ยังจำผมได้ไหม " เฟเดริโก้ มาเคด้า "
เฟเดริโก้ มาเคด้า เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1991 ที่กรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี เป็นผู้เล่นดาวรุ่งในตำแหน่งศูนย์หน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังย้ายมาจากลาซิโอ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2007
มาเคด้า เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรลาซิโอในบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม ด้วยกฏข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลอิตาลี ที่ไม่สามารถเซ็นสัญญานักเตะอาชีพกับผู้เล่นอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นนักเตะของลาซิโออย่างถูกต้องสมบูรณ์
หลังจากอายุครบ 16 ปีได้ไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าตัวมาเคด้ามาร่วมทีม เนื่องจากในอังกฤษสามารถเซ็นสัญญากับนักเตะที่อายุเกิน 16 ปีได้ เขาย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในฐานะนักเตะฝึกหัดในวันที่ 16 กันยายน 2007 และเริ่มต้นสัญญา 3 ปีในทีมเยาวชน
มาเคด้า ลงเล่นเกมแรกในทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และทำประตูชัยให้ทีมเฉือนชนะบาร์นสลี่ย์ 1 - 0 ในวันที่ 15 กันยายน 2007 ในปีแรกของเขากับสโมสร เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีมสำรอง ด้วยผลงาน 12 ประตูจากการลงเล่น 21 นัด นอกจากนี้เขายังได้ลงเล่นในทีมสำรองเป็นเกมแรกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2008 โดยลงมาแทน เคราร์ด ปิเก้ ในนาทีที่ 68
มาเคด้า เซ็นสัญญานักเตะอาชีพกับสโมสรในวันเกิดอายุครบ 17 ปีของเขาในเดือนสิงหาคม 2008 ในฤดูกาล 2008-09 เขายังคงเล่นอยู่ทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และได้ลงเล่นเป็นบางเกมในทีมสำรอง จนเมื่อใกล้จบฤดูกาล เขาก็ได้รับโอกาสให้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมสำรองเต็มตัว โดยยิงได้ 8 ประตูในทีมสำรอง รวมทั้งทำแฮตทริกในเกมที่เสมอกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3 - 3 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2009 และได้รับรางวัลตอบแทนด้วยการมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับแอสตัน วิลล่า ในวันที่ 5 เมษายน 2009
ในเกมนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังแอสตัน วิลล่า 2 - 1 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงส่งมาเคด้า ลงสู่สนามแทน หลุยส์ นานี่ หลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงตีเสมอให้ทีมได้ในนาทีที่ 80 มาเชด้าก็เป็นฮีโร่ของทีมด้วยการพลิกตัวยิงบอลโค้งเสียบตาข่ายให้ทีมเฉือนชนะ 3 - 2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นับเป็นการแจ้งเกิดที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเตะวัย 17 ปีที่ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้จัก
มาเคด้ามีชื่อเป็นตัวสำรองในอีกสองเกมต่อมา คือในเกมกับปอร์โต้ ในรอบตัดเชือกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก และกับซันเดอร์แลนด์ ในเกมลีก เขาถูกส่งลงสนามแทนที่ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ และใช้เวลาเพียง 46 วินาทีในการมีชื่อทำประตูให้ทีม เมื่อ ไมเคิล คาร์ริค ยิงบอลมาแฉลบโดนเขาเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ก่อนที่ทีมจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
เขาลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมที่ชนะมิดเดิ้ลสโบรซ์ 2 - 0 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2009 แต่ไม่สามารถทำประตูได้ และถูกเปลี่ยนออกในช่วงครึ่งหลัง
ในช่วงปิดฤดูกาล มาเคด้าได้รับรางวัลผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยมของ จิมมี่ เมอร์ฟี่ จากผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งในทีมเยาวชน ทีมสำรอง และทีมชุดใหญ่
“เขาคือ หนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งของโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน”
“หนึ่งในดาวรุ่งที่เก่งกาจที่สุดของในทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลผลิตของอะเคเดมี่ที่ดีที่สุดในโลก”
“เขาจะเป็นหนึ่งในขุมกำลังของเรา ผมเชื่อว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นนักเตะชั้นยอดได้อย่างแน่นอน”
หลายเสียงที่ดังกระหึ่มเมื่อครั้งที่เด็กหนุ่มชาวอิตาเลี่ยนที่ไม่มีใครรู้จักอย่าง เฟเดริโก้ มาเคด้า ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในสนามพร้อมกับยิงประตูชัยให้ทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ ส่งผลให้ทีมคว้าแชมป์ลีคไปได้ในฤดูกาลนั้น แน่นอนว่า ฟอร์มของเขาทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ถูกจับตามองทันทีจากสื่อต่าง ๆ รวมทั้งแม้กระทั่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเองยังชื่นชมเจ้าหนูคนนี้และมองหาทางที่จะผลักดันเจ้าหนูคนนี้ไปให้สุดทาง
ทว่านั้นคือเรื่องราวของเมื่อปี 2008
ปัจจุบันนับจากมาเคด้ากลายเป็นนักเตะไร้สังกัดที่พึ่งพาสโมสรอยู่ได้หลังเคว้งกว่าแปดเดือน เขาตัดสินใจกลับสู่แผ่นดินแม่อย่าง อิตาลี อีกครั้งกับทีมโนวาร่าใน กัลป์โซ่ เซเรีย บี
"เป้าหมายของผมคือการทำให้ดีตั้งแต่ต้น ผมจะใช้เวลาเตรียมตัวสั้นๆอยู่ซักสองสัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพร่างกายอยู่ในระดับปกติ เป้าหมายของผมคือได้เข้าไปอยู่ในทีมทันที”
มาเคด้ากล่าวหลังถูกปล่อยตัวออกจากทีมยักษ์ใหญ่แห่งเวลส์อย่าง คาร์ดิฟต์ ซิตี้ที่เขาทำผลงานได้สุดย่ำแย่ลงสนามไป 27 นัดซัดไปเพียง 6 ประตูเท่านั้น
ใครจะคิดว่าจากดาวรุ่งที่ทุกคนจับตามองจะกลายเป็นนักเตะที่แทบไม่มีใครสนใจ ต่างจากตอนอายุ 17 ปี ที่เขาถูกเพ่งเล็งจากยักษ์ใหญ่อย่าง รีล มาดริด และ บาร์เซโลน่าด้วยซ้ำ
ชะตากรรมของเขานั้นเหมือนกับบรรดาแข้งลูกหม้อของค่ายปีศาจแดงหลายคนที่ไม่มีที่ให้ลงกับทีมใหญ่ที่เขาต้องเผชิญหน้ากับพ่อค้าแข้งมหากาฬที่ขวางทางเขาอยู่ ตั้งแต่ เวย์น รูนีย์ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ไปจนถึง คาร์ลอส เตเบซ หรือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นี่ยังไม่รวมถึงแดนนี่ เวลเบ็ค หรือ ชิชาริโต้อีก มันทำให้เขาต้องย้ายออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมต่าง ๆ ถึง 6 สโมสรเรียกว่า เป็นหนึ่งในแข้งยืมพเนจรด้วยซ้ำ แต่ที่น่าตกใจคือ ฟอร์มกันเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจของเขาค่อย ๆ หายไปตามอายุและในที่สุดเขาก็ถูกปล่อยตัวจากสโมสรไปแบบฟรี ๆ
จากนั้นเขาก็ได้ถูกตำนานของสโมรอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คว้าตัวไปเสริมทีมคาร์ดิฟต์ในขณะนั้นพร้อมกับหมายมั่นปั้นมือจะทำให้เขากลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง ทว่า น้าลูกอมก็ดันโดนไล่ออกจากทีมหลังทำผลงานได้ย่ำแย่ ขณะที่มาเคด้ามีอนาคตที่มืดมนกับสโมสรไปในที่สุด
กระทั่งเขาถูกปล่อยออกจากทีมแบบฟรี ๆ เมื่อ 8 เดือนก่อน
“นี่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับผมนะ ผมจะนำสิ่งที่ผ่านมาในอดีตติดตัวไปด้วยแต่ตอนนี้จะมีเพียงแค่ปัจจุบันกับอนาคตที่เป็นสิ่งสำคัญ"
แน่นอนว่า แม้ว่าจะมีชะตากรรมอับโชคเพียงใด แต่มาเคด้าก็ยอมรับว่า การอยู่กับยูไนเต็ดเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด
"ตอนยังเด็กผมตามดูอิบราฮิโมวิชมา เขาเป็นกองหน้าที่แสดงสิ่งที่สำคัญๆให้ผมเห็น ผมเล่นกับสตาร์หลายๆคนอย่างรูนี่ย์, เตเบซ, เบอร์บาตอฟและซ้อมกับพวกเขาทุกวัน คุณเรียนรู้บางสิ่งได้อยู่ตลอดและนี่ก็ทำให้ผมดีขึ้น"
มาเคด้ากล่าวพร้อมกับตั้งมั่นว่าอาชีพของเจาจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งในการเริ่มต้นใหม่นี้
“เขาพึ่งอายุ 25 ปี ยังมีเวลาอีกมากที่จะกลับมา”
ผู้จัดการทีมของโนวาร่ากล่าวทิ้งท้าย
Spoil
http://www.redarmyfc.com/player.php?player_id=21