ใครรู้บ้างครับว่ากติกาแต่ละข้อถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนเป็นกติกาใหม่ปีอะไร



1. สมัยก่อนใส่ชื่อตัวสำรองได้แค่ 5 คน และเปลี่ยนได้แค่ 2 คน


2. โกล์สามารถใช้มือรับลูกคืนหลังจากผู้เล่นฝ่ายเดียวกันได้


3. ระบบการนับคะแนนลีก ชนะจะได้แค่ 2 คะแนน (ไม่มั่นใจว่ายุคนั้นอังกฤษเป็นประเทศเดียวหรือเปล่าที่ชนะแล้วได้ 3 คะแนน)


4. มีช่วงนึงที่การต่อเวลาใช้กฏ Golden goal (ใครยิงได้ในช่วงต่อเวลาชนะไปเลย) เพราะกะว่าต้องเปิดฉากแลกกันเละเทะแน่นอน ปรากฏว่ากลัวแท้ทั้งคู่ เคาะกันไปเคาะกันมา

เลยปรับเป็น Silver goal (ถ้าจบครึ่งแรกของการต่อเวลาแล้วมีใครนำ ทีมนั้นก็ชนะไปเลย)


5. ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมีแค่ 16 ทีม บอลยุโรปรอบสุดท้ายมีแค่ 8 ทีม

(เฉลย : WC'78 ที่อาร์เจนตินาเป็นครั้งสุดท้ายที่มีทีมเข้าร่วม 16 ทีม ก่อนจะเพิ่มเป็น 24 ทีมในครั้งต่อมาที่สเปน และมาเพิ่มเป็น 32 ทีมเมื่อ WC'98 ที่ฝรั่งเศส)



มีอะไรอีกมั้ยที่เปลี่ยนไป

ผู้รักษาประตูจับบอลได้ไม่เกิน 6 วินาที

สามลูกไข่ห้าลูกออก

มันต้องเป็น 24 ทีมก่อนสิเนอะ ผมก็ลืม

เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้อยู่ครับ

ข้อ 1 ตอนป๋าอยู่จำได้ยังเป็น 5 คนอยู่เลยครับ สมัยจอนโอเชียนี่เอง

เพิ่งเปลี่ยนเป็น 7 น่าจะไม่นานเองนะ ผมว่าไม่เกินปี 2010 มั้ง จำได้ตอนนั้นเวลาแข่งบอลยุโรป ส่งได้ 7 คนแล้ว แต่เวลาแข่งในพรีเมียร์ลีกส่งได้แค่ 5 (แต่ลีกประเทศอื่นเค้าส่งได้ 7 แล้วนะอย่างสเปน) ส่วนอิตาลี เดี๋ยวนี้ส่งได้ 23 คนเลยมั้งผมไม่แน่ใจ

กฏล้ำหน้าเมื่อก่อน รู้สึกว่าจะมีแค่ว่าถ้าตัวเท่ากันถือว่าล้ำ ง่ายๆ แบบนั้นเลย

แล้วก็มาเปลี่ยนเป็นตัวเท่ากันไม่ล้ำ แล้วค่อยมาลงรายละเอียดว่าถ้าอยู่ในตำแหน่งล้ำแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นก็ถือว่าไม่ล้ำ

ข้อ 5 ผมหาได้แล้ว ของบอลโลก

1930 13

1938 16

1950 13

1954 16

1958 16

'62 16

'66 16

'70 16

'82 24

'86 24

'90 24

'98 32

'02 32

'06 32

'10 32

'14 32

จำได้ว่าสมัยก่อนล้ำหน้ามันดูง่ายกว่านี้อะ แบบล้ำก็เห็นเลยว่าล้ำ
เดี๋ยวนี้บางทีนั่งเพ่งแล้วเพ่งอีกว่าล้ำตรงไหนฟะ ดูภาพรีเพลย์นี่แค่ขาล้ำออกมาหนึ่งเซนต์มั้งอะไรประมาณนี้

แต่โกลเด้นโกลนี่เกิดทันเหมือนกัน แต่ไม่เห็นจำซิลเวอร์โกลได้เลยแฮะ 555

Golden goal น่าจะใช้ครั้งแรกในยูโร 96 เบียร์โฮฟยิงใส่เช็กในนัดชิง



ส่วน silver goal นี่ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกจะใช้อยู่ช่วงนึงสั้นๆ แล้วไม่ค่อยเวิร์คก็เลยยกเลิกไป

ผมจำได้ว่ามันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอ่ะ เหมือนตอนแรกล้ำคือล้ำเลยทุกคน ต่อมาก็เปลี่ยนเป็น ยืนล้ำกันหลายคนแต่ถ้าคนที่ล้ำไม่เล่น ก็ไม่ล้ำ แล้วก็เปลี่ยนอีกมีไปรบกวนโกลอะไรจุกจิก 555

ส่วนซิลเวอร์โกลนี่มันเกิดเพราะโกลเด้นโกลทำคนหัวใจวายตายมั้ง

จำได้ว่ามีช่วงนึงเถียงกันว่าจะให้ต่อเวลาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนยิงได้ แม่มบ้าไปแล้ว

ความคิดคนเรา มันก็ต้องลองอะไรกันไปเรื่อยแหละ ถ้าผมได้เป็นพวกประธานฟีฟ่ายูฟ่าผมก็คงจะคิดกฎแปลกๆออกมาเหมือนกันครับ

ในวิกิมีเกือบหมดเลย แต่ต้องใช้คีย์เวิร์ดให้ใกล้เคียงหน่อย


2.คือ back-pass rule น่าจะ 1992 แต่ที่แน่ๆคือหลังบอลโลก 1990
ข้อนี้มีผลต่อฟุตบอลมาก

3.ข้อนี้ ความรู้เดิม รู้แค่เซเรีย อา ไปหามา ได้ดังนี้
Year of adoption of 3-points-for-a-win
This lists association football leagues where the standard is three points for a win in regulation time, one point for a draw, zero for a defeat. The year given is when the relevant season started.
1981: England
1982: Israel[6]
1983: New Zealand (NSL)
1987: Turkey, Hong Kong
1988: Norway, Japan
1990: Sweden
1991: Cyprus
1992: Greece, Finland
1993: Belgium (Div. 2), Bulgaria, Ireland, Italy (Serie C1 and Serie C2)
1994: Croatia, Czech Republic, France (after a trial in 1988-89), Hungary, Italy (Serie A) and Serie B), Iran, Iraq, Romania, Scotland, FIFA (1994 FIFA World Cup) and UEFA (UEFA Euro 1996 qualifying)
1995: Argentina, Austria, Belgium (Div. 1), Brazil, Colombia, Denmark, Germany, Mexico, Netherlands, Poland, Portugal, Russia, Spain, Switzerland, Uruguay and UEFA (UEFA Champions League)
The United States used this rule only from 2000, but had not used the 2-points rule before.

4.silver goal > 2002-2004 ในยูโร 2004 มีนัดเดียว กรีกชนะเช็ค 1-0 ในรอบรอง
มีซิลเวอร์โกลด์ เพราะโกลเดน โกล์มันทำให้เกร็งและกดดันมาก ต้องเน้นรับ เน้นอุด กลายเป็นว่าต่อเวลามา เผาพลังงานผู้เล่นไป หรือถ้าโดนยิงก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ทั้งๆที่บางทีเข้ามารอบลึกๆแล้ว
ส่วนที่เอาออก เพราะสุดท้ายก็ไม่ต่างจาก golden goal มาก
ต้องเล่นอย่างระมัดระวัง เกร็ง กดดัน กลับกันพอใช้ต่อเวลาปกติ กล้าเล่น กล้าแลกมากขึ้น ไม่เกร็งเท่าไหร่

ส่วนข้อ 1 มี 2 step
1994 เปลี่ยนได้ 2+1 1 คือล๊อคให้ไว้โกล
1995 เปลี่ยนได้ 3 คน ไม่ล๊อคไว้ให้โกลแล้ว

เพิ่มเติมนะ เผื่อคนที่ยังไม่ทราบ
เรื่องโควต้าโกลนี่ เร็วๆนี้ถ้าใครยังจำกันได้

บอลโลก 2010 เกาหลีเหนือจะหัวหมอ ใช้ผู้เล่นตำแหน่งอื่น(กองหน้า)มาใส่ไว้ในโควต้าโกล ซึ่งโกลล๊อคไว้ 3 ตำแหน่ง
ฟีฟ่าไม่ยอม ผู้เล่นที่ส่งชื่อมาในตำแหน่งโกลล์ต้องเป็นโกลเท่านั้น
คนนั้นคือ Kim Myong won ปีนั้นได้เบอร์ 20

ส่วนจำนวนผู้เล่นที่เป็นตัวสำรอง
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2012-2013 เซเรีย อา สามารถมีตัวสำรองได้ 12 คน
ซึ่ง 2 ปีก่อน รานิเอรี่ก็เคยอยากให้พรีเมียร์ลีกมีตัวสำรอง12 คนแบบเซเรีย อา เหมือนกัน

http://worldsoccertalk.com/2015/09/12/claudio-ranieri-argues-case-for-premier-league-clubs-to-have-12-subs-on-bench/

ตัวรุก มีส่วนใดส่วนหนึ่งโผล่มาแค่ซักส่วนที่ยื่น ที่โผล่เกินไปจากแนวรับตัวก่อนตัวสุดท้าย
ไลน์แมนก็ยกธงได้สบายๆ ไม่ต้องมารอ มาเล็งว่า มีส่วนร่วมกับเกมใหม

อันนี้ผมสงสัย ทำไมต้องล็อคใว้อะเค้าไม่เอามา3ตัวก็เรื่องของเค้าซิ มันเจ็บสองตัวจะเอาใครแทนก็เรื่องของทีมนั้นๆอีกอะแหละ

เพราะมันมีกฏของฟีฟ่า
สำหรับปี 2010 คือ ข้อ 26.3
"Each association will then be required to provide FIFA with a final list of no more than 23 players (three of whom shall be goalkeepers)..."

ส่วนปี 2014 คือ ข้อ 29.3
"Each association shall then be required to provide FIFA with a final list of 23 players (hereinafter: the final list), three of whom shall be goalkeepers..."


ทั้ง 2 ข้อ ทั้ง 2 ปี มีข้อความบางส่วนที่ไม่ตรงกัน ยังไงก็ดี ใจความก็ไม่ต่างกัน
ส่วนประโยคนี้เหมือนกันเป๊ะ
"three of whom shall be goalkeepers"

ส่วนเหตุผลทางฟุตบอล คิดว่าเดากันได้ไม่ยาก
เหมือนกับกรณีที่ สโมสรโดยทั่วๆไป มักจะมีโกลมือ 3 ติดทีมไว้ เพราะหากมือ 1 เจ็บหรือโดนแบน มือ 2 จะได้ลงสนามแทน การมีมือ 3 เป็นสำรองก็เหมือนการเป็นป้องกันความเสี่ยง ถ้ามือ 3 ได้ลงแล้วมีปัญหา เล่นไม่ได้อีก ต้องบอกว่าซวยมาก
แต่นึกไม่ออกว่ามีช่วงไหนของทีมไหนบ้าง ที่โกล์ 3 คนเล่นไม่ได้เลย แม้แต่ในระดับสโมสร ก็ยังนึกไม่ออก ส่วนบอลถ้วย 6-7 นัด ถ้าโกลเล่นไม่ได้พร้อมกัน 3 คน ต้องเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าโชคร้าย

แต่เข้าใจประเด็นที่แย้งมานะ เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
เพราะในบอลโลกมีการใช้โกลครบทั้ง 3 คน น้อยมากกกกกกกกกก

เหยดดดดดดมู้สาระะะนะเฮ้ยยย

ปี 1998 เป็นปีแรกที่ออกกฎ การเข้าบอลจากด้านหลังคือการฟาวล์ที่รุนแรง

และตามกฎการลงโทษ การฟาวล์ที่รุนแรงบทลงโทษคือใบแดง


สมัยก่อน 1998 จะมีการเข้าเสียบบอลจากด้านหลัง ผลที่ตามมาคือ เอ็นร้อยหวายขาด ข้อเท้าหัก

ซึ่งนี่คืออาวุธของเกมรับที่เอาไว้หยุดเกมรุกคู่แข่งที่ทุกทีมใช้กัน

ฟีฟ่า ต้องการลดความรุนแรงของเกมฟุตบอล ซึ่งนี่เป็น 1 ในเหตุผลหลักที่ทำลายอาชีพนักเตะ


จำได้ว่าก่อนกฎออก การเจ็บเอ็นร้อยหวายนี่มีบ่อยมากๆ พอกฏนี้ออกมา

ผลที่ตามมาคือ ช่วงแรกใบแดงกันพรึ่บฮ่ะ

นึกขึ้นมาได้อีกอันคือ professional foul อันนี้ก็จำไม่ได้ว่าเริ่มใช้ปีไหน

แต่ละข้อไม่แน่ใจนะครับ
1.จำไดว่าบอลโลกปี 94ก็มีแล้วนะ
2. โกล์ห้ามใช้มือลูกคืนหลังด้วยเท้าตอนยูโร92 บอลโลก90 ตอนเยอรมันนำ1-0 ส่งคืนอล์กเนอร์อย่างเดียวเลย
3.อังกฤษใช้เป็นประเทศแรกต้นยุค 80 ส่วนบอลโลกน่าจะเริ่มปี94
4.โกลเด้นโกล์ถ้าจำไม่ผิดนัดชิงใหญ่ๆมีแค่ยูโร2000 นะ เทรเซเกต์ยิงอิตาลี
5.ส่วนฟุตบอลโลก เปลี่ยนเป็น24ปี 82 32ทีมตอนปี 98