ฟุตบอลไทยกำลังตื่นเต้นกับ “ของใหม่” เมื่อ มิโลวาน ราเยวัช เปิดตัวคุมทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เรียบร้อยแล้ว กุนซือเซอร์เบียไฟแรงตั้งแต่รับงานเลยทีเดียวครับ แผนงานตระเวณดู “ไทยลีก” วางไว้ยาวจนหมดเลคแรกแล้ว

หลายคนต่างตั้งคำถามว่าโฉมหน้าค่าตาทัพ “ช้างศึก” ภายใต้การคุมทีมของ ราเยวัช จะเป็นอย่างไร ตรงนี้ตอบได้ยากจริงๆ ที่แน่ๆคำว่า “ถูกใจ” คงใช้ไม่ได้กับทุกคน ดังนั้นโปรดอดใจรอชมว่านักเตะทีมชาติไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากหรือน้อย

อยากเห็นเหมือนกันละครับว่า ราเยวัช จะเลือกใครมาติดโผทีมชาติไทยบ้าง ทุกวันนี้ลีกไทยผลิตทรัพยากรนักเตะขึ้นมามากมาย เมื่อเปลี่ยนโค้ชใหม่ก็ “เซตซีโร่” เริ่มต้นใหม่ แต่ทีมชาติไทยโฉมใหม่จะไฉไลแค่ไหนอีกไม่ช้าไม่นานคงได้รู้กัน

เอ่ยถึงไทยลีกแล้วรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นใหญ่ๆ 1-2 ข่าวที่น่าสนใจ ไล่มาตั้งแต่ลีกบนอย่าง “ไทยลีก” ที่มีโค้ชตกงานเป็นคนที่ 5 หลัง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ถูก ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง ที่ตัวเองพาทีมขึ้นชั้นมาสั่งปลด

เรื่องปลดโค้ชถือว่าปกติครับ ฟุตบอลที่ไหนทั่วโลกมีการปลดกันเป็นธรรมดา สำหรับลีกไทยที่ถือเป็น “ลีกกินโค้ช” ยิ่งธรรมดาใหญ่ แต่กรณีของ “โค้ชโต่ย” อาจจะไม่ธรรมเท่าไรเพราะได้ข่าวว่าจบไม่สวย !!!

ถึงตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเคลียร์กันจบหรือยัง เอาเป็นว่าภาพรวมๆที่อยากกล่าวถึงคือ “ค่าชดเชย” มากกว่า เพราะทั้งผู้ฝึกสอนไทยและนักฟุตบอลไทยดูจะถูก “เอาเปรียบ” มาตลอด ประมาณว่าฉีกสัญญา ยกเลิกสัญญากันดื้อๆ

กรณีแบบนี้อยู่ที่มุมมองครับ เท่าที่ได้สัมผัสคนในวงการมองกันต่างมุม บางมุมบอกว่ายอมๆไปให้มันจบจะได้ไม่ทะเลาะกันแล้วหางานใหม่ได้ วงการนี่แคบเดี๋ยวก็เจอกันอีก แต่อีกมุมบอกว่าอย่าไปยอม ต้องเรียกร้องเพื่อความถูกต้อง

ผมเห็นด้วยกับมุมหลังมากกว่า ไม่งั้นโค้ชและนักเตะไทยจะถูกเอาเปรียบไม่เลิก จริงๆแล้ว “คดีตัวอย่าง” มีอยู่หลายคดีแล้วเหมือนกัน แต่ที่ไม่เป็นคดีมีเยอะกว่ามาก ตรงนี้หากคิดว่ายอมๆกันไปก็คงจะมีเรื่องทำนองนี้อีกมากมาย

เมื่อจรดปากกาเซ็นสัญญาร่วมงานกันต้องยึดถือรายละเอียดในสัญญาเป็นหลัก หากจะบอกเลิกหรือยกเลิกสัญญาต้องมีค่าชดเชยตามกฎหมาย หากไม่ได้ตามนั้นต้องพึง “ศาล” และกระบวนการตามกฎหมายครับ

คดีทำนองนี้จะไปจบที่ “ศาลแรงงาน” ส่วนใหญ่ลูกจ้างมักชนะ เท่าที่รู้ตอนนี้มีอยู่ 1 คดีของฟุตบอลไทยที่นัดฟังคำพิพากษาในเดือนมิถุนายน หากสรุปเมื่อไรจะเป็นข่าวใหญ่และเป็นคดีตัวอย่างแน่ เพราะสโมสรที่เป็น “จำเลย” พัวพันกับนักเตะอีกหลายคนทีเดียว

ดังนั้นใครที่ถูกเอาเปรียบอย่างได้นิ่งเฉย ลองดูพวกต่างชาติที่มาหากินในไทยครับ เวลาถูกเลิกจ้างแบบไม่เป็นธรรมไม่มีใครยอม สู้จนถึงที่สุดไปจนถึงระดับ “ฟีฟ่า” หลายคดี หรืออย่างน้อยๆก็จบเรืองที่ไทยแบบได้เงินชดเชยเป็นหลักล้านบาท

แล้วทำไมเราคนไทยจะต้องเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบจากสโมสรคนไทยด้วยกันเอง เมื่อไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมต้องเดินหน้าต่อสู้ อย่าให้พวกสโมสรต่างๆเอาเปรียบ ทุกอย่างคือคำว่า “อาชีพ” การทำบอลไทยต้องไม่ใช่ “ของเด็กเล่น” คิดจะเลิกก็เลิก

กรณีของ “บิ๊กแบง” บีบีซียู ที่ถอนทีมจาก “ไทยลีก 2” ดื้อๆเช่นกัน ประเด็นนี้ถือว่าแย่มาก กระทบต่อภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยโดยรวม ไม่มีที่ไหนหรอกครับที่เตะๆไปจะเลิกกลางคันง่ายๆแบบนี้

นักเตะกี่คนที่ต้องตกงาน ไหนจะผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ทีมอีก ต่อให้เลค 2 สามารถหางานใหม่ก็เถอะ ยังไงคงไม่ได้งานใหม่ครบทุกคน ดังนั้นเมื่อเลิกสัญญาต้องจ่ายค่าชดเชยให้ครบตามกฎหมายแรงงาน

ส่วนบทลงโทษของ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องจัดให้หนักแบบอย่าได้ลดหย่อน ตามระเบียบไว้อยู่แล้วว่าปรับ 1 ล้านบาท คืนเงินสนับสนุนทีมทั้งหมด ชดไช้ค่าเสียหายตามที่มีผู้เรียกร้อง

กรณีค่าเสียหายนี่น่าสนใจครับ เพราะทุกเกมที่ที่ผ่านมาที่ บีบีซียู เตะถูกยกเลิกผลการแข่งขันหมด ดังนั้นทีมที่ต้องเสียเงินเดินทางไปแข่งขันแล้วสามารถฟ้องร้องได้ รวมถึงเรื่อง “สิทธิประโยชน์” ต่างๆของฝ่ายจัดการแข่งขันด้วย

การถอนทีมไม่เตะดื้อๆเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของวงการฟุตบอลไทย ทำเหมือนเด็กเล่นขายของอีกเหมือนกัน คิดจะเลิกก็เลิกเสียดื้อๆ ดังนั้นการลงโทษต้องเอาให้หนัก

สิ่งสำคัญที่สุดคือการหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ไม่ว่า “วัวหายล้อมคอก” หรืออะไรก็ต้องทำ โดยเฉพาะคำว่า “คลับ ไลเซนซิง” หรือใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันต้องห้ามผ่อนปรนแล้ว ทุกอย่างต้องตามเกณฑ์อย่างเดียว

ทีมไหนไม่พร้อมทำไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพครับ ไม่งั้นฟุตบอลไทยจะไร้มาตรฐาน สุดท้ายจะเป็นเพียง “ของเล่น” ของเศรษฐีหรือนักการเมืองที่เข้ามาแป๊ปๆแล้วก็จากไป…แบบไม่สนใจใยดีอะไรเลย !!!

“บับเบิ้ล”

เจ้ไม่ได้โลกสวย แต่เจ้บอกเลยหากโครงสร้างทางสังคมและสมาคมเป็นแบบนี้มันก็คงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

เฮ้อ ผ่านไปให้ได้

เห็นด้วยนะครับ สมาคมบอลไทย ต้องจัดการรับมือตั้งแต่ปีนี้ คำว่า อาชีพ เป็นตัวบอกอยู่แล้ว


ต้องเป็นมืออาชีพทุกๆเรื่อง ตั้งแต่ นักเตะเอง และ สโมสร รวมทั้ง สมาคมบอลไทยเองก็ด้วย


นักเตะ ควรเป็นมืออาชีพให้มากกว่านี้ อย่าไปยอมแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ สัญญาที่ทำไว้ถ้าโดนฉีก


ก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด เหมือนกับนักเตะต่างชาติที่เขาทำกัน เขาไม่ยอม เพราะเคารพสัญญามาก


ส่วนสโมสรที่คิดจะหาแต่ผลประโยชน์เมื่อขาดทุนก็ยุบทีม ก็ต้องหาบทลงโทษให้หนักกว่านี้


หรือ นำทีมงานตรวจสอบรายได้ รายจ่าย ทุกสโมสร ตรวจสอบผู้อยู่เบื่องหลังสโมสร


ว่ามาจากไหน ประวัติเป็นยังไง เป็นคนทุ่มเทหรือรักทีมแค่ไหน พัฒนาสโมสรแค่ไหน


ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วมาตั้งสโมสรดื้อๆ ฟุตบอลอาชีพ มันมีมากกว่านั้น

จัดให้หนัก เอาให้เป็นบรรทัดฐานไปเลย

เป็นบรรทัดฐานให้กับลีกไทย
ต่อไปคลับสโมสรที่ไม่ได้มาตรฐานจะไม่สามารถขึ้นไปในลีกบนๆได้อีกต่อไป
ปัญหาไม่ได้มาจากสมาคม. มันมาจากคลับที่มีความกระหายที่จะเอาตัวรอดน้อยไปหน่อย. ยุบทีมดื้อๆแบบไม่ใช่มืออาชีพ.
จากนี้เราจะมีแต่คลับดีๆเหลือรอดในลีก
หรืออาจได้แรงบันดาลใจจากทีมใหญ่พัฒนาทีมให้ตามเค้าให้ทัน

ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงดี.

ผมจะรอดูการเปลี่ยนแปลง

คนนี้เขียนข่าวได้ค่อนข้างดีนะ

ขอให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น คือมี "มาตรฐาน" ไม่ใช่ คนนี้ได้คนนั้นไม่ได้ สุดท้ายมันจะวกกลับมาเป็นอย่างเดิมๆ

ต้องลงโทษให้หนัก