https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_199012


เป็นอีกกระแสดราม่าในโลกโซเชี่ยล เมื่อสาวคนหนึ่งโพสต์ภาพซองงานแต่งที่เจ้าภาพส่งคืนมาให้ พร้อมกระดาษโน้ต ระบุข้อความว่า “พี่ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีขนาดนี้ บอกพี่ได้ พี่ให้เป็นของขวัญ สำหรับการเริ่มงานใหม่” พร้อมลงชื่อเจ้าภาพ

โดยเจ้าของภาพดังกล่าวโพสต์ข้อความด้วยว่า “หนูไม่เข้าใจเลยค่ะ หนูไปช่วยงานตั้งแต่แปดโมง หมดเงินไปกะค่าชุด ค่าน้ำมันรถ มีเงินใส่ซอง 200 ถึงกับไม่พอใจคืนซองหนูเลย เค้าบอกว่าต่ำๆแถวบ้านเค้าใส่ซอง 500 แถวบ้านนอกบ้านเค้าใส่กันแบบนี้ มันเป็นมารยาทของคนทั่วไป เอาซองกลับคืนไปเผื่อเงินนี้จะทำให้หนูกินข้าวได้สองสามวัน!!! #หนูขอโทษนะคะที่มีเงินแค่นี้ #เงินเดือนหนูน้อยเองหนูขอโทษค่ะ” นอกจากนี้เจ้าของงานแต่งยังได้ Unfriend แขกคนนี้ออกจากเฟซบุ๊กด้วย




ถ้าเรื่องจริง ผมคงบอกไป มีใส่ให้ก็บุญแล้ว

ไปช่วยงานแต่เช้า

ผมว่าเจ้าสาวนั่งเปิดซองคนเดียว อารมณ์ล้วนๆ

ใจแคบจัง น้องอุสามาช่วยงาน แถมใส่ซองให้อีก

เลิกกันไว ๆ นะฮะ

แต่งงานหวังค่าซอง มันได้น้อยก็แต่งอีกสักรอบดิ

ผมว่าเรายังไม่รู้ที่มาที่ไปทั้งหมดนะ

ไม่แน่คนคืนซอง ครั้งก่อนเค้าอาจเคยใส่ให้ 500 หรือ 1,000 มาก่อนก็ได้

พอมาคราวนี้ได้ 200 คืนเลยรู้สึกเสียใจ

แต่งานผมผมคิดไว้แล้วจะทำเป็นโปสการ์ดไม่ทำซอง เพราะจะไม่เอาเงิน

ส่วนใครอยากให้ แนะนำเอาเป็นของขวัญดีกว่า

ใครมีลายแทงต้นเรื่องมั้ย

ผมเคยเจอคนนึงที่หวังค่าซองเพื่อเข้าเนื้อน้อยที่สุด
จริงๆเจ้าบ่าวอยากจะจัดงานแบบง่ายๆ แต่เจ้าสาวเกิดอยากจะให้จัดดีๆ
อ้างงานแต่งมีครั้งเดียว เลยอยากจัดงานให้ดี ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน
ตัวเจ้าบ่าวเองมีเงินเก็บส่วนนึงแต่ไม่มากพอจะจ่ายได้ทั้งหมด
ส่วนเจ้าสาวแทบไม่มี เลยให้เจ้าบ่าวจ่ายหมด
สุดท้ายต้องไปกู้ยืมเค้ามาเพื่อจัดงานแต่ง
หวังเอาค่าซองมาช่วยจ่ายค่าจัดงาน
คืนนั้นมีความสุข คนอื่นชื่นชม
งานเสร็จกลับมา นอนก่ายหน้าผาก ค่าซองได้น้อย ต้องผ่อนจ่ายอีกหลายงวด

ถ้าเรื่องจริงนี่คือใช่เลย อยากแต่งงานหรูๆแต่สตางค์ยังไม่เหลือใช้เพียงพอ เลยต้องมาหวังขอทุนคืนจากแขกที่มาร่วมงาน พอได้ไม่เท่าที่หวัง สติก็แตกสินะ

เมื่อวานมีคนคอมเม้นท์ว่ามาจากสำนักข่าวที่เชื่อไม่ได้ อ่านขำๆละกัน วันนี้ไม่รู้เชื่อถือได้รึยังถ้าสำนักนี้

ผมเป็นคนหนึ่งนะ ที่ค่อนข้างจะมองเรื่องการแต่งงาน ที่เกินตัวอู่ฟู่เกินตัวเป็นเรื่องไร้สาระเกินความจำเป้นเอามากๆ
(ออกตัวก่อนว่าความคิดส่วนตัวล้วนๆนะครับ)

เห็นบางคน ตัวเองหรือทั้งคู่ ทำงานเงินเดือนรวมกันยังไม่ถึง 4 หมื่นเลย จัดงานแต่ง เสียเงินที 4-5 แสน
แต่งงานเส็ด ต้องทำงานใช้หนี้อีกกี่ปีกี่เดือนกัน ครับ ถึงแม้คุณจะบอกว่าเป็นเงินเก็บไม่ได้เป็นหนี้สินก็ตาม
สู้เอาเงินจำนวนนั้นหลังจากที่แต่งกันตามความเหมาะสม ไปซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือแม้แต่เก็บไว้ใช้กับการเลี้ยงลูกที่จะต้องมีแน่ๆไม่ดีกว่าหรือครับ

บางคนแต่งกันใช้หนี้ยังไม่ทันหมดต้อง เป็นหนี้เพิ่มอีกเพราะมีลูก มีลูกก็ต้องมีบ้านอีก
พอเป็นแบบนี้หนักเข้า ก็เลิกกันเพราะรับสภาพไม่ได้

คนแต่งงานกันจะอยุ่กันได้นานไม่นาน ไม่ได้ขึ้นอยุ่กับ ขนาดงานแต่งงาน หรือจำนวนคนที่มาในงานหรอกนะครับ

ยิ่งแต่งเพื่อหวังเอาเงินจากซอง เหมือนตัวเองจัดงานแต่งงานโชว์แลกเงินยิ่งไปกันใหญ่ไม่ต่างอะไรกับซื้อหวย

สู้เก็บเงินที่จะแต่งอย่างเวอร์เวินไว้เลยดีกว่า มีใช้ชัวร์ๆ หลังแต่งกันเสร็จ มีกินมีเที่ยว มีทุนชีวิตไว้ใช้ ไม่ต้องตกเป็นทาสหนี้สินตั้งแต่เริ่มชีวิตคู่

น้ำใจสำคัญกว่าเงินครับ แต่ถ้าเจ้าภาพจัดโรงแรม โต๊ะจีน ถ้าใส่แค่ 200 อย่าไปดีกว่า หรือไปแล้วก็กลับเลย ไม่ต้องกิน จบ ไม่ต้องเป็นขี้ปากเค้า

คุ้มนะ...จ่ายแค่ 200 แต่ได้รู้ใจคนรอบข้าง