เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 803
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Sep 26, 2016 1:10 pm
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา : ผมไม่เคยบอกเลยว่าเป็น "เดอะ ค็อป"
หนึ่งในนักเตะขวัญใจของสาวก ''เร้ด อาร์มี่'' ต้องมีชื่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แน่นอน นี่คือผู้เล่นที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด เทิดทูนไม่ใช่แค่ความจงรักภักดีกับสโมสรเท่านั้น แต่รวมทั้งการทำหน้าที่ ''ซูเปอร์ซับ'' ได้สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคของเขาด้วย
นักเตะเลือดนอร์เวย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่ไม่เคยปริปากบ่นเรื่องสถานะตัวสำรองอดทนของเขาเลย และพร้อมปฏิบัติหน้าที่เยี่ยมลูกทีมที่ดีของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่สั่งให้เขาเป็นเหมือนยางอะไหล่ชั้นดีที่พร้อมลงไปพลิกเกมให้กับ "ผีแดง"
แน่นอนว่าบทบาทนี้สำหรับกองหน้ารายอื่นๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวจริงในนามทีมชาติคงรับไม่ได้ แต่สำหรับนาย "ลูกอม" เขาคนนี้พร้อมรับใช้กุนซือ "ป๋า" ของเด็กผี อย่างไม่มีพร่ำบ่นเพราะถือว่าการได้ทำงานตามหน้าที่ที่ "เฟอร์กี้" มอบให้เป็นเกียรติกับเขา
สำหรับวันนี้มองนั่งจับเข่าคุยกันเบาๆ สบายๆ กับ โซลชา กันซะหน่อย หลังผ่านพ้นชีวิตนักเตะไปสู่การเป็นกุนซือ เขาได้รับอะไรดีๆ จากชายชื่ออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมดาวรุ่งที่มีชื่อเป็นตัวเลือกในการกุมบังเหียนโรงละครแห่งความฝันในอนาคต....
Q : แฟนคลับของคุณตั้งฉายาคุณว่า "เพชฌฆาตหน้าทารก" การที่คุณดูอ่อนเยาว์ถือเป็นข้อได้เปรียบ หรือเสียเปรียบไหมสมัยที่คุณยังเด็ก ?
โซลชา : เรื่องฉายาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย มันก็ดีนะที่มีคนตั้งชื่อให้แบบนั้น ตอนที่ผมย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ผมรู้ว่าผมดูเหมือนเด็กหนุ่ม แต่ผมก็เปลี่ยนเป็นปีศาจร้ายได้ ถ้าผมต้องการเตะข้อเท้าคู่แข่งตอนที่เข้าปะทะ ผมก็จะทำทันที แล้วมันมีประโยชน์ไหมเมื่อผมดูหน้าเด็กนะเหรอ ? ไม่เลยนะ ผมยังจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งช่วงวันหยุดพักผ่อนกับครอบครัวที่มายอร์ก้า คุณต้องอายุ 15 ปีหรือสูงกว่า 140 ซ.ม. ถึงจะได้เล่นสไลเดอร์ ผมอายุเกิน 15 ปีแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมให้ผมขึ้นไปเล่น ! ตอนนั้นผมตัวเล็กมาก ผมค่อยๆโตขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น ผมเริ่มสูงขึ้นตอนอายุ 20 หรือ 21 นี่แหล่ะ จากนั้นผมก็ย้ายออกจากทีมบ้านเกิด สโมสรเคลาเซเนนเก้น ไปเล่นให้ โมลด์ และตั้งแต่นั้นอาชีพของผมก็บินสูงขึ้นเรื่อยๆ
Q : จริงหรือเปล่าที่พ่อของคุณเป็นแชมป์มวยปล้ำ เกรโค-โรมัน ? คุณเล่นมวยปล้ำไหม ?
โซลชา : เรื่องจริงครับผม ผมเคยเล่นมวยปล้ำตอนอายุราวๆ 8-10 ขวบ ผมยังเคยซ้อมกับหนึ่งในนักมวยปล้ำที่เก่งที่สุดในนอร์เวย์ที่อยู่ในรุ่นอายุเดียวกันกับผม ผมพยายามเดินไปรอบๆ แล้วเริ่มปวดหัว จากนั้นก็หน้ามืด..ผมก็ไม่ได้เล่นมวยปล้ำอีกเลย !
Q : ตอนเด็กๆ คุณเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล ใช่ไหม ?
โซลชา : (หัวเราะ) พวกคุณก็ทราบอยู่แล้วว่าผมมีเพียงคำตอบเดียวให้กับพวกคุณสำหรับเรื่องนี้...ผมไม่เคยยืนยันเรื่องนี้เลย ! ผมเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอด เลือดผมสีแดง
Q : คุณเคยยิงประตูได้มากที่สุดในเกมเดียวสมัยที่เล่นให้กับทีมแรกของคุณ เคลาเซเนนเก้น ใช่ไหม ?
โซลชา : ผมเคยยิงได้ 14 ประตูในเกมเดียวตอนที่เล่นฟุตบอลในร่ม ซึ่งเป็นเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ในศึกนอร์เวเจี้ยน แชมเปี้ยนชิพ โกลด์ส ที่ผมสร้างชื่อเอาไว้ แม้หากในกรณีที่ทีมของผมไม่ค่อยได้สร้างโอกาสมากนักผมก็ไม่มีทางที่จะลงสนาม และเลี้ยงหลบคู่แข่ง 3-4 คนได้ ผมต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีม เรามีแฟนบอลเพียงแค่ 50-100 คนเท่านั้นที่เคลาเซเนนเก้น แต่เรามีความสนิทสนมกันอย่างมากและพัฒนาด้วยกันในระดับดิวิชั่น 3 และ 4 ในลีกนอร์เวย์
Q : คุณได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วขนาดไหนจากทีมในประเทศอื่นๆ หลังย้ายมาเล่นกับ โมลด์ ?
โซลชา : ใช่ เร็วมาก เพราะผมยิง 2 ประตูในเกมแรกที่เล่นให้โมลด์ และ 3 ประตูในเกมที่สอง ผมได้พบกับ เฟลิกซ์ มากัธ ที่ฮัมบูร์ก และ โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ที่อยากได้ผมไปเล่นที่กายารี่ ยังมีพีเอสวี และ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยที่สนใจผม แน่นอน ลิเวอร์พูล ก็เช่นกัน แต่ไม่มีทีมไหนที่ยื่นข้อเสนอจริงจังซักราย มีแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา
Q : คุณยังจำวันที่ย้ายจาก โมลด์ ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ไหม ?
โซลชา : ผมซัดวอลเล่ยสุดสวย 2 ประตูให้ นอร์เวย์ ในเกมพบ อาเซอร์ไบจาน จากนั้นเอเยนต์ของผมก็บอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประทับใจตัวผม และอยากทำอะไรสักอย่างก่อนที่ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ จะเดินทางการที่นี่ช่วงพักผ่อน มันเกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นเจ้าของสโมสรโมลด์ เช่าเครื่องบินส่วนตัว และพาผมไปแมนเชสเตอร์ เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่าผมอยากไปเล่นที่นั่น ผมยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเรื่องนั้นเสมอ ผมไปที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และไกด์ก็นำทัวร์โดยคิดว่าผมคงแค่มาเที่ยวเฉยๆ เขาพูดคุยเยอะแยะมากมาย สุดท้ายเขาก็ถามผมว่า "คุณมาทำอะไรที่นี่ ?" ผมก็ตอบไปว่าผมจะมาเซ็นสัญญา ! เขาอึ้งไปเลย แต่เขาก็ให้ปากกากับผมนะ และผมก็เซ็นสัญญาด้วยปากกาด้ามนั้น
Q : คุณเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 1996 ปีที่พวกเขาพลาดได้ตัว อลัน เชียเรอร์ ที่ย้ายไปนิวคาสเซิ่ล มีความคาดหวังในตัวคุณมากแค่ไหน ?
โซลชา : ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย เจ้านายบอกว่า "สำหรับช่วง 6 เดือนแรก นายต้องเล่นกับทีมสำรอง และพยายามคุ้นเคยกับลีกอังกฤษ ให้ได้ จากนั้นพอเดือนมกราคม เราอาจจะลองส่งนายลงสนามในทีมชุดใหญ่" แต่ผมยิงได้ 2 ประตูกับเกมแรกในทีมสำรอง แอนดี้ โคล ได้รับบาดเจ็บ และเราต้องการกองหน้าด่วน ผมได้ลงสนาม และยิงประตูได้ภายใน 6 นาทีที่ผมลงเปิดตัวเกมพบ แบล็คเบิร์น ผมรู้ว่าผมจะยิงประตูได้มากมายกับ ยูไนเต็ด ผมมักจบสกอร์ได้เฉียบคมเสมอเมื่อมีโอกาส ตอนวัยรุ่นเวลาที่อยู่ในสนามเด็กเล่น แม้ไม่มีผู้รักษาประตู ผมก็จะยิงไปไปชนเสาในเข้าประตู เพราะไม่มีโกล์คอยเซฟ
Q : อะไรคือสิ่งที่คุณชื่นชอบมากในการเล่นภายใต้การคุมทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ?
โซลชา :เขาเป็นคนที่ดูแลได้ดีมากๆ ผมได้พบ ปาทริซ เอวร่า เมื่อเร็วๆ นี้ และเขาบอกว่าเขามีชีวิตที่แสนสุขกับ ยูเวนตุส แต่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงาน ที่ยูไนเต็ด เราเดินทางมาที่แคร์ริงตัน และทำงานของเราหลายๆ อย่าง แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าเรากำลังทำงาน เจ้านายอยากให้เราแสดงความเป็นตัวของเราเองออกมา เขาสร้างบรรยากาศที่มาจากภายใน กิ๊กซี่, พัลลี่ (แกรี่ พัลลิสเตอร์), คีโน่, ไบรอัน แม็คแคลร์, คันโตน่า, ชไมเคิ่ล เราพร้อมทุ่มเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์เสมอตั้งแต่ปี 2000 ผมเริ่มเขียนบันทึกในช่วงฝึกซ้อมที่เราทำกัน ผมเขียนทุกอย่างเอาไว้ในไดอารี่ตอนที่ผมอยู่กับโมลด์ ด้วย ผมรู้ว่าผมกำลังจะได้ประสบการณ์บางอย่างจากประสบการณ์ของเพื่อนร่วมทีม เพราะเขาเป็นคนพิเศษ เขาไม่เคยพูดอะไรเป็นชั่วโมง แต่อะไรก็ตามที่เขาพูดมันสร้างความแตกต่าง
Q : ในปี 1998 มีข่าวลือสะพัดว่าคุณจะโดนขายให้กับ ท็อตแน่ม คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ?
โซลชา : มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ กับ อลัน ชูการ์ ตกลงค่าตัวกันแล้ว อยู่ที่ 5.5 ล้านปอนด์ ผมคิดว่านะ แต่เจ้านายเรียกผมเข้าไปในออฟฟิศ และบอกว่า "ผมไม่อยากขายนาย เพราะถ้านายอยู่ที่นี่ต่อนายก็จะได้ลงเล่นมากพอ" แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ผมไม่ต้องการย้ายทีม เอเยนต์ของผมทำเรื่องนี้ให้ เขาบอกว่าเขาไม่เคยพบใครที่ดื้อรั้นแบบผมเลย แต่ผมมีสิทธิ์ นี่แหละสันดานของผม !
Q : เฟอร์กูสัน พูดอะไรกับคุณตอนที่เขาส่งคุณลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999 ?
โซลชา :ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แต่เขาพูดกับ เท็ดดี้ นานมากในช่วงพักครึ่ง และนั่นทำให้ผมโกรธมาก ผมคิดว่า "ผมยิงได้ 17 ประตูเพื่อคุณในฤดูกาลนี้ ส่วนใหญ่ในฐานะตัวสำรองด้วย แล้วทำไมคุณไม่มาคุยกับผม ?" จากนั้น เท็ดดี้ ก็ได้ลงสนาม นั่นยิ่งเป็นแรงกระตุ้นผม โดยผมรู้สึกว่า "ผมจะลงสนามแล้วพิสูจน์ว่าคุณคิดผิด" ผมลืมสิ่งที่เจ้านายพูดกับผมหลังจากนั้นแล้ว แต่ผมยังคงมีภาพที่เราอยู่ด้วยกัน และผมยังคงจำได้ว่าคิดอะไรในช่วงเวลานั้น "คุณสมควรได้รับสิ่งนี้ คุณสมควรที่จะคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก" เราทำสิ่งนี้เพื่อเขา ในฐานะผู้จัดการทีม คุณมีอารมณ์ท่วมท้นเมื่อคุณคิดแบบนั้น เขาเป็นผู้จัดการทีมแบบนั้นจริงๆ
Q : ผมเคยดูเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999 ตอนอายุ 10 ขวบกับพ่อของผมผ่านทีวีขาวดำขนาด 14 นิ้ว ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ ที่เห็นคุณยิงประตูซึ่งไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แม้ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกขนลุกซู่ตอนที่ผมดูไฮไลต์เกมนั้น คุณรู้สึกยังไงตอนที่ยิงประตูได้ ?
โซลชา : ความคิดแรกของผมก็คือ "ผมล้ำหน้าหรือเปล่า ?" คุณรู้สึกกลัวว่าผู้ตัดสินจะเป่านกหวีด แต่จากนั้นทุกอย่างสมบูรณ์แบบ และได้เวลาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง คุณคิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมมีอาการตึงที่เส้นเอ็นตอนที่วิ่งสไลด์เข่า เพื่อไปฉลองประตู และทำให้ผมต้องพลาด 2 เกมกับ นอร์เวย์ ช่วงซัมเมอร์นั้น เพราะอาการบาดเจ็บนี้ล่ะ แต่มันโคตรคุ้มค่า ! การคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในฐานะนักฟุตบอล ผมยิงประตูชัยในเกมนัดชิง ยูโรเปี้ยน คัพ ดังนั้นมีอะไรเยอะแยะมากมายอยู่ในใจผม ผมอยู่ในสนามเด็กเล่น และทำเสียงเหมือนรายงานเกมว่า "เขากำลังจะหลุดไปดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตู !" และคิดว่า "ถ้าผมส่งบอลซุกก้นตาข่าย เราจะชนะ ถ้าผมพลาด เราแพ้" แต่นั่นเป็นเรื่องที่อยู่ในความคิดของผม ความจริงก็คือ ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ไม่มีโอกาสเลย มีผู้คนมากมายที่เข้ามาทักทายผมหลังจากนั้น แล้วก็พูดว่า "นั่นเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของผม แต่ห้ามบอกภรรยาผมนะ !" มันดูเหมือนว่านี่คือช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ สำหรับพวกเขาที่ได้พบกับผม ก็คงเหมือนกับผมตอนที่ผมได้พบ ดีเอโก้ มาราโดน่า ในปี 1986 เราขับรถจากคริสเทียนซันด์ ไปออสโล เพื่อไปชมเกม นอร์เวย์ พบ อาร์เจนตินา และหลังจบเกมผมยืนอยู่ที่นั่น ในที่สุด มาราโดน่า ก็เดินออกมา และผมก็รีบยกแขนขึ้นและสัมผัสตัวเขา
Q : คุณพอใจไหมกับฉายา "ซูเปอร์ซับ" ?
โซลชา : ผมไม่สนใจหรอก แน่นอนว่าผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้กับเจ้านายได้เห็นว่าผมสมควรได้ลงเล่นมากกว่านี้ แต่เขาจะมีผมทุกๆ ครั้งที่เขาต้องการผม เขารู้ว่าเมื่อเขาให้ผมเป็นตัวสำรอง ผมจะหงุดหงิด แต่ผมพร้อมลงสนาม และทุ่มเทเต็มที่ แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบกับคู่แข่ง เพราะมันกลายเป็นตำนานประมาณว่าผมยิงประตูได้ทุกครั้งที่ผมถูกเปลี่ยนตัวลงมา ผมค่อนข้างจะมีบทบาทแบบนี้ และทำได้สำเร็จมากกว่าที่ลงสนาม 200 เกมด้วยซ้ำ บางครั้ง มันก็น่าผิดหวังนะ ทันทีที่เจ้านายบอกกับผม, เท็ดดี้, โคลี่ย์ และ ยอร์กี้ เกี่ยวกับแนวทางที่เขาต้องใช้ระบบโรเตชั่น ผมกับโคลี่ย์ ลงเล่น 2 วันก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เขาจะให้ ยอร์กี้ กับ เท็ดดี้ ลงสนาม เขาถามว่า "ทุกๆ คนแฮปปี้กับเรื่องนี้ไหม ?" ทั้งสามคนแฮปปี้ แต่ผมนั่งอยู่ในออฟฟิศและบอกว่า "ไม่ ผมไม่แฮปปี้ ผมคิดว่าผมสมควรได้ลงเล่น ผมยิงประตูเกมล่าสุด คุณกระตุ้นผมให้ลงสนามเยอะๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และผมก็อยากลงเล่นเกมนี้" จากนั้นผมก็ออกไปและพูดว่า "เท็ดดี้ เจ้านายต้องการพบนาย" สุดท้ายเขาให้ผมลงเล่น ไม่ใช่ เท็ดดี้ ! ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ลงสนาม !
Q : รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดที่คุณเคยเล่นด้วยใช่ไหม ? ยังมีใครที่คุณรู้สึกว่าเป็นตัวจบสกอร์ที่เก่งกว่าคุณ ?
โซลชา : ใช่เลย รุด เป็นตัวจบสกอร์ที่เฉียบคมที่สุดที่ผมเคยเล่นด้วย ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเขาเป็นไปตามแผน มันไม่ใช่แค่ว่า "ปิดตาแล้วก็ยิงประตู" ผมไม่ชอบกองหน้าประเภทที่ยิงประตูฟลุคๆ ได้ตลอด ผมไม่เคยฉลองประตูที่ได้จากโชคช่วย อย่างในเกมกับ อิปสวิช ผมตั้งใจโยนบอลไปให้ ควินตัน ฟอร์จูน แต่บอลแฉลบแล้วกระเด้งขึ้น และก็ลอยเข้าไปที่มุมบน ผมรู้สึกอายนะ เพราะผมพยายามจะผ่านบอล และสุดท้ายดันเป็นประตู ใครที่เป็นตัวจบสกอร์ที่ดีกว่าผมนะเหรอ ? ไม่มีหรอก ! ผมคิดว่า รุด ก็ทำผลงานได้ดีนะ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่เหลือกว่าผม !
Q : คุณเคยไล่ รอย คีน เหรอ ?
โซลชา : หลายครั้งนะ ! ผมกับ รอย เป็นเพื่อนซี้กัน เรามักพูดคุยกันบ่อยๆ แต่เราก็มีทะเลาะกันบ้างบางครั้ง ถ้าคุณจะเรียกแบบนั้นก็ได้นะ เวลาที่ผมเหลืออดผมจะบอกให้เขาออกไปห่างๆ เพราะนั่นเป็นวิธีการเดียวที่เขาจะให้ความเคารพตัวคุณถ้าคุณกล้าที่จะปกป้องตัวเอง มีช่วงเวลาหนึ่งประมาณ 4-5 สัปดาห์ตอนที่ผมอยู่ทีมเดียวกับ รอย ทุกวันในช่วงฝึกซ้อม เขาตะโกนตลอดเพราะเขาต้องการให้ทุกคนทุ่มเทเต็มร้อย จากนั้นผมก็เดินไปหา สตีฟ แม็คคลาเรน แล้วบอกว่า "ให้ตายเหอะ สตีฟ ผมอยู่ทีมเดียวกับเขาทุกวัน" เขาตอบว่า "โอ้วว คุณสังเกตไหม ! สภาพจิตใจของคุณแข็งแกร่งขึ้นเวลาที่คุณกล้าที่จะปกป้องตัวเองต่อหน้า รอย คุณทำได้แล้ว คุณผ่านการทดสอบ"
Q : กองหลังที่คุณไม่อยากเผชิญหน้ามากที่สุดคือใคร ?
โซลชา : ยาป สตัม ในช่วงฝึกซ้อมมันเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ คุณไม่มีทางผ่าน ยาป สตัม ได้เลย เขาแกร่งมากๆ แฟร้งค์ เด บัวร์ รู้ดีกว่าผมเรื่องนี้ ผมคิดว่าเขาสุดยอดมากๆ ตอนที่ผมต้องสู้กับพวกดัตช์ เขาแข็งแกร่งที่สุด แล้วก็ยังมี ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตอนที่เขาเล่นกับ ลีดส์ ผมเกลียดการสู้กับกองหลังที่แข็งแกร่ง และรวดเร็ว คนอย่าง มาร์กเซล เดอไซญี่, (เปาโล) มัลดินี่, (ฟาบิโอ) คันนาวาโร่ และ โทนี่ อดัมส์ ไม่เคยปล่อยให้คุณเล่นสบาย พวกเขาฉลาดเป็นกรด ผมรู้สึกว่าหลังจบเกมที่ต้องสู้กับพวกเขา ผมทำผลงานได้โอเคนะ แต่ผมไม่เคยยิงประตูได้เลยเพราะพวกเขาเล่นได้ดีมากๆ กับสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาไม่เคยเล่นผิดพลาด
Q : จริงหรือเปล่าที่ลูกชายของคุณชื่นชอบนักเตะที่เล่นร่วมกับคุณที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือ เวย์น รูนี่ย์ ไม่ใช่คุณ ?
โซลชา : (หัวเราะ) ใช่ครับ เขาชอบ วาสซ่า ! ตอนนี้ โนอาห์(ลูกชาย) อายุ 15 ปีแล้ว แต่ตอนนั้นเขาอายุแค่ 6 ขวบเอง แต่เขารู้ว่าพ่อของเขาเจ็บปวดแค่ไหน !
นับจากนี้ไปเบื้องหน้า โซลชา จะสั่งสมประสบการณ์ในฐานะกุนซือมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ "มันสมอง" กับ "สองมือ" ของเขา เพราะบทบาท "ซูเปอร์ซับ" ในงานกุมบังเหียนไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์แน่นอน