[Technical]แท็คติก ยูเวนตุส ยันเสมอบาร์เซโลน่า
เนื่องจากบังเอิญได้นั่งชมเกมส์ยูเวนตุสกับบาร์เซโลน่านัดที่2 กับรุ่นพี่ท่านนึงที่เป็นโค้ชระดับ AFC A License หลายๆคนน่าจะรู้จัก หลังจบเกมส์เค้าได้วิเคราะห์ให้ฟัง ผมเลยเอามารวบรวมแบ่งปันให้ทุกๆคนได้อ่านวิเคราะห์ในมุมมองโค้ชมาตรฐานดูครับ
ปล.อยากให้ได้อ่านกันเยอะๆรบกวนฝากโหวตถ้าถูกใจนะครับ มีอะไรพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะได้ครับ
Phase 1: Formation, System and Strategy
Max Allegri กุนซือจอมแท็คติกของยูเวนตุส วางรูปแบบ Formation ตามหน้ากระดาษมาเป็น 4-2-3-1 แต่ในสถานการณ์จริงจะเป็น
4-4-2 และ 4-1-3-2 ที่จะกล่าวถึงต่อไป ในส่วนของกลยุทธ์วิธีการเล่นหลักก็เป็นตามตำราคือ รับลึกและหาจังหวะ Quick Counter
โดยที่มีประโยชน์นอกเหนือจากการสร้างโอกาสทำประตูแล้ว ยังเพื่อกดดันบาร์ซ่าไม่ให้กล้าเปิดเกมส์รุกเต็มรูปแบบใส่พวกเขา
ทางเลือกที่สองเมื่อตัดบอลได้หากโต้กลับเร็วไม่ได้ พวกเขาก็จะครอบครองบอลหาโอกาส Build Up Play ไปครอบครองบอลที่แดน
บาร์ซ่าเพื่อชะลอเกมส์กินเวลาและกินพื้นที่พาบอลออกจากพื้นที่อันตราย
Phase 2: Anti Build Up From The Back
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าบาร์เซโลน่าโปรดปรานการที่จะขึ้นเกมส์จากแดนหลังเริ่มต้นเล่นสั้นจากผู้รักษาประตู
โดยวิธีการคือถ่างเซ็นเตอร์แบ็คสองคนออกเพื่อขยายพื้นที่หามุมรับบอล และสร้างพื้นที่แนวลึกตรงกลางโดยให้มิดฟิลด์ที่เชื่อมเกมส์
จากหลังสู่กลางได้ดีที่สุดคนนึงของโลกอย่าง Busquets ลงไปเชื่อมเกมส์ จากนั้นดันแบ็คทั้งสองข้างขึ้นไปแดนมิดฟิลด์ นี่คือตำแหน่งการยืนของบาร์ซ่าในการเล่นเกมส์ Build Up จากแดนหลัง
โดยที่ อัลเลกรี วางแผนมารับมือเล่นเกมส์รับตั้งแต่แดนบนโดยที่มีเป้าหมายไม่ให้บาร์ซ่าได้เล่นเกมส์ที่ถนัดของตัวเองซึ่งก็คือการครอบครองบอลทุกพื้นที่ โดยปรับหมากการยืนของยูเวนตุสเป็น 4-1-3-2 เมื่ออยู่ในสถานการณ์ต้องรับแดนบนโดยที่ถ่างคู่ศูนย์หน้าอย่าง Higuain และ Dybala ไปด้านกว้างเพื่อมาร์คคู่เซ็นเตอร์ของบาร์ซ่าที่ถ่างออกเช่นกัน ต่อมาก็ดัน Khedira ขึ้นมาสูงขึ้นจากที่ยืนมิดฟิลด์คู่เพื่อทำการมาร์ค Busquets ไม่ให้เชื่อมเกมส์ได้ถนัด และผู้เล่นริมเส้นสองข้างอย่าง Manzukic และ Cuadrado ก็ยืนตำแหน่งเข้ามารักษาพื้นที่ด้านลึกข้างในเล็กน้อยแต่ก็พร้อมที่จะเข้ากดดันแบ็คของบาร์ซ่าตลอดเวลา
นี่เป็น 5 ตำแหน่งสำคัญในการเล่นเกมส์รับตั้งแต่แดนบนของยูเวนตุส โดยมี Pjanic ที่อ่านเกมส์ได้ดีคอยทำหน้าที่รักษาตำแหน่ง
ปิดเส้นทางการจ่ายบอลของบาร์ซ่าและเป็นตัว Cover เมื่อบาร์ซ่าเอาชนะเกมส์รับแดนบนได้ก่อนที่จะถึงแบ็คโฟร์
ซึ่งต้องถือว่าการเลือกเล่นเกมส์รับตั้งแต่แดนบนของยูเวนตุสประสบความสำเร็จเพราะนอกเหนือจากเป็นการสร้างความลำบากในการขึ้นเกมส์ให้บาร์ซ่าแล้วยังบีบให้บาร์ซ่าเล่นเกมส์ที่ไม่ถนัดของพวกเขานั่นคือ บอลยาวบ่อยครั้งกว่านัดอื่นๆ เพื่อหนีการกดดันของยูเวนตุส และจากสถิติจะเห็นได้ว่าบาร์ซ่ามีสถิติจ่ายบอลสำเร็จจากบอลยาวในนัดนี้เพียงแค่ 52% เท่านั้น
Phase 3 : All Out Defend
นอกเหนือจากรูปแบบการรับในแดนบนเพื่อขัดขวางการสร้างเกมในแดนหลังของบาร์ซ่าแล้ว ยูเวนตุสยังเตรียมวิธีการเล่นเกมส์รับอีกแบบที่เรียกได้ว่าเป็นสไตล์ถนัดของพวกเขา และ เครื่องหมายการค้าของฟุตบอลอิตาลีมาช้านาน คือ การยืนโซนรับต่ำอย่างหนาแน่นตาม
คอนเซปต์ของ "คาเตนัชโช่" อันเลื่องชื่อ
โดยเมื่อบาร์ซ่าครอบครองบอลขึงเกมส์รุกในแดนของยูเวนตุส พวกเขาจะปรับตำแหน่งการยืนเป็น 4-4-2 ด้วยความหนาแน่นมาก
เพื่อรับมือกับเกมส์รุกของบาร์ซ่า ซึ่งบาร์ซ่าในเกมส์นี้เตรียมตัวมาเล่นเกมส์ที่พวกเค้าถนัดที่สุดใน Formations 4-3-3 ที่ Luis Enrique กุนซือจอมโรเตชั่นของพวกเขาใช้งานบ่อยที่สุด โดยมีรายละเอียดเกมส์รุกจุดนึงที่นำมาใช้กับยูเวนตุสทั้งสองเลก คือ การเคลื่อนที่สลับตำแหน่งกันระหว่าง Messi กับ Rakitic โดยที่ตำแหน่งเริ่มต้นของ Messi คือกองหน้าริมเส้นด้านขวาแต่มักจะเคลื่อนตัวมารับบอลในพื้นที่ตรงกลางด้านในระหว่างแนวกองหลังกับกองกลางของยูเวนตุสและมี Rakitic เคลื่อนตัวพุ่งไปแทนในตำแหน่งกองหน้าริมเส้นด้านขวา
ในการเล่นลักษณะนี้เพื่อสร้างความสับสนแก่ผู้เล่นของยูเวนตุสในการเคลื่อนสลับตำแหน่ง และให้ Messi ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อันตรายที่สุดในโลกเมื่อพลิกบอลเข้าหาประตู และเผชิญหน้ากับแผงกองหลังเพราะทักษะการลากเลื้อยทะลุทะลวง การให้บอลทะลุช่อง
กระทั่งการยิงประตู เข้ามาสร้างเกมส์ในด้านลึกของสนาม แต่รูปแบบการสลับตำแหน่งของบาร์ซ่าจุดนี้เหมือนจะไม่ประสบผลแก่ยูเวนตุสเท่าไหร่นักเพราะการเล่นเกมส์รับแบบ Zonal ไม่ใช่ Man Marking
แผงแบ็คโฟร์ของยูเวนตุสในสถานการณ์นี้จะหุบเข้าในแคบมากประหนึ่งว่าเป็นเซ็นเตอร์แบ็คทั้งหมดเพื่อรับมือกับหน้าสามตัวของบาร์ซ่าและมีจำนวนมากกว่าหนึ่งคนในสถานการณ์ 4v3 โดยส่วนมากจะเป็น Bonucci ที่จะคอยเป็นตัว Cover ตัวสุดท้าย
อีกหนึ่งความอันตรายของบาร์ซ่าที่ใช้ผู้เล่นฟูลแบ็คทั้งสองข้างเติมสูงมาก โดยแอบสอดขึ้นมาจากแนวลึกเมื่อเจอกับหลายๆทีมจึงทำให้มีพื้นที่และเวลาในการเล่นด้านข้างมากๆ หรือกระทั่งหลายๆครั้งเติมขึ้นมาร่วมเล่นกับกองหน้าริมเส้นในสถานการณ์ 2v1 เอาชนะเกมรับด้านข้างของฟูลแบ็คคู่ต่อสู้ ทางด้านยูเวนตุสจึงใช้มิดฟิลด์ริมเส้นของพวกเขาทั้งสองมีหน้าที่จับตาดูฟูลแบ็คบาร์ซ่าในสถานการณ์นี้
จากที่ Alba หรือ Roberto ที่คอยสอดขึ้นมาสร้างความอันตรายได้บ่อยๆ เกมส์นี้แทบจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
จึงกล่าวได้ยูเวนตุสสามารถปิดเกมส์รุกทั้งด้านลึกและด้านกว้างของบาร์ซ่าอยู่หมัด
Phase 4 : Vertical and Horizontal Compact
แม้ว่าวิธีการเล่นเกมส์รับสองรูปแบบที่ได้พูดถึงไปแล้ว จะสามารถกดดันบาร์ซ่าไม่ให้สามารถเล่นเกมส์ของตัวเองได้ถนัด
แต่จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ยันเสมอบาร์ซ่าได้ก็คือ Compact การยืนตำแหน่งเกมส์รับของยูเวนตุสทั้งในแนวลึกและแนวขวางที่มีระยะที่กระชับมากเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น โดยระยะตำแหน่งการยืนของแผงแบ็คโฟร์ในแนวขวางที่กระชับนั้นเพื่อปิดช่องการจ่ายบอลทะลุช่องอันเป็นจุดเด่นของบาร์ซ่าที่ได้ประตูมากมาย แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของยูเวนตุสนั้นทำให้บาร์ซ่าจ่ายบอลทะลุช่องเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นตลอด 90 นาที!
ส่วนความกระชับในแนวลึกหรือระยะห่างระหว่างแผงแบ็คโฟร์และแผงมิดฟิลด์นั้นเพื่อป้องกันผู้เล่นบาร์ซ่ามารับบอลในที่ว่างระหว่างไลน์นี้ โดยเฉพาะ Messi ที่กล่าวถึงไปแล้ว ด้วยความกระชับนี้ทำให้ Messi มีพื้นที่เล่นน้อยมากๆ ทำให้จุดเด่นด้านการเลี้ยงทะลุทะลวงของเค้าไม่สามารถนำมาใช้ได้ในนัดนี้เลย ในสถิติเกมส์นี้ Messi เลี้ยงผ่านเอาชนะคู่ต่อสู้ไปเพียงแค่ 1 ครั้ง จากความพยายาม 5 ครั้งเท่านั้น โดยไม่สำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียวในพื้นที่อันตรายด้านในที่ถูกวางแผนมาให้เล่น
Conclusion
ถ้าจะให้สรุปความยอดเยี่ยมของยูเวนตุสในเกมส์นี้ขอพูดถึงสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีมาก คือ Balance ในเกมส์ที่ค่อนข้างมีความหลากหลายยืดหยุ่นต่อสถานการณ์มาก มีแผนรับมือต่อทุกๆสถานการณ์ ทั้งการรับตั้งแต่แดนบน ลงมารับเต็มรูปแบบ มีการครองบอล มีการโต้กลับเร็วเพื่อกดดันคู่แข่ง จะเห็นได้ว่าหลายๆทีมเมื่อเจอกับบาร์ซ่าแล้วจะเน้นรับลึกมากรับอย่างเดียวจนอาจเรียกได้ว่า "รับรอเสีย"
หรือหลายๆทีมที่อาจจะใจดีสู้เสือ เปิดเกมส์รุกใส่บาร์ซ่าทำให้บาร์ซ่ามีพื้นที่มากไปหมดจนถูกถล่มได้ แต่ด้วย Balance นี้ทำให้ยูเว่นั้นยอดเยี่ยมมากๆ โดยจุดนี้นั้นต้องยกเครดิตให้แก่กุนซือมันสมองของพวกเขาอย่าง Max Allegri
สุดท้ายนี้ที่ไม่ชมไม่ได้เด็ดขาดคือผู้เล่นของยูเวนตุสทุกๆคนที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ มีวินัยในแท็คติก มีความนิ่งสุขุมไม่ลนลาน
ในการเจอโคตรทีมรุกอย่างบาร์ซ่า ที่สร้างความกดดันทำให้หลายๆทีมพังมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ DNA เกมส์รับของแผงหลังสัญชาติอิตาลีที่ถูกพิสูจน์มาแล้วอย่างยาวนานว่าพวกเขานั้นคือของจริง
ผู้เล่นทุกๆคนนั้นคือพระเอกอย่างแท้จริงเพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าแท็คติกจะละเอียด เหนือชั้น แยบยล ขนาดไหน หากผู้เล่นไม่ตอบสนองหรือผู้เล่นไม่มีคุณภาพก็ยากที่จะถึงเป้าหมาย
Credit: FourFourTwo Stat Zone By Opta , Whoscored , Sharemytactics