#### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน soccersuck.com####

25 April 2017 11:40 AM by jedi

101 ปี สมาคมกีฬาฟุตบอลไทย

วันที่ 25 เมษายนของทุกปีคือวันครบรอบการก่อตั้ง “คณะฟุตบอลแห่งสยาม” หรือ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในปัจจุบัน ปีนี้ถือว่าครบรอบ 101 ปีแล้ว

แต่จริงๆแล้วอาจจะกล่าวได้ว่าฟุตบอลไทยไม่ได้เพิ่งมีอายุครบ 101 ปี ไม่ใช่แค่นับตามปฏิทินไทยที่แต่เดิมเริ่มนับวันที่ 1 เมษายนเป็น “วันขึ้นปีใหม่” แต่ฟุตบอล “ทีมชาติสยาม” เกิดขึ้นก่อนมีการก่อตั้ง “คณะฟุตบอลแห่งสยาม”

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 “องค์พระบิดาฟุตบอลไทย” ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ก่อตั้ง “คณะฟุตบอลแห่งสยาม” ขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2459 แต่ก่อนหน้านั้นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2458 ทีมชาติสยามได้ก่อกำเนิดขึ้นมาก่อน

ตามข้อมูลจาก สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สปท.) บันทึกเอาไว้ว่ายุคของ “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” คือ “ยุคทองฟุตบอลเมืองสยาม”

ภายหลังรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้ารับ “คณะฟุตบอลแห่งสนาม” ให้อยู่ใน “พระบรมราชูปถัมภ์” เมื่อวันที่ 10 ธันาคม 2469 สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวของฟุตบอลไทยมีอะไรที่น่าสนใจและน่าค้นหาเยอะครับ แนะนำว่าควรไปย้อนเวลากับเรื่องราวต่างๆได้ที่ “พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม” ที่พระตำหนักทับแก้ว ภายในพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทาง สมาคมประวัติศาตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เก็บรวบรวมเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยเอาไว้เยอะแยะมากมาย เมื่อแวะไปเยี่ยมเยือนแล้วรับประกันว่าจะภาคภูมิใจกับคำว่าฟุตบอลไทยไม่น้อย

สำหรับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในรอบ 101 ปีต้องถือมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นแบบทุกรสชาติ ถึงวันนี้มี “นายกสมาคม” รวมแล้วถึง 17 คน

สมาคมลูกหนังไทยผ่านจุดที่เรียกว่า “ขาขึ้น” และ “ขาลง” มาหลายช่วงเวลา ฟุตบอลไทยเคยไปไกลถึงระดับโลกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโอลิมปิก รอบสุดท้าย 2 สมัยตั้งแต่เมื่อปี 1956 และ 1968

นอกจากนั้นยังมี ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก ฟุตบอลอายุไม่เกิน 17 ปีชิงแชมป์โลก 2 สมัย ฟุตบอลเยาวชนหญิงอายุไม่เกิน 19 ปีชิงแชมป์โลก ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 5 สมัย ฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์โลก

ถ้าเป็นระดับเอเชียนักเตะไทยเคยได้แชมป์เยาวชนเอเชียมาแล้วตั้งแต่สมัย “ถ้วยทอง” หรือฟุตบอลอายุไม่เกิน 20 ปีชิงแชมป์เอเชียเมื่อสมัยวันวาน รวมถึงเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปีชิงแชมป์เอเชีย ขณะที่ทีมสโมสรอย่าง “แบงค์รวงข้าว” ธ.กสิกรไทย เคยผงาดยึดแชมป์สโมสรเอเชียมาด้วยถึง 2 สมัย

ย่านอาเซียนนี่ไม่ต้องพูดถึง “ช้างศึก” ถือเป็น “ราชัน” ดีกรีแชมป์ซีเกมส์ 15 สมัยและแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนที่ปัจจุบันเรียก “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ” อีก 5 สมัยมากกว่าชาติใดๆการันตีว่ายากที่ชาติใดในภูมิภาคนี้จะเทียบเคียง

ด้านฟุตบอลหญิง เยาวชนทั้งชาย-หญิงทุกระดับอายุ และฟุตซอล นักเตะจากลุ่มน้าเจ้าพระยาต่างเคยพาเหรดคว้าแชมป์ระดับอาเซียนมามากมาย เอาง่ายๆว่าเอ่ยชื่อ “ไทยแลนด์” แต่ละชาติในอาเซียนต้องมีเกรงขามละ

ขณะที่ฟุตบอลภายในประเทศได้มีพัฒนาการจนเข้าสู่คำว่า “ฟุตบอลอาชีพ” นักฟุตบอลมีเงินเดือนค่าจ้างหลักแสนหรือเฉียดล้านบาท ยอดผู้ชมคนดูหลักหมื่น สิทธิประโยชน์ราคาพุ่งเป็นระดับหลายร้อยล้านบาท

แต่ฟุตบอลไทยก็เคยผ่านช่วง “ขาลง” มาหลายครั้งหลายหนแบบถึงขั้น “วงแตก” หลายคราก่อนจะมาถึงวันนี้ ดังนั้นทุกๆอย่างต้องเป็น “บทเรียน” เพื่อที่จะเรียนรู้ปรับปรุงและก้าวต่อไปสู่อนาคตวันข้างหน้า

ฟุตบอลไทยวันนี้ต้องถือเป็น “ยุคใหม่” แล้ว หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมาย สารพัดเรื่องราวและโครางการถูกผุดขึ้นมาแบบน่าจับตามอง หลายๆเรื่องน่าชื่นชม แต่บางเรื่องก็ยังต้องถูกตำหนิ ถือเป็นปกติของการทำงาน

อะไรที่คิดว่าดีและเป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วมทำไปเถอะครับ ส่วน “กองเชียร์” หรือ “กองแช่ง” ไม่ต้องไปป่วยการหาเรื่องเก่าๆหรืออะไรต่างๆนาๆมาดราม่าด่ากันแล้ว ทุกอย่างที่ผ่านมาย่อมมีทั้งดีและแย่

ชอบสุภาษิตจีนที่ว่า “เวลาดื่มน้ำ อย่าลืมคิดถึงต้นลำธาร” กว่าฟุตบอลไทยจะออกดอกออกผลให้ได้เก็บกินทุกวันนี้คนรุ่นก่อนช่วยถากถางทำทางเอาไว้ให้ไม่มากก็น้อยละครับ

สิ่งสำคัญจากนี้คือการลงมือทำเพื่อให้ฟุตบอลไทยก้าวไปสู่วันข้างหน้ามากกว่า เชื่อเหลือเกินครับว่าฟุตบอลไทยจะดีหรือแย่ก็อยู่ที่น้ำมือของคนไทยกันเองนี่ละ

“บับเบิ้ล”

toujours belle, ake007xxx, novice002, zerossi