ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 05 Nov 2010
ตอบ: 2385
ที่อยู่: เชียงใหม่
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 3:52 pm
ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ
หลายๆท่านอาจจะเห็นผมชอบตั้งกระทู้เกี่ยวกับลิเวอร์พูล คอมเม้นแซวลิเวอร์พูล จนผมนี่โดนเรื้อนเป็นประจำเลย แต่วันนี้ผมจะพูดในเรื่องที่แบบในชีวิตจริงไม่น่าจะมีใครฟังผมซักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ใช่คนเข้าวัด ทำบุญ ไม่ได้เป็นคนธัมมะธัมโม แถมยังหื่น ลามก บ้ากามอีก รับประกันด้วยทัณฑ์บน ก่อนหน้านี้ก็โดนใบเหลืองอีก แต่วันนี้ผมอยากจะพูดในเรื่องนามธรรมที่เรียกว่าบุญและบาป โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่รู้สึกอินกับเรื่องบุญ เรื่องบาป นะ เวลาจะทำอะไรผมไม่เคยสนใจเรื่องบุญ บาป เลย จะได้บุญหรือได้บาบผมก็ไม่สนใจ ผมเลยมีมุมมองต่อเรื่องของบุญ บาป ในแง่มุมนึงคือ

ในแง่ที่ดีก็คือทำให้คนทำความดี ละเว้นความชั่ว

ส่วนในอีกแง่นึง ผมมองว่าเรื่องบาป บุญ มันก็ไม่ได้ทำให้จิตใจของคนเราสูงขึ้นมาเหมือนกัน คือถ้าคนเราให้ทาน บริจาค หรือทำสิ่งต่างๆ เพื่อหวังจะได้บุญ ได้ไปเสพสุขบนสวรรค์ หรือหวังว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาสบาย แบบนี้ก็จะเป็นการทำไปด้วยจิตใจที่หวังสิ่งตอบแทน ทำไปด้วยความโลภ ความเห็นแก่ตัว โดยไม่ได้เกิดจากใจที่เมตตา ใจที่บริสุทธิ ใจที่หวังอยากให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ แบบนี้ยิ่งทำไปจิตใจคนที่ทำก็จะยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ยิ่งยึดติดกับความโลภมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้แหละ มันก็เลยมีลัทธิอยู่ลัทธินึงที่แอบอ้างพระพุทธศาสนา เอาเรื่องบุญมาทำมาหากินกับคนไทย สอนให้คนไทยทำบุญเยอะๆว่ายิ่งทำ ก็จะยิ่งรวย ยิ่งทำก็ยิ่งได้ ทำแล้วได้ไปอยู่สวรรค์ ได้สุขสบาย คนไทยหลายๆคนก็เลยหลงไปกับการทำบุญ ทำบุญจนเกินตัวเกินพอดี ไม่อยู่ในทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้(ลัทธินี้ผมเคยไปหลายรอบนะ แต่ไม่เคยเชื่อ ไม่เคยรู้สึกศรัทธาเลย)

อีกเรื่องนึงก็คือความเชื่อเรื่องถ้าลูกชายบวช พ่อแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ด้วยความเชื่อนี่แหละ ทำให้คนที่ไม่ได้อยากบวชจริงๆต้องมาบวช บวชแต่กาย แต่ไม่ได้บวชที่ใจ บวชแล้วก็ทำตัวเหมือนฆราวาส ไม่ได้ตั้งใจศึกษาธรรมมะ ส่วนพ่อแม่ที่หวังจะได้เกาะผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ เมื่อลูกชายจะบวชให้ ก็ดีใจจัดงานเลี้ยงบวชนาคซะใหญ่โต บันเทิง สนุกสนาน มีเงินเท่าไหร่ก็เลี้ยงเต็มที่ หมดเงินเป็นแสนๆก็ยอม โดยไม่อยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่ายเลย

เรื่องทำบุญปล่อยสัตว์ก็เหมือนกัน หลายๆคนปล่อยสัตว์เพื่อทำความสบายใจ ได้บุญ โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าสัตว์ที่ปล่อยไปจะรอดมั้ย จะตายมั้ย ไม่ได้สนใจว่าเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้าที่จับสัตว์มาขายเพื่อให้คนซื้อเอาไปปล่อยเลย

ส่วนเรื่องบาป มีอยู่เรื่องนึงคือเรื่องพระภิกษุ หลายๆคนจะไม่กล้าต่อว่าพระ ถ้าพระรูปนั้นๆทำเรื่องไม่ถูกต้องเพราะกลัวว่าถ้าไปต่อว่าพระเข้าจะเป็นบาป ตกนรก พระไหนเป็นพระจริงพระไหนเป็นพระปลอม ก็ปล่อยไปทำไม่รู้ไม่ชี้ไมรู้ไม่ชี้ไม่กล้าจัดการ ไม่กล้าต่อว่า ไม่ใช่หน้าที่ของฆราวาส ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสงฆ์อย่างเดียว แทนที่ชาวพุทธน่าจะช่วยกันสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตา แต่กลับนิ่งเฉย คนรุ่นใหม่ๆหลายๆคนก็เลยไม่นับถือพระ(ผมก็เหมือนกัน) เพราะมีพระทำตัวไม่ดีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด

สุดท้ายนะ ผมว่าถ้าคนเราละเว้นความชั่วเพราะกลัวบาป กลัวตกนรก ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ถ้าจะให้ดีกว่า ผมว่าถ้าคนเรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักใจเขาใจเรา มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าทุกชีวิตก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกับเรา รักชีวิตเหมือนกับที่เรารักชีวิต เราก็จะไม่ไปทำลายชีวิตใคร ไม่ทำร้ายใคร โลกนี้ก็จะสงบและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 9325
ที่อยู่: ร่องนม อิอิ
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:05 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ศีล 5 ได้ทุกคน คุกก็ร้างละครับ
0
0
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป๙

Glory Glory Man United



เข้าร่วม: 11 Jan 2015
ตอบ: 3421
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:12 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
อาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้โดยตรงนะ

คือผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ แต่ก็พยายามจะทำตัวให้ดีกับคนอื่นอยู่ตลอด พยายามไม่ทำอะไรให้เดือดร้อนใคร(จริงๆรวมพวกสัตว์อะไรด้วยแหละ)

ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะความเห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราแค่นี้แหละ ถ้าเราไม่ชอบอะไรก็อย่าไปทำแบบนั้นกับคนอื่น ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย

สำหรับพวกบาปบุญ กรรมตามสนองอะไรงี้ ผมคิดเปรียบเทียบเอาเองกับชีวิตจริงว่ามันก็เหมือนกับการที่ว่า ถ้าเราทำไม่ดีกับคนอื่น คนอื่นก็มีแนวโน้มที่จะทำไม่ดีกับเราคืน แต่ถ้าเราทำดีกับเขา เขาก็มีโอกาสที่จะทำดีกับเราคืน ง่ายๆแค่นี้

ซึ่งจริงๆมันก็อาจจะไม่เสมอไป เราทำดีกับเขา เขาก็ทำไม่ดีกับเราได้ หรือถ้าเราทำไม่ดีกับเขา แต่เขาก็อาจจะทำดีกับเราก็ได้ แต่มันก็เป็นการเพิ่มแนวโน้มว่าเราจะมีโอกาสได้รับการกระทำแบบไหนคืนจากการกระทำที่เราแสดงออกไป "ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น" ผมว่าชีวิตมันก็ประมาณนี้
MUFC

เข้าร่วม: 01 Feb 2009
ตอบ: 17330
ที่อยู่: on board
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:14 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
เมนหลักของพุทธผมมองว่า ไม่ได้บรีฟให้คนกังวลกับระบบบาปบุญ เพื่อเสวยผลในภพหน้านะ แต่แนวทางสอนผมว่าเกือบทั้งหมดอ่ะ เพื่อให้คนปฎิบัติเข้าใจโลกและก็อยู่ในสังคมอย่างเป็นสุขนะ เอาจริงๆผมว่าเขาเขียนมาเป็น how to เลยด้วยซ้ำ แค่ลองหยิบมาทำเองดู ถ้าไม่เกิดผล คุณก็เมินศาสนานี้ไปได้เลย

ส่วนตัวผมลองทำกับตัวเองแล้วชอบนะ มันรู้สึกว่าได้ผลอ่ะ เรื่องทำบุญอะไรนี่ สำหรับมาทีหลัง ชาติหน้ามีจริงมั้ยไม่รู้แต่ขอผลชาตินี้ก่อนล่ะ

ลองดูครับ ศึกษาเอง พระทำตัวแย่ๆก็อย่าไปดู พระดีๆก็มีให้ดู
เข้าร่วม: 24 Jul 2009
ตอบ: 7341
ที่อยู่: ก็ที่นั่นไง
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:18 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ส่วนตัวผมวัดที่การกระทำครับ แต่งตัวปกติแต่ทำตัวดีทั้งต่อหน้าและลับหลังผมนับถือมากกว่าพวกโล้นห่มเหลืองครับ ผมวัดที่ตรงนั้นแต่หากคนอื่นจะมีมาตรวัดใด ๆ แบบอื่นก็บังคับกันไม่ได้

จริง ๆ แล้วการที่บอกว่าห้ามด่าคนมีบุญ ห้ามวิจารณ์คนมีบุญจะเป็นบาปหนักหนาแบบนั้นมันเป็นเรื่องไร้สาระครับ เพราะเรื่องนี้โดนนำไปใช้ประโยชน์ผิด ๆ คือใช้เป็นเกราะป้องกันพวกที่มาหากินในผ้าเหลืองกับศาสนา เวลามีอะไรก็บอกว่าอย่าด่ากูนะกูเป็นพระกูคือผู้ทรงศีล เอามาเป็นเพราะป้องกันความเลวตัวเอง

มันมีเรื่องตลกร้ายอยู่อันนึงคือมีเพื่อนแม่ผมคนนึงบอกว่าเป็นผู้มีความรู้ทางจิตวิญญาณและแม่ผมก็เชื่อ ผมก็ไม่อะไรนะเพราะเห็นว่าทำตัวดีอยู่คือออกแนวหาเงินสร้้างโบสถ์หรือทำอะไรบุญ ๆ โดยไม่เอาประโยชน์เข้าตัวเอง

เรื่องมันมาฮาตรงที่ว่าวัดที่เค้าไปสร้างโบสถ์ให้อันหลังสุดมีลุงเค้าเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลังจากโบสถ์สร้างเสร็จได้ไม่นานก็ความแตกเป็นข่าวดังไปพักนึงช่วงนั้น คือเป็นเจ้าอาวาสที่แอบยักยอกเงินวัดไปใช้ส่วนตัว ที่สำคัญมีเมียกินนอนในกุฏิในวัดด้วย คืออยู่กินแบบคนในวัดรู้หมดชาวบ้านรู้หมดแต่มีคนเดียวที่ไม่รู้ (หรือแกล้งไม่รู้) คือหลานที่อ้างว่าเป็นผู้มีความรู้ทางจิตวิญญาณนี่แหละครับ



รู้เห็นทุกอย่างยกเว้นเรื่องของลุงตัวเอง
0
0
"ผู้ชายทุกคนอยากได้ภรรยาที่ดีพร้อมแต่น้อยคนที่ทำตัวให้ดีพอที่จะได้จริง ๆ" - นิรนาม

"ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้เกิดจากการไม่เคยล้มเลยหากแต่เกิดจากการลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม" ขงจื๊อ

"อยู่ห่างจากคนคิดลบไว้ เพราะสำหรับเค้าทุกทางแก้ล้วนมีแต่ปัญหา" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เข้าร่วม: 23 Jan 2011
ตอบ: 14483
ที่อยู่: ดาวลูกไก่
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:28 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
หลายๆคนเรียกบาปบุญ

ผมมองว่าเหมือนตราชั่งนะครับ ไม่ว่าจะทำอะไร สุดท้าย สองฝั่งต้องเท่ากัน

เราดีกับใคร เค้าก็ดีกับเรา หรืออย่างน้อยก็ไม่ร้ายต่อเรา
0
0
"Erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi"

เข้าร่วม: 28 Oct 2008
ตอบ: 9861
ที่อยู่: anfield road
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:28 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ผม อาจตอบไม่ได้ชัดๆ ว่าเชื่อหรือไม่เรื่องบาปบุญ

คือผม เฉยๆน่ะ

แต่ผมเชื่อเอง ว่าความดีในทุกศาสนา หรือไม่มีศาสนา ก็เหมือนกันนะ คือมันสบาย
ไม่ทำใครเดือดร้อน



หลวงปู่ชาเคยบอกว่า เชื่อมั่น ยึดมั่น ในบาป บุญ มากๆ ก็ทุกข์นะ
คุณ อุ๋ย บุดด้าเบลส ผมไปเจอในงาน สุขสันต์วันตาย
พี่แกบอกว่า ทำดี มันก็ดีตั้งแต่ตอนทำแล้วไง แล้วจะรออะไร รอตอนไหน

ปล. ที่ผมเชื่อคนเหล่านี้ เพราะเค้าไม่ได้รู้แต่ธรรมไง ทางโลกเค้าก็ไปจนสุด จนเบื่อแล้ว
เหมือนพพจ.น่ะแหละ เค้าได้ทุกอย่างจนเห็นว่ามัน น่าเบื่อ ไม่สุด ไม่ล้ำ มันมีอะไรที่น่าค้นหาอีก มากกว่า

ปล. คนที่ไล่แต่ชาวบ้านเข้าวัดน่ะ ด่าคนโน้นคนนี้ไม่ดี ( แถวบ้านผมมีบ่อย )
อันนี้แหละ ผมอย่างเซ็งเลย ไม่ต้องเข้าหรอกวัดน่ะ ถ้าใจตัวเองยังบริหารจัดการไม่ได้เลย ทำดี ทำอยู่ไหนมันก็ดี ไม่ต้องแต่วัดหรอก
1
0
การไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาในบางคราว ก็เป็นพรอันประเสริฐ - องค์ทะไลลามะ
เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 30800
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:29 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ผมว่าบาปบุญเป็นนามธรรมนะ แล้วแต่ตีความ
0
0
Eric 'The King' Canto
เข้าร่วม: 14 Oct 2010
ตอบ: 448
ที่อยู่: เลวานดี้มหัศจรรย์จุงเบย!
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:31 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
สิ่งที่ทำแล้วจิตใจสงบสุขชุ่มชื่น สามารถบอกผู้อื่นอย่างสง่างามและเปิดเผย นั่นคือบุญ

ส่วนบาป คือสิ่งที่ทำแล้วใจฟุ้งซ่านไม่สงบเย็น ต้องปกปิดไว้เปิดเผยออกไปก็หวั่นไหวภายในใจ

จิตที่เมตตาอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนคือดวงจิตปุถุชนในระดับสูงที่สุด เป็นจิตใจที่ทุกชีวิตควรทรงไว้ในทุกลมหายใจเข้าออก

การทำความดีหากเจือไปด้วยเจตนาที่แฝงไปด้วยความอยาก ความดีนั้นย่อมไม่ไก้รับผลในระดับสูงสุด

เช่นคนทำบุญเอาหน้า แต่พอทำแล้วไม่มีใครชมเชยเลยเกิดร้อนใจ นี่เองที่ท่านว่าทำบุญกลับได้บาป เป็นลักษณะของคนที่ทำบุญไม่เป็นเหตุก็เพราะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าบุญ

เรื่องเวรกรรมนั้นมองได้ทุกมิติ กรรมบางอย่างให้ผลทันทีเราก็แจ่มแจ้ง แต่กรรมบางอย่างอาจกินเวลายาวนานกว่าจะให้ผล หากดวงตาของเราไม่ยาวไกลจริงๆก็จะเกิดความสงสัย และบางทีก็มักจะใช้อคติส่วนตัวที่เนื่องด้วยความไม่รู้แต่กลับกล้าสรุปเรื่องนั้นๆอย่างเป็นตุเป็นตะ

เหมือนเรื่องวิทยาศาสตร์ที่หลายคนถือเป็นจริงเป็นจังว่าคือที่สุดของความรู้ แต่ที่ผ่านมากลับพบว่าทฤษฎีอันมีชื่อเสียงทั้งหลาย เมื่อกาลเวลาผ่านไป 100 200 300 ปีก็ค้องถูกล้มไปเพราะมีคนไปเจอข้อมูลที่น่าเชื่อถือกว่า ทั้งๆที่เราถือว่าวิทยาศาสตร์คือเครื่องมือที่ใช้ยืนยันสัจจะธรรมต่างๆได้ แต่ตัววิทยาศาสตร์เองกลับเต็มไปด้วยความแปรปรวนหาข้อยุติที่แท้จริงไม่ได้ ซ้ำร้ายเรายังพยายามเผยแพร่ความรู้ที่บางคนค้นพบและคิดว่าจริงให้ขยายวงกว้างไปในสังคมทั้งๆที่ความเชื่อนั้นในที่สุดก็ต้องถูกล้มล้างไป

ป๋าชูอาร์แซนเวนเกอร์มหัศจรรย์จุงเบย!
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 5816
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:34 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ที่พระพุทธเจ้าทรงเน้น ยิ่งกว่าบุญ ยิ่งกว่าความรู้ทางธรรม คือสติครับ
เข้าร่วม: 06 Apr 2017
ตอบ: 357
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:49 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
Spoil
yaibathai พิมพ์ว่า:
หลายๆท่านอาจจะเห็นผมชอบตั้งกระทู้เกี่ยวกับลิเวอร์พูล คอมเม้นแซวลิเวอร์พูล จนผมนี่โดนเรื้อนเป็นประจำเลย แต่วันนี้ผมจะพูดในเรื่องที่แบบในชีวิตจริงไม่น่าจะมีใครฟังผมซักเท่าไหร่ เพราะผมไม่ใช่คนเข้าวัด ทำบุญ ไม่ได้เป็นคนธัมมะธัมโม แถมยังหื่น ลามก บ้ากามอีก รับประกันด้วยทัณฑ์บน ก่อนหน้านี้ก็โดนใบเหลืองอีก แต่วันนี้ผมอยากจะพูดในเรื่องนามธรรมที่เรียกว่าบุญและบาป โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่รู้สึกอินกับเรื่องบุญ เรื่องบาป นะ เวลาจะทำอะไรผมไม่เคยสนใจเรื่องบุญ บาป เลย จะได้บุญหรือได้บาบผมก็ไม่สนใจ ผมเลยมีมุมมองต่อเรื่องของบุญ บาป ในแง่มุมนึงคือ

ในแง่ที่ดีก็คือทำให้คนทำความดี ละเว้นความชั่ว

ส่วนในอีกแง่นึง ผมมองว่าเรื่องบาป บุญ มันก็ไม่ได้ทำให้จิตใจของคนเราสูงขึ้นมาเหมือนกัน คือถ้าคนเราให้ทาน บริจาค หรือทำสิ่งต่างๆ เพื่อหวังจะได้บุญ ได้ไปเสพสุขบนสวรรค์ หรือหวังว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาสบาย แบบนี้ก็จะเป็นการทำไปด้วยจิตใจที่หวังสิ่งตอบแทน ทำไปด้วยความโลภ ความเห็นแก่ตัว โดยไม่ได้เกิดจากใจที่เมตตา ใจที่บริสุทธิ ใจที่หวังอยากให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ แบบนี้ยิ่งทำไปจิตใจคนที่ทำก็จะยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ยิ่งยึดติดกับความโลภมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้แหละ มันก็เลยมีลัทธิอยู่ลัทธินึงที่แอบอ้างพระพุทธศาสนา เอาเรื่องบุญมาทำมาหากินกับคนไทย สอนให้คนไทยทำบุญเยอะๆว่ายิ่งทำ ก็จะยิ่งรวย ยิ่งทำก็ยิ่งได้ ทำแล้วได้ไปอยู่สวรรค์ ได้สุขสบาย คนไทยหลายๆคนก็เลยหลงไปกับการทำบุญ ทำบุญจนเกินตัวเกินพอดี ไม่อยู่ในทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้(ลัทธินี้ผมเคยไปหลายรอบนะ แต่ไม่เคยเชื่อ ไม่เคยรู้สึกศรัทธาเลย)

อีกเรื่องนึงก็คือความเชื่อเรื่องถ้าลูกชายบวช พ่อแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ด้วยความเชื่อนี่แหละ ทำให้คนที่ไม่ได้อยากบวชจริงๆต้องมาบวช บวชแต่กาย แต่ไม่ได้บวชที่ใจ บวชแล้วก็ทำตัวเหมือนฆราวาส ไม่ได้ตั้งใจศึกษาธรรมมะ ส่วนพ่อแม่ที่หวังจะได้เกาะผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ เมื่อลูกชายจะบวชให้ ก็ดีใจจัดงานเลี้ยงบวชนาคซะใหญ่โต บันเทิง สนุกสนาน มีเงินเท่าไหร่ก็เลี้ยงเต็มที่ หมดเงินเป็นแสนๆก็ยอม โดยไม่อยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่ายเลย

เรื่องทำบุญปล่อยสัตว์ก็เหมือนกัน หลายๆคนปล่อยสัตว์เพื่อทำความสบายใจ ได้บุญ โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าสัตว์ที่ปล่อยไปจะรอดมั้ย จะตายมั้ย ไม่ได้สนใจว่าเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้าที่จับสัตว์มาขายเพื่อให้คนซื้อเอาไปปล่อยเลย

ส่วนเรื่องบาป มีอยู่เรื่องนึงคือเรื่องพระภิกษุ หลายๆคนจะไม่กล้าต่อว่าพระ ถ้าพระรูปนั้นๆทำเรื่องไม่ถูกต้องเพราะกลัวว่าถ้าไปต่อว่าพระเข้าจะเป็นบาป ตกนรก พระไหนเป็นพระจริงพระไหนเป็นพระปลอม ก็ปล่อยไปทำไม่รู้ไม่ชี้ไมรู้ไม่ชี้ไม่กล้าจัดการ ไม่กล้าต่อว่า ไม่ใช่หน้าที่ของฆราวาส ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสงฆ์อย่างเดียว แทนที่ชาวพุทธน่าจะช่วยกันสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตา แต่กลับนิ่งเฉย คนรุ่นใหม่ๆหลายๆคนก็เลยไม่นับถือพระ(ผมก็เหมือนกัน) เพราะมีพระทำตัวไม่ดีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด

สุดท้ายนะ ผมว่าถ้าคนเราละเว้นความชั่วเพราะกลัวบาป กลัวตกนรก ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ถ้าจะให้ดีกว่า ผมว่าถ้าคนเรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักใจเขาใจเรา มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าทุกชีวิตก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกับเรา รักชีวิตเหมือนกับที่เรารักชีวิต เราก็จะไม่ไปทำลายชีวิตใคร ไม่ทำร้ายใคร โลกนี้ก็จะสงบและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
 
 



คุณเข้าใจผิดทั้งหมดเลย ไม่น่าเชื่อ
แสดงให้เห็นว่าคุณ ยังไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง

1.เลย บาปบุญมี 100% ทำชาตินี้ส่งผลชาติหน้าแน่นอน
2.ใครทำบุญหวังผลชาติหน้าอะไรของคุณ ถ้าคนที่เข้าใจหลักศาสนาที่แท้จริง
คำว่าหวังในชาติหน้า นั่นหมายถึงว่าความสุขที่แท้จริง คือการหลุดพ้น
เกิดมาในภพภูมิที่ดีก่า นั่นคือการเข้าสู่ทางที่ถูกต้อง หมายถึงบุญกรรมในชาติก่อนส่งผลมาถึงชาตินี้ และยิ่งทำบุญเรื่อยๆไปทุกชาติที่ดีกว่า มันก็ยิ่งทำให้เราเข้าใกล้การหลุดพ้นมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งพระพุทธเจ้าต้องเกิดถึง 10 ภพภูมิถึงหลุดพ้นได้
3.การบวช เป็นสิ่งที่่คนเป็นลูกควรพึงกระทำ ไม่ใช่ขี้เกียจตัดผม ขี้เกียจต่างๆนานๆแล้วมาหาเหตุผลว่า บางคนทำแล้วก็ไม่เห็นดีอะไร ไม่เกี่ยวครับ หนึ่งเลย คุณเป็นคนนอกไม่ต้องไปสนใจเขา
ว่าใครจะเมาใครจะจ่ายตังสิ้นเปลืองอะไร สองคือในอดีตรวมถึงปัจจุบันหลายๆคนบวชแล้วไม่สึกก็มีเยอะครับ เข้าใจหลักธรรมคำสอนต่างๆมากขึ้น ผลบุญส่งต่อถึงพ่อแม่ครับ
เพราะนั้นไม่แปลกที่เราต้องตอบแทนคุณ

และอีกมากมาย เหมือนคุณยังเข้าใจอะไรเพี้ยนๆไปหมด
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 6096
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:53 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ความกลัวบาปไม่ใช่เรื่องที่ดีครับ เพราะความจริงแล้วค้องเป็นความละอายต่อบาป

ทำกรรมอะไรสักอย่างแล้วหวังผล ไม่ใช่โดยบริสุทธิ์ใจอาจจะได้บุญก็จริง
แต่คงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะใจคุณคิดไปว่าทำเพื่อผลตอบแทน

การทำบุญ ทำทาน เนื้อแท้แล้วคือการยกระดับจิตใจโดยแท้จริง
ให้ทาน เพื่อให้คนได้รับมึความสุขและเราก็ได้สุข
ไม่ใช่ให้ทานเพื่อหวังว่าสักวันเค้าจะมาตอบแทนเรา

ยกตัวอย่าง หากคุณให้ทานใครสักคนแล้วคุณอยากได้ผลตอบแทน
ใจคุณก็จะพะวงเมื่อไหร่จะได้รับผล หรือมัวแต่หวังว่าสักวันจะได้คืน
แบบนี้ใจคุณก็จะมีแต่ทุกข์ล่ะ เพราะมัวแต่หวังให้คนอื่นทำดีกับคุณบ้าง

กลับกันหากคุณให้ใครสักคนโดยไม่หวังผลตอบแทน
คุณก็ไม่ค้องมานั่งพะวง หรือ หวังให้เค้ามาตอบแทนคุณ
คุณระลึกว่าคุณเคยทำดี คุณมีความสุข มันจบหมดแล้ว

การทำบุญที่ถูกต้องคือการให้โดยไม่คาดหวังอะไรครับ
1
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 482
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 4:55 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
มันอยู่ที่ความเข้าใจด้วยนะ ถ้าเข้าใจนี่ทำอะไรก็เป็นบุญไปหมด
ถ้าไม่เข้าใจนี่บางทีทำบาปอยู่ยังหลงนึกว่าตัวทำบุญ
0
0
เข้าร่วม: 29 Mar 2010
ตอบ: 1723
ที่อยู่: ที่ใดก็ได้อยู่ที่ใจนั้นสุขไหม
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 5:36 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
ในมุมมองของผม บาปบุญและกรรม ผมเชื่อนะครับ

แล้วก็ในมุมมองของผม จขทก ลองอ่านหรือศึกษาดูดีๆนะครับ หรือถ้าไม่เข้าใจลองถามปํญหาที่ท่านสงสัยดูนะครับ ท่านจะได้คำตอบจากบุคคลที่ศึกษาหรือปฏิบัติจริง

แต่ถ้าไม่มีเวลาหรือโอกาส ลองถือศีล 5 ทุกๆวันดูนะครับ เอาง่ายๆเลย ลองปฏิบัติและศึกษาให้เข้าใจดู ที่เล่าให้ฟังแบบนี้เพราะผมก็ทำและปฏิบัติ จากง่ายๆนี่แหละ ศีล 5 ซึ่งยากมาก

ปล.ทั้งหมดนี้มันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเองนะครับ
0
0
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 29990
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 5:40 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
เอิ่มม
0
0
เข้าร่วม: 17 Feb 2015
ตอบ: 5166
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 9:18 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
กฏแห่งกรรม คล้ายกับกฏข้อสามนิวตัน
มีกิริยา ปฏิกิริยา สะท้อนกลับ

ส่วนบาปบุญ เป็นการขยายกำลังของสิ่งเหล่านี้อีกที


ผมเข้าใจตามนี้
0
0
เข้าร่วม: 07 Apr 2009
ตอบ: 10472
ที่อยู่: มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 10:25 pm
[RE: ความเชื่อเรื่องบาป บุญ ผมมองว่ามันเป็นเหมือนดาบสองคมนะ]
* ผมมองแบบท่านเลย ผมก็ไม่ได้คนธรรมะธรรมโมอะไร คือศรัทธานะ แต่ไม่ได้เชื่ออะไรขนาดนั้น และก็ไม่ได้ลบหลู่อะไรด้วย


อย่างเรื่องบวชเนี้ย ผมเห็นเพื่อนผมนี่มีอยู่ 2 คน คนนึงนี่บวชเพราะแม่อยากให้บวช แต่โทรคุยกับแฟนทุกวัน มันบอกตอนบวชนี่อยากสึกชิบหาย เข้าใจคำว่าผ้าเหลืองร้อนอะไรแบบนี้


อีกคนนึงแต่ก่อนดูโอ้กัน พอมีแฟนหายหน้าหายตาไป แล้วก็ตัดสินใจจะบวช ก่อนบวช 2-3 เดือนไม่ไปไหนกับเพื่อนฝูง อยู่แต่กับแฟน อ้างจะบวชโน่นนี่นั่น เด่วอันตรายตามโบราณว่า เคร่งเต็มที่ ผมก็เห็นมันตะลอนๆ ไปนั่นนี่กับแฟน


พอแม่งบวชผมก็เห็นเล่นไลน์ทักมาหาผม ตกดึกเล่นเฟซบุ๊ค ผมแบบเ-ี้ยไรของมืงวะ


ผมเลยมองว่ามันตลกอะ พูดอย่างทำอย่าง แบบถ้าไม่พร้อมอย่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบวชเลยจริงๆ เปลืองเงิน เพราะจัดงานที่ใหญ่โต แต่พอไปบวชจริงๆ แม่งก็ไม่ได้เคร่งอะไรอย่างที่ว่าเลย


ยิ่งมีอีกคนนึง เพื่อนสมัยมหา'ลัย อันนี้มันคุยกับผมว่าไม่มีศาสนาผมก็สนทนาเอาความรู้จากมันนะ อยากรู้แง่มุม แม่งบอกที่บวชเพราะแม่อยากให้บวช ก็บวชๆ ไปให้ผู้ใหญ่สบายใจ มันบอกตอนบวชชักว่าวทุกวัน ผมนี่แบบกำ เลยจบบทสนทนาเลย
0
0