ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 25 Sep 2013
ตอบ: 11066
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 5:46 pm
Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า
ต่อจากมู้เมื่อกี้นี้นะครับ
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1412225

เครดิตเจ้าเดิมนะ Pantip เตือนไว้ก่อนว่ามู้นี้ยาวกว่าอันเก่าเยอะ


ย้ำอีกทีว่าให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ อันนี้เป็นมุมมองจากฝั่ง Ibra ฝั่งเดียวนะ


-----------------------------------------------------------------------------------


วันนี้เราจะย้อนเวลาไป ยังเมืองบาร์เซโลน่า ในฤดูร้อนปี2010 ช่วงเวลาที่ทุกความสนใจในโลกฟุตบอล พุ่งไปยังแอฟริกาใต้

แต่มุมหนึ่งใน Camp Nou เกิดการเปลี่ยนแปลงๆเล็กๆ ที่ต่อมาได้ขยายตัวเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่
และทำความสูญเสียให้กับสโมสรบาร์เซโลน่า กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

การเลือกประธานสโมสรบาร์เซโลนาในช่วงนั้น ก่อให้เกิดความวุ่นวายเล็กๆขึ้นในสโมสร รวมถึงความรู้สึกไม่มั่นคงของคนในสโมสรด้วย
Sandro Rosell คือผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานสโมสรคนใหม่ เขาเคยเป็นรองประธานมาจนถึงปี2005 และยังเคยเป็นเพื่อนกับ Laporta อดีตประธานสโมสรคนก่อนหน้าแต่มีบางเรื่องเกิดขึ้น และตอนนี้ อดีตเพื่อนรักได้กลายมาเป็นศัตรูกันซะแล้ว

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวล
Sandro จะล้างบางลูกน้องเก่าแก่ของอดีตเพื่อนรัก คนที่เขาเห็นว่าเป็นลิ่วล้อของศัตรูไปจากสโมสรหรือไม่
เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้




Txiki Begiristain ผู้อำนวยการด้านกีฬาของสโมสร ได้ตัดสินใจชิงลาออกซะก่อนที่จะเป็นฝ่ายโดนยื่นซองขาว
นั่นทำให้ผมคิดถึงตัวเอง แล้วผมล่ะ? นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในความขัดแย้งระหว่างผมกับกวาดิโอลาหรือเปล่า?
Laporta ซื้อผมมาด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติ ทุกคนต่างคาดกันว่าRosell คงไม่รอช้าที่จะแสดงให้เห็นว่า Laporta คิดผิด
ด้วยการจับผมโยนลงตลาดนักเตะ สื่อต่างก็ประโคมข่าวว่าภารกิจแรกของเขาคือการขายผมออกจากสโมสร

ในตอนนั้น พวกนักข่าวยังไม่มีใครรู้เรื่องความขัดแย้งของผมกับกวาดิโอล่า แต่พวกเขาเริ่มได้กลิ่นไม่ดี
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญหรอกเพราะมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังเกต
ผมเดินคอตกอยู่ในสนาม ผมดูขาดความกระตือรือร้นเมื่อลงเล่น กวาดิโอล่าได้สูบวิญญานออกจากร่างของผมไปแล้ว

และทันที่ที่ประกาศตัวประธานสโมสรคนใหม่อย่างเป็นทางการ Mino ก็โทรหาRosellทันที พร้อมทั้งล่าให้เขาฟังเรื่องที่กวาดิโอลาเคยพูดกับผม

"คุณพอจะรู้ไหมว่ามันเรื่องอะไรกัน ที่เขาทำมันหมายความว่ายังไง" "เขาต้องการกำจัดสลาตันออกจากทีมเหรอ"

"ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ๆ" Rosell ตอบ "กวาดิโอล่าเชื่อมั่นในตัวสลาตันนะ"

"งั้นเขาพูดแบบนั้นกับสลาตันทำไม"

แม้แต่ Rosell ก็หาคำตอบไม่ได้ เขาเพิ่งเข้ามาใหม่ และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้คำตอบของคำถามนั้น




และสถานการณ์เริ่มไม่แน่นอนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเราได้แชมป์ลีค ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักร้อน
การพักร้อน คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในช่วงเวลาแบบนั้น ผมต้องไปจากที่นี่ ผมกับเฮเลน่าและลูกๆ บินไปพักผ่อนที่ LAและ Las Vegas
ตอนนั้น ฟุตบอลโลกกำาลังเริ่มขึ้น แต่ผมแทบไม่ได้ติดตามเลย ผมผิดหวังที่ทีมชาติสวีเดนไม่ได้เข้ารอบ และผมไม่ต้องการจะได้ยินเรื่องฟุตบอลอีก มันทำให้ผมนึกถึง ความทรงจำแย่ๆกับบาร์เซโลน่า


แต่ผมไม่อาจพักร้อนไปตลอดกาลได้ วันนึง ผมก็ต้องกลับไปที่นั่น
ไม่ว่าผมอยากจะยุติเรื่องวุ่นๆนี้มากแค่ไหน คำถามเดิมๆก็กลับมาอีกครั้ง

จะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าเมื่อผมกลับไปที่นั่น?

ผมจะทำยังไงต่อไปดี?

ผมคิดจนหัวหมุนไปหมด แน่นอนว่าผมรู้ดี มันมีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้นที่จะยุติปัญหาทั้งหมด
แต่ผมไม่อยากปล่อยความฝันวัยเด็กให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่มีวัน ไม่มีทาง...

ผมตัดสินใจว่าจะทุ่มเทให้กับการซ้อมให้หนักยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา ไม่ว่าใครหน้าไหนก็แตะต้องผมไม่ได้!
ผมจะแสดงให้ทุกคนเห็น

แต่รู้อะไรไหม ผมไม่มีโอกาสจะเริ่มต้นทำอย่างที่ตั้งใจด้วยซ้ำ...




ทันทีที่ผมกลับมาถึงสโมสร ยังไม่ทันที่เปลี่ยนรองเท้าเพื่อลงซ้อม กวาดิโอลาก็เดินเข้ามา เขาต้องการคุยกับผม

วันนั้นคือวันที่19 กรกฎาคม 2010 ผมจำได้ดี
เพื่อนร่วมทีมส่วนใหญ่ยังไม่กลับจากการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่สนามซ้อมก็เงียบกว่าที่เคย และกวาดิโอลาพยายามเข้ามาคุยกับผม
ผมพอจะดูออกว่าเขามีแผนการในใจ เขาดูกระอักกระอ่วนและกระสับกระส่าย แต่ก็พยายามเริ่มต้นอย่างเป็นมิตร

"ไปพักผ่อนมาเป็นยังไงบ้าง"

"ดีฮะ ก็ดี"

"แล้วกับฤดูกาลใหม่ที่นี่ล่ะ คุณคิดว่ายังไง รู้สึกยังไงบ้าง"

"ดีฮะ ผมพร้อมแล้ว ผมตั้งใจว่าจะทุ่มเต็มที่100%เลย"

"คือว่า"

"อะไรฮะ"

"ผมอยากเตือนให้คุณเตรียมใจเป็นตัวสำรอง" เขาพูดออกมาในที่สุด

คุณจำที่ผมบอกได้ไหม ฤดูกาลแข่งขันยังไม่ทันเริ่มต้นเลย เขายังไม่เห็นผมลงเล่นด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่นาทีเดียว!
จะให้ผมตีความเรื่องนี้เป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวแน่ๆ

"ตกลงฮะ" ผมตอบออกไปในที่สุด "ผมเข้าใจ"

"อย่างที่คุณรู้ เราเพิ่งได้ตัว David Villa มาจาก Valencia"

David Villa เป็นทรัพย์สินชิ้นใหม่ของสโมสรที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ต้องสงสัยเรื่องนั้น เขาคือหนึ่งในดาราคนสำคัญของทีมชาติที่กำลังจะคว้าแชมป์โลก แต่เขากับผมเล่นในตำแหน่งต่างกัน เขามักจะเล่นเป็นปีก
ดังนั้นการที่เขามาร่วมทีมไม่มีผลกับตำแหน่งของผมซักนิด ไม่มีทางเลย!

"แล้วคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ"

'ก็ไม่คิดยังไงนี่ ยินดีด้วยนะ' ผมเกือบจะตอบไปแบบนั้นในตอนแรก แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
ทำไมผมไม่ลองทดสอบสมมุติฐานบางอย่างกับกวาดิโอลาล่ะ?

ผมน่าจะลองเช็คดูให้แน่ใจนะ ว่าไอ้การไม่ส่งผมลงเล่นนี่ มันเป็นเรื่องของแทคติค
หรือว่าเป็นการกำจัดผมไปให้พ้นๆจากทีมกันแน่?

"ผมจะว่ายังไงน่ะเหรอฮะ"

"ใช่แล้ว"

"คืองี้นะฮะ ผมตั้งใจว่าจะซ้อมให้หนักขึ้น ผมจะทุ่มเทสุดพลังเลยล่ะ เพื่อแย่งตำแหน่งในทีมกับเขา
ผมจะทำให้คุณมั่นใจว่าผมดีพอกับการเป็นตัวจริง"

บอกตามตรงนะ ที่พูดไปทั้งหมดนั่น ผมก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันล่ะ (อ้าว )

ผมไม่เคยยอมให้ใครแบบนี้มาก่อน สิ่งที่ผมยึดมั่นคือ ให้การกระทำแทนคำพูดของคุณ
ผมว่ามันน่าหัวเราะ กับการที่คุณเที่ยวไปบอกใครๆว่าจะทุ่มเทเต็มที่100%
อย่าลืมสิ คุณถูกจ้างมาเพื่อให้ทำงานเต็มที่100%นะ

แต่นี่คือการพิสูจน์สมมุติฐานของผม ผมอยากรู้ว่าเขาจะพูดยังไงต่อไป
ถ้าเขาพูดว่า ตกลง ผมจะคอยดูว่าคุณทำได้อย่างที่พูดรึเปล่า มันก็เป็นอีกเรื่องนึง
แต่ตอนนั้น เขากลับมองผมนิ่งๆ

"เรื่องนั้นผมรู้ แต่ เราจะทำยังไงกันต่อล่ะ"

"ก็อย่างที่พูดล่ะฮะ ผมจะตั้งใจซ้อมอย่างหนัก แล้วถ้าคุณคิดว่าผมดีพอ ผมก็จะลงเล่นในตำแหน่งไหนก็ได้ที่คุณต้องการ
จะเป็นหน้าเป้าหรือหลังMessi แล้วแต่คุณตัดสินใจเลยฮะ"

"เรื่องนั้นผมรู้ แต่ เราจะทำยังไงกันต่อล่ะ"

เขาเอาแต่ย้ำเรื่องเดิมๆ และนั่นมันฟังดูไม่เข้าท่าเลยซักนิด เขาเล่นละครตบตาได้ไม่เนียนเลย
แต่มันไม่จำเป็นหรอก ผมพอจะมองออกแล้วล่ะ
นี่ไม่เกี่ยวกับว่าผมจะสู้เพื่อตำแหน่งตัวจริงได้หรือเปล่า มันคือเรื่องส่วนตัว
แทนที่จะพูดออกมาตรงๆว่าเขาไม่ชอบผม เขากลับมาอ้อมค้อม ใช้คำพูดรื่นหู อำพรางเจตนาที่แท้จริง

"แล้วเราจะทำยังไงกันต่อล่ะ"

"ก็ทำเหมือนที่ทุกคนในทีมทำไงฮะ เล่นเพื่อ Messi" ผมตอบ

นี่มันชักงี่เง่าขึ้นเรื่อยแล้วนะ ผมคิดว่าเขาตั้งใจจะทำให้ผมหมดความอดทนแล้วตะโกนออกมาว่า

'มันเป็นเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้ ผมจะไปจากสโมสรนี้!'

เพื่อที่เขาจะได้เอาไปอ้างกับใครๆได้ว่า ผมเป็นคนพูดออกมาเอง
ผมคือคนที่ตัดสินใจจะไปจากสโมสร ไม่ใช่การตัดสินใจของเขา
ยังไงผมมันก็เป็นพวกเลือดร้อนอยู่แล้วนี่ ผมชอบก่อเรื่องเผชิญหน้ากับใครอยู่บ่อยๆ
แต่ผมก็ไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าตอนไหนควรจะสงบปากสงบคำหรอกนะ
ผมจะได้อะไรจากการประกาศว่าตัวเองต้องการย้ายออกจากที่นี่ล่ะ?
ผมขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่มาคุยกับผม แล้วเดินจากมา




ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมหงุดหงิดมากแค่ไหน ผมเดือดสุดๆเลยล่ะ แต่อย่างน้อยการคุยกันครั้งนี้ก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
ผมพอจะเข้าใจอะไรๆในเรื่องนี้มากขึ้น

แม้ว่าจู่ๆ จะมีปาฏิหาริย์ทำให้ผมบินได้ เขาก็ยังไม่ต้องการให้ผมลงเล่นอยู่ดี
คำถามจริงๆของเรื่องนี้ก็คือ 'ผมจะทนได้รึเปล่า กับการที่มาสนามซ้อม และต้องเจอหน้าเขาทุกวัน'

ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน บางทีผมคงต้องหันหัวเรือไปทางอื่นแล้วล่ะ
ตอนนั้นผมครุ่นคิดเรื่องนี้อยุ่ตลอดเวลา พวกเราที่เหลือในทีมเดินทางไปจีนและเกาหลีใต้ เพื่อซ้อมเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่

เขาให้ผมลงเป็นตัวจริงในบางนัด แต่นั่นไม่ได้มีความหมายอะไร เพื่อนร่วมทีมส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาจากแอฟริกาใต้
และผมก็ยังคงเป็นแกะดำของทีม

กวาดิโอล่ายังคงรักษาระยะห่างกับผมเหมือนที่ผ่านมา ถ้าเขาต้องการอะไร เขาจะส่งคนมาบอกกับผมอีกที
และสื่อก็มาวุ่นวายกับเรายิ่งกว่าที่เคย

เกิดอะไรขึ้นกับสลาตัน?

เขาจะย้ายทีมหรือเปล่า?

เขาจะยังอยู่กับทีมต่อไหม?

ทั้งผมและเขาต่างโดนสื่อเกาะแจ และเขาต้องตอบคำถามพวกนี้ตลอดเวลา คุณคิดว่าเขาจะตอบยังไงล่ะ
พูดออกมาตรงๆว่า 'ผมไม่ชอบหน้าสลาตัน ผมอยากให้เขาไปจากทีมนี้!' น่ะเหรอ
คุณไม่มีวันได้ยินแบบนั้นหรอก เขาก็แค่ทำท่าทางอึดอัดและตอบคำถามอย่างคลุมเครือเหมือนเดิม

"สลาตันจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เอง"

นี่มันไร้สาระที่สุด! และผมรู้สึกเหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ในตัว ผมรู้สึกราวกับอยู่ในกองไฟ
ผมพลุ่งพล่านสุดๆ จนอยากจะระเบิดออกมา!

ผมจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี? ทันใดนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างจุดประกายขึ้นมาในตัวผม
ผมพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เรื่องนี้ได้ดำเนินมาถึงบทใหม่ และมันไม่ใช่แค่สงครามระหว่างเขากับผมอีกต่อไป!

การต่อสู้ในตลาดซื้อขายนักเตะกำลังเริ่มขึ้น และมันคือเกมที่ผมโปรดปรานที่สุด
ผมมีมือดีที่สุดในเกมนี้อยู่ข้างตัวนี่เอง มิโนยังไงล่ะ ผมคุยเรื่องนี้กับมิโน่ตลอดเวลา
และเราตัดสินใจว่าจะเล่นเกมโหดเลือดสาดกัน

กวาดิโอลาสมควรได้รับสิ่งนี้!!!




ที่เกาหลีใต้ ผมไปพบกับ Josep Maria Bartomeu รองประธานสโมสรคนใหม่ เพื่อคุยกับเขาเรื่องของผมกับกวาดิโอลา
เราคุยกันในโรงแรมที่พัก และเขาค่อนข้างชัดเจนกับเรื่องนี้ เมื่อเขาบอกกับผมตรงๆว่า

"สลาตัน ถ้าเธอได้รับข้อเสนอจากสโมสรอื่น ฉันอยากให้เธอรับมาพิจารณาดูนะ"

"ผมไม่ไปไหนหรอกฮะ ผมเป็นนักเตะของบาร์ซ่า ผมจะอยู่กับบาร์เซโลนา"

Josep Maria Bartomeu ดูประหลาดใจ

"แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงล่ะ"

"ผมมีความคิดนึงฮะ"

"งั้นเหรอ ว่ามาสิ"

"คุณจะลองโทรไป Real Madrid ก็ได้นะ"

"ทำไมฉันต้องโทรไปหาพวกเขาด้วยล่ะ"

"เพราะว่าถ้าผมต้องไปจากบาร์ซ่าจริงๆ Real คือทีมเดียวที่ผมต้องการ คุณสามารถขายผมให้พวกเขาได้ทันทีนะฮะ"

Bartomeu ชะงักไปและทำท่าเหมือนสะพรึงกลัวอะไรบางอย่าง

"นี่เธอพูดเล่นใช่ไหม"

ผมทำสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ก่อนตอบไปว่า

"ไม่เลยสักนิดเดียวครับ คุณก็รู้ว่าเรามีปัญหา"

"เรามีโคชที่ไม่เป็นลูกผู้ชายพอ เขาไม่กล้าพอแม้แต่จะบอกกับผมตรงๆว่าเขาไม่ต้องการผมที่นี่
ผมอยากอยู่ที่สโมสรนี้นะ แต่ถ้าเขาต้องการขายผม เขาก็ควรมาพูดกับผมเองแบบชัดเจนและตรงไปตรงมา
และผมขอยืนยันอีกครั้งว่าสโมสรเดียวที่ผมต้องการไปคือ Real Madrid ทีนี้คุณเข้าใจชัดเจนแล้วนะฮะ"




ผมเดินออกมาจากห้องนั้น ผมรู้ตัวดีว่าไม่มีเวลาก่อเรื่องอีกแล้ว
เกมของผมกำลังเริ่มต้น ที่ผมบอกเขาเรื่อง Real Madrid นั่นมันเป็นแค่การเขี่ยลูกเปิดเกม
ผมอยากลองเชิงแหย่ให้เขาตกใจเล่นๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนตบตาของเรา
ในความเป็นจริงแล้ว ทีมที่ติดต่อมา มีแค่ Manchester City และ AC Milan เท่านั้น

แน่นอน ผมรู้ว่ามีโครงการอันน่าทึ่งเกิดขึ้นที่ City ตั้งแต่กลุ่มทุนจากUAE เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร
City กำลังเติบโตเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนั้นผมอายุ29ปีแล้ว ผมไม่มีเวลาพอสำหรับโครงการระยะยาว และเรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจ
ผมต้องการไปอยู่กับทีมที่มีความพร้อม ผมคิดว่าไม่มีสโมสรไหน มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เช่นมิลาน

"เรากลับมิลานกันเถอะ" ผมบอกกับมิโน




ตอนนี้ เมื่อลองนึกย้อนไป เรื่องที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างเหลือเชื่อนะฮะ ตั้งแต่วันนั้นที่กวาดิโอลาเรียกผมเข้าไปบอกว่า ผมจะต้องนั่งสำรองจนจบฤดูกาล สงครามเย็นของเราก็เปิดฉากขึ้นทันที
เรารู้ดีว่าได้สร้างความกดดันให้กวาดิโอลาและทีมผู้บริหารมากพอดู ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามแผนการที่ผมกับมิโนตั้งใจไว้
จุดมุ่งหมายของเราในเกมนี้ก็คือ เราจะต้อนจนพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปล่อยผมไปในราคาถูกๆ ซึ่งจะทำให้เรามีทางเลือกที่ดีและหลากหลายยิ่งขึ้น

เราขอเข้าพบกับ Sandro Rosell ประธานสโมสรคนใหม่เพื่อคุยเรื่องนี้ และเรารู้สึกได้ในทัมทีที่เจอหน้ากันว่า Sandro กำลังเข้าตาจน
เขาไม่เข้าใจว่า เกิดปัญหาอะไรขึ้น ระหว่างผมกับกวาดิโอลา แต่เขาตระหนักดีว่ารอยร้าวครั้งนี้ มาไกลเกินจุดที่จะเยียวยาได้แล้ว
เขาต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างระหว่างการปล่อยผมไปแบบไม่มีเงื่อนไขราคา หรือการไล่ผู้จัดการทีมคนสำคัญออก

ใครๆก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอย่างหลังหรอก หลังจากความสำเร็จมากมายที่กวาดิโอลาทำให้สโมสร
ตอนนี้ Rosell หลังชนฝาแล้ว ไม่ว่าเขาจะรักหรือเกลียดผมก็ตาม เขาจำเป็นต้องปล่อยผมไปจากทีมนี้

"ฉันเสียใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นนะ"

"แต่เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว คุณมีสโมสรไหนอยู่ในใจเป็นพิเศษหรือเปล่า"

ผมกับมิโนจึงเริ่มต้นเล่นละครฉากเดียวกับที่เราเคยแสดงต่อหน้า Bartomeu อีกครั้ง

"จริงๆแล้วก็มีนะครับ" "ผมกำลังคิดๆอยู่เหมือนกัน"

"ดีๆ เยี่ยมเลย" Rosell ดูจะมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมานิดนึง

"คุณอยากไปอยู่กับทีมอะไรล่ะ"

"Real Madrid ครับ"

ทันทีที่ผมเอ่ยชื่อทีมออกไป สีหน้าเขาก็เผือดลง การปล่อยดาราของทีมไปให้คู่แข่งอย่าง Real ไม่ต่างกับการก่อกบฎ
มันคือทรยศต่อทีมขั้นร้ายแรงที่สุด

"เป็นไปไม่ได้!" "คุณมีตัวเลือกอื่นไหม"

อำนาจของเขาในการต่อรองของเขาเริ่มสั่นคลอน ผมกับมิโนรู้ว่าเรากำลังถือไพ่เหนื่อว่า จึงเดินเกมต่อ
ผมตอบเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"คืออย่างนี้นะครับ สิ่งที่คุณถาม ผมได้ให้คำตอบไปแล้ว และผมยินดีที่จะยืนยันอีกครั้งว่า Real Madrid คือทีมเดียวที่ผมต้องการ
ผมอยากไปร่วมงานกับมูรินโย ผมชื่นชมเขาครับ
และสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่โทรไปหาพวกเขา แล้วก็เล่าให้เขาฟังอย่างที่ผมบอก แค่นั้นเอง โอเคไหมครับ"

ไม่มีทาง เรื่องนี้ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าโอเคเลยซักนิด และเราทุกคนรู้ดี

ถึงตอนนี้ Rosell ก็เริ่มตื่นตระหนก สโมสรซื้อผมมาด้วยราคาสูงลิบ ตอนนี้เขาอยู่ใต้ความกดดันที่จะต้องได้เงินคืนมาให้มากที่สุด
แต่ถ้าเขาขายผมให้กับ Real ทีมใหม่ของมูรินโย่ เขาต้องโดนแฟนของทีมรุมประชาทัณฑ์อย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือปัญหาหนักของเขา

สรุปสั้นๆคือ เขาไม่สามารถขายผมให้ศัตรูตัวเอ้ได้ ตอนนี้เขาไม่เหลือไพ่ในมือแล้ว เราจึงเดินหน้ากดดันเขาต่อ




"คุณคิดดูสิครับ มันจะเป็นการซื้อขายที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก
มูรินโยก็เคยพูดเองนะครับ ว่าเขาอยากให้ผมไปอยู่ด้วยมากแค่ไหน"

ความจริงก็คือ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามูรินโยเคยคิดพูดอะไรแบบนั้นบ้างรึเปล่า แต่ผมกับมิโนก็กุมันขึ้นมาเพื่อเดินหน้าในเกมของเรา

"เป็นไปไม่ได้หรอก"

"น่าเสียดายนะครับ ผมขอย้ำตรงนี้อีกครั้ง Real Madrid คือสโมสรเดียวที่อยู่ในความสนใจของเราตอนนี้ครับ"

เราเดินอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องออกจากห้องนั้น
ทุกครั้งที่ถูกถาม เราจะยืนกรานว่าต้องการไปอยู่กับReal Madrid เท่านั้น นั่นคือฉากบังหน้าของเรา
ในขณะเดียวกัน เราก็เดินหน้าต่อรองกับมิลานไปด้วย

การที่Rosell จนมุมแบบนี้ ไม่เป็นผลดีกับบาร์ซาเลย และยิ่งทำให้มิลานได้เปรียบ ซึ่งจะส่งผลดีกับเราในที่สุด
มันเป็นเกมที่สลับซับซ้อน และผ่านการวางแผนอย่างแยบยล ต่อหน้าสื่อ เราจะเดินเกมเล่นละครตบตา
ในขณะที่เบื้องหลัง เราก็เจรจากับมิลานไปด้วย

แต่เวลาก็ไม่เคยหยุดรอใคร ตลาดซื้อขายใกล้จะปิดลงในวันที่31สิงหา และในวันที่26สิงหา เราก็มีเกมกระชับมิตรที่Camp Nou
คู่ต่อสู้ในสนามวันนั้น ก็คือ AC Milan จะเป็นใครซะอีกล่ะ
แม้ว่าจะยังไม่มีการตกลงอะไรกันอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการคาดเดาเรื่องอนาคตของผมไปต่างๆนานา
รวมถึงการประโคมข่าวของสื่อ เมื่อGalliani รองประธานสโมสรมิลานประกาศว่า
เขาจะไม่กลับออกไปจากบาร์เซโลนาถ้าไม่ได้ตัวผมไปด้วย




ที่สนาม แฟนๆชูป้ายที่เขียนว่า "อิบรา อยู่ที่นี่ต่อไปนะ"

ในตอนนั้นแม้ความสนใจส่วนใหญ่พุ่งมาที่ผม แต่การแข่งขันนัดนั้นก็เป็นการแข่งเพื่อเป็นเกียรติแก่Ronaldinho
เขาเคยอยู่ที่บาร์เซโลน่ามาก่อนที่จะย้ายไปมิลาน และช่วงที่เขาอยู่ที่นี่นั้น เขาเปรียบเหมือนพระเจ้าของทีมเลยทีเดียว
Ronaldinho ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกสองสมัยต่อเนื่องกันในช่วงที่เขาลงเล่นที่นี่

ก่อนเกมเริ่มเราจะฉายคลิปรวมสุดยอดความทรงจำเกี่ยวกับตัวเขาในสนาม หลังจากนั้นRonaldinho จะวิ่งออกไปเพื่อรับการต้อนรับและให้เกียรติจากแฟนๆรอบๆสนาม
แต่คุณรู้อะไรไหม Ronaldinho ตัวจริง เขาเป็นคนประเภทสนุกสนานเฮฮาและนึกอยากจะทำอะไรก็ทำ

ผมและเพื่อนๆในทีมนั่งรอเวลาอยู่ในห้องแต่งตัว แล้วผมก็เริ่มสังเกตว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องจากกลุ่มคนข้างนอก
และผมก็เห็นว่าตอนนั้นกวาดิโอลาไม่ได้จับตามองผมอยู่
ตอนนั้น ผมกำลังคิดในใจว่า นี่จะเป็นการลงเล่นนัดสืดท้ายของผมกับทีมหรือเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ผมเดาไม่ออกเลย...

ทันใดนั้น ทุกคนในห้องก็ลุกขึ้นยืน เมื่อ Ronaldinho จ้องเข้ามาผ่านประตูที่เปิดอยู่
ผมจะบอกอะไรให้นะสำหรับคนที่ไม่เคยพบกับ Ronaldinho เขาเป็นคนที่มีสเน่ห์ มีแรงดึงดูด
เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่เยี่ยมยอด และทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งความสนใจไปที่เขา

"อิบรา" เขาตะโกนทักพร้อมกับยิ้มกว้าง

"ว่าไงฮะ" ผมตอบ

"นายเก็บกระเป๋าเสร็จรึยัง ฉันมาที่นี่เพื่อพานายกลับไปมิลานด้วยกันนะ"

ทุกคนหัวเราะลั่นหลังจากเขาพูดจบ นี่ล่ะ Ronaldinho จอมป่วน
ไม่แปลกอะไรที่เขาจะแอบย่องมาป่วนและสร้างความครื้นเครงในห้องแต่งตัวของทีมคู่แข่ง
แต่หลังจากนั้น ทุกคนก็หันมามองผม ผมแน่ใจว่าตอนนั้นทุกคนคงเริ่มสงสัยอยู่ในใจ
แต่ไม่เคยมีใครโพล่งออกมาแบบโจ่งแจ้งเหมือนที่Ronaldinho ทำมาก่อน



หลังจากนั้น ก็มีเหตุการณ์ในสนามเกิดขึ้นซ้ำๆ ตอกย้ำข้อสงสัยของพวกเขา
นัดนั้นผมได้ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่มันเป็นแค่การแข่งขันกระชับมิตรที่ไม่มีความหมายอะไร

ก่อนเขี่ยลูกเริ่มเกม ผมกับRonaldinho ก็ปล่อยมุกใส่กัน อย่างเช่น นายทำลงไปได้ไงเนี่ย เหลือเชื่อเลย นายเสียสติไปแล้วรึเปล่า
ภาพของเราหยอกล้อและหัวเราะกันอยู่ในสนามถูกกระจายผ่านสื่อไปทั่ว แต่มันยังไม่จบแค่นั้น

ในอุโมงก่อนเริ่มเกมครึ่งหลัง นักเตะคนสำคัญของมิลาน Pirlo, Guttuso, Nesta และ Ambrosini พากันร้องเรียกผม
(นึกแล้วก็ใจหายนะคะ ตอนนี้เหลือแค่กัปตันพี่อ่ำคนเดียวเอง)

"นายต้องมาอยู่กับเรานะอิบรา พวกเราต้องการนาย"

ตอนนั้นสถานการณ์ของมิลานไม่ค่อยดีเท่าไร อินเตอร์ครองความยิ่งใหญ่ในลีกมาหลายปี
และมิลานกำลังแสวงหาหนทางกลับสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง
ผมพอจะเดาได้ว่าบรรดาบิ๊กเนมของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Guttuso กดดันฝ่ายบริหารยังไง

"เห็นแก่พระเจ้าด้วยเถิด คุณต้องซื้อตัวอิบรา เราต้องการนักเตะที่มีความกระหายในชัยชนะแบบนั้นมาอยู่กับทีม"




แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้บิหารของมิลานจะทำตามคำขอนั้น AC Milan ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเหมือนเมื่อก่อน
และไม่ว่า Rosell จะจนตรอกแค่ไหน เขายังคงพยายามจะทำเงินจากการขายผมให้มากที่สุดอยู่ดี

เขาต้องการเคาะขายที่ราคา 40-50ล้านยูโร แต่มิโนก็ไม่ปล่อยให้เขาได้ตามต้องการ

"คุณจะไม่ได้อะไรทั้งนั้นล่ะ อิบราต้องการReal Madrid เท่านั้น เราไม่ต้องการไปมิลาน"

"งั้นถ้าผมลดราคาลงมาเป็น 30ล้านล่ะ"

เมื่อเวลาผ่านไป Rosellจำเป็นต้องลดราคาที่ตั้งไว้ลงมาเรื่อยๆ ทุกอย่างเริ่มเข้าทางเรามากขึ้นทุกทีๆ

Galliani มาเยี่ยมผมกับเฮเลน่าที่บ้านบนเนินของเรา Galliani เป็นคนใหญ่คนโตในวงการนี้
เขาเป็นทั้งเพื่อนเก่าและหุ้นส่วนทางธุรกิจของBerlusconi และเขาตัวแสบในวงเจรจาต่อรอง อมยิ้ม15

ผมเคยเจรจาธุรกิจกับเขามาก่อนแล้ว เขาเคยบอกผมว่า

"ผมให้คุณได้เท่านี้ หรือคุณจะไม่ได้อะไรเลย"

ตอนนั้นผมอยู่กับ Juventus และทีมกำลังอยู่ในวิกฤต เขาจึงถือไพ่เหนือกว่า แต่วันนี้มันกลับกัน และถึงตาของผมบ้าง
เขาคือคนที่มาพร้อมความกดดัน เขาไม่สามารถกลับไปมิลานแบบมือเปล่าได้
ไม่ใช่หลังจากที่เขาได้สัญญาแบบนั้นกับนักเตะในทีมและแฟนๆ

อีกอย่างหนึ่ง ผมกับมิโนก็ได้ช่วยเขาไว้มากในการซื้อขายครั้งนี้ เราเล่นเกมกดดันจนแน่ใจว่า ราคานี้ต่ำที่สุดที่จะลดได้แล้ว
ในตอนนั้น ก็เหมือนกับได้ผมไปในราคาลดสะบั้นหั่นแหลก

"นี่คือเงื่อนไขของผมครับ" ผมยื่นข้อเสนอกับ Galliani "ผมต้องการทั้งหมดนี่หรือคุณจะไม่ได้อะไรเลย"

ผมเห็นเขาครุ่นคริดอยู่หลายรอบและปาดเหงื่อ แหงล่ะ มันออกจะเป็นเงื่อนไขที่"เยอะ"พอสมควร

"ตกลงตามนั้น" เขาตอบในที่สุด

"ตกลงครับ"

เราจับมือกัน ต่อจากนี้เรื่องการต่อรองก็เป็นหน้าที่ของเขากับสโมสรแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นอีกต่อไป




แต่สิ่งที่เกิดตามมาก็ดราม่าน่าดู และมีหลายๆปัจจัยเข้ามาเกี่ยว เวลาก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญ
แล้วยังมีเรื่องความตื่นตระหนกของผู้บริหารสโมสร และยังมีปัจจัยหลักเรื่องความขัดแย้งระหว่างผมกับผู้จัดการทีม

ทุกครั้งที่เข็มนาฬิกาหมุนไป ยิ่งเพิ่มความหวั่นวิตกให้ Sandro Rosell และราคาของผมในตลาดซื้อขายก็ลดลงเรื่อยๆ
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขายผมให้กับมิลาน ในราคา20ล้านยูโร

ย้ำอีกครั้งนะ 20ล้านยูโร!
ต้องขอบคุณใครคนนั้นด้วย ตอนนี้ราคาขายของผมลดลงไปตั้ง50ล้านยูโรแน่ะ
เพราะปัญหาของกวาดิโอลา ทำให้สโมสรต้องขายผมไปแบบขาดทุนย่อยยับ
เรื่องบ้าบอชัดๆ! และผมก็บอกSandro Rosell ไปแบบนั้น

ใช่ว่าผมจำเป็นจะต้องพูดหรอกนะ แต่ผมอยากแน่ใจว่า ทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอนในตอนกลางคืน
เขาจะคิดถึงเรื่องนี้ และก่นด่าอะไรก็ตามที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ในใจ (แสบมากๆพี่บอทเรา)

คุณคิดดูสิ ผมทำไป22ประตูและassist อีก15ลูกในฤดูกาลเดียวกับทีมนี้
แล้วการซื้อขายครั้งนี้เขาสูญเสียรายได้เกือบ70%จากราคาที่ควรจะเป็น
มันคือความผิดของใครกันล่ะ? Sandro Rosell รู้ดีอยู่แก่ใจ




วันทำสัญญาซื้อขาย Sandro, Mino, ผม, Galliani ทนายของผมและ Bartomeu มาพร้อมหน้ากันในห้องประชุมที่ Camp Nou
สัญญาวางอยู่ตรงหน้าทุกคน สิ่งที่ยังขาดก็คือลายเซ็นต์เท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้เวลากล่าวขอบคุณและบอกลา

"ฉันอยากให้เธอรู้ไว้นะสลาตัน" Rosell เอ่ยขึ้นก่อน

"ครับ"

"ฉันกำลังตกลงทำสัญญาซื้อขายที่ขาดทุนป่นปี้ที่สุดในชีวิต" "ฉันขายเธอไปในราคาที่ถูกยิ่งกว่าเศษดินอีกนะ อิบรา" เม่าคัทลอส

"ตอนนี้คุณก็รู้แล้วสินะฮะ ว่าการมีผู้นำทีมที่เลวร้าย สร้างความสูญเสียได้มากแค่ไหน"

"ฉันรู้ว่าเขาปฏิบัติต่อเธอไม่ดีนัก" เขาตอบและเซ็นต์ชื่อลงไป

คราวนี้ก็ถึงตาผมบ้าง ผมกำลังจรดปากกาลงไปในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมอง แล้วผมก็เกิดความรู้สึกอยากพูดอะไรบางอย่าง
แต่อีกใจก็คิดว่าอย่าดีกว่า ผมควรจะเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว แต่ผมก็ยังต้องการระบายอะไรออกจากอก

"ผมอยากฝากบอกอะไรกับกวาดิโอลา" ผมเริ่ม และมันทำให้ทุกคนตื่นตระหนก

จะเกิดอะไรขึ้นอีก นี่ยังทะเลาะกันไม่พออีกหรือ
ทำไมเขาไม่เซ็นต์ชื่อแล้วจบๆเรื่องนี้ไปซะ

"มันจำเป็นด้วยหรือ"

"ใช่ครับ ผมอยากให้คุณไปบอกเขาว่า..."

ผมบอกออกไปทุกคำที่ผมต้องการส่งผ่านไปยังกวาดิโอลา
ทุกคนกลืนนำ้ลายพร้อมกันเมื่อผมพูดจบ และผมบอกได้เลยว่าพวกเขากำลังคิด
'นายเพิ่งจะมาบอกอะไรเอาตอนนี้?' แต่เชื่อผมเถอะ ผมจำเป็นต้องพูดมันออกมา




ทันใดนั้น ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นในหัว ผมได้แรงจูงใจกลับมาแล้ว
แค่คิดว่าจะได้ลงสนามอีกครั้งก็ทำให้ผมกระตือรือล้นอย่างบอกไม่ถูก นั่นเป็นความจริงนะ

เมื่อผมลงชื่อและพูดเรื่องนั้นออกไป ผมได้กลับเป็นคนเดิมอีกครั้ง มันเหมือนการตื่นจากฝันร้าย
และเป็นครั้งแรกในเวลาอันยาวนานที่ผมกระหายจะได้เล่นฟุตบอลอีกครั้ง
ความคิดที่จะแขวนสตั๊ตไม่อยู่ในหัวอีกต่อไป ผมกลับเป็นคนที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้ลงเล่น

หรือพูดอีกอย่างคือ ผมลงเล่นอย่างกับคนบ้าคลั่งแต่ก็มีความสุขที่สุด ความสุขที่ได้ออกจากบาร์ซา
และความคุ้มคลั่งเดือดดาลที่คนๆนึงทำลายความฝันของผมจนแหลกสลายไม่มีชิ้นดี


ผมรู้สึกได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ และผมเริ่มมองเรื่องราวรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น
ในตอนที่ผมอยู่ท่ามกลางมรสุมปัญหา ผมพยายามที่จะประคองตัวสู้กับมัน และผมทำได้ไม่เลวเลยล่ะ
ผมคนเดิมจะกลับมา ผมจะแสดงให้เขาเห็น ผมยืนหยัดต่อสู้กับสิ่งนั้นตลอดเวลา

แต่เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ผมถึงตระหนักได้ว่า เรื่องราวมันหนักหนาสาหัสแค่ไหน
กวาดิโอลา คือ คนที่ควรจะมีความหมายที่สุดกับผมที่นี่
โคช คือคนที่ควรจะเชื่อมั่นและยืนหยัดเคียงข้างผม
แต่เขากลับทำตัวเย็นชาใส่
นั่นเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด ยิ่งกว่าอะไรที่ผมเคยเจอมาในชีวิต ผมต้องเผชิญกับความกดดันอย่างหนักหน่วง
และในสถานการณ์แบบนั้นสิ่งที่คุณต้องการคือการสนับสนุนจากโคช

แล้วดูสิ สิ่งที่ผมได้รับคืออะไร
โคชหลบหน้าผม เขาทำเหมือนกับว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้
ผมควรจะได้ฉายแสงในทีมของเขา แต่สิ่งที่ผมเจอคือความรู้สึกไม่เป็นที่ต้อนรับ

นี่มันคือนรกขุมไหนกัน?
ผมเคยร่วมงานกับทั้งมูรินโยและคาเปลโล สองสุดยอดโคชที่ขึ้นชื่อในเรื่องวินัยและความเข้มงวด และผมไม่เคยมีปัญหากับพวกเขาสักนิด

แต่กับกวาดิโอลาคนนี้ ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงเขา และผมไม่มีวันลืมสิ่งที่ผมกับมิโนคุยกัน

"เขาทำให้ทุกอย่างพังพินาศ"

"สลาตัน"

"อือ"

"เวลาที่ฝันเป็นจริงมันมักจะทำให้เรามีความสุข"

"แล้วไง"

"แต่เมื่อฝันเป็นจริง มันก็อาจจะฆ่านายได้ด้วยเหมือนกัน"

ผมเห็นด้วยกับเขาสุดหัวใจ ความฝันของผมได้เป็นจริงและถูกทำลายลงที่บาร์ซา
ขณะที่ผมเดินฝ่าทะเลนักข่าวที่รออยู่ด้านนอก ผมก็คิดขึ้นมาได้
ผมชิงชังชายคนนี้ซะจนไม่อยากเอ่ยชื่อ แล้วผมจะเรียกเขาว่าอะไรล่ะ ผมนึกถึงถ้อยคำเพ้อเจ้อที่เคยพรั่งพรูออกจากปากเขา
และทันทีที่เดินออกจากCamp Nou ผมก็คิดได้ "คนเจ้าปรัชญา"
ดีล่ะ ต่อไปนี้ผมจะเรียกเขาว่า พ่อนักปรัชญา
ผมตอบนักข่าวที่ยืนรอสัมภาษณ์ไปว่า

"พวกคุณไปถามพ่อนักปรัชญานั่นเองแล้วกัน ว่าปัญหามันคืออะไร"

ประโยคนั้นกลั่นออกมาจากจากทุกเศษเสี้ยวของความแค้นและความทรนงที่ผมมีอยู่ในตัว








จบ โหดชิบหาย


เข้าร่วม: 09 Sep 2013
ตอบ: 7958
ที่อยู่: สแตมฟอร์ด บริดจ์
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 5:52 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
โยงเรื่องเก่งจัง
0
0
เข้าร่วม: 22 Jun 2015
ตอบ: 4657
ที่อยู่: CCE
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:04 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
โคตรมันส์
0
0

เข้าร่วม: 09 Aug 2009
ตอบ: 22184
ที่อยู่: Anfield,Liverpool
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:07 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ยาวไม่อ่าน อิอิ
0
0
เข้าร่วม: 15 Oct 2013
ตอบ: 42637
ที่อยู่: Barca | Bayern | City
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:14 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
นายตัวร้าย
0
0
เข้าร่วม: 21 Oct 2010
ตอบ: 5871
ที่อยู่: Abbey rd , United Kingdom
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:17 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ทำไมยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกว่า อิบรา คือคนที่โคตรน่ากลัวเลย ทำได้ทุกอย่าง ถ้าตัวเองรู้สึกว่า ไม่ไ้ด้ดั่งที่ต้องการ

นี่สรุปจะเล่าให้เป๊ปเป็นผู้ร้าย หรือตัวเองเป็นผู้ร้ายวะ
1
0
เข้าร่วม: 02 May 2009
ตอบ: 876
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:20 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
เอ็งออกจากทีมไป ทีมคว้า ucl ได้เลย
1
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 892
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:32 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
สนุกโคตรๆ ทำให้ชอบอิบารามากกว่าเดิมอีก
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 7894
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:33 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
เรื่องของอิบรากับบาร์ซ่าที่คนเข้าใจผิด และบางเรื่องที่คนไม่รู้


1 เป๊บไม่ได้เป็นคนขอให้บอร์ดซื้ออิบรา คนที่เป็นคนอยากได้อิบราจริงๆคือลาปอต้า

2 อิบรากับเมสไม่เคยมีปัญหาอะไรกันทั้งนั้น อิบราเคยบอกด้วยซ้ำว่าเมสคือนักเตะที่ดีที่สุดในยุคนี้แบบไร้ข้อกังขา และเรื่องที่เมสบอกว่าอยากเล่นตรงกลางไม่ใช่เรื่องจริง

2 การเล่นหน้าตัวกลาง เป็นไอเดียของเป๊บ ที่จะปรับตำแหน่งเมสจากกองหน้าตัวริมเส้นสู่ false9 ซึ่งเป๊บก็พิสูจน์ให้คนทั้งโลกเห็นแล้วแล้วว่าคิดถูก

3 อิบรานี่แหละตัวทำสปิริททีมเสีย โวยวายในห้องแต่งตัว บ่นกับชาบีว่าทำไมไม่ส่งบอลให้เค้า เค้าตัวใหญ่ขนาดนี้มองไม่เห็นได้ยังไง....

4 อิบราเคยขู่ทีมแพทย์ของบาร์ซ่า ตอนนั้นอิบราเจ็บแล้วพึ่งหายกลับมา ยังไม่พร้อมลงสนาม แต่อิบราอยากลงเพราะเป็นเกมใหญ่ อิบราข่มขู่ทีมแพทย์ของบาร์ซ่าจริง มีการยืนยันจากสตาฟฟ์หลายต่อหลายคน

5 อิบราฟอร์มห่วย สำหรับคนที่ไม่เคยดู อิบราเล่นให้กับบาร์ซ่าไม่เคยฟอร์มดีเลย ถึงสถิติอาจจะดีแต่ถ้าคุณได้ดูจริงๆจะไม่กล้าพูดแน่นอนว่าฟอร์มดี

6 เรื่องอิบราย้ายออกจากทีมไอ้เรื่องที่ว่ากันว่าจะย้ายไปมาดริด บางสื่อก็บอกว่าไอ้อ้วนไรโอล่าเป็นคนออกไอเดีย แต่หลายๆคนก็บอกว่าเป็นไอเดียของอิบรานั่นแหละ และๆๆเรื่องนี้ มุขนี้ ทริคนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับอิบราตอนจะย้ายออกจากยูเว่ ไม่เชื่อไปถามแฟนยูเว่สิ ว่าตอนย้ายออกอิบราทำอะไร...

7 บอกว่าเป๊บไม่ให้โอกาส ไร้สาระสิ้นดี ไปหาดูบันทึกการแข่งขันในปีนั้นได้เลย ตอนช่วงเปิดซีซั่นแรกๆ อิบราได้เล่นหน้าตัวกลางก่อนเมสอีก แล้วแกก็ไม่เคยทำได้ดีติดๆขัดๆตลอด จนเป๊บเห็นว่าอิบราเล่นไม่ได้จริงๆถึงให้เมสไปเล่นแทน แล้วเมสก็ทำได้ ถามว่าทำได้ในระดับไหน ก็ระดับ false9 ที่ดีที่สุดตั้งแต่โลกเคยมีมาละนะ

8 คำตอบมันบอกแล้วว่าการขายอิบราออกไปเป็นผลดีต่อบาร์ซ่ายังไง หลังจากอิบราออกไป เป๊บก็สร้างแนวรุก mvp ที่เข้าขากันที่สุดกลมกล่อมที่สุดขึ้นมา พาทีมในปีนั้นขึ้นไปสู่ระดับสูงสุด ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่โลกเคยมีมา

9 ถึงจะมีปัญหากับเป๊บแบบส่วนตัว แต่ในด้านมืออาชีพแล้วอิบราเองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป๊บเป็นโค้ชชั้นยอดอย่างแน่นอน...




เข้าร่วม: 18 Feb 2011
ตอบ: 555
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:38 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
สาระ มีจิงๆๆ แต่ก๋แซบใช้ได้ ราคาอย่างถูก มิลานได้ไป
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 19370
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:39 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ผมชอบตอนเข้าไปอินเตอร์มากกว่า สภาพทีมคงไม่ต่างกับแมนยูชุดนี้มาก เรื่องสภาพจิตใจ แบ่งฝ่าย(คงไม่เท่าที่อินเตอร์)
0
0
เข้าร่วม: 08 Dec 2006
ตอบ: 3005
ที่อยู่: ทุ่งหญ้ากับหมาฝูงใหญ่
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:40 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
คนนึงได้ทำทีมตามอุดมคติ อีกคนนึงได้แรงบันดาลใจกลับมา

มันก็โอเคดี
0
0
-ใส่กัน ยาวๆไป-
UNITED till I die 'Oh'
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 8167
ที่อยู่: JJPEREZ คนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความห่วงใย
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:41 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ยาวไปไม่อ่าน โคว้ต้า 7 บันทัดต่อปี ผ่าง!!!
0
0
เข้าร่วม: 25 Sep 2013
ตอบ: 11066
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:49 pm
[RE]Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า
P2INCE พิมพ์ว่า:
ผมชอบตอนเข้าไปอินเตอร์มากกว่า สภาพทีมคงไม่ต่างกับแมนยูชุดนี้มาก เรื่องสภาพจิตใจ แบ่งฝ่าย(คงไม่เท่าที่อินเตอร์)  

สนุกทุกตอนครับ ตอนนั้นผมนั่งอ่านรวดเดียวจบเลยนะกระทู้นั้น

อัดกับฟาร์ตก็มันส์ LVG อีก
0
0


เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 10452
ที่อยู่: คนบ้านเดียว
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 6:56 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
เกินโควต้า 8 บรรทัด ครับ
เข้าร่วม: 12 Jun 2010
ตอบ: 17306
ที่อยู่: จื่อวี่ มินะ ซานะ จองยอน แชยอง
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 7:10 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
อิบราชอบคนพูดตรงครับ แมนๆ

ซึ่งไม่ใช่แนวเป็บ 555+
>>> ซานะ TWICE no.1


เข้าร่วม: 29 Jan 2011
ตอบ: 16729
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 7:16 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
คนแปลติ่งสลาตันแน่นอน ใน I Am Zlatan ไม่มุ้งมิ้งแบบนี้
0
0
เข้าร่วม: 13 Sep 2009
ตอบ: 8630
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 7:19 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
เป็นโค้ช สุดท้ายแล้วก็ต้องเลืิอกนักเตะลงให้ แค่ 11 คนนั่นแหละ คงไม่สามารถทำให้ใครพอใจได้ทั้งหมด

อ่านแล้วรู้สึกอิบราโหดกว่า เพราะพอไม่พอใจก็ก่อหวอดเลย

แต่ก็นะ ระดับสตาร์ฝีเท้า ขนาดนี้คงไม่มีใครอยากนั่งสำรอง

0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7647
ที่อยู่: STAMFORD BRIDGE
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 7:25 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
เสียดายไม่ทันเรื่องพวกนี้ แต่ก่อนตามแต่พรีเมียร์
0
0
เข้าร่วม: 03 May 2009
ตอบ: 12541
ที่อยู่: 3rd Knight of Round table
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 7:36 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ยังมีคนไม่อ่านเกิน 8 บรรทัด จริงๆ มิน่าละสังคมถึงเป็นแบบนี้
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5097
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 8:01 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
เข้าในความรู้สึกอิบบราเลย ถ้ามองในมุมเป็นเราเจอสถานะการแบบนั้นคงอึดอัดน่าดู
มันเหมือนเป็นปมในเวลาต่อมา
0
0


เข้าร่วม: 31 Aug 2006
ตอบ: 6244
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 8:03 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ปัญหา คือ สลาตัน อยากเป๊บ บอกมาตรงๆ

ว่าไม่ได้อยู่ในแผนทำทีมนะ ถ้าอยู่จะเป็นตัวสำรอง

ถ้านายอยากย้าย ก็ทำได้เลย ผมอนุญาต แค่นี้แหล่ะ

ผมว่า จบ happy
0
0
เข้าร่วม: 30 Jun 2010
ตอบ: 449
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 8:46 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
โรนัลดิญโญ่น่ารักมาก

ชอบตอนที่คุยกับเหม่ง เอาคืนซะเหม่งเอ๋อเลย 555

"นี่คือเงื่อนไขของผมครับ" "ผมต้องการทั้งหมดนี่หรือคุณจะไม่ได้อะไรเลย"
0
0
เข้าร่วม: 15 Mar 2010
ตอบ: 708
ที่อยู่: stamford bridge & camp nou
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 9:49 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
อ่านแล้วหงุดหงิดทำไมนายไม่ถามเป๊ปไปตรงๆว่า"คุณอยากให้ผมย้ายไหม"ก็จบ

แต่อันที่จริงแล้วเป๊ปรักษาน้ำใจสุดๆล่ะที่บอกนายอ้อมๆว่าอาจจะต้องเป็นตัวสำรอง

ส่วนเรื่องอิบรา เมสซี่ 2 คนนี้ไม่เคยมีปัญหากันไม่รู้คนแปลใส่ไข่เกินจริงไหม

แต่ที่รู้ๆอิบราโหวตบัลลงดอร์ให้เมสซี่ทุกปี เวลานักข่าวถามว่าโด้ VS เมสซี่ใครเก่งกว่ากัน อิบราก็อวยเมสซี่ตลอด
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2008
ตอบ: 12004
ที่อยู่: มหานคร
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 9:53 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ประโยคสุดท้าย ไหงพูดถึงฟานคาลซะงั้น

0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 5692
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 15, 2016 10:54 pm
[RE: Zlatan VS Pep (ต่อ..) การแก้แค้นของ อิบรา และ ไรโอล่า]
ถึงอิบราจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว
แต่โคตรเห็นด้วยเลยตรงที่ว่า นักเตะของการความมั่นใจจากโค้ช แต่โค้ชตีตัวออกห่าง ข้อนี้ เป๊ปทำอย่างที่เขาว่าจริงๆแหละ
0
0