ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 09 Aug 2009
ตอบ: 23164
ที่อยู่: Anfield,Liverpool
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:11 pm
[สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง
1 เสือร้องไห้
ไม่ใช่เนื้อเสือ! มันคือเนื้อส่วนอกของวัวที่มีชั้นเนื้อและไขมันแทรกกันอยู่เหมือนลายของหนังเสือ เลยเรียกว่าเนื้อเสือ ส่วนร้องไห้มาจากลักษณะของเนื้อเสือเวลาที่นำไปย่างบนไฟ ชั้นไขมันในเนื้อจะละลายหยดลงบนไฟอยู่ตลอดเวลาเหมือนน้ำตาเวลาร้องไห้



2 ผ้าขี้ริ้ว
ไม่ได้เอาไว้เช็ดโต๊ะ! แต่มันคือกระเพาะห้องแรกของวัวที่เรียกว่ารูเมน (Rumen) เป็นกระเพาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจาก 4 กระเพาะ มีผนังยื่นออกมาเพื่อทำหน้าที่หมักอาหารด้วยจุลินทรีย์ นอกจากนี้ยังมีกระเพาะส่วนอื่นที่คล้ายกันได้แก่ รังผึ้ง (Reticulum) และสามสิบกลีบ (Omasum)



3 ไข่หอยเม่น
Uni ไม่ใช่ไข่หอยเม่น แต่คืออัณฑะหรือรังไข่ของหอยเม่นซึ่งมีทั้งหมด 5 แฉก พบได้ทั้งในตัวผู้และตัวเมียแต่จะแตกต่างกัน คือตัวผู้จะมีขนาดเล็กและสีอ่อนกว่า รสชาติเข้มข้น คงรูปและไม่เหลว



4 เซี่ยงจี๊
เซี่ยงจี๊หรือเซ่งจี๊จริง ๆ คือไตหมู ลักษณะเป็นก้อนกลมรี คล้ายเมล็ดถั่ว แต่บางร้านอาจหั่นมาเป็นชิ้น ๆ ก่อนเสิร์ฟ เจอได้ตามร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านชาบูต่าง ๆ



5 ลอดช่องสิงคโปร์
ไม่ได้มาจากสิงคโปร์ แต่เกิดจากร้านขายลอดช่องที่ขายลอดช่องตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์บนถนนเยาวราช สมัยก่อนพอลูกค้าไปกินมักจะเรียกว่า “ไปทานลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” สุดท้ายก็เรียกให้สั้นลงว่า “ลอดช่องสิงคโปร์” แทน



6 ขนมจีน
ไม่ได้มาจากจีน! แต่เป็นอาหารของคนมอญหรือรามัญ เรียกว่า คนอมจิน คนอม แปลว่าจับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน จิน แปลว่าทำให้สุก และถูกพูดแผลงกันมาจนถึงปัจจุบันว่า ขนมจีน



7 ขนมโตเกียว
ไม่ได้มาจากญี่ปุ่น มีที่มาไม่แน่ชัด บ้างก็บอกว่ามาจากขนมยะสึฮะชิหรือโดรายากิของญี่ปุ่นที่ใช้แป้ง แต่มีคนไทยเอามาทำขายที่ห้างไทยไดมารู และตั้งชื่อว่า “ขนมโตเกียว” เพราะที่ห้างนำเข้าของจากญี่ปุ่นมาก



8 ข้าวผัดอเมริกัน
ตำนานเกิดจากคุณหญิงท่านหนึ่งคิดค้นขึ้นตอนที่ทำงานเป็นผู้จัดการภัตตาคารในสนามบินดอนเมือง และมีสายการบินหนึ่งสั่งอาหารเช้าแต่ยกเลิกเที่ยวบิน เลยมีไข่ดาว ไส้กรอกเหลืออยู่ จึงนำมากินกับข้าวผัด เมื่อมีทหารอเมริกันมาเห็นและถามชื่อ จึงให้ชื่อว่า ข้าวผัดอเมริกัน



9 หมูหัน
มีตำนานต้นกำเนิดหมูหันว่าในเมืองจีนสมัยก่อนมีชาวนาครอบครัวหนึ่งเลี้ยงหมูที่ใต้ถุนบ้าน เมื่อถึงหน้าหนาวอากาศเย็นจัด ชาวนาต้องก่อไฟแต่ลมหนาวพัดแรงจนไฟไหม้หมูทั้งเล้า ปรากฤว่าหมูถูกไฟย่างจนหนังพองกรอบ เนื้อและเครื่องในหมูสุกทั้งตัว จึงฉีกเนื้อหมูแบ่งกันกินอย่างเอร็ดอร่อย และกลายเป็นประเพณีที่ชาวจีนจะรวมกลุ่มร่วมงานมงคลต้องมีหมูย่างเป็นเครื่องเซ่นกราบไหว้ฟ้าดิน



10 กะหรี่ปั๊บ
อาหารสไตล์ตะวันตกผสมกับอินเดีย ตำนานคาดว่าท้าวทองกีบม้าคิดค้นขึ้น เริ่มเป็นที่นิยมโดยชาวมุสลิมในประเทศไทย มาจากคำว่า เคอรี่-พัฟ (curry puff) และเพี้ยนเป็นกะหรี่ปั๊บในที่สุด



11 ไข่กุ้ง
ไม่ใช่ไข่ของกุ้ง แต่คือไข่ของปลา แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ Ebiko หรือไข่จากปลาไข่และ Tobiko คือไข่ของปลาบิน เอามาหมักและปรุงรสจนได้ไข่ใส ๆ เป็นสีส้มคล้ายกุ้ง



12 คาร์เวียร์
คือชื่อของไข่ปลา “สเตอร์เจียน” เป็นปลาสองน้ำคืออยู่ทั้งในแม่น้ำและทะเล เชื่อว่าเกิดมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่เฉพาะทางซีกโลกเหนือ พบเจอมากที่สุดในทะเลแคสเปียน



13 ไข่ข้าว
เมนูแปลกที่แอบดูน่ากลัว หากินได้ขายตามจังหวัดในภาคอีสาน ทำจากไข่ไก่ที่แม่ไก่ไม่ได้ฟักต่อที่ในไข่นั้นยังมีตัวอ่อนของไก่ที่ยังเป็นตัวอ่อนหรือลูกเจี๊ยบอยู่ เอาไปนึ่งให้สุกและแกะหรือปลอกเปลือกออกทานได้ทันที



14 กระเพาะปลา
ไม่ใช่กระเพาะปลาจริง ๆ แต่คืออวัยวะส่วน กระเพาะลม หรือถุงลมปลาเอาไว้ช่วยในการลอยตัวของปลาเป็นส่วนที่นุ่มและอร่อย ระดับราคาขึ้นอยู่กับชนิดของกระเพาะปลาที่มีหลากหลายชนิด ที่พบเห็นตามร้านทั่วไปคือ กระเพาะปลากระพง



15 ฟัวกรา
ฟัวกรา แปลว่า "ตับอ้วน" คือตับห่านหรือเป็ดที่ขุนให้อ้วนเป็นพิเศษ มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา ขั้นตอนการผลิตคือการบังคับป้อนอาหารให้ห่านหรือเป็ดด้วยข้าวโพดเพื่อให้มีตับใหญ่กว่าปกติ




16 โทมาฮอว์ก
คือชิ้นส่วนของริบอายแบบติดกระดูกมาทั้งแท่ง มีไขมันแทรกอยู่มาก ชิ้นใหญ่และรสชาติดีที่ชื่อว่า Tomahawk ซึ่งแปลว่าขวานนั้น เนื่องจากชิ้นส่วนนี้มีรูปร่างคล้ายกับขวานดั้งเดิมของประเทศอเมริกา



17 แซนด์วิช
ตำนานที่มาของแซนด์วิชเกิดจากขุนนางอังกฤษที่เกิดหิวขึ้นมาขณะเล่นไพ่ จึงสั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่สามารถทานได้โดยสะดวก ไม่เลอะมือเวลาจั่วไพ่ พ่อครัวเลยนำขนมปังแผ่นสอดไส้เนื้อและชีสมาเสิร์ฟ จนกลายเป็นที่นิยมแพร่หลายต่อมา



18 ซูชิ
จริง ๆ แล้วมาจากไทย! เกิดจากวัฒนธรรมการหมักปลาร้าและปลาส้มของประเทศไทยและลาวที่คนญี่ปุ่นรับวัฒนธรรมไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยสมัยก่อนซูชิของญี่ปุ่นเป็นปลาหมัก มีเครื่องเคียงเป็นขิงดองและซาซาบิ เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรค




ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก wongnai.com ครับ


เย็นแล้วขอตัวไปหาอะไรกินก่องดีกว่า
เข้าร่วม: 13 Jun 2009
ตอบ: 33863
ที่อยู่: Capital of Country Music
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:16 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
แซนวิช

0
0
เข้าร่วม: 14 Nov 2013
ตอบ: 5903
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:18 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
หิวสิครัชรอไร
0
0
เบื่อติ่ง ซอน อวยจนนึกว่าเมสซี่กลับชาติมาเกิด
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 1562
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:22 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
หิวเลยจ้า

หมูหันนี่นึกถึงคลิปทำหมูกรอบที่ท่านนึงเคยมาโพสไว้
0
0
เข้าร่วม: 17 Feb 2009
ตอบ: 9607
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:24 pm
[สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง
18 นี่ใช่หรอ
0
0
เข้าร่วม: 28 Jan 2007
ตอบ: 467
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:32 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
[W]eaThe[R] พิมพ์ว่า:
18 นี่ใช่หรอ  


ผมก็สงสัยเหมือนท่าน เลยไปค้นข้อมูลมา ซึ่งก็น่าจะจริงตามที่เค้าบอก

อ้างอิงจาก:
The history of sushi began around the 8th century in Japan. The original type of sushi was first developed in Southeast Asia as a means of preserving fish in fermented rice. In the Muromachi period, people began to eat the rice as well as the fish. During the Edo period, vinegar rather than dern times, it is an early form of fast food strongly associated with Japanese culture.  
0
0
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 4472
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 5:42 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
[W]eaThe[R] พิมพ์ว่า:
18 นี่ใช่หรอ  


https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_sushi

ใช่แล้วครับ Sushi มีมาตั้งแต่ คศ.718 มีที่มาจาก ปลาส้ม ปลาตากแห้ง ไทย-ลาว เรานี่เองครับ
เข้าร่วม: 12 Oct 2009
ตอบ: 3257
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 6:36 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
กินได้ทุกอย่าง ยกเว้น ไข่ข้าว ผมรับไม่ไหวจริงๆ
0
0
เข้าร่วม: 23 Aug 2009
ตอบ: 505
ที่อยู่: ถ้ำของเพลโต
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 6:38 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
ข้อ 18 ผมเคยไปตอบมู้นึง ตอนนั้นเป็นแค่คาดการณ์เอาว่าตอนนั้นไม่น่ามีการแลกเปลี่ยน
ระหว่างวัฒนธรรมฝั่งเรากับฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งถ้าบอกว่ามันแพร่ไปจีนก่อน -> แล้วถึงเข้าญี่ปุ่น
ยังนึกภาพออกง่ายกว่า กับอีกข้อที่สงสัยว่าถ้าเกิดเขารับไปจากฝั่งเรา ทำไมเราไม่มีอาหาร
ที่หน้าตาใกล้เคียงกับเขาบ้าง คือเรามันออริจิเลยนะ หรือจริงๆเขารับแค่เรื่องวิธีการหมัก

ยังไงก็ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ บางข้อเคยสงสัยอยู่พอดีเชียว
0
0
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 23951
ที่อยู่: The First Order - ปฐมภาคี
โพสเมื่อ: Mon Apr 03, 2017 7:10 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
ซูชิ หลอก
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 43661
ที่อยู่: Forbidden Siren
โพสเมื่อ: Tue Apr 04, 2017 9:22 am
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
เสือร้องไห้ไม่ใช่เพราะมันเคี้ยวยากหรอ
0
0
1yZGZS.png
เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 28376
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Tue Apr 04, 2017 1:54 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
ซูชินี่คาดไม่ถึงแฮะ
0
0
Eric 'The King' Canto
เข้าร่วม: 26 Jan 2010
ตอบ: 12645
ที่อยู่: อาณาจักรล้านนา
โพสเมื่อ: Tue Apr 04, 2017 5:11 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
เสือร้องไห้นี่เสือเหลือส่วนดีสุดไว้กินทีหลัง คนมาเห็นเลยเอาไปกิน จนเสือเสียดายเลยต้องร้องไห้

ได้ยินมาแต่เด็ก
เข้าร่วม: 19 Mar 2010
ตอบ: 218
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Tue Apr 04, 2017 5:45 pm
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
boat_sohappy พิมพ์ว่า:
เสือร้องไห้นี่เสือเหลือส่วนดีสุดไว้กินทีหลัง คนมาเห็นเลยเอาไปกิน จนเสือเสียดายเลยต้องร้องไห้

ได้ยินมาแต่เด็ก  



ส่วนของผมคนแก่เล่าให้ฟังว่า เสือตัวนึงกินวัวไปจนอิ่มเเล้วพอมาเห็นตรงเนื้อส่วนนี้เเล้วไม่สามารถกินได้ เพราะมันอิ่มก่อนมันก็เลยร้องไห้เสียดายเพราะมันอร่อยอะคับ เลยกลายเป็น -เสือร้องไห้-

เข้าร่วม: 24 Apr 2007
ตอบ: 6196
ที่อยู่: UNDER TABLE
โพสเมื่อ: Wed Apr 05, 2017 1:03 am
[RE: [สาระ] ความลับของอาหาร ที่รู้แล้วต้องอึ้ง]
ซูซิ เค้านวัฒตกรรมมาจากไทยเหรอนี่
0
0
รูปไม่หล่อ แถมจน แต่ก้อเลือกนะ