ผมจะแบ่งออกเป้นสามช่วงนะครับ
ช่วงที่1 ตั้งแต่เริ่มของเหตุการณ์คดี จนศาลตัดสินสิ้นสุด จะยาวหน่อย
ช่วงที่2 ช่วงของการรื้อคดี
ช่วงที่3 ช่วงของขบวนการ รับจ้างรับผิดแทน
เริ่มที่
ช่วงแรก
วันที่ 11 / 3 / 48 เวลา สองทุ่มโดยประมาณ ที่ อำเภอเรณู นครพนม
รถกระบะ แซงขวา ไปประสานกับจักรยาน ที่ขี่สวนมาอีกเลน จนมีคนตาย
ตรวจสอบหลักฐาน รถจักรยานที่ถูกชน มีรอยแลกสี สามจุด เป็นสีเขียว
แปลว่าต้องมีการชนกับอะไรก็ตามที่เป็นสีเขียวแน่นอน
วันนั้น มีพยานเห็นเหตุการ คือคุณป้า ทัศนีย์
ไป พบกับ ตำรวจเพื่อให้การ หลังจากนั้นสองวันต่อมา
ใน วันที่ สอบปากคำ ให้การไว้ว่า
ชั้นสอบสวน
- คนขับคนชนหยุดดู
- ไม่เห้น คนขับ
- เห้นทะเบียนรถ บค 56 สกลนคร เป็นโตโยต้า
ชั้นศาล
- เห็นคนชนลงมาดูคนเจ็บ
- บอกพนักงานสอบสวนแล้วแต่ไม่บันทึก
- เห้นทะเบียนรถ บค 56 สกลนคร
5 วันหลัง เหตุการณ์ 16/3/48
ตรวจสอบหาเจ้าของรถ เป้นชื่อผุ้ชาย และไปเจอรถที่ต้องสงสัย
สภาพรถ เป็็นสีบอรน ไม่มีส่วนไหนเลยเป้นสีเขียว ยกเว้น เลขทะเบียนรถ
มีเรื่องบังเอิญอย่างนึงคือ
เจ้าของรถคันนี้ ซื้อรถมาวันเดียวกับวันที่เกิดเหตุ นั้นคือวันที่ 11/3/48 พอดี มีหลักฐานการโอนรถ ระบุไว้ชัดเจน จากครูจอมทรัพ ในตอนบ่าย แต่ครุ ขอยืมรถไปใช้เพื่อ จะไปซื้อรถคันใหม่ ในวันนั้น และโทรมาคืนรถ ในเวลา สองทุ่ม แต่ เค้ายังไม่ไปเอารถ
มารับรถไปตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
จึงถือว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ รถอยุ่ในครอบครองของครู จอมทรัพ
และเจ้าของรถคนใหม่ บอกว่าตอนเช้าไปเอารถ เห็น สามีครู ล้างรถ พร้อมกับเห็นรอยคู๊ดใหม่ ให้การในชั้นศาลว่า เป้นรอยเหมือนมีคนมากรีดรถ
ที่นี้ มาดูกันที่ ตัวรถ
รถจักรยานมี รอยแลกสี สี เขียว ซึ้งต้องเฉี่ยวชนกับวัติถุ ที่มีสีเขียวอย่างแน่นอน
แต่รถครูไม่มีส่วนไดเลยที่เป็นสีเขียน มีเพียงตัวเลข ทะเบียนรถเท่านั้น
ซึ้ง ส่งไปให้ตรวจสอบ เป็น สีเดียวกับจักรยานจริง และไม่มีรอย บุบหรือเสียหาย
นี้เป็นภาพทะเบียนรถตอนนั้นครับ ภาพจาก สิบปีที่แล้วเลย
ซึ้ง ครูจอมทรัพ ใช้ ส่วนนี้ สู้คดีว่า สีทะเบียนรถทุกคัน มันเป้นสีนี้หมด
และทะเบียนรถของครู ก็ไม่มีรอยเฉี่ยวชน บุบสลายไดๆ
แต่ ยังมีอีกประเด็นคือ รถของครู มีรอยบุบที่ ข้างซ้ายของตัวรถ
ซึ้งคนที่ตรวจสอบระบุบว่า เป้นรอบที่เหมือนไปชนคนมา
เรื่องนี้ครูให้การว่า เป้นรอยเก่าที่ชน ก่อนเหตุการนี้ เมื่อสองปี ก่อน จากการชนรั่ว
ที่มียางล้อรถแขวนอยุ่ที่รั้ว
สรุปช่วงแรก
จากทั้งหมดนี้ ตามพยานหลักฐานทั้งหมด อย่างที่รุ้กัน ศาลชั้นต้นตัดสินว่าครูผิด
พอมาศาลอุธรณ์ ครูจอมทรัพย์ชนะคดี ด้วยเหตุผลด้านทะเบียนรถ
มาที่ศาลฏีกา ศาลเห็นว่า ไม่สามารถนำแค่ สิ่งเดียว นั้นคือทะเบียนรถมาตัดสินได้ เพราะส่วนอื่นๆของเรื่องมัน สอดคล้องกัน เลยยืนตามศาลชั้นต้น ให้ครูผิด และ โทษติดคุก สามปีกว่า
จบช่วงแรกครับ
ช่วงที่สอง
ช่วงของการรื้อคดี
ย้อนไป ปี56 ตอนนี้คือ ครูจอมทรัพอยุ่ในคุก
เพื่อนของครูจอมทรัพย์ ที่มั่นใจว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ทำ ได้ไปตามสืบ รถจากทะเบียน
โดยสันนิฐานว่า รถต้องเป็นสีเขียว แต่อาจเป้น ทะเบียนจังหวัดอื่น
จนไปเจอ ชื่อนายสับ วาปี และทำทีไปตีสนิท กับเพื่อนนายสับ จนนายสับยอมบอก
ว่าเคยเอารถไป ชนคน ที่ อ เรณุจริง หลังจากชน ก้เอารถไปซ่อนหนึ่งเดือน
จากนั้นก็เอาไปซ่อม ที่อู่ นายเวท ซึ่งเช็คแล้วอู่นี้มีตัวตนจริง และเจ้าของอู่บอกว่า มีการนำมาซ่อมจริง แต่ ตอนนี้ไม่มีตัีวรถแล้ว โดยนายสัป บอกว่าขายไปแล้ว
จากเรื่องนี้ เมื่อมีเจ้าตัว ที่อ้างว่า เป็นคนชน เอง ทำให้กระทรวงยุติธรรมรับเรื่องรื้อคดี
แต่พอ ถึงชั้นรื้อฟื้นคดี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยุติธรรมกับไม่เอานายสัป มาในการเป้นพยาน โดยให้เหตุผลว่า มันเป็นคดีจราจร คำพูดคน พยานหลักฐานมันเปลี่ยนกันได้ มาวัดที่หลักฐาน วิทยาศาสตร์กันดีกว่า แล้วไปเน้นที่ หลักฐานที่เตรียมมา
โดย การเอา ผู้ชำนาญการมา 3ท่าน ในแต่ละด้าน
ด้านแรกผู้เชี่ยวชาญจาก โตโยต้า เช็คว่า รถคันนี้เคยมีการเปลี่ยนสีมาหรือไม่
ผลคือ เป็นสีคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีไดๆทั้งสิน
คนที่สอง จากกรมขนส่งทางบก คนนี้มายืนยันด้านทะเบียนรถ ว่าเป็นป้ายจากกรมขนส่งออกให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไดๆ เป้นป้ายดั้งเดิม
คนที่สาม เป็นอาจารย์ จบปริณญาเอกจาก เยอรมัน ชำนาญด้านโลหะวิทยา ใช้เทคโนโ,ยี ของ อาจารย์ตรวจดูอย่างละเอียด และในศาลให้การว่า ทะเบียนไม่มีการเสียรุปอย่างรุนแรง ถ้ามีการเสียรุปอย่างรุนแรง เชียรไลน์จะปรากฏชัด
ประมาณว่า เนื้อโลหะด้านใน มันจะเสียรุป เค้าสามารถรุ้ได้ ต่อให้ เอาไปดัดหรือแก้ จนเนียนเหมือนใหม่แค่ไหน แต่ลายของเนื้อโลหะข้างในมันเสียรุปไปแล้ว
ซึ่่งจากรอย สี ที่ไปติด อยุ่ที่รถจักรยาน ต้องเป้นการเฉี่ยวชนที่แรงพอจะสร้างรอยให้ทะเบียนได้แน่นอน
ช่วงสองนี้ผมขอสรุปว่า นายสัปวาปี ผู้ที่ออกมายอมรับผิดแทน คือ ต้นเรื่องที่นำไปสู่การรื้อฟื้นคดี แต่ตอนหลังกลับกลายเป้นว่า กระทรวงยุติธรรม กับไม่นำ นายสัป วาปี มาให้การ ในศาล ในการรือคดี ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน แต่ ใช้เป็น นำหลักฐานจากวิทยาศาสตร์ มาใช้แทน โดยมุ่ง วัดไปที่ตัวรถเลย ว่ามีการชนมาหรือไม่
ช่วงที่สาม ทางด้านฝ่ายอัยการ เตรียมพยานมา 14 ปาก
คนที่เด่นๆเลย คือนายเสิรฐ
นายเสิรฐ พูด ให้การในศาลว่า รู้จักกับครูที่เป้นเพื่อนกับ ครูจอมทรัพ มาจ้าง สองแสนบาท ให้รับผิดแทน โดยให้บอกว่า ซื้อรถมาจากนายสัป และตอนหลังสำนึกได้ เลยมาแสดงตัวกับตำรวจ เพื่อขอแจ้งความ ว่าเป็นคนขับชนตัวจริง แต่ตอนหลัง นำในเสริฐออกจากเรื่องไป เพราะมารุ้ตอนหลังว่า นายเสิรฐ ขับรถไม่เป้น ชื่อนายเสิฐจึงหายไปในตอนหลัง
ตำรวจกับอัยการ ไปตามประวัติเรื่องของการรื้อฟื้นคดีได้ว่า แต่เดิมที คนแรกที่เอามาใช้ อ้างขอรื้อฟื้นคดี ไม่ใช่นายสัป แต่เป็นนายเสิรฐ โดยมีพยานหลักฐาน เป็น ตำรวจ ที่รับเรื่องตอนนายเสิรฐมาแจ้งความ และได้ลงบันทึกข้อความไว้เป็นหลักฐาน
อีกประเด็นคือ รถชนตอน ปี 48 แต่ นายสัปขายรถคันนี้ไปตั้งแต่ปี 45 แล้ว ขายไปก่อนสามปีเป้่นไปไม่ได้ที่จะเป้นนายสัปไปชน
แล้วได้เอาพยานที่ซื้อรถจาก นายสับ ทั้งหมดมาเป้นพยานว่า ว่าถือครองรถนี้ ในช่วง ที่เกิดเหตุ ไม่ใช่นาย สัป ถือครองตอนที่เกิดเหตุ
อีกประเด็นคือ ช่วงแรก ฝ่ายครุจอมขวัญ พานายสัป ไป ให้ สว ท่านหนึ่งช่วย
ทีนี้ ด้วยความที่ สว ก็พอจะรุ้จักกับนายสัป และได้มีการคุยเป้นการส่วนตัวกับนายสัป
และถามว่าแล้วรถที่ใช้ชนหละอยุ่ไหน นายสัปบอกขายไปแล้ว สว เลยถามไปว่า เอ้า แบบนี้ก้ไม่ได้ชนสิ นายสัปยอมรับกับสว ว่าไม่ได้ชน อันนี้คือนำ สว มาเป้นพยานให้การ และบอกศาลประมาณนี้
สุดท้าย อันนี้เป้นเรื่องราว ปี57 นายสัปได้ไปแจ้งความ ว่าตัวเอง เป้นคนขับรถชน
และในศาลเพ่งได้ยอมรับสารภาพ ว่าตัวเองเป้นคนชน และได้มีการ จ่ายเงินเยียวยา หนึ้งแสนเจ็ดหมื่นบาท เป็นอันจบคดี
กระทรวงยุติธรรม น่าจะเห้น เอกสารในส่วนนี้ เลยเชื่อว่าครูเป้นแพะ เลยรับเรื่องรื้อคดี
สรุป ช่วงที่สามคือ นายสับ ไม่ใช่คนแรก ที่ใช้ขอรื้อคดี ก่อนหน้านี้ ใช้นายเสิฐให้มารับผิดแทน แต่นายเสิฐขับรถไม่เป้น เลยเปลี่ยนเป้นนายสับในตอนหลัง
ตำรวจไปหาหลักฐานมาได้ว่า นายสับ ไม่ได้ถือครองรถช่วงที่ เกิดเหตุ แล้ว พยาน จากสว ที่ให้การว่า นายสับบอกว่าไม่ได้ชน
สุดท้าย เรื่องของนายสัป คือต้นเหตุ ซึ่งนำมาซึ้งการ รื้อคดี
จากเรื่องทั้งหมดนี้ ก็ได้แต่รอผลว่าศาลจะว่ายังไง จะยึดตามอะไร ตาม เรื่องที่ใช้รื้อคดี หรือว่ากันตามหลักฐาน
ทั้งหมดนี้ ท่านก็ลองคิดดูครับ ว่า เรื่องเป้นยังไง ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวผมได้บอกไปแล้วว่าประมาณไหน หลายท่าน อาจจะคิดต่างออกไปจากผมก้ได้