือโค้ชพยายามพูดภาษาไทย การสื่อสารมันต้องมีการสื่อสารสองทาง ต้องถามเด็กเสมอว่าเข้าใจไหม เราต้องเน้นให้เยอะกว่าเก่า ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ"

สำหรับทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จะทำการเก็บตัวฝึกซ้อมที่แคมป์บางบ่อจนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ก่อนจะคัดเลือกนักเตะให้เหลือ 23 คน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนรุ่นอายุไมเกิน 15 ปี ที่จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 9-22 กรกฎาคม 2560

ก็ว่าไป

ปัญหาของเด็กไทยส่วนใหญ่เลย สงสัยแต่ไม่ถาม ทำทรงเหมือนรู้เหมือนเข้าใจทุกอย่าง

เอ้านักเรียน เข้าใจไหม ไหนใครมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจ ยกมือ
...เงียบ

OK งั้นใครเข้าใจ ยกมือ
...เงียบ

เด็กไทยเวลาโดนถามนี่ไม่กล้าตอบเพราะอายด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวโดนด่า ผมรู้ผมเจอมา

ด้วยความคิดที่โดนปลูกฝังกันมา ว่าคนที่ถามคือคนที่โง่ หรือ เวลาคนที่เราถามตอบกลับมาด้วยคำว่า "แค่นี้ก็ไม่รู้หรอ" ไงครับ เลยไม่มีใครอยากจะแสดงตัวว่าไม่รู้กันออกมา ถ้าเปลี่ยนใหม่ตั้งแต่จากอนุบาลว่าใครตอบถูกให้เพื่อนตบมือ เป็นใครถามดี ให้เพื่อนตบมือแทน น่าจะช่วยได้เยอะ

ครับ...ไม่ใช่ฝีเท้าหรือระเบียบวินัยเหรอ

ผมคิดว่าระบบอคาเดมี่ที่สมบูรณ์แบบจะช่วยพัฒนาทั้งฝีเท้าและวินัยโดยอัตโนมัติ
ซึ่งผมติดว่าตั้งแต่รุ่น u15 ลงไปนี่แหละจะเห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อนๆชัดขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนปัญหาที่เขาบอกก็คืออาจะไม่เข้าใจสิ่งที่โค้ชสอนกับไม่มีทีมเวิร์กเท่าที่ควร
ก็อาจเป็นเพราะอย่างที่คนอื่นๆบอกว่าเด็กไทย ไม่เข้าใจก็ไม่กล้าถาม เล่นบอลกันไม่เข้าใจเกม ปัญหาส่วนนึงคิดว่ามาจากโค้ชบ้านเรายังมีคุณภาพและปริมาณไม่มากพอ

เด็กไทยด้านกีฬา คือ เล่นโชว์สาวๆครับ มีสกิลอะไรใส่โชว์เต็มที่ ประมาณว่าในทีมกุเก่งมาก


ผีเท้าเก่งแต่ไม่ฟังโค้ชก็หัวเน่านะครับ การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมากๆ จะวางเป้าไปเล่นญีปุ่น


หรือ สเปน อังกฤษ จุดแรกเลยคือ ภาษา ไม่ใช่มีแค่ผีเท้าแล้วจะติดทีมดังๆ สำหรับเด็กไทย


ต้องวางเป้าหมายไว้ให้สูง ต้องพัฒนาอาคาเดมี่ให้เป็นมืออาชีพ ทำให้เด็กๆได้เล่นต่างประเทศ


หลักสำคัญอยู่ที่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น เด็กจะพัฒนาขึ้นได้ต้องวางแผนการสอน การฝึก ให้ครบทุกอย่าง


การดูแลร่างกาย การกินอาหารแต่ละวัน การเรียนภาษา การพักผ่อน การตื่นนอน


ต้องฝึกในแบบฟุตบอลอาชีพตั้งแต่เด็กๆเลย ให้ชินกับการใช้ชีวิตแบบมืออาชีพ

สังคมไทย คนถามมักโดนมองว่าโง่ แม้กระทั้งคนสอนเองยังคิดแบบนั้น

เคยถามคนเขาเกลียด เมิงจะถามอะไรนักหนา เเหมือนเราเป็นตัวถ่วงคนอื่น