ผมกับแฟน อายุ 26 ปีเท่ากัน
เราได้เข้าพิธีหมั้นหมายเมื่อ วันที่ 7 กค 58

ผมเองได้หมั้นแฟนไปแล้ว เงินสด 20K + ทอง 1บาท + แหวน 1 การัต
และตั้งใจจะเพิ่มสินสอดไปอีก 150K + ทองอีก 1 บาท (ตอนจัดงานแต่ง)
(แฟนผมมีเบิก 100K ไปชำระค่าบัตรเครดิตที่ติดค้างหมด เพราะอยากเริ่มเก็บเงินของเธอเองใหม่)

ตอนนี้ผมมีเก็บเงินคงเหลือประมาณ 350K

คู่หมั้นผมอยากซื้อบ้านก่อน แล้วถึงแต่ง

แต่ผมและทางบ้านเธออยากให้แต่งก่อน ค่อยซื้อบ้าน
(เอาเงินค่าซองมาจ่ายค่าบ้าน แต่ไม่รู้จะขาดทุนไหม)

ข้อมูลแขกรวมๆในงานแต่งประมาณ 200-300 คน ยังไม่แน่ใจว่าผมต้องออกเงินค่างานเท่าไร ยังไม่รวมค่าพรีเวดดิ้งอีก (จัดที่กรุงเทพ หรือสโมสรตำรวจ เพราะพ่อเธอเป็นตำรวจ)

บ้านฝั่งคู่หมั่นเป็นราชการ และตำรวจ ส่วนผมต้นตระกูลก็ค่อนข้างมีเงิน แต่ยกเว้นครอบครัวผมที่เคยรวยแต่ก็ล้มลงช่วงฟองสบู่แตก ตอนนี้ก็กัดปากตีนทีบจนเริ่มลืมตานับหนึ่งมาได้ระดับหนึ่ง ผมก็เลยต้องจัดงานแต่งที่ต้องสมฐานะทั้งสองฝ่าย

ท่านใดมีประสบการณ์ช่วยแนะนำหนทางที กลัวจะไปทะเลาะกับคู่หมั้นจริงๆตอนนี้
ช่วงนี้พูดแต่อยากได้บ้าน ไอ้เราก็คิดว่าถ้าซื้อบ้านก็คงจะไม่ได้แต่งละมั่ง ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ค่ากิน ค่าอยู่ น้ำไฟ เน็ต และอื่นๆอีกต่อเดือนคงไม่เหลือเงินเก็บ

หนักใจ

เมียก่อน บ้านไปซื้อ พร้อมเมีย

การจะเจอคนดีๆ มันยากนะ แต่บ้านมันมีขายทุกวัน

แต่งก่อน แล้วซื้อบ้าน

เอาเงินค่าซองมาจ่ายค่าบ้าน


ไม่น่าจะเหลือนะคับ...เอาแค่ค่างานก่อนเถอะคับ..จะพอรึเปล่า ผมเห็นควักเนื้อกันทั้งนั้นเรยนะ

ถ้าเอาให้ชัวร์ ผมแนะนำให้ซื้อหลังแต่งถ้าใช้เงินของคุณ 2 คน


แต่ถ้าใช้เงินคุณคนเดียวแนะนำให้ซื้อก่อนแต่ง

ลองนั่งคุยกันดูครับ เพราะไหนๆ ก็แต่งกันแล้ว

เธออยากได้ เพราะอะไร

ถ้าแบบนี้ได้มั๊ย ลองคุยๆ กันดูครับ

สถานการณ์คล้ายผม แต่ผมเลือกซื้อบ้านก่อน อย่าไปหมดกับค่าจัดงาน ค่าถ่ายพรีเวดดิ้งมากครับ เสียดายเงินเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า เอาแค่พอดีๆ ก็พอ คหสต

อายุเท่าๆผมเลย แต่แฟนผม ไม่ให้ซื้อบ้านหรือคอนโด
รอแต่งแล้วอยู่บ้านพักบุคลากรเลย


ปล. แต่งก่อนแล้วค่อยซื้อดีกว่าครับ ตัดปัญหาไปทีละอย่าง
น่าจะไม่เหนื่อย

เท่าที่ฟังแต่งงานก่อนดีกว่าคับ

ขอลงชื่ออ่านด้วยนะครับ

เเต่งก่อนก็โง่เเล้ว ..เพราะทรัพย์สินหลังเเต่งจะเป็นสินสมรสเวลาหย่าต้องหาร2 ถ้าคุณมั่นใจว่ารักกันจนปานจะกลืนกินก็ได้นะ....เเต่....มั่นใจเหรอ

เอาบ้านก่อนครับ ยืมตังค์ญาติมาก่อนก็ได้

พอมีบ้านก็จัดงานขึ้นบ้านใหม่ครับ เก็บซองรอบนี้เอาไปคืนญาติ

จากนั้นงานแต่งก็จะได้ซองอีกรอบ

ผมนะอยากแค่ไปผูกข้อมูล ทำบุญ แล้วก็มีงานกลางคืนเล็กๆก็พอ

แต่คู่หมั้นผมสิ บอกว่า แขกฝั่งพ่อเยอะ ไม่น่าจะจัดเล็กๆได้

ตอนผ่อนบ้านก็ช่วยกันผ่อนนะครับ แม้ผมจะมากกว่าก็เถอะ
ส่วนเรื่องมั่นใจ ไม่มั่นใจ เราทั้งสองก็ยังไม่เคยผิดใจกัน หรือนอกใจกันนะครับ แต่ผมก็ไม่รู้อนาคตหรอก

ผมว่า แต่งก่อนดีกว่า แล้วให้ ผู้ ญ มาอยุ่บ้านพ่อแม่เราพลางๆก่อน หรือจะผ่อนบ้านหลังจากนั้นก้ได้
สู้ๆครับ

ญาติฝั่งผมคงไม่ให้ยืม แต่ฝั่งแฟนก็ต้องคุยก่อนครับ เพราะฝั่งเธอดูมีน้ำใจกันมากกว่าในหมู่ครอบครัว แต่ก็คงต้องคิดทบทวนก่อนว่าจะทำยังไงกันดี

ตอนนี้ก็ไปๆ กลับๆบ้านผมครับ
แต่ก็ชอบบ่นว่าอยากมีบ้านตัวเอง ห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่โต บ้านผมก็มีห้องน้ำห้องเดียว แต่คนอยู่ 6+1(แฟน) ผมเข้าใจแฟนนะ แต่ก็ต้องเข้าใจผมด้วยว่าผมไม่ได้ร่ำรวย

ไม่มีตังก็ยังไม่ต้องแต่ง ถ้าจะแต่งก็จัดที่บ้านพอเป็นพิธีแบบประหยัด ถ่ายพีเวดดิ้งตัดไปเลย
ซื้อบ้านแล้วอยู่ด้วยกันทางพฤตินัยมันก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ยิ่งหมั้นกันก่อนแล้วก็ไม่ต้องกลัวใครจะว่าอะไร ผมสรุปเอาตามคู่หมั้นท่านเลยไม่ต้องทะเลาะกันด้วย บางคู่ก็ขึ้นบ้านใหม่แล้วรวดแต่งงานเป็นงานเดียวไปเลย ประหยัด

กลับกันเลย ฝั่งแฟนผมบอกจัดแค่พิธีเล็กๆ ก็พอ ไม่ซีเรียส 555
ก็ต้องลองคุยกันละงั้น โชคดีนะท่าน

เท่าที่ฟังเพื่อนๆแต่งมา ส่วนใหญ่งานแต่งเพื่อนผมไม่เท่าทุน ก็จะเข้าเนื้อนะครับ

แฟนผมก็คิดแบบท่าน ซื้อบ้าน จัดงานขึ้นบ้านใหม่รวมงานแต่งไปเลย

แต่เหมือนฝั่งแฟนเอง แต่ละคนจะให้แต่งก่อน ซื้อบ้าน

1. ข้อแรก ยินดีด้วยที่ได้เจอคนดีๆ

2. แต่งงานก่อน บ้านซื้อตอนไหนก็ได้ครับ ตราบใดที่รายรับ Cover ชีวิตเรา
ไม่ต้องไปสนคนอื่นมาก ถ้าไหว รอด ซื้อได้เลย

ผมขอแนะนำแบบนี้ละกัน ถ้าไม่แต่งพร้อมขึ้นบ้านใหม่(อาจเลื่อนไปอีก 4-5 ปี)ผมว่าซื้อบ้านก่อนเหมาะสำหรับคนที่คิดมากเรื่องเงินเพราะราคาบ้านมันขึ้นไวซื้อตอนนี้กับอีก 5 ปี ราคามันต่างกันเยอะตัดใจซื้อตอนนี้ซะเลยตอนแรกอาจเหนื่อยหน่อยผ่อนไปซัก 3-5 ปี เงินเดือนขึ้นเราก็สบายขึ้น ผ่อนบ้านเหลือตังเก็บค่อยเอามาจัดงานแต่งทีหลังก็ได้ ยิ่งแก่ค่าสินสอดจะลดลง ดีไม่ดีผู้ใหญ่จัดการให้หมดไม่ต้องออกซักบาท

ไม่มีผิดถูกหรอกครับ อยู่ที่ทั้งสองฝ่ายคุยกัน ถ้าเป็นผมยังไงก็ได้ แต่งก่อนก็ดี จะได้ชาวยกันวางแผนอนาคต

ตอนนี้ผมยังไม่มีแฟน ตั้งใจเก็บเงินซื้อคอนโด แต่ช่วงไม่นานมานี้ จีบสาวคนนึง เธอยุให้ผมซื้อรถ จะได้พาเธอไปเที่ยว ซึ่งจริงๆผมยังไม่อยากซื้อ เพราะอยู่หอ หาที่จอดยาก แต่ผมก็เกือบจะซื้ออยู่แล้ว เหตุผลเพราะเธอล้วนๆ แต่อยู่ดีๆเธอมีแฟนโดยไม่บอกผมเลย ตอนผมถามว่าทำไมไม่บอกกันบ้าง โดนย้อนว่าทำไมต้องบอก ไม่ได้เป็นอะไรกัน

ดีเนอะ เดือนที่แล้วยังบอกให้ซื้อรถ จะได้ไปรับไปส่งเธอ ได้พาไปเที่ยว ตจว. อีกเดือนมีแฟนแล้ว แถมมาย้อนว่าทำไมต้องบอก

จากประสบการณ์ส่วตัวนะครับ. ผมหมั้นก่อนเหมือนกัน
ถ้าอยากเสียค่าใช้จ่ายน้อยต้องเตรียมงานเองครับ ผมกับแฟนเตรียมกัน 1 ปี
ช่วยกันทำของชำร่วย วางแผนการจัดงาน เลือกการ์ด พรีเวดดิงก็มีนะครับ
เลือกอันที่ได้ไพล์รูปทั้งหมด+ชุดงานเช้า เย็น สบายๆ

ถ้าเลือกแต่งก่อนรึซื้อบ้านก่อน แนะนำลองคุยกันดูนะครับว่าจะเอายังไง
เพราะถ้าซื้อบ้านต้องดาวน์+ผ่อน เงินก้อนที่จะเอาไปแต่งงานจะหาได้รึเปล่า ??
สินสอดได้คืนมั้ย ?? ปกสต.ผมได้เงินคืนนะ และได้เพิ่มจากซองด้วย

ปล.ผู้หญิงส่วนใหญ่คงอยากพรีเวดดิงครับ ใครๆก็อยากมีโมเม้นดีๆเก็บไว้
เค้าคงอยากเป็นเจ้าหญิงซักวัน ความสวยมักลดลงตามเวลา คิดดูดีๆนะครับ
ใจเขาใจเรา

ปล.ของปล. ช่วงเตรียมงานเนี่ย วัดใจกันระดับนึงเลยนะครับ
เพราะมีปัญหาหลายอย่างเลย ค่อยๆคุยกันนะครับ

แต่งก่อนละค่อยๆช่วยกันเก็บเอา กำลังใจในการเก็บหลังแต่งของคุณทั้งคู่จะช่วยๆกันเก็บ
ไม่นานก็คงได้บ้านอย่างที่หวังไว้

ไม่รู้ความคิดผมจังไรปะนะ ซื้อบ้านก่อนเลยก็ได้ชื่อคุณอ่ะ แต่งค่อยแต่งตอนมีเงิน แต่งตอนไหนก็ได้ไม่รีบ

แต่งงานนี่มันสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอครับ

ไม่รู้สิ ผมมีลูกแล้วน่ะ ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องแต่งงานมีความสำคัญเลย อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็พอแล้ว เผื่อวันข้างหน้าหย่ากัน ก็จะได้ไม่ต้องมาพร่ำเพ้อไรมาก

แต่งก่อนดีกว่าครับ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า

ไม่แต่งไม่ซื้อ

ผมมองว่าควรซื้อบ้านก่อนเพราะ
-ยังไงก็มีที่อยุ่
-ที่ดินเพิ่มขึ้นทุกปีๆ
-ค่าแรงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
-ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น = ค่าครองชีพจะสูงขึ้น สินค้าจะแพงขึ้นตามทำให้บ้านแพงขึ้น

หากกลัวมีปัญหาแนะนำให้จดทะเบียนกันก่อนแล้วค่อยซื้อ
แล้วจัดงานแต่งทีหลัง

เหตุผลที่จัดงานแต่งทีหลังเพราะ
-ฟุ่่มเฟือย
-ซองได้ไม่ถึงเป้าที่หวัง
-งบจะบานคุมไม่อยู่
-อาจจะมีปัญหาเร่ืองแบ่งซอง (อาจจะนะ)
-แฟนท่านเป็นคนบอกเองว่าอยากได้บ้านก็แสดงว่าเค้าต้องการแบบนี้

ส่วนเรื่องพรีเวดดิ้งผมว่าไม่ต้องเอาสวยมากน่าจะประหยัดงบไปได้เยอะ

แต่งก่อนหรือบ้าน

วางแผนดีๆผมว่าบ้านทีหลังก็ได้นะ มีบ้านแต่มีปัญหาด้านอื่นๆมันก็นะ

ความคิดส่วนตัวผมนะครับ

ซื้อบ้าน ก่อนครับ ส่วนงานแต่ง ถ้าฝ่ายหญิง ต้องการจัดจริงๆ ค่อยเก็บเงินใหม่หลังจากดาวน์บ้านก็ได้ครับ

งานแต่งงาน ความจริง ไม่ต้องหรูหรา โอเวอร์ อะไรมาก ผมเคยเจอหลายคู่ที่ต้องมาเลิกราหลังงานแต่งงานไม่นานเพราะว่าจัดงานเกินตัว รายได้ หลักหมื่น จัดงาน หมดไป 5แสน ถึง ล้าน มันก็ไม่สมควร บางครั้งแค่ไปขอให้ถูกต้อง แค่ญาติๆ ก็พอแล้ว แต่อันนี้แล้วแต่แฟนนะครับ เขาพอใจตรงไหน งานแต่งงาน มันเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำนั่นแหละ ครับ

ส่วนตัวผมตอนนี้ มีคอนโด พร้อม รถพร้อม เหลือ แค่ว่าแฟนจะโอเค มั้ยกับ งานเล็กๆ หรือไม่จัดเลย แฟนก็กลัวเสียดายค่าซองที่ให้งานอื่นไป ผมบอกไปว่า ค่าจัดงานหนักกว่า ซองที่ได้กลับมาอีก ฮะๆๆ

ลองๆ พิจารณา ดูครับ

ผมว่าคู่หมั้นคุณคิดดีและฉลาด

บ้านเป็นปัจจัยแรกที่ควรจะต้องมี ไม่ว่าจะเงินทั้งสองคน หรือ เงินท่านเอง

การแต่งงาน งานแต่งงานมันก็แค่อุปโลกณ์ขึ้นมา สิ่งสำคัญมันอยู่ที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปจนแก่ได้รึเปล่า

การจดทะเบียนสมรสยังจะสำคัญซะกว่า

แต่

ถ้าชื่อในการซื้อบ้าน ไม่มีคุณอยู่ด้วย หรือไม่ได้เป็นชื่อคุณ เป็นชื่อภรรยาคนเดียว

ผมไม่แนะนำให้ซื้อบ้านก่อนการจดทะเบียนสมรส เพราะจะกลายเป็นสินก่อนสมรสและตกเป็นของเจ้าของชื่อบ้าน/โฉนด เมื่อหย่าร้าง

ย้ำว่า ก่อนการจดทะเบียนสมรส ไม่ใช่ก่อนการแต่งงาน แต่ถ้าซื้อหลังจดทะเบียนสมรสจะเป็นสินสมรส หย่าร้างก็ต้องหารครึ่ง

ทั้งนี้ขอให้ไปศึกษาข้อกฎหมายให้ดีเสียก่อนด้วย เพราะผมไม่แน่ใจว่า ถ้าเป็นชื่อบุคคลใดบุคคลนึงระหว่างเราหรือคู่สมรสแล้ว

เมื่อหย่าร้างจะเป็นสินสมรสหารครึ่งอยู่หรือไม่

เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร ผมอาจจะคิดในแง่ลบมากเกินไป ยังไม่ทันแต่งคิดจะหย่าซะแล้ว

แต่ผมคิดว่ามันก็ไม่เสียหายถ้าเราจะปกป้องสิทธิ์ที่พึงจะมีของเราไว้ก่อน

ทั้งนี้ก็ขอให้แฟร์กับอีกฝ่ายด้วยหากจะซื้อบ้านเป็นชื่อของท่านเองแต่ผู้เดียว เช่น อาจจะต้องกำหนดขอบเขตการใช้เงินของตัวท่านเองในแต่ละเดือน

อาจจะต้องให้ภรรยาเป็นผู้บริหารจัดการเงิน เพื่อความสบายใจของเค้า

ลองไปตกลงกันดู ลองคิดดู เพราะยังไงเสีย การซื้อบ้านก็คงเป็นการผ่อน ไม่ใช่ซื้อสด

อย่าลืมว่าถึงจะมีชื่อใครอยู่ก็ตาม ผู้นั้นก็เป็นผู้รับผิดชอบภาระหนี้

แต่เวลาโดนฟ้องยึดทรัพย์ ก็โดนทั้งผัวและเมียอยู่ดี (เท่าที่ทราบ) ถ้าเป็นสินสมรส

ย้ำว่าลองศึกษาข้อกฎหมายดูดีๆก่อนด้วยครับ เพราะมันไม่ใช่แค่กรณีหย่าร้างแต่เพียงอย่างเดียว

เกิดอนาคตคุณไปลงทุนทำธุรกิจแล้วล้มละลาย ถึงแม้จะไม่ได้เอาบ้านไปจำนอง แต่มันก็เสี่ยงต่อการโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาด

โดยหลักการของผมคือยังไงๆสุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บ้านต้องเหลือไว้ให้ลูกครับ

แนะนำยากเลยครับ เพราะครอบครัวผมกับแฟน ไม่มีหน้ามีตาอะไร เลยซื้อบ้านไปก่อนละครับ

เรารักกันอยู่แล้ว ผมซื้อบ้านไว้ก่อนเพราะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กระทบแฟน ในเรื่องการเป็นหนี้ธนาคาร

ส่วนงานแต่งก็จะจัดกันเล็กๆ ไม่ได้หวังเงินจากซองอะไร

ลองคุยกับแฟน แล้วตัดสินใจเลยครับ มันอาจไม่ดี 100 เปอเซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็เป็นการตัดสินใจร่วใระหว่างคุณกับคู่หมั้น

ให้แนะนำนะครับ บ้านเป็นหนี้สินระยะยาวที่คุณต้องผ่อนหลายสิบปี ควรเก็บเงินก่อนเอาไปลงทุน เริ่มเรียนรู้การลงทุนครับ money coach,A-Academe มียูทูปให้ดูฟรี แต่เรื่องนี้ต้องค่อยๆ คุยกัน อย่าคิดว่าแต่งก่อนแล้วค่อยคุย บอกเลยไม่มีทางได้คุยครับ เพราะเงินทั้งหมดจะไปอยู่ในมือศรีภรรยา 555 คนรักกันต้องคุยกันได้ทุกเรื่องครับ ภาพรวมต้องคิดคล้ายๆกันไม่งั้นอยู่กันไม่ได้แน่นอน

ผมเลือกซื้อบ้านก่อนครับ แฟนคบมาสิบปีแล้วยังไม่แต่งเลยเพราะไม่มีเงินสินสอดไปขอ

บ้านเอาไว้ทีหลังก็ได้ครับ

เพราะบ้านสำหรับคนไทย เป็นภาระตลอดชีวิต สำหรับคนส่วนใหญ่ (ย้ำว่าส่วนใหญ่ เพราะส่วนน้อยมีตังค์ หรือบางท่านได้เป็นมรดกไม่ต้องผ่อน)

น้องอายุยังน้อย เก็บเงินไปก่อนก็ได้ครับ หาบ้านเช่า หรืออยู่ห้องเช่าไปก่อน ก็เป็นการประหยัดเงินไปอีกทาง

บางท่านอาจจะบอกว่า เช่าเขา เอาที่เช่าไปผ่อนบ้านเลยดีไหม ผมมองว่า การผ่อนต่อเดือน อาจจะมากกว่าเช่าหน่อย แต่บางท่านบอกเราได้เป็นเจ้าของ

แต่หลายท่านลืมคิดเรื่องนึงว่า "มันเป็นภาระผูกผันระยะยาว" โอเค ถ้าการงานคุณดี บริษัทขายดี คุณเก่ง ก็อาจจะสบายใจได้ระดับนึง

แต่ เศรษฐกิจตอนนี้ อยู่ในขั้นใกล้พังเต็มที สงครามโลกใกล้เกิด (อ่านข่าวได้ครับ เมกา รัสเซีย จีน ใกล้มาแล้ว)

คุณจะแน่ใจได้หรือว่า คุณสามารถ ดูแล หนี้ระยะยาวก้อนนี้ ในช่วงเวลาไม่แน่ไม่นอนแบบนี้ได้

การจ่ายค่าเช่าบางที ต้องเรียกว่า ถูกกว่ามาก เพราะคุณจ่ายต่อเดือนน้อยกว่า ค่าผ่อนบ้าน "แต่คุณไม่ต้องเสียดอกเบี้ย" (ถึงแม้ว่าตอนนี้ดอกเบี้ยจะถูกก็เถอะ)

ผมเคยคำนวนคร่าวๆ ถ้าผมไม่ผ่อนบ้าน แต่เช่าแทน ผมไม่เสียดอกเบี้ย และรวมเสร็จ เอาเงินที่เก็บๆ ไว้ตอนเช่ามาซื้อบ้าน ได้บ้านราคาถูกกว่า แถมไม่ต้องผ่อนด้วย (เพราะผมเก็บตัง)

แต่อันนั้นผมคำนวนเมื่อหลายปีที่แล้วนะครับ

บอกแฟนน้องนะครับ อายุยังน้อย ตอนนี้สำคัญคือ หาทางทำงานหาเงินได้เยอะๆ ก่อน

เรื่องบ้าน เรื่องที่หลังครับร เพราะวันหลังน้องมีเงินเยอะแล้ว จะซื้อ โดยโปะดาวน์เยอะๆ ก็ัยงได้ และสบายกว่าด้วย

ชั่วโมงนี้ "เก็บเงินสด" ไว้กับตัว และถ้าเป็นไปได้ เอาไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดในโลก

นั่นคือ "ทอง" ครับ

ข้อดีของทองคือ เป็นทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่เราพกติดตัวได้ เวลามีปัญหาเก็บไว้กล่องเดียว เราย้ายบ้านได้เลย

เป็นข้อคิดให้กับคู่แต่งงานใหม่นะครับ

สุดท้าย บอกแฟนและบอกตัวเองด้วยว่า เราโตมาคนละที่ จะหวังให้สันดานเปลี่ยนมันเป็นไปไม่ได้

สิ่งที่จะทำให้ชีวิตคู่ยืดยาวได้คือ อดทน ให้อภัยซึ่งกันและกัน โดยผ่านการพูดคุยตรงๆ ไม่โกหก

และอีกย่างคือ อยู่ข้างนอกเราจะแกร่งจะอหังการเพียงใดก็ตาม อยู่ในครอบครัว เป็นหมา เป็นเบ๊ เป็นไอ่กระจอก ก็ได้ เพื่อให้ครอบครัว มีความสุข

หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ ยินดีด้วยนะครับ

ประสบการณ์ตรงน่ะครับ เคสผมซื้อบ้านก่อนเพราะต่างคนต่างไม่อยากย้ายเข้าบ้านพ่อเเม่กันเเละกัน ก็เลยต้องซื้อบ้านก่อนเเต่ง1ปี หลังวันเเต่งก็ย้ายเข้ามาบ้านใหม่เลย เเต่ช่วงหลังซื้อบ้าน1 ปีเเละเตรียมงานเเต่งด้วยนั้นร่ายจ่ายมันเยอะมากเเละต้องเตรียมงานแต่งโน้นนั่นนี่อีกครับ ต้องใจเย็นๆเเละต้องคุย ปรึกษากัน เรียงลำดับความสำคัญให้ดีครับ

เรื่องสินสอดผมก็คุยกันเลยว่า เงินเก็บมาทั้งชีวิต ถ้าได้คืนก็จะได้มาโปะบ้านหลังเเต่ง เพราะบ้านก็บ้านเราสองคน สรุปก็ได้คืนมาทุกบาททุกสตางค์น่ะครับ ตอนนี้ก็เอามาทยอยๆโปะบ้านทบเงินต้นตัดดอกเรื่อยๆ ส่วนงานเเต่งผมเน้นประหยัด ทำpresentเอง ถ่ายรูปก็ให้เพื่อนมาถ่ายให้ที่บ้าน หลังจากงานเเทบจะไม่ได้เปิดดูเลย เพราะงานเเต่งจริงๆผมว่าเป็นงานที่จัดมาเพื่อพ่อ เเม่แต่ล่ะฝ่ายมากกว่าครับ อารมณ์งานเลี้ยงรุ่นพ่อเเม่เลย เเต่ซองหนาๆนี่ก็มาจากเพื่อนๆพ่อเเม่เนี้ยแหล่ะครับ

เเน่ะนำพยายามเชิญญาติผู้ใหญ่เยอะๆครับ ส่วนเพื่อนๆเองนั้นก็เอาที่สนิทๆจริงๆครับ เพราะซองนี่ต่างกันชัดเจน งานผมนี่ได้มาcoverทั้งค่างาน เเละยังเหลืออีกพอไปเที่ยวพักผ่อนได้อีก
ตอนนี้ท่านก็ต้องใจเย็นๆพูดคุยกับแฟนท่านน่ะครับ เพราะจะทะเลาะกันบ่อยมาก เพื่อนผมบางคู่มาเลิกกันช่วงจัดงานเนี้ยแหล่ะครับ

ก็ซื้อบ้านก่อน (ใช้ชื่อ2คนผัวเมีย)
แล้วช่วยกันผ่อน

นี่มันปัญหาใหญ่เลยนะ

ผมทำเรื่องพร้อมกันคับ

แต่งสิ้นเดือน พฤศจิ บ้านเสดพฤษภาปีหน้า