หลังจากที่เมื่อวานนี้บอร์นมัธ come back ชนะลิเวอร์พูล 4-3 อย่างเหลือเชื่อ เราย้อนไปดูตัวอย่างแมตช์ที่มีการ come back is real แบบเหลือเชื่อที่ทำให้คู่ต่อสู้รวมถึงกองเชียร์อีกฝั่งน้ำตาตกมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นเรื่อยๆจนเป็นเสน่ห์แห่งวงการฟุตบอล บางนัดสำคัญในระดับตัดสินแชมป์รายการใหญ่เลยทีเดียว

1) แมนยู 2-1 บาเยิร์น UCL 1999 รอบชิง (0-1 Basler 6; 1-1 Sheringham 90+1; 2-1 Solskjær) บาเยิร์นนำแมนยู 1-0 ถึงช่วงทดเวลา แต่โดนยิงแซง 2-1 พ่ายช๊อค


2) ลิเวอร์พูล 3-3 มิลาน UCL 2005 รอบชิง (0-1 Maldini 1; 0-2,0-3 Crespo 39, 43; 1-3 Gerrard 54; 2-3 Smicer 56; 3-3 Alonso 60) ลิเวอร์พูลถูกมิลานำถึง 3-0 ครึ่งแรกก่อนมาใช้เวลาเพียง 6 นาที ตีเสมอ 3-3 ในช่วงครึ่งหลัง และชนะจุดโทษคว้าแชมป์


3) แมนซิตี้ 3-2 QPR พรีเมียร์ลีก 2012-13 นัดสุดท้าย (1-0 Zabaleta 39, 1-1 Cisse 47; 1-2 Mackie 66; 2-2 Dzeko 90+2; 3-2 Aguero 90+4) แมนซิตี้เล่นพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้าย ถูก QPR บุกมานำ 1-2 ถึงช่วงทดเจ็บกำลังจะยกแชมป์ให้แมนยูอยู่แล้ว แต่มาพลิกแซง 3-2 คว้าแชมป์


4) เลสเตอร์ 5-3 แมนยู พรีเมียร์ลีก 2014-15 (0-1 van persie 13; 0-2 Di maria 16; 1-2 Ulloa 17; 1-3 Herrera 57; 2-3 Nugent 62; 3-3 Cambiasso 64; 4-3 Vardy 79; 5-3 Ulloa 83) แมตช์นี้แมนยู บุกมานำ 1-3 ประมาณ 1 ชม.ของเกมส์ก่อนถูกเลสเตอร์เจ้าบ้านรัว 4 ลูกแซงชนะไป 5-3


5) เซาแธมตัน 3-2 ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก 2015-16 (0-1 Coutinho 17; 0-2 Sturridge 22; 1-2 Mene 62; 2-2 Pelle 83; 3-2 Mane 86) แมตช์นี้ลิเวอร์พูล บุกมานำ 2-0 ประมาณ 1 ชม.ของเกมส์ก่อนถูกเซ้าแธมตันเจ้าบ้านรัว 3 ลูกแซงชนะไป 3-2


6) ลิเวอร์พูล 4-3 ดอร์ทมุน ยูโรป้าลีก 2015-16 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 (0-1 Mkhitaryan 5; 0-2 Aubameyang 9; 1-2 Origi 48; 1-3 Reus 57; 2-3 Coutinho 66; 3-3 Sakho 77; 4-3 Lovren 90+1) ลิเวอร์พูลพลิกแซงดอร์ทมุน 4-3 ช่วงทดเจ็บหลังตาม 1-3 เข้ารอบ


7) อาเซน่อล 4-4 สเปอร์ พรีเมียร์ลีก 2008-09 (0-1 Bentley 13; 1-1 Silvestre 37; 2-1 Gallas 46; 3-1 Adebayor 64; 3-2 Bent 67; van persie 68; 4-2; 4-3 Jenas 89; 4-4 Lennon 90) อาเซนอลเจ้าบ้านนำสเปอร์ 4-2 ก่อนโดนทีมเยือนสเปอร์ยิง 2 ลูกรวดในนาทีสุดท้ายเสมอ 4-4


8) เรดดิ้ง 5-7 อาเซนอล ลีกคัพรอบ 4 ปี 2012 (1-0 Roberts 13; 2-0 Koscielny og. 18; 3-0 Leigertwood 20; 4-0 Hunt 37; 4-1 Walcott 45; 4-2 Giroud 64; 4-3 Koscielny 89; 4-4 Wallcot 90+6; 4-5 Chamakh 103; 5-5 Pogrebnyak 116; 5-6 Wallcot 120+1; 5-7 Chamakh 120+3) เรดดิ้งเจ้าบ้านขึ้นนำก่อนถึง 4-0 แต่โดนอาเซนอลทีมเยือนค่อยๆยิงคืนจนตีเสมอนาที 90+6 ก่อนต่อเวลาแพ้ไป 5-7

อาน่อล เรดดิ้งดิ อย่าง งง

ตอนนั้นวาร์ดี้ก็ยิงคมดีแฮะ

ว่าแต่ ไม่มี 1-3 >> 4-3 เหรอครับ

เพิ่งฟังจากผู้การ ใน sport relax มา.

ไม่มีนิว น่อล 4-4 แฮะ แต่ก็นะ ที่ยกมามันๆทั้งนั่น

อย่าลืม ซิ






อันนี้ ยูไนเต็ด ไล่ตามกัน ลูกต่อลูกเลยทีเดียว
สุดท้ายแมนยูพลิกกลับมาชนะได้ แต่ตกรอบ แต่ก็ได้ใจแฟนๆ ทั่วโลกไปเลย ใจสู้สุดๆ

สาวกผู้การแห่งสปอร์ตรีแลคนี่นา

ส่วนตัวผมชอบ ตอนแมนซิอะ ปรับอารมณ์แทบไม่ทันเลย วินาทีสุดท้ายจริงๆ
ขนาดไม่ใช่แฟนซิตี้นะ น้ำตาไหลเลยตอนกุนยิง ถือเป็นเหตุการณ์ชิงแชมป์ที่ดราม่าที่สุดล่ะตั้งแต่ดูบอลมา

อาเซน่อล7-5เรดดิ้ง ปิดนอนตั้งแต่4-0ละ

Cisse มาดีใจกับ Nasri เฉย

ถึงว่าทำไมนัดหงส์ล่าสุดผมหัวร้อน มันเหมือนนัดเจอดอร์ทมุนเลยนี้ว้า 2-0 3-1 แล้วก็ 4-3 ทดเจ็บ

ต้องเกม น่อล-นิว

นำก่อน 4-0 จบ 4-4
ไอ้ Phil Dowd ทำผม Feel down เลยตอนนั้น

Chamakh เขร้ ยังจำได้

ผมชอบอันนี้นะ ถึงจะเจอทีมไม่ใหญ่ก็เถอะ แต่มันทำให้ปลดล็อคแชมป์

บอนมัทเลยจ้า สดๆร้อนๆ

ผมจำนัดนั้นได้ดีเลยตอนนั้นไปเล่นเกมกับเพื่อนที่เป็นแฟนปืนทั้งกลุ่ม

ช่วงปืนนำสี่ศูนย์ก็บอกเพื่อนเฮ้ยสบายๆ เล่นเกมส์ไป

แล้วก็โดนไล่มาเรื่อยๆ สุดท้ายเสมอนั่งเงียบกันทั้งร้าน

แมนยูฯ-บาร์เยิน ดีใจลูกแรกไม่ทันหาย มาเฮลูกสองแบบงง

มิลาน-ลิเวอร์พูล ดูครึ่งแรกจบ นึกว่าจบเกมส์จะสกอร์ห่างสุดในประวัติศาสตร์ซัก 7-0 เจอ 6 นาทีปาฏิหารย์เข้าไปมึนสลบ

อะนะ