ผมดูเกือบ 5 รอบ ผมก็ยังไม่เคลียร์เลยเรื่องนี้

อันนี้มันคือความเพ้อฝันของหนังว่าทฤษฎีของเทสล่าเอามาแยกร่างได้ไม่ใช่หรอครับ

ไม่มีอะไรรองรับเลยแม้แต่นิดเดียว

ใส่สปอยด์หน่อยก็ดีนะครับ

เเต่เรื่องที่คุณสงสัย ผมก็สงสัย เเต่เชื่อว่าโนเเลนน่าจะให้คนดูคิดเองครับ อีกอย่างเป็นเรื่องของวิทยาศาตร์ที่เป็นไปไม่ได้ด้วย คงเป็นแกปของหนังที่ให้เราไปคิดเองแหละครับ

คหสต.

เครื่องนั้นแยกร่างได้ครับ ก๊อปได้ 100%

เมื่อก๊อป จะมี2คนมันก็จะวุ่นวาย ดังนั้นต้องมี1ตัวตายก็คือหล่นลงไปจมน้ำนั่นเอง

จมมาเยอะแล้วด้วย แสดง1ทีก็ก๊อป1ครั้ง

ไม่มีตัวปลอมเป็นตัวจริงทั้งคู่ เหมือนกันทุกอย่าง คนที่ตายคือคนที่ซวยแค่นั้นเอง

น่าจะโคลนมาทั้งตัวอ่ะ ร่างกายความคิด ควมทรงจำ เอาง่ายๆ ก็เหมือนโคลน1ทีต้องตาย1ที

ขอซ่อนสปอยนะ เผื่อใครยังไม่ได้ดูก็ข้ามไปเลย

ส่วนนึงที่ฆ่าตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าพระเอกจะมาแอบดูตอนไหน
เลยต้องฆ่าตัวเองทุกๆครั้งที่มีการแสดง เพราะแกมั่นใจว่า
พระเอกต้องมาแอบดูกลไกแน่ และจะได้ป้ายความผิดให้พระเอก
A แสดง-> A copy to B -> A ตาย -> B แสดง -> B copy to C -> B ตาย
-> C แสดง .......
ตามนี้ครับ

ในเรื่องมันเฉลยจนปากเปียกปากแฉะแล้วครับ

ว่าฮิวจ์โกหก

เพราะมันบอกตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วครับ ว่า "นักมายากลเชื่อถือไม่ได้"

แล้วถ้าจับใจความเรื่องดีๆ จะเห็นได้ว่า ไอ้เรื่องที่เรารู้เกี่ยวกับฮิวจ์ ในช่วงที่ฮิวจ์ไปอเมริกาเพราะโดนเบลหลอก ว่าความลับของกลย้ายที่อยู่ที่เทสล่า

มันเป็นเรื่องที่เบลอ่านจากบันทึกที่ได้จากฮิวจ์

ซึ่ง ก็อย่างที่มันบอกมาทั้งเรื่อง

"นักมายากเชื่อถือไม่ได้"

ฮิวจ์จะแต่งเรื่องอะไรลงบันทึกก็ได้ ไม่เห็นจะแปลก

แล้วพอกลับมาที่กลย้ายที่ของฮิวจ์ ที่ทำให้ทุกคน(ทั้งในเรื่อง แล้วเราๆ)เข้าใจว่า ฮิวต์แยกร่างจริงๆ ด้วยเครื่องมือของเทสล่า

แล้วก็กลับมาที่หนังทั้งเรื่องมันเฉลยครับ ว่ากลสลับร่าง "ทุกกล" สุดท้ายมันก็คือการหาคนหน้าเหมือน "ทุกกล" ต่างกันแค่จะมีการนำเสนอให้น่าสนใจและแนบเนียนแค่ไหน

อย่างของเบลใช้ฝาแฝด ที่แนบเนียนจนฮิวจ์เชื่อสนิทใจ ว่ามันไม่ใช่แค่คนหน้าเหมือน แต่สุดท้ายก็คือคนหน้าเหมือนจริงๆ และพอเฉลยแล้วฟังเหมือนง่าย แต่ก็อย่างที่มีฉากอินเสิร์ทให้เห็น ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าขนาดยอมตัดนิ้วตามคู่แฝด ยอมปิดบังครอบครัว ยอมใช้ชีวิตโดยไม่ให้ทั้งโลกรู้ถึงการมีตัวตนของตัวเอง ฯลฯ

จะเห็นว่า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้าพยายามมากพอ

มันก็สามารถทำได้

ของฮิวจ์ ตอนที่ยังไม่ยอม "เล่นสกปรก" ที่แม้แต่กลนกง่ายๆ แต่ต้องฆ่านกทิ้ง ยังไม่ยอมเล่น ก็ใช้คนหน้าเหมือน ที่เป็นนักแสดงที่เก่ง จนเล่นได้อย่างแนบเนียน แต่ก็ไม่เนียนเท่าการใช้ฝาแฝดที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อมายากลเหมือนที่คู่เบลทำ แถมคนหน้าเหมือน ยังพร้อมจะหักหลังทุกเมื่ออีกด้วย

แต่

ถ้ากลับมาที่กลย้ายที่ ที่ในหนังเล่นบ่อยๆมาตั้งแต่ต้นเรื่อง อย่างกล "นก" ล่ะ

ถ้าฮิวจ์ ยอม "เล่นสกปรก" แล้วอย่างที่เบลบอกว่า "ในที่ทุกนายก็ยอมเล่นสกปรกซักที"

อย่างการเล่นกลย้ายที่ ที่ยังคนใช้คนหน้าเหมือนเหมือนเดิม

แต่

เอามาใช้แบบกลนก

คือ

ใช้ตัวปลอมเสร็จแล้ว

ก็ฆ่ามันทิ้งเลย

แล้วเครื่องมือของเทสล่า ก็เป็นแค่การนำเสนอให้ดูน่าสนใจ

เป็นไปได้มั้ย ว่าที่ฮิวจ์โดนหลอกให้ไปอเมริกาจนไปเจอเทสล่า ฮิวจ์ก็โดนกลนี้หลอกมาเหมือนกัน

เป็นไปได้มั้ย ว่าแมวที่แยกร่างออกมา ก็คือแมวที่เหมือนกัน2ตัวอยู่แล้ว หมวกที่เห็นว่าถูกสร้างออกมาหลายใจ ก็แค่หมวกที่เหมือนกัน ที่ถูกวางกองๆไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว รอให้แมวนำทางฮิวจ์มาเจอ

หรือ

เป็นไปได้มั้ย ว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเททสล่า คือเรื่องโกหก แต่ฮิวจ์ไปอเมริกา โดนเขียนในบันทึกว่า ไปหาเทสล่า แต่จริงๆแล้ว

ไปหาคนหน้าเหมือน100คน

เพื่อเอามาเป็นตัวแสดงแทนตัวเอง แต่ใช้เหมือนกลนก ที่ให้นกตัวหลอกโดนบี้ตายคากรง

แต่อันนี้ฮิวจ์ใช้เป็นการเอาลงไปห้องใต้เวที ที่เตรียมถังน้ำไว้แล้ว

เพื่อฆ่าตัวปลอมปิดปากซะ

ซึ่งมันก็เข้าเค้ากับที่ฮิวจ์ยื่นคำขาดกับเจ้าของโรงละคร ว่ากลนี้แสดงแค่100รอบเท่านั้น ไม่มีเกินกว่านี้

เหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่จะหาคนหน้าเหมือนตั้ง100คน

แต่ก็เหมือนกับกลฝาแฝดของเบล ที่ถ้าใช้ความพยายามมากพอ

มันก็เป็นไปได้

ยิ่งกลับมาย้อนถึงตัวเราเอง ที่เชื่อว่า "เครื่องแยกร่าง" มีอยู่จริง

ทำไมเราจะเชื่อว่าการหาคนหน้าเหมือน100คน มันก็เป็นไปได้บ้างไม่ได้ล่ะครับ

แล้วอย่าลืมนะครับ ว่าโนแลนค์เป็นเจ้าพ่อจิตวิทยาอยู่แล้ว แต่ละเรื่องนี้ขยี้เกี่ยวกับทฤษฎีจิตวิทยามาตลอด ตั้งแต่ The Memento แล้ว ขยี้ทฤษฎีจิตวิทยาซะกระจุย

แล้วกับเรื่อง The Prestige

คิดว่าอยู่ๆโนแลนด์จะมาทำหนังแฟนตาซี ที่มีเครื่องแยกร่างได้หรอครับ

หรือว่าโนแลนด์น่าจะทำหนังจิตวิทยา ที่เล่นกับจิตใจของคนดู ที่หลอกคนดูซะอยู่หมัด ด้วยการพูดเฉลยกลตลอดทั้งเรื่อง แต่กลับสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดู จนคนดูอย่างเราๆ พร้อมจะหลอกตัวเอง

เหมือนกับคำพูดทิ้งท้ายตอนจบที่ว่า

"ตอนนี้คุณกำลังมองหาความลับ แต่คุณจะหามันไม่พบหรอก เพราะที่จริงแล้ว
คุณไม่ได้ตั้งใจมอง คุณไม่ต้องการที่จะหาคำตอบ..แต่คุณต้องการที่จะหลงกล"

นี่ถ้าคุณไม่ถาม ผมก็ยังจะคิดว่าหนังเรื่องนี้ห่วยเหมือนเดิม (ผมรู้สึกว่าห่วยตอนที่เครื่องโคลนแล้วคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ตอนแรกก็มายากลธรรมดาสนุกๆ พอมาเครื่องโคลนผมก็คิดว่าไร้สาระโคตรเป้นไปไม่ได้ ได้หนังยอดเยี่ยมได้ไง )

พอมาอ่านคำตอบในนี้ถึงรู้ว่า อ๋อหนังมันลึกซึ้งยังงี้นี่เอง

ผมไม่เคยคิดมุมนี้เลยนะ ผมกลับไปดูอีกดีกว่าแล้วลองเอาทฤษฎีนี้ใส่เข้าไป

ทำไมจะแฟนตาซีไม่ได้ล่ะครับ ดํตอนจบ Interstellar สิ

แล้วที่มันไม่ไว้ใจกันจนยิงกันตายในโคลนตัวแรกล่ะ อธิบายยังไงดี

ผมว่าเป็นเครื่องแยกร่างแหละไม่งั้นเทสล่าจะโดนไล่จับหรือ

ช่วงท้ายๆ นี่ พีคสุด

วิเคราะห์ได้ดีเลยครับ ผมก็ลืมนึกถึงอีกมุมที่ไปตามหาคนหน้าเหมือน100คน

หนังเรื่องนี้เล่นเอาผมปวดหัวไปเลย ตอนดูเรื่อง shuter island ยังไม่งงเท่าเรื่องนี้ ต้องดูตั้ง 2-3รอบกว่าจะเข้าใจ

คือถามที่เขาอธิบายน่าจะหมายตวามว่า ทั้งคนดู+คนอ่าน(เบล) โดนแองเจียร์ต้มตั้งแต่

ในสมุดบันทึกแล้วครับ ใครจะไปรู้ว่าแองเจียร์ไปเจอเทสล่าจริงไหมประมาณนั้น เป็นสิ่งที่

แองเจียร์เขียนลอยๆลงในหนังสือบันทึกเท่านั้น จริงๆอาจจะไปหาคนหน้าเหมือนมา 100คน

ตามที่เขาว่าก็ได้ใครจะรู้ ประมาณนั้นครับ ผมเองก็ดูนานแล้ว ลำดับเหตุการณ์ลืมๆไปบ้าง

แต่พอจพได้นิดๆหน่อยๆ มาอ่านดูถ้าเป็นตามนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ สนุกดีนะ

ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ผมว่ามันก็สนุกทั้งเป็นแบบก็อปร่างได้ หรือจะแบบหาคนเหมือน ก็ยังสนุก 55

แต่เรื่องมันปุมาว่าเทสล่า คือนักวิทยาศาสตร์ที่ลุ่มหลงซะจนเลยขอบเขตนะครับ

ถ้ามันจะมีเครื่องแยกร่างขึ้นมาจริงๆ
ผมว่ามันก็ไม่น่าจะนอกเหนือจากสิ่งที่หนังปูมาให้บทของเทสล่านะ

อาจฟังดุตลกๆนะ
แต่ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลกว่า การหาคนหน้าเหมือนมาช่วยเล่นกล 100 คนอีกครับ

\

เทสล่ามีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ครับ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2_%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2

การที่เทสล่าโดนไล่จับ โดย โทมัส อันวา เอดิสัน ที่นับว่าเป็นคู่แข่งกันในยุคนั้น ก็เป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์เหมือนกันครับ

โดยเอดิสันที่กลายเป็นนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงแล้ว จากการค้นพบไฟฟ้ากระแสตรง ที่เอามาใช้ในการผลิตหลอดไส้ ได้บอกกับชาวโลกว่า กระแสไฟฟ้าสลับ ที่เทสล่าค้นพบ เป็นอันตรายมากเกินไป ซึ่งในขณะนั้น เอดิสันเหมือนกลายเป็นพระเจ้าไปแล้วครับ พูดอะไรใครก็เชื่อ ประกอบกับสมัยนั้น ความรู้เกี่ยวกับด้านไฟฟ้าเพิ่งจะเกิดขึ้น คนเลยเชื่อว่าสิ่งประดิษฐ์ของเทสล่าเป็นอันตรายจริงครับ เลยโดนไล่จับ

แต่ในปัจจุบัน

ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้นะครับ ว่าไอ้ไฟฟ้าตามบ้านที่เราใช้อยู่ทุกวันเนี้ย มันคือไฟฟ้ากระแสสลับ ที่เทสล่าค้นพบ แล้วโดนกล่าวหาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนในอดีตเนี้ยแหละครับ

อันนี้ทราบครับเคยอ่านมาแล้ว ผมแค่คิดว่าเครื่องแยกร่างมันดูเมคเซ้นท์กว่า

เทสล่ามีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ครับ ไม่ได้ถูกแต่งขึ้น

เครื่องมือสร้างกระแสไฟฟ้าในหนัง ก็มีอยู่จริงครับ มีภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ยืนยันด้วย ลองกุเกิ้ลดู

ซึ่งถ้าผมจะปูให้ใครเป็นอะไรตามที่เราต้องการ ถ้าผมเป็นโนแลนด์ ผมคงไม่ใช้คนที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์หรอกครับ แต่งตัวละครใหม่เป็นนักประดิษฐ์สติเฟื่อง ผู้สร้างเครื่องแยกร่างไปเลยดีกว่า

แต่การที่ใช้บุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์แต่ถูกโลกลืม มันเป็นไปได้กว่ามั้ยครับ ว่าโนแลนด์ต้องการเล่นเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต ที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับไฟฟ้าของคนสมัยนั้น ยังไม่ทราบครับ ว่าไฟฟ้ามันใช้แยกร่างคนไม่ได้ ก็เลยเชื่อย่างสนิทใจ ว่ามีเครื่องที่สามารถแยกร่างคนได้จริงๆ

จนส่งผลทางจิตวิทยาต่อคนดูในยุคปัจจุบันอย่างเราๆ ที่รู้ทั้งรู้ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังยินดีที่จะเชื่อตามคำโกหก ตามบันทึกของฮิวจ์ ทั้งที่มันมีวิธีอื่นที่เป็นไปได้ตามหลักความเป็นจริงอยู่แท้ๆ

ก็อย่างที่หนังบอกแหละครับ

"ตอนนี้คุณกำลังมองหาความลับ แต่คุณจะหามันไม่พบหรอก เพราะที่จริงแล้ว
คุณไม่ได้ตั้งใจมอง คุณไม่ต้องการที่จะหาคำตอบ..แต่คุณต้องการที่จะหลงกล"




แถมประวัติเทสล่าครับ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2_%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2

อ้าวเคยอ่านแล้วจะถามผมทำไมอ่ะครับ ว่าทำไมโดนไล่จับ55555

แล้วเครื่องแยกร่างมันเมคเซนต์กว่ายังไงอ่ะครับ

หนังอุตส่าปูทุกกลที่สามารถเกิดได้จริงบนโลกนี้มาทั้งเรื่อง

โลกเรามีนักประดิษฐ์ ที่ค้นพบกระแสไฟฟ้าสลับ ที่ชื่อเทสล่าอยู่จริง

โลกเราอาจจะหาคนหน้าคล้ายเราถึง100คนได้ยากจริง แต่ก็อาจจะพอหาได้ ถ้าใช้เวลาและพยายามมากพอ

แต่โลกเราไม่มีทางแยกร่างคนด้วยกระแสไฟฟ้าสลับได้นะครับ

นอกจากมันเป็นเรื่องโกหกที่ถูกแต่งขึ้น

ไหนลองแลกเปลี่ยนทัศนะกันหน่อยครับ

Interstellar มันเล่นประเด็นแฟนตาซี ในมุมที่มีทฤษฎีรองรับ ว่าอาจเป็นได้ไม่ใช่หรอครับ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ว่าเป็นจริงรึไม่จริง แต่ก็เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่จริง แล้วก็เล่นกับเรื่องของทฤษฎีแบบหนักๆไปยันจบเลย

กลับมาที่ The Prestige

โนแลนด์อุตส่าชงทุกสิ่งอย่างให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงมาทั้งเรื่อง

ทั้งบอกใบ้ด้วยการเล่นกลนกให้เราดูซ้ำๆ การย้ำบ่อยๆว่านักมายากลเชื่อไม่ได้บ่อยๆ การเอาบุคคลในประวัติที่มีตัวตนอยู่จริงมากล่าวถึง เพื่อบอกใบ้ว่า จักรวาลในเรื่อง ก็คือจักรวาลเดียวกับเรา ฯลฯ

แล้วอยู่ๆจะมาหักมุมจบแบบแฟนตาซีห่วนๆ ให้ไอ้ที่อุตส่าชงมาทั้งหมด กลายเป็นเรื่องไร้สาระเงี้ยะหรอครับ?

แต่ความคิดท่านอาจจะถูกก็ได้นะ ว่ามันก็แค่เรื่องแฟนตาซี ที่อยู่เหนือหลักของความจริงและเหตุผลไปเลย เพราะโนแลนด์ชอบทำหนังเล่นกับจิตใจคนดูอยู่แล้ว

แต่ผมกลับมองว่าโนแลนด์อุตส่าปูทุกสิ่งอย่างให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงมาทั้งเรื่องนะครับ

ทั้งบอกใบ้ด้วยการเล่นกลนกให้เราดูซ้ำๆ การย้ำบ่อยๆว่านักมายากลเชื่อไม่ได้บ่อยๆ การเอาบุคคลในประวัติที่มีตัวตนอยู่จริงมากล่าวถึง เพื่อบอกใบ้ว่า จักรวาลในเรื่อง ก็คือจักรวาลเดียวกับเรา พื้นฐานความเห็นไปได้ก็เหมือนกับเรา ฯลฯ

แล้วถ้าอิงว่าโนแลนด์ปูทุกอย่างให้มันอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

การหาคนหน้าเหมือน100คน

กับการแยกร่างคน ที่ทำไมมันถึงแยกแค่100คนก็ไม่รู้ เกินนี้ไม่ได้หรอ

อ่ะทีนี้ผมตอบคำถาม

ที่ท่านว่าหนังปูให้เทลล่าเป็นงั้นงี้ ย้อนกลับไปที่ผมเขียนครับ ว่าเป็นไปได้กว่ามั้ย ว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหกที่แองเจียร์เขียนลงบันทึกตั้งแต่ต้น เทสล่าไม่ได้เตือนอะไรแองเจียร์ แองเจียร์ไม่ได้มีเครื่องแยกร่างมาตั้งแต่ต้น เพราะเรื่องที่เราดู มันคือเรื่องที่เบลอ่านจากบันทึกนะครับ แล้วในบันทึกบอกว่าเทสล่ายังไม่รู้เลย ว่าเครื่องตัวเองทำอะไรได้บ้าง ย้ำอีกทีว่าจากบันทึกนะครับ แต่ในชีวิตจริง เราก็รู้อยู่แล้วนิครับ ว่าเทสล่ารู้ดี ว่ากระแสไฟฟ้าสลับมันทำอะไรได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่กว่าโลกจะรู้ เค้าก็จากโลกไปตั้งนานแล้ว

บวกกับคำใบ้สุดท้ายในหนังที่ว่า

"ตอนนี้คุณกำลังมองหาความลับ แต่คุณจะหามันไม่พบหรอก เพราะที่จริงแล้ว
คุณไม่ได้ตั้งใจมอง คุณไม่ต้องการที่จะหาคำตอบ..แต่คุณต้องการที่จะหลงกล"

อันไหนมันดูเป็นไปได้มากกว่าล่ะครับ

ส่วนเรื่องใช้คนหน้าเหมือน ที่ว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเป็นวิธีเดิมที่เคยทำชีวิตแองเจียร์พัง

ไอ้ที่มันพัง เพราะไอ้ตัวปลอมมันจ้องจะแฉครับ

คราวนี้ก็เลยฆ่าปิดปากไปเลยไงครับ มันเหมือนเดิมตรงไหนล่ะ

ส่วนเรื่องไปหามายังไง 100 คน ให้สวมบทบาทได้ขนาดนั้น ลองไปจับผิดการแสดงดีๆนะครับ

ตอนกลางเรื่องที่แองเจียร์ยังใสๆอยู่ ที่ใช้นักแสดงหน้าเหมือนมาเป็น The Prestige ให้ตัวเอง ในช่วง The Pledge ของโชว์นั้น แองเจียร์นำเสนอได้เอนเตอร์เทรนคนดู ดูน่าตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งในช่วง The Prestige ตัวปลอมก็ทำออกมาได้แนบเนียนมาก แต่ก็ไม่ได้มีจริตที่เหมือนแองเจียร์ซะทีเดียว

แต่พอช่วงที่ใช้เครื่องแยกร่าง ตอนที่เบลไปดูโชว์ของแองเจียร์ด้วยตัวเองเพื่อจะจับผิดกลของแองเจียร์

ถ้าเราในฐานะคนดูหนัง ย้อนกลับไปจับผิดช่วงนั้นดีๆจะเห็นชัดเลยครับ ว่าแองเจียร์ในช่วง The Pledge พูดเข้าโชว์ได้โคตรแข็งเลยครับ แล้วตะกุกตะกักด้วย ผิดกลับช่วงกลางเรื่องมากๆ

แต่พอ The Prestige กลับประกาศตัวอย่างยิ่งใหญ่ สมกับเป็นนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิมเลยครับ

เพราะงั้นที่ถามว่า หามายังไง100คน แล้วสวมบทบาทได้แนบเนียนขนาดนั้น

อันนี้ไปดูใหม่ครับ ไม่ได้เนียนนะ

อ่ะแล้วทีนี้ผมถามกลับ

ถ้าคุณมั่นใจว่าการสร้างเครื่องแยกร่างมันเป็นไปได้กว่าหาคนหน้าเหมือน แล้วทำไมโนแลนด์ ถึงจงใจใช้บุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ล่ะครับ สร้างตัวละครใหม่ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ลุ่มหลงกับสิ่งที่แกทำจนเลยเถิด ไปเลยไม่ง่ายกว่าหรอครับ จะยกคนที่มีอยู๋จริงทำไม? หรือเพราะอยากบอกใบ้คนอยู่อย่างเรารึเปล่า ว่ามันเป็นเรื่องโกหกแต่แรกไง เทสล่าตัวจริงสร้างเครื่องแยกร่างได้ที่ไหนล่ะ

แล้วทำไมถึงต้องจำกัดจำนวนโชว์ ให้มีแค่100รอบ? เครื่องมันผลิตมากกว่านี้ไม่ได้หรอ? หรือเกิดสำนึกที่100คนพอดีแค่นั้น? หรือเพราะหาคนหน้าเหมือนมาได้แค่100คนมากกว่า

แล้วทำไมตัวละครในหนังถึงพูดย้ำซ้ำๆล่ะครับ ว่า "นักมายากลเชื่อถือไม่ได้" เพราะอยากบอกใบ้ว่า เรื่องที่ถูกเขียนในบันทึก มันเป็นเรื่องโกหกกันทั้ง2ฝ่ายรึเล่า

แล้วทำไม ในหนังถึงเล่นกลเสกนกบ่อยเป็นพิเศษล่ะครับ จนเหมือนจะบอกใบ้ว่า กลแยกร่าง มันก็คือกลเดียวกับกลนกนั่นแหละ

และสุดท้าย

ตอนจบจะมีข้อความทำไมล่ะครับ ว่า

"ตอนนี้คุณกำลังมองหาความลับ แต่คุณจะหามันไม่พบหรอก เพราะที่จริงแล้ว
คุณไม่ได้ตั้งใจมอง คุณไม่ต้องการที่จะหาคำตอบ..แต่คุณต้องการที่จะหลงกล"

เพราะโนแลนด์รู้อยู่แล้วรึเปล่า ว่ามันต้องมีคนที่ปักใจเชื่อในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ เพราะ

คุณไม่ต้องการที่จะหาคำตอบ..แต่คุณต้องการที่จะหลงกล

คิดเห็นเหมือน เม้นบน ในหนังฮิวส์เคยใช้คนหน้าเหมือนล้วนี้ครับ แกคงไม่น่าจะใช้มุกเดิม ยิ่งโดนหักหลังผมว่าไม่มีทาง

ผมคิดว่า ถ้าเราจะมองโดยอิงจากแนวคิดที่ว่า

" ทุกอย่างอยู่ในบันทึกแองเจียร์ เพราะงั้นอะไรจะเป็นอะไรก็ได้ "

งั้นก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดคุยกันล่ะครับ
เพราะถ้าอ้างจากสมมติฐานนี้ ก็จะเท่ากับว่า ใครพูดอะไรก็ถูกหมด หรือใครคิดอะไรอย่างอื่นก็ผิดหมดได้เหมือนกัน ครับ

เรื่องคำคมท้ายเรื่อง
ผมคิดว่าเป็นแค่ธรรมชาติของ มายากล เท่านั้นเองครับ

อย่างเช่นตัวผมก้คนนึงล่ะ ที่ดูมายากลและสนุกไปกับมัน
โดยที่ไม่ต้องไปสนใจหาคำตอบว่ามันทำได้ยังไง หรือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามันเป็นแค่ทริก ไม่ใช่ real magic

ผมดูกล เพราะผมอยากจะสนุกไปกับกล ดูว่าคนเล่นกลเค้าจะหลอกเราได้เนียนขนาดไหน
ถ้าผมดูมายากล แล้วเจอคนเล่นห่วยๆ หลอกผมไม่ได้ fool ผมไม่ได้ อันนี้ก็คือเฟล

เพราะฉะนั้น ผมก็เป็นคนนึง ที่ไม่ได้อยากจะรู้เฉลยของมายากลหรอก
แต่ผม want to be fooled เพราะนั่นมันคือจุดที่ทำให้เราฟินกับการดูมายากล

และอีกเหตุผลนึงก็คือ ที่เราไม่อยากรู้ เพราะบางทีการได้รู้มันอาจจะเป้นเรื่องที่โหดร้าย
อย่างเช่น หลานของเมียบอร์เด้น ที่ร้องไห้เพราะจับได้ว่านกที่โผล่มาตอนหลังนั้น เป็นคนละตัวกับตอนแรก

กลของแองเจียร์ก็เหมือนกัน ถ้าเรารุ้ความจริงที่ว่าแองเจียร์ทุกตัวต้องตายจากการแสดงนี้ทุกครั้ง
มันจะเป็นอะไรที่ไร้มนุษยธรรมมากเกินไป ...

นี่คือสิ่งที่ผมมองและตีความจากประโยคท้ายเรื่องครับ
เราไม่ได้อยากรู้ความจริงหรอก เพราะบางทีมันอาจจะโหดร้ายเกินไปครับ (พร้อมกะฉายภาพแท็งค์น้ำที่เต็มไปด้วยศพแองเจียร์)

ก็รอบหลังเรียนรู้จากรอบแรก ก็เลยใช้แล้วฆ่าปิดปากไปเลยไงครับ

ผมว่าผมก็เขียนคำตอบของมุมนี้ไว้แล้วนะครับ ไม่ได้อ่านหรอ

อันนี้่ก็เข้าใจมุมมองของคุณนะครับ ที่อยากดูให้สนุกก็พอ

แต่ผมเห็นคุณตั้งคำถามไง ผมเลยเข้าใจไปว่าคุณอยากดูแบบเข้าใจในมุมคนทำหนังมากกว่า เพราะถ้าจะดูเอาสนุกแต่แรก คุณไม่น่าจะตั้งแง่ขนาดนนี้ แถมบางคำถามผมว่าผมก็เขียนไปตั้งแต่แรกแล้วด้วย ผมเข้าใจผิดเลยถกกับคุณแบบยื้ดเยื้อหน่อย อันนี้ก็โทษทีละกันนะครับ ที่เข้าใจความคิดคุณผิดไปหน่อย

เพราะผมก็มองในมุมคนทำหนังไง

ว่าถ้าคุณลองดูหนังแบบสายรางวัลบ่อยๆ คุณจะเห็นครับ ว่าทุกฉาก ทุกซีน ทุกคำพูด ผู้กำกับระดับนี้เค้าตั้งใจที่จะบอกใบ้อะไรคนดูอยู่ตลอดเวลาเลยแหละ

ที่เค้าเรียกว่า Symbolic ไงครับ

ถ้าหนังเรื่องนี้ มันไม่ได้มีการคุมโทน ไม่ได้มี Symbolic ใดๆเลย รึมีแบบเบาบางมากๆ

มันก็จะตีความไปทางไหนก็ได้ตามใจแหละครับ รึไม่มีอะไรใหฟ้ตีความเลยก็ได้

แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้นะครับ

เรื่องนี้มีการใส่ Symbolic แบบตั้งใจวันตั้งแต่ต้น

ตั้งแต่การเล่นกลนกเปิดเรื่อง แล้วยังเล่นให้ดูให้ดูซ้ำๆ

ย้ำคำพูดที่คัตเตอร์พูดกับแองเจียร์ ในขณะที่แองเจียร์ยึดติดกับความคิดตัวเองเพราะเต็มใจที่จะโดนหลอกแล้วว่าเบลย้ายที่ได้จริงๆ ไม่ได้ใช้ตัวปลอม ว่า "ใครจะใช้วิธีไหนกับกลย้ายที่ฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้ มันคือการหาตัวเหมือนทั้งนั้นแหละ"

พูดย้ำเสมอ ว่่าอย่าเชื่อสิ่งที่นักมายากลบอก

มีตัวอย่างให้เห็นเรื่องบันทึกปลอม จากบันทึกของเบล ที่ฮิสจ์สั่งให้สกาเล็ทขโมยมาให้ แล้วก็เฉลยว่าเป็นเรื่องโกหก ที่เบลเขียนเพื่อปั่นหัวฮิสจ์เรื่องเทสล่า เป็น Symbolic เพื่อให้รู้ว่า ใครมันก็เขียนเรื่องโกหกได้

ใช้เครื่องแยกร่างโดยใช้แมวที่เป็นสัตว์ เพื่อให้คนดูเอะใจ โยงไปถึงกลนกได้

ตอนที่เบลอ่านบันทึกไปจนจบ ก็บอกใบ้ด้วยประโยคทิ้งท้ายในบันทึกของแองเจียร์ว่า "The Pledge ของฉันจบแล้ว ต่อไปเป็น The Turn" เพื่อเฉลยเบาๆ ว่าทั้งหมดคือการเกริ่นเข้าโชว์ขอวแอวเจียร์เอง ซึ่งเป็นเรื่องแต่งเพื่อให้คนดูหลงทางเท่านั้น

และวประโยคสุดท้ายที่ว่า

"ตอนนี้คุณกำลังมองหาความลับ แต่คุณจะหามันไม่พบหรอก เพราะที่จริงแล้ว
คุณไม่ได้ตั้งใจมอง คุณไม่ต้องการที่จะหาคำตอบ..แต่คุณต้องการที่จะหลงกล"

กลับไปที่มุมมองคนทำหนังครับ

ถ้าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำเพื่อความบันเทิงล้วนๆเหมือนหนัง พนจ์ อานนท์

ประโยคนี้อาจเป็นแค่ประโยคเท่ๆ ที่นึกอยากจะใส่ก็ใส่ ก็ได้แหละครับ

แต่บังเอิญคนนี้มัน คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ไงครับ

ผู้กำกับที่ทั้งโลกให้การยอมรับ ว่าทำหนังแต่ละเรื่อง ไม่ได้มีแค่ความบันเทิง แต่มีความลึกซึ้งทั้งในเชิงจิตวิทยาแล้วเชิงปรัชญาอย่างสูงด้วย

แถมหนังยังได้รับเสียงวิจารณ์ให้เป็นหนังมายากลยอดเยี่ยมตลอดกาล

แล้วหนังที่อุตส่าคุมโทนทุกอย่างให้กดดัน จริงจัง อยู่บนโลกความเป็นจริง และยังปูทุกอย่าง ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ให้ไปในทิศทางเดียวกันมาตลอดทั้งเรื่องแบบนี้

คิดว่าอยู่ๆมันจะหักดิบ เฉลยกลง่ายๆอย่างการไปเจอเครื่องแยกร่างหรอครับ

.

แล้วที่คุณตอบมา คุณพูดถึงประโยคสุดท้ายหมดเลยอ่ะครับ

ยังไม่เห็นตอบคำถามผมเลยว่า

ทำไมต้องใช้บุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ สร้างตัวละครมาใหม่เลยไม่ได้หรอ

ทำไมโชว์ต้องกำจัดแค่100รอบ เอาแบบมีคำใบ้ Symbolic หรือคำพูดในหนังประกอบ ที่ทำให้รู้สึกเข้าเค้าด้วยนะครับ

แล้วทำไม ร่างแยกของฮิวจ์ ถึงมี The Pledge ที่แข็งทื่อขนาดนั้นครับ

เอาแบบอิงในมุมมองของคุณ ที่ว่าทุกเหตุการณ์ในหนัง คือเรื่องจริง ไม่ใช่คำโกหกจากสมุดบันทึกเลยนะครับ ไม่ต้องมาสนแนวคิดผม

ผมของแนวคิดคุณ

เดี๋ยวครับ ไม่ใช่ละครับ

ที่อยากดูแค่เอาสนุก ผมหมายถึงมายากลครับ ไม่ใช่หนังเรื่อง the prestige
หมายถึงมายากลจริงๆ ตามรายการโชว์ หรือแข่งขันประกวดต่างๆ
อันนี้คือดูเพราะอยากจะโดน fool อยู่แล้ว

เพราะแน่นอนว่าทุกอย่างมันเป็นทริก แต่คนพวกนี้เค้าทำให้ทริกมันกลายเป็นเหมือน real magic ได้แบบไม่น่าเชื่อ

เรื่องเอาคนจริงมาใส่ในหนัง ไม่ได้ให้ค่ากับมันขนาดนั้นนะ
(หรือผมควรจะให้ ? เพราะนี่คือหนังของมหาบุรุษโนแลน)

บทของเทสล่า แทนที่จะเมคใครขึ้นมามั่วๆ ก็เอาเทสล่ามาใส่ให้น่าสนใจเลยดีกว่า
แล้วยิ่งเป็นหนังย้อนยุคด้วย มันยิ่งเข้ากันได้ดีไปอีก

แต่ก็แค่นั้น ผมไม่ได้คิดว่านี่จะเป็นสารคดีชีวิตของเทสล่า หรือต้องเป็นสิ่งที่เทสล่าทำจริงๆ
ตัวตน คาแรคเตอร์การพูดจาของเทสล่าเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า อันนี้ผมไม่ได้สนใจครับ

คือยกมาใส่ในหนังให้ดูมีน้ำหนักเฉยๆ (หรืออาจจะเพราะโนแลนอยากให้คนรู้จักเทสล่ามากขึ้นก็ไม่ทราบได้)


อันนี้ไม่เกี่ยวกันนะ แต่คล้ายๆกับเรื่อง Shanghai Knights ของเฉินหลง
ที่ดูไปดูมา กลายเป็นโยงว่าตัวละครคือคนสำคัญในประวัติศาสตร์จริงหลายๆคน
ซึ่งอันนี้เหมือนเป็นมุกขำๆในหนังมากกว่า
(ชาร์ลี แชปลิน , จอหน์ เวยน์ , เซอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ - เชอร์ล็อค โฮลมส์)


ส่วนเรื่องแองเจียร์ตอนหลังแข็งทื่อนั้น อันนี้คงต้องกลับไปดูอีกรอบก่อนครับ
เพราะน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ในทฤษฎีนี้

100คน