ตอนนี้ผมกลับมาช่วยงานที่บ้านเป็นแบบกงสี ฐานะปานกลาง

คบหากับแฟนซึ่งเป็นหมอ แล้วเค้าจะไปเรียนต่อเฉพาะทาง 5 ปี

ซึ่งตอนนี้อายุเค้า 26 จะไปเรียนต่อในปี 61 เท่ากับว่าตอนนั้นอายุ 28

ทางบ้านเค้าอยากให้แต่งก่อนไปเรียน แล้วภาระทางบ้านเค้าลงที่เค้าคนเดียว

ซึ่งตอนนี้ได้ไปดูบ้านเรือนหอไว้ราคาประมาณ 5.5 ล้านบาท

ปัญหาหลักๆตอนนี้คือ
-ค่าใช้จ่ายของทางบ้านผม ซึ่งรวมถึงเงินหมุนในการทำธุรกิจ
-ค่าผ่อนบ้านเรือนหอตกประมาณ 3หมื่นต่อเดือน
-ค่าสินสอดที่เค้าแอบบอกมาว่า 1 ล้าน
-ค่าใช้จ่ายในงานแต่งงาน

เป็นภาระที่หนักอึ้ง ในตอนแรกนั้นคิดเอาไว้ว่าหมั้นไว้ก่อน

ขอเวลาในการเก็บเงิน แล้วค่อยแต่งหลังเรียนจบ

ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่พอมาเจอแบบนี้

กลับกลายเป็นว่าเครียดไปกันใหญ่ ซึ่งถ้าถามว่าแต่งก่อนเรียนได้มั้ย

ก็แต่งได้นะ แต่เงินหมุนในการทำธุรกิจจะเหลือน้อย

พ่อเค้าเป็นคนหัวดื้อซะด้วย

อยากปรึกษากับเพื่อนๆในบอร์ดว่าจะทำยังไงดี มีคำแนะนำมั้ยครับ??

เผื่อ

โปรไฟล์หมอ สินสอด 1 ล้าน โชคดีแล้วครับ

ถ้าใช่ก็แต่งซะ อย่าห่วงธุรกิจมากกว่าคนรัก

เป็นหมอ แต่งไปเถอะ เรียนจบ ล้านนึงแป่บเดียวก็ได้คืนแล้ว ถือว่าลงทุนล่วงหน้า

ล้านเดียวก็ถือว่าโอเคนะครับ สำหรับผมคิดว่าไม่เยอะนะสำหรับสินสอดของหมอ
เรียนต่อเฉพาะทาง 5ปีจากข้อมูลข้างต้นที่อยากให้แต่งก่อนไปเรียน มีโอกาสเอาเงินสินสอดไปใช้เป็นค่าเล่าเรียน
ถ้าคิดว่าตอนนี้ค่าใช้จ่ายในการแต่งงานไม่เป็นภาระมากเกินไปก็จัดเลยก็ได้ครับ
เพราะอนาคตมันไม่แน่นอนมัวแต่ช้าพ่อเธอจะจับคู่ให้ลูกสาวก็ได้
ผมเคยมาก่อย

ลุงสิทธิ์ เคยมีแฟนเป็นหมอเรอะครับเพ่

ถ้าเป็นแบบกงสี แปลว่ามีญาติพี่น้องร่วมทำธุรกิจด้วยปะครับ คุณคือหนึ่งในผู้ดูแลรับบทบาทมาจากครอบครัวป่าวครับ ผมว่าการที่เขาเรียกสินสอดมาล้าน ไม่อยากพูดว่าแพงไม่แพงแต่ผมว่ามันสมน้ำสมเนื้อกับ ครอบครัวคุณและแฟนคุณด้วย ผมว่าทางฝ่ายหญิงคงคิดว่าสินสอดหนึ่งล้านนี้ สมเหตุสมผลแล้ว ผมว่าถ้าเงินพอหมุนได้ซึ่งคุณเองจะรู้ดีสุด แต่การแต่งงานผมว่ามันเป็นทางออกที่ดีสุดนะ สบายใจทุกฝ่ายทั้งแฟนคุณ พ่อแม่แฟน รวมถึงครอบครัวคุณ เหมือนเราเคลียนเควสของชีวิตออกไป แล้วลุยกับมันต่อ ให้มันออกมาให้ดีที่สุด เรื่องงานแต่งผมว่า ลองไปดูโปรตามโรงแรมมั้ยเดี๋ยวนี้ราคาไม่แรงมาก ที่ฮิตๆกันจัดแบบคอกเทล ถึงเวลาคุณออกไปพูด ตัดเค้ก จบงาน อีกอย่างผมว่าอนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ผมไม่ได้มองแง่ร้าย ถ้าวันนึงแฟนคุณเจอคนที่ดีกว่าคุณตอนที่ไปเรียนเขาจะไม่หวั่นไหวหรอ การแต่งงานมันเป็นการแสดงถึง ความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมมองหลายๆมุมนะคุณลองตัดสินใจดูครับ

แต่งหมอ1m ถือว่าโชคดีมากๆแล้วนะ

งานเพื่อนผมหรือคนรู้จักที่เป็นหมอ หัวขันหมากต่ำๆนี่ 3-5mเลยนะ

คำถามคือท่านพร้อมแต่งแล้วใช่มั้ย? แต่ปัญหาคือเรื่องเงินถูกปะครับ

ถ้าอย่างงั้นง่ายมากครับ ท่านก็ขอเค้าแต่งปี 61 ไปเลย

เงินสดเรือนหอคุยกับฝั่งนู้นตรงๆเลยครับ ว่าขอเอาวางโชว์เฉยๆ

เพื่อให้เป็นเกียรติแค่เค้าและครอบครัว แต่ขอคืนก่อน เพื่อไปทำธุรกิจ

แต่สัญญาว่า ในเวลา5ปีที่แฟนไปเรียนต่ออะ จะทุ่มเทสร้างเนื้อสร้างตัว

1ล้านค่าสินสอด ค่าเรือนหอ5-6ล้าน สัญญาว่าหลังจากแฟนเรียนจบกลับมาอะ

ท่านจะสามารถให้เค้ามากกว่านั้นอีก อะไรก็ว่าไป

ซึ่งแน่นอนถ้าพ่อแม่เค้าหัวดื้อ ท่านก็ต้องโชว์ให้เค้าเห็นครับ ว่าท่านเอาจริง

ท่านจะทำได้อย่างที่ท่านพูดจริงๆ ถ้าไม่ยอมจริงๆก็แข็งใส่เลยครับ

ว่าถ้าไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมจริงๆ ถามว่ารักลูกเค้าไหม รักมากก

แต่ท่านต้องการเงินตรงนี้ เอาไปสร้างอนาคตที่ดีกว่า ให้แฟนท่านนั้นแหละ

ผมเชื่อว่าถึงผู้ใหญ่จะงี่เง่าแค่ไหน แต่ถ้าท่านมีเหตุผลที่ดี และจริงจัง เค้าก็ยอมแหละ

ป่าว ไม่ได้หมายถึงแฟนเป็นหมอ เรื่องความพร้อมน่ะครับ
พ่อแม่ฝ่ายหญิงอยากได้คนที่พร้อมจริงๆไงแต่ผมยังไม่พร้อม
พ่อเธอเลยหาคู่ให้

คิด แล้วชวนให้ยิ่งสงสาร รักแล้วยิ่งทรมาน น้ำตา มันตกข้างใน

เอาเงินสินสอดหลังแต่งงานมาหมุนก่อนก็ได้ครับ ผมบอกพ่อตาแม่ยายผมอย่างนี้แหละ แล้วค่อยส่งคืนท่านทีหลัง

ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนจริมๆ

ตอนนี้พ่อเธอคงรู้แล้วว่าคิดผิดครับพี่

5 ปีนี่ไปเรียนศัลย์เหรอ ผู้หญิงด้วยเนี่ยนะ

ท่านลองคำนวนตัวเลขดูดีๆ ละกันครับ

แล้วบัญชีของโรงสีท่านกับบัญชีของตัวท่านนี่ควรจะแยกจากกันชัดเจนนะ ถ้าอยากให้ธุรกิจไปต่อได้

สำคัญคือ การแต่งงานสมัยนี้มันเปลืองมาก ถ้าเราไม่ไหวก็ต้องคุย ต้องวางแผน จะมาทุบหม้อข้าว (ล้มธุรกิจตัวเอง) หรือจะกู้มาแต่งนี่เรื่องใหญ่เลยนะ

ผมคิดว่า ถ้าเราวางแผนการเงินดีๆ แล้วทำให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเค้ามองเห็นว่าแผนนั้นเป็นไปได้ ผมว่าผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจได้ครับ

ถ้าเป็นผมจะเลือกธุรกิจมากกว่านะ เพราะมันเป็นธุรกิจครอบครัว มันหาเลี้ยงเราและครอบครัวมาและมันยั่งยืน เลิกกันไปเราก็ยังมีธุรกิจอยู่

คนเราจะรักทุกอย่างมันควรจะคลิ๊ก ถ้าไม่คลิ๊กตั้งแต่แรกถึงแม้จะรักกันแค่ไหน ต่อไปภายภาคหน้านี่ลำบากแน่

ถ้าชีวิตลำบากแต่มีความมีความสุข รักกันดีก็ไม่มีปัญหา ถ้าทำงานเหนื่อยแล้วมาทะเลาะกันอีกนี่ชีวิตเฮงซวยเลย

สำคัญคือ อย่าลืมคนที่เลี้ยงดูเรามา ต่อไปภายภาคหน้า ถ้าเค้าหวังพึ่งเรา เราสามารถเลี้ยงดูเขาได้ไหม

ปล. จากมุมมองคนนอก สุดท้ายคนที่รู้รายละเอียดดีที่สุดก็คือตัวท่านเอง

ปล.2 สินสอดที่เค้าเรียกร้อง สุดท้ายเค้าอาจจะยกให้เราทั้งหมดเลยก็ได้

ปล.3 เรือนหอนี่จำเป็นไหม ลองถามใจตัวเองดู

ปล.4 หมอศัลย์มันเหนื่อยมากนะ เป็นผู้หญิงด้วย เค้าอาจไม่มีเวลาให้เราทั้งตอนเรียนและทำงานเลย

เพื่อนผมก่อนจะมาเทรนต่อโดนฝ่ายผู้หญิงบังคับแต่งหมดทุกคน

ถ้าหมอเค้า ใช่ เข้ากันกับเราและญาติได้ ก้อแต่งเถอะครับ
เรื่องรายได้ในอนาคต ก้อตามrep บนๆว่า
เรื่องเรือนหอผมว่าคิดให้หนักเลยนะครับ
คุณหมอตอนนนี้จนกระทั่งอายุ28 จะทำงานอย่างเดียวเงินเก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยแน่นอน
ควรให้กันเอาไว้ใช้ขณะเรียนประมาณ2-300k ต่อปี น่าจะพอ เพราะตอนไปเรียนรายได้ต่อเดือน อย่างมากจะพอแค่ค่ากิน คชจส่วนเท่านั้นเอง จะไปรับเวรนอกหาเงินเพิ่มก็ได้แต่ผมว่าอาจไม่ไหวเพราะเรื่องเรียนก้อเหนื่อยละ เรียน 5 ปีน่าจะสาขาหลัก/รอง+เฉพาะทางย่อย มีหอในให้อยุ่แน่นอนแต่บางคนอยุ่ไม่ได้นะครับ ต้องเสียค่าเช่าหอนอก/คอนโดอีก หากจะมาช่วยผ่อนบ้านอีกเขาไม่น่าไหว ขึ้นอยุ่กับท่านละครับ ผ่อนบ้านโดยไม่ได้อยุ่ด้วยกัน5ปีนานไปนะ

ตอนนี้เอาใจใส่เขาขนาดไหน ตอนเขาเรียนเพิ่มเป็น2เท่านะครับ กลจสำคัญมาก

ผู้ใหญ่ทางนั้นจะเป็นอย่างไร ผมว่าถ้าผู้ชายแสดงความชัดเจนเรื่องแต่งงานเข้าหาบ่อยๆ เขาก้อน่าจะฟังเหตุผล ปรองดองได้นะครับ

ถ้ายังไม่แต่งแต่ท่านไม่เปลี่ยนใจแน่นอน หมั้นไว้เป็นอย่างต่ำนะครับ เพราะแพทย์หญิงตอนไปเรียนความเสี่ยงจะเลิกกันพอสมควร

เรียนต่อ 5 ปีนี่น่าจะศัลย์พลาสติกปะครับ คลินิกความงามที่ผมทำก็จะมีตัวเด่นๆคือ ศัลย์พลาสติกกับหมอจัดฟัน ไม่พูดไรมากแต่จบมารวยแน่นอน

ห่วงแค่เรื่องไปเรียนต่อ แล้วต้องไกลคุณรึเปล่า
หากไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุณทั้งสองเชื่อใจกันได้แค่
ไหนก็ลองช่างใจดู ครับ