29 December 2016 12:18 PM by jedi
2016 ปีที่ฟุตบอลไทยต้องจำ !!!


1 ขวบปีตลอด 365 วันที่กำลังจะผ่านพ้นไปฟุตบอลไทยเกิดหลากหลายเรื่องราวมากมาย และคงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือปีแห่งการเปลี่ยนแปลง

พ.ศ.2559 หรือ ค.ศ.2016 เป็นปีที่วงการฟุตบอลไทยต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เพราะเป็นปีที่ “ฟ้าเปลี่ยนสี” วงการฟุตบอลไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ขั้วอำนาจเก่าที่คว่ำหวดอยู่ในวงการมาหลายสิบปีต้องพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ทำให้ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาเป็นนายกคนใหม่แทน “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ที่เจอมรสุมชีวิตโดน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สั่งแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล

“บิ๊กอ๊อด” ไม่ใช่คนฟุตบอลแต่เป็นคนมากบารมีที่มีหลายสโมสรคอยหนุนหลัง การเข้ามาสู่วงการฟุตบอลไทยของอดีตผู้บัญชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนั้นสร้างความหวังให้กับแฟนบอลที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย

ฟุตบอลไทยภายใต้การนำนาวาของ “บิ๊กอ๊อด” ตลอดช่วงเวลาในปี 2016 เกิดหลายเรื่องราวมากมาย แน่นอนว่ามีทั้งที่เข้าท่าและไม่เข้าทาง ถ้าถามว่า “สอบผ่าน” หรือ “สอบตก” อันนี้คงต้องแล้วแต่มุมมอง

นโยบายที่ว่า “แฟร์” ถูกวิพากษ์มากมายตลอดการทำงานของ “บิ๊กอ๊อด” คนชื่นชมมีมาก คนก่นด่าก็ไม่น้อย ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะไม่ว่าใครมาเป็นนายกฯย่อมต้องถูกวิจารณ์ เนื่องจากผลประโยชน์มันไม่ได้ลงตัวหมดกับทุกคน

คนที่ได้ผลประโยชน์จากการเข้ามาของ “บิ๊กอ๊อด” ต้องเห็นดีเห็นงามอยู่แล้ว ส่วนพวกเสียผลประโยชน์หรือไม่ได้ประโยชน์ย่อมไม่เห็นด้วย ค้านไปเสียทุกเรื่อง บางทีอาการหนักถึงขั้น “อคติ” กดทับรอยหยักในสมองไม่ให้ทำงานเลยด้วยซ้ำ

ถ้ามองย้อนกลับไปในปี 2016 ต้องถือว่าาการเข้ามาของ “บิ๊กอ๊อด” คือข่าวใหญ่ที่สุดในรอบปีของวงการฟุตบอลไทยและเป็นที่มาของอีกหลายข่าวที่แฟนบอไทยต้องจำหรืออาจจะใช่คำว่า “ลืมไม่ลง” เลยก็ว่าได้

“บิ๊กอ๊อด” มีประเด็นมากมาย ตั้งแต่การ “เปิดรับบริจาคผ่านร้านสะดวกซื้อ” เพื่อระดมเงินสนับสนุนทีมชาติไทย การตัดสินใจเลือกตู้เติมเงินอย่าง “บุญเติม” เป็นตัวแทนจำหน่ายตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลไทยที่ล้มไม่เป็นท่า

ที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตต่อลีกทั้งระบบคือการสั่งยุติทุกลีกแบบ “ตัดจบ” หลังเหตุการณ์การสวรรคตของ “รัชกาลที่ 9” จนถูกใครต่อใครมองว่าเป็นการ “ตัดปัญหา” มากกว่าแก้ปัญหา เพราะรีบด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป

จากการตัดสินหนนั้นทำให้ต้องใช้วิธีการจับสลากหาทีมไปเล่น “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2017” ทำให้ “บิ๊กอ๊อด” ถูกแขวะในเรื่องการจับสลากมาจนถึงตอนนี้ และถูกมองว่าเป็นนายกฯที่จับสลากได้มาเลยด้วยซ้ำ

แต่การทำงานของ “บิ๊กอ๊อด” หลายอย่างต้องชื่นชม สมาคมฯมีที่ตั้งที่ทำการใหม่ การบริหารจัดการหลายอย่างเป็นระบบขั้นตอนที่ดีขึ้น คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทีมชาติไทยถูกยกระดับให้ได้รับการดูแลอย่างดี

การสื่อสารระหว่างองค์กรกับมวลชนมีความเอาใจใส่มากขึ้น สื่อพวก “โซเชียล” มีการดึงเอามาใช้งานแบบเต็มรูปแบบ แฟนบอลติดตามข่าวสารต่างๆได้ชัดเจน ตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นที่เรียกคะแนนความนิยมได้เยอะ แม้บางเรื่องจะโดนจวกบ้างก็ตาม

สรุปภาพรวมการบริหารงานฟุตบอลไทยในปี 2016 ต้องถือว่า “บิ๊กอ๊อด” คือตัวแสดงนำ ถูกใจหรือไม่ถูกใจอย่างไรก็คงต้องแล้วแต่มุมมอง แล้วเดี่ยวบริหารงานครบขวบปีเมื่อไรคงต้องมาประเมินผลงานกันจริงๆจังๆอีกที

ส่วนผลงานของนักเตะ “ช้างศึก” ในปี 2016 ถือว่าหลากหลายรสชาติเหมือนกัน ความสำเร็จของทีมชาติไทยคือการผ่านเข้าถึง “ฟุตบอลโลก 2018” รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย

การก้าวไปสู่ระดับเอเชียทำให้เป็นงานที่ยากกว่าเดิม “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เคยเป็น “โค้ชเทวดา” เมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้จึงกลายเป็นปีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงขั้นตั้งประเด็นให้ “ปลด” กันเลยทีเดียว

ทีมชาติไทยเริ่มต้นใน “ฟุตบอลโลก” ในรอบนี้ไม่สวยด้วยการแพ้ 4 นัดรวดต่อ ซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อิรัก จน “ซิโก้” เกือบอยู่ไม่ได้ แต่ “ช้างศึก” มาแก้ตัวเก็บแต้มแรกด้วยการเสมอ ออสเตรเลีย แบบประทับใจแฟนบอล

“ซิโก้” พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” ปิดท้ายปลายปี ทำให้สถานการณ์ต่างๆคลี่คลายลงไปเยอะ แต่ถ้าถามว่าตลอดปีที่ผ่านมาผลงานของ “ช้างศึก” สอบผ่านหรือไม่คงต้องบอกว่าแค่ “เสมอตัว”

ขณะที่ทีมชาติไทยชุดอื่นๆไปไม่ถึงเป้าหมายกันเลย ตั้งแต่ ปรีโอลิมปิก เยาวชนรุ่น 16 และ 19 ปี ต่างตกรอบแรกในเกมรอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชียกันทั้งหมดหมด แม้กระทั่งในเกมชิงแชมป์อาเซียน เยาวชนทั้ง 2 ชุดก็ไปไม่ถึงแชมป์

ด้านฟุตบอลลีกไทยมีประเด็นให้คุยกันมาทั้งปีก่อนที่ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง ขณะที่ฟุตบอลถ้วยทั้ง “เอฟเอคัพ” และ “ลีกคัพ” ไม่มีนัดชิงชนะเลิศเนื่องจากถูกสั่งให้ยุติการแข่งขันก่อนทั้งหมด

นอกเหนือจากผลการแข่งขันแล้วสิ่งที่ฮือฮาสุดๆคือการย้ายทีมของนักเตะ ตั้งแต่กรณีของ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่ย้ายจาก “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับทีมคู่ปรับอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แบบช็อกทั้งวงการ

รวมถึงกรณีของ “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่ถูก “กว่างโซ้ง” เชียงราย ยูไนเต็ด ซื้อตัวจาก “กิเลนผยอง” ไปร่วมทีมด้วยค่าตัวที่ว่ากันว่าพุ่งไปถึง “50 ล้านบาท” ถือเป็นสถิติใหม่ในการซื้อขายนักฟุตบอลไทยเลยทีเดียว

แต่ปัญหาฟุตบอลลีกไทยยังหนีไม่พ้นเรืองเดิมๆคือการทำหน้าที่ของ “ผู้ตัดสิน” ส่วนกรณีแฟนบอลตีกันมีน้อยลง แต่เหตุการณ์ที่แฟนบอลบางส่วนของ เมืองทอง กับ การท่าเรือ ก่อเหตุตะลุมบอนกันก็ทำร้ายภาพพจน์วงการฟุตบอลไทยไปไม่น้อย

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่าภาพรวมของฟุตบอลไทยในปี 2016 มีครบทุกรสชาติ และทุกอย่างกำลังจะเป็นอดีตที่ผ่านไป สำคัญที่ว่าวงการฟุตบอลไทยจะนำมาเป็น “บทเรียน” เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าหรือเปล่า

ลาทีปี 2016 เจอกันใหม่ปี 2017 ปีที่ฟุตบอลไทยมีอะไรที่น่าสนใจมากมายในระดับห้ามกระพริบตา

“บับเบิ้ล”
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 4499
ที่อยู่: Ashburton Grove
โพสเมื่อ: Thu Dec 29, 2016 12:42 pm
[RE: 2016 ปีที่ฟุตบอลไทยต้องจำ !!!]
ที่น่าจะเป็นเหตุการณ์ปี 2016 คือ หลังเหตุการณ์การสวรรคตของ “รัชกาลที่ 9”
1
0
เข้าร่วม: 20 Aug 2008
ตอบ: 74
ที่อยู่: Melwood Liverpool FC.
โพสเมื่อ: Thu Dec 29, 2016 2:24 pm
[RE: 2016 ปีที่ฟุตบอลไทยต้องจำ !!!]
เป็นปีที่เปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลไทยพอสมควร
แต่ผมเชื่อว่าปี 2017 จะเปลี่ยนต่อจากนี้ไปอีก
1.สปอนเซอร์สนับสนุนทีมชาติไทย
2.โลโก้ไทยลีกเปลี่ยนโฉมใหม่
3.การตลาดที่เข้ามา
4.การแข่งขันของสโมสร
และอื่นๆอีกมากมาย หวังว่าปีหน้าจะเป็นฟ้าหลังฝน ผมยังรอวันที่วงการฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้าแบบมั่นคงต่อไปครับ
c86ec93c5a40538b4461072702b16407.jpg
9dc72ca350b9f7a9ef7b01e37d72fecf.gif
Yp1MGE.gif