วันนี้ที่มหาลัยมีบริษัทมารับสมัคงาน เป็นบริษัทญี่ปุ่น หาคนไปทำงานที่ญี่ปุ่น3ปี ก็มาเปิดให้นักศึกษาลงชื่อ พอลงชื่อเสร็จ เพิ่งมาบอกว่าสัมภาษณ์ทันที

คือแบบผมนี่ไม่ได้ทันเตรียมตัว ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้เรียนมาเป็นปีแล้ว ยิ่งปี4นี่แทบไม่ได้ใช้ พอถึงคิวสัมภาษณ์ทีนี่ แบบพอเขาถามทีนี่ในหัวนี่โคตร blank ศัพท์ที่พยายามขุดมาจากในหัวนี่ลืมไปหมด สุดท้ายต้องด้นภาษาอังกฤษ

สุดท้ายท่านประธานที่มาสัมภาษณ์งานก็บอกว่าสกิลแค่นี้ยังไม่ดีพอจะไปญี่ปุ่นได้หรอก ผมนี่แบบหน้าชาเลย 5555

คือแบบผมคิดในใจมึงจะให้เวลากูเตรียมตัวหน่อยไหมเนี่ย 555 มาถึงไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลย

ปล.เป็นสัมภาษณ์งานครั้งแรกของผมก็เจอแบบนี้ ผมนี่หนาวเลย

เอาน่าอย่างน้อยท่านก็มีความกล้า

ว่าแต่ถ้าได้ไปอย่าลืม บอกรหัสหนังมา

นี่แหละวัดความสามารถที่แท้จริง ถถถ+

ถือว่าเป็นประสบการณ์ไป

มันเพิ่งเริ่ม ถถถ

แต่ทุกคนที่ถูกสัมภาษณ์ก็เงื่อนไขเดียวกันนี่ครับคือไม่ได้เตรียมตัว
แสดงว่านั่นเป็นจุดที่เค้าต้องการครับ
สำหรับคนที่ถ้ามีเวลาเตรียมตัวแล้วงานออกมาดีมันก็จะไปอยู่อีกแบบนึงเท่านั้นเองครับ

ถ้ารับปุ๊บให้ไป ตปท เลยก็คือไปเรียนงานที่โน้นเลย ภาษาต้องแข็งแบบพูดคุยได้ปกติแล้ว

ไม่แปลกครับ ตอนแรกก็หน้าชาแบบนี้แหละ แต่พอทำงานไปสักพักเราจะชอบให้คนพูดตรงๆแบบนี้แหละ แต่ขอให้เป็นเรื่องงานนะ ดีไม่ดี พอใจไม่พอใจอะไร บอกมาตรงๆจะได้รีบๆเคลียร์ให้มันจบๆจะกลับบ้าน

สกิลพวกนี้มันต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาครับ เพราะไม่รู้ว่าเราจะได้ใช้เมื่อไหร่...

เค้าคงต้องการหาคนที่พร้อมที่สุดแหละ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ไปนะ แต่โอกาสขนาดนี้ก็น่าเสียดาย ไปทำงานที่ญี่ปุ่น 3 ปี กลับมาคงมีภาษีดีที่เดียวเลย

คิดด้านดีได้บทเรียนสำคัญนะครับ

ทำให้ท่านรู้จักเตรียมตัวตลอดเวลาและขอให้เตรียมตัวตลอดเวลานะครับ

โอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ บางโอกาสอาจเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเราเลยก็ได้

เป็นประสบการณ์ไป ครั้งต่อๆไปดีขึ้นแน่นอน

รอเรียนจบออกไปหางานจริงๆ จะเจอการสัมภาษณ์หลายที่กว่านี้ ที่ครั้งแรก ผมไปสัมภาษณ์ 4-5 ที่กว่าจะได้ ส่วนที่ลาออกหลังสุดหางานใหม่สัมภาษณ์มาไม่ต่ำกว่า20กว่าที่แล้ว ยังไม่ได้งานเลย ล่าสุดได้ราชการที่2 ถือว่าใกล้เป้าหมายแล้วล่ะ

การถูกปฎิเสธไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถูกปฎิเสธแล้ว ครั้งหน้าเราต้องตอบคำถามให้ดีกว่านี้ ไปเรื่อยๆ จนวันนึงจะเป็นวันของเราครับ

ปล.คนเราถ้าไม่ยอมแพ้ซะก่อน มันจะไปได้ของมันเองล่ะ

ดีออก ถูกปฎิเสธ ดีกว่าเค้าให้ความหวังแล้ว เงียบหายนะ จะได้รุ้ตัวแล้วปรับปรุง

ดีกว่าเงียบนะ

เคยเหมือนกันสมัยจบใหม่ๆ

เป็นแลบผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จะมาเปิดในไทยเร็วๆนี้ (ในตอนนั้น)

สัมภาษณ์ฝั่งไทย ทั้ง HR.M ทั้ง H.Eng ผ่านฉลุย เฉพาะฝั่งไทยก็สองรอบแล้ว
คุยกับ HR ตกลงเงินเดือน เงื่อนไขการเข้างาน เงิื่อนไขทำงานกันเรียบร้อย
บอกโบนัส บอกสวัสดิการเสร็จ เหมือนจะได้เลย

มารอบสุดท้าย นัดมาสัมภาษณ์กับ วิศวกรจากญี่ปุ่น
ตอบได้หมด เป็นภาษาอังกฤษ
ก็คืดว่าสบายกูละ ได้แน่ๆ แถมหกเดือนแรก ให้ไปเรียนรู้งานที่ญี่ปุ่นด้วย
หาผลิตลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ซึบาสะ จะมาทีมชาติไทย555

แต่... จนบัดนี้เกือบ10ปี ยังเงียบเหมือนเดิม555