#### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน soccersuck.com####

15 June 2017 02:03 PM by jedi

ก้าวต่อไปของ “ราเยวัช”

1 แต้มจากเกมรับของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบียที่พาทีมชาติไทยเสมอ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ 1-1 ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย นัดที่ 8 ยังมีเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่อง

กระแสหลังจบเกมออกมาค่อนข้างดีทีเดียว ส่วนใหญ่ต่างซูฮกยกนิ้วชม “ราเยวัช” ทั้งอวยแบบเวอร์และเชิดชูอย่างพองาม แต่ก็มีบางส่วนที่ออกแนวติเตียนไม่ประทับใจ ถือเป็นเรื่องปกติของการ “มองต่างมุม”

ขออนุญาตไม่วิพากษ์อะไรเพิ่มเติมมากมายนักนะครับ โดยเฉพาะเรื่องแทกติก รูปแบบการเล่น หรืออะไรที่เป็นในแง่ของเทคนิคแบบลึกซึ้งละเอียดยิบ เดี๋ยวจะโดนข้อหา “โค้ช คีย์บอร์ด ไลเซนส์” เสียเปล่าๆ !!!

แต่จากที่เห็นคงบอกได้ว่าเป็นเกมที่อึดอัดทั้งของนักฟุตบอลและกองเชียร์ เพราะตลอดทั้งเกมทีมชาติไทยเน้นเกมรับเป็นหลัก นักเตะต้องเล่นเกมรับอย่างมีวินัย กองเชียร์ต้องอดทนรอ ทว่าสุดท้ายแล้วถือเป็นผลการแข่งขันที่น่าพอใจ

คำว่า “น่าเสียดาย” อธิบายอารมณ์ความรู้สึกของเกมระหว่าง ไทย กับ ยูเออี ได้ดีที่สุด เพราะ “ช้างศึก” เกือบสร้างประวัติศาสตร์ชนะนัดแรกในรอบนี้แล้วแท้ๆ แต่มาโดนตีเสมอในช่วงก่อนหมดเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ

ส่วนรูปแบบการเล่นแบบเน้นรับแน่นเป็นแนวทางที่ “ราเยวัช” บอกเอาไว้แต่แรกที่เข้ามารับงานทำทีมชาติไทยอยู่แล้ว บวกกับสถานการณ์ปัจจัยแวดล้อมต่างๆก็ถือว่าไม่แปลกที่จะวางกลยุทธ์แบบนั้น

“ราเยวัช” เพิ่งเข้ามาทำทีมในระยะเวลาเพียงไม่นาน การเตรียมทีมมีเวลาน้อย อีกทั้งผู้เล่นตัวหลักหลายรายมีทั้งอาการบาดเจ็บและถอนตัวทำให้สภาพไม่ฟูลทีม รวมถึงมาตรฐานของคู่แข่งขันที่เหนือกว่าและเล่นกันมานานทำให้ไทยเป็นรอง

ดังนั้นการเอาตัวรอดด้วยการเก็บ 1 แต้มได้ในรอบนี้ต้องถือว่าสอบผ่านแล้ว ส่วนฟอร์มการเล่นจะประทับใจหรือไม่อย่างไรคงต้องแล้วแต่มุมมอง แต่ส่วนตัวแล้วมองว่าก้าวแรกของ “ราเยวัช” ทำผลงานได้น่าชื่นชม

สิ่งทีน่าสนใจหลังจากนี้คือก้าวต่อไปของ “ราเยวัช” กับทีมชาติไทยมากกว่า เพราะยังมีการบ้านที่ต้องทำอีกหลายอย่างเพื่อยกระดับฟุตบอลไทยให้พัฒนาต่อไป หลังจากนี้กุนซือชาวเซอร์เบียจะมีเวลาในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

วิธีการทำงานของ “ราเยวัช” ถือว่าน่าชื่นชมและสนับสนุนมากๆครับ ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์กี่ครั้งก็ยึดมั่นในแนวทางที่จะเข้าไปดูเกมลีกให้มากที่สุดเพื่อดูฟอร์มของนักเตะแต่ละคน และยืนยันว่าทุกคนต้องมีการแข่งขันกันเพื่อมาติดทีมชาติไทย

จาก 2 นัดแรกที่คุมทีม “ราเยวัช” แสดงให้เห็นชัดว่าทุกคนมีสิทธิ์ติดทีมชาติไทย นักเตะหน้าใหม่ก้าวเข้ามาติดทีมชาติไทยและทำผลงานได้ดีด้วยเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชมในตัวของกุนซือใหม่ป้ายแดงของทีมชาติไทย

ส่วนรูปแบบการเล่นที่หลายคนเกรงว่าฟุตบอลไทยจะกลายเป็นสไตล์ “รถบัส” นั้นไม่ต้องเป็นห่วง “ราเยวัช” ยืนยันว่าจากนี้ไปจะพัฒนาเกมบุกให้มีประสิทธิภาพด้วย คือไม่ใช่รับอย่างเดียวแต่จะมีเกมโต้กลับหรือทำเกมบุกที่ดีด้วย

“ราเยวัช” บอกว่าถ้าเจอทีมในระดับที่สูงกว่าก็จำเป็นที่จะต้องเน้นเกมรับ แต่ถ้าเจอทีมมาตรฐานใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่าแน่นอนว่า “ช้างศึก” ต้องเปิดบุกเข้าใส่ ดังนั้นไม่ต้องวิตกกังวลกันไปว่าสไตล์ฟุตบอลไทยจะน่าเบื่อ

สำหรับภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้า “ราเยวัช” มีคิวที่จะต้องพาทัพ “ช้างศึก” ลงเตะฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ในเดือนกรกฎาคม ส่วนฟุตบอลโลก 2018 ยังเหลืออีก 2 เกมเปิดบ้านพบ อิรัก วันที่ 31 ส.ค.และไปเยือน ออสเตรเลีย วันที่ 5 ก.ย.

หลังจากนี้ “ราเยวัช” จะมีเวลาพิจารณาตัวนักฟุตบอลเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผู้เล่นตัวหลักที่ถอนตัวและบาดเจ็บน่าจะฟิตกลับมาทันในภารกิจที่รออยู่ ดังนั้นจึงน่าสนใจมากๆว่าเมื่อทุกอย่างพร้อมเต็มร้อยแล้วทีมชาติไทยจะไฉไลขนาดไหน

ภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้าคือการพิสูจน์ฝีมือของ “ราเยวัช” และทีมงานครับ การเปิดตัวบุกพ่าย อุซเบกิสถาน 0-2 และกลับมาเล่นในบ้านเสมอ ยูเออี 1-1 เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น แต่ก้าวต่อไปนี่ละสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว

ไม่ต้องไปซีเรียสกับกระแสหรือจำนวนแฟนบอลที่บางตาลงไปจากวันวาน เชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ทัั้งประเทศยังคงให้กำลังใจทีมชาติไทยและพร้อมสนับสนุน “ราเยวัช” เพื่อนำทัพ “ช้างศึก” เดินหน้าต่อไป

ทีมชาติไทย…..ใครไม่เชียร์ กูเชียร์ครับ

“บับเบิ้ล”