ในหน้งสือการ์ตูน บางเรื่องตรงตามนิยาย บางเรื่องตัดทอน บางเรื่องแต่งเสริมเข้าไป อย่างเซียวฮื้อยี้ จบตอนที่ท่านว่าแหละครับ จริงๆมีต่ออีกนิดหน่อย แต่ผมไม่อยาก Spoil เอาเป็นว่าบุญคุณความแค้นล้วนคลี่คลาย จบแบบสุขนิยม แต่คนเขียนการ์ตูนแต่งเรื่องต่อเองจนเลอะเทอะ กลายเป็นไม่สนุก
เซียวฮื้อยี้เป็นเรื่องสร้างชื่อให้โกวเล้งเลยครับ ก่อนจะโด่งดังเป็นพลุแตกกับเซียวลี้ป่วยตอหรือฤทธิ์มีดสั้น เป็นเรื่องแรกของยุคทองของโกวเล้ง (ใครสักคนแบ่งเรื่องของโกวเล้งเป็น 3 ยุค ยุคแรกเขียนตามชาวบ้าน ไม่มีเอกลักษณ์ ไม่โดดเด่น ยุคที่สองเป็นยุคสร้างชื่อ มีเอกลักษณ์มากขึ้น แต่ยังไม่หลุดพ้นโดดเด่นจากนักเขียนอื่นมากนั้น ยุคนี้เริ่มที่ พิฆาตทรชน ส่วนผลงานยุคนี้เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ ศึกสายเลือด นักสู้ผู้พิชิต ศึกศรสวาท ธวัชล้ำฟ้า ราชายุทธจักร แล้วเริ่มต้นยุคทองด้วยเซียวฮื้อยี้ ชุดฤทธิ์มีดสั้น เล็กเซียวหงส์ ชอลิ้วเฮียง ฯลฯ)
อันนี้ขอคัดมาหน่อยนะครับ การอ่านนิยายมีอะไรหลายๆอย่างที่การ์ตูนให้ไม่ได้
จาก "
http://www2.manager.co.th/Weekend/ViewNews.aspx?NewsID=9530000167656"
......
แก่นแกนของเรื่อง “เซียวฮื้อยี้” นั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องราวที่เกิดจากปมปัญหาของการสั่งสม “ความแค้น” และไม่สามารถ “ตัดแค้น”
ตอนหนึ่งที่ “เซียวฮื้อยี้” พบกับ “เจ้าเสนอผลไม้” หรือ “วานร” หนึ่งในโฉดชั่วสิบสองนักษัตร กับ “ซิมคิงฮ้ง” อีกหนึ่งคนชั่วในยุทธภพ ทั้งสองถูกกักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งร่วมกัน ต่างดำรงความแค้นต่อกัน “เซียวฮื้อยี้” ถึงกับกล่าวว่า “คำว่าแค้น มีพลานุภาพยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าเพียงทราบว่า แค้นสามารถทำให้ผู้คนตกตาย คิดไม่ถึงว่าความแค้นก็สามารถทำให้ผู้คนมีชีวิตอยู่สืบไป นี่กลับเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ผมมีความคิดว่า ชั่วชีวิตคนหนึ่ง สิ่งที่ควรตระหนักคำนึงก็คือ การสะสมแค้นนั้น มิใช่เปรียบได้กับสะสมเงินตรา แค้นนั้นไม่มีธนาคารให้เอาไปฝาก แค้นนั้นต่างต้องเก็บไว้กับตัวเอง มักหมมสะสมในใจ ความแค้นที่ทับซ้อนย่อมสร้างทุกข์ที่แสนสาหัส และดอกผลที่งอกเงยจากความแค้น ก็ผลิบานในใจบุคคลผู้สะสมแค้น ทบทุกข์ถมพันทวี
บทสนทนาระหว่าง “ตั้งซิงแซ” ที่คือ “ประมุขวังจันทร์เพ็ญ” ปลอมตัวมา กับ “เซียวฮื้อยี้” ก็บอกเล่าให้ถึงสัจธรรมบางอย่าง
ตั้งซิงแซตวาดถามว่า “เจ้าไม่แค้นมันหรือ”
เซียวฮื้อยี้ย้อนถามว่า “ข้าพเจ้าไยต้องแค้นมัน”
ตั้งซิงแซกล่าวว่า “ทั้งนี้เพราะญาติอาวุโสมันฆ่าบิดามารดาเจ้า”
เซียวฮื้อยี้กล่าวว่า “ขณะที่บิดามารดาข้าพเจ้าเสียชีวิต เกรงว่ามันยังไม่ถือกำเนิดเกิดมา การกระทำของซือแป๋มัน มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับมัน ซือแป๋มันรับประทานข้าว หรือสามารถใช้ให้มันถ่ายอุจาระแทน”
คำพูดเช่นนี้ของ “เซียวฮื้อยี้” อาจถูกมองว่าไร้ความกตัญญู ไม่ยอมล้างแค้นแทนบิดามารดา หรือผู้มีพระคุณ อันเป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติกันตามแนวทางยุทธจักรบู๊ลิ้ม ในยุทธภพถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า “ล้างแค้นสิบปีไม่สาย” สิ่งที่ว่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรตามมาตรฐานครรลองยุทธภพจริงหรือ “เซียวฮื้อยี้” คงจะตั้งข้อสงสัยในเรื่องนั้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า “เซียวฮื้อยี้” มีความเป็นพระเอกมากที่สุดก็คือยอมที่จะ “ตัดแค้น” ในท้ายสุด “เซียวฮื้อยี้” ก็ยอมปลดปล่อย “กังเปียกเฮาะ” ที่ถูกทำลายสิ้นซึ่งวิทยายุทธไป ทิ้งโอกาสการ “ล้างแค้น” ให้กับบิดามารดาบังเกิดเกล้า
“ล้างแค้น” แท้จริงแล้วมิใช่เป็นการ “พบสุข”
“ตัดแค้น” ต่างหากเล่า จึงเป็นการ “ปลดทุกข์” ที่แท้จริง
.....
เจาะเวลาหาจิ๋นซีมี 2 เวอร์ชั่นนะครับ แบบ 8 เล่มกับแบบ 7 เล่ม
แนะนำแบบ 8 เล่ม เพราะจะโจ๋งครึ่ม มีฉากโรมรันพันตูกันแบบถึงพริกถึงขิง ไม่เซ็นเซอร์
ส่วนนางพญาผมขาวของเนี่ยอู่เซ็งนี่ผมว่าน่าจะเป็น Rare item แล้วนะครับ