เปากากทำเชลชีเจ๊า,ระบบเป๊ป outclass,หงส์รุกโหดฉลองอัฒจันทร์ใหม่
ขอประเดิมคู่เชลซีก่อนครับบอกเลยว่าอังเดร มาร์ริเนอร์ทำให้เกมพรีเมียร์ลีกซูเปอร์ซันเดย์เหมือนลีกแถวๆเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่เหนือมาเลเซี้ยและสิงค์โปร์ขึ้นมาทันทีครับ
ทุเรศสุดๆก็จังหวะที่แกรี่ เคฮิลล์โดนเลรอย เฟอร์ตะขาแทบขาดจากด้านหลังแต่ไม่เป่าจนกลายเป็นประตูขึ้นนำและเป็นการพลิกนำแบบได้ 2 ลูกใน 3 นาที
เป็นใครก็ฉุนครับมันดูยากตรงไหนที่อีกคนบังบอล(แม้จะเหมือนช้าเงอะงะ) แต่การหวดขาจากด้านหลังผมว่าถ้าไม่เห็นก็คือตาบอดอย่างเดียวแล้วล่ะครับ
แล้วลูกยิงตีลากังฟาดของดิเอโก้ คอสต้าเราก็เห็นมาเยอะว่ามีไม่น้อยเหมือนกันที่เป่าเป็นการเล่นที่อันตรายยกขาสูงเพราะอีกฝ่ายกำลังจะใช้หัว
ไอ้ลูกจักรยานอากาศหรือกระโดดยิงฟาดถ้าจะให้ชัวร์ต้องให้ดูเหมือนเข้าถึงบอลและกระโดดยิงก่อนคู่ต่อสู้จะเข้ามาซักวินาทีหรืออยู่ห่างตัวซักเล็กน้อยแบบนี้เป็นการเล่นที่ส่วนใหญ่กรรมการจะให้ประโยชน์แต่ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ได้ห่างแล้วกำลังจะเล่นพร้อมๆกันผมเห็นเป่าตลอด คล้ายๆลูกที่คริสเตียน เบนเทเก้กระโดดฟาดใส่แมนฯยูฯเมื่อต้นซีซั่นก่อน อันนั้นถ้าเอร์เรร่าไม่หดหัวแต่กระโจนจะโหม่งอาจโดนจับฟาว์ลได้ (แต่ตีนลอยมาขนาดนั้นเป็นผมก็ไม่เอา 555)
คือกติกาในจุดนี้ยังไม่เคลียร์ก็คงต้องวัดดวงกันไปครับแต่ในเคสคืนวันอาทิตย์ที่ลิเบอร์ตี้ สเตเดียมบอกได้คำเดียวว่าเชลซีนี่ 3 แต้มเห็นๆจึงไม่แปลกใจที่ความรู้สึกมันเสมอเหมือนแพ้
จะว่าไปแล้วถ้าครึ่งแรกดิเอโก้ คอสต้ายิงจ่อๆหลาสองหลาเข้าเป็น 2-0 เกมน่าจะจบเล่นสบายหายห่วงเพราะถ้าไม่มีลูกพลาดเองของธิโบต์ กูตัวรส์และเปาทำพิษผมว่าสวอนซีเองก็ไม่มีอะไรนอกจากเปิดครอสริมเส้นที่เจอเฮียจอห์น เทอร์รี่กับแกรี่ เคฮิลล์เก็บกินหมด แล้วกลางก็เสร็จพี่ก็องเต้ที่เซ้าซี้คู่แข่งเหมือนที่ทำมาตลอดในนัดอื่นๆ
การเสมอนัดนี้อาจทำให้เชลซีอารมณ์ค้างไปอีกพักใหญ่เพราะ 12 แต้มเต็มจาก 4 นัดมันรออยู่เห็นๆแถมเป้าหมายพยายามเก็บคลีนชีตอีกซักนัดก็ไม่เกิดขึ้นซะอีก
นอกจากนี้ทีมกายภาพต้องดูแลนักเตะดีๆนะครับเพราะเกมนี้ผู้เล่นสวอนซีเข้าบอลหนักสุดๆ แทบไม่อยากเชื่อว่าไม่มีใบแดงโดยเฉพาะฆอร์ดี้ อามัตนี่รอดใบแดงชนิดเหลือเชื่อ
เจอลิเวอร์พูลวันศุกร์นี้น่าจะไม่มีจอห์น เทอร์รี่ที่เจ็บท้ายเกมแต่มีดาวิด ลุยซ์แข้งใหม่หน้าเก่ารอเสียบอยู่คงไม่ต่างกันเท่าไหร่
ต่อกันที่"หงส์แดง"เลยล่ะกันครับ เกมที่แอนฟิลด์เมื่อวันเสาร์ไฮท์ไลท์อยู่ที่การประเดิมใช้อัฒจันทร์ใหม่ซึ่งผมว่านักเตะเจ้าถิ่นลงสนามด้วยความกดดันมากกว่าครั้งไหนๆเนื่องจากแฟนบอลทุกคนมองถึง 3 แต้มก่อนแข่งไปแล้วด้วยซ้ำ
บรรยากาศของแฟนบอลที่มากขึ้นอีก 8,500 ที่นั่งและเป็นการเล่นนัดแรกในบ้านของซีซั่นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก 3 แต้ม คนที่รับมือกับความกดดันไม่ไหวลงเล่นในเกมแบบนี้ผมว่าประสาทเสียแน่นอน เล่นกับทีมที่หากต่ำกว่า 3 แต้มคือโลกพร้อมกระทืบนี่ไม่ค่อยสนุกเลยจริงๆให้ตายสิ
ดังนั้นประตูของโรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่เหมือนยกภูเขาก่อนที่ซาดิโอ มาเน่มาทำให้สกอร์ห่าง 2-0 ซึ่งลิเวอร์พูลในยุคหลังรั่วต้องยิงให้ห่างหนึ่งลูกไว้ก่อนครับเพราะเรื่องจะเห็นคลีนชีตมันยากเหลือเกินเหมือนอย่างที่ฟิล ธอมป์สันอดีตผู้จัดการทีม(ชั่วคราว)และมือขวาเชราร์ อุลลิเยร์เคยพูดเอาไว้ว่าตอนนี้"หงส์แดง"จะให้ชัวร์ต้องยิงให้ได้ 2 ลูกทุกๆเกมไม่งั้นจบเห่
คือไม่มีอะไรได้มาง่ายๆครับพอจะสบายๆก็มาเจอลูกช็อก 2-1 ซึ่งเป็นความผิดพลาดของลูคัส ผมเคยคิดเล่นๆมานานแล้วว่าการเล่นบอลหน้าประตูแบบนี้ซักวันต้องเสียแล้วโดนยิงเหมือนบอลกีฬาสีเนื่องจากการเล่นบอลสั้นเสี่ยงแบบนี้มันต้องเจนจัดต้องพลิกบอลเอาตัวรอดเก่ง+กับเพื่อนต้องมายืนรองให้เห็นแบบทันทีทันใดไม่งั้นจะตายเหมือนที่ลูคัสตกใจ
จริงๆจังหวะนั้นลูคัสเงยหน้ามองทีนึงแล้วจะคลึงบอลกลับเข้าหาตัวเพื่อจ่ายออกซ้ายให้เจมส์ มิลเนอร์ครับแต่อย่างที่บอกพอโอกาซากิมาบีบเลยตกใจหัวเกือกไปจิ้มซะงั้น
ลูคัสสามารถส่งออกด้านข้างให้มิลเนอร์ตั้งแต่หนแรกตอนรับบอลจากมิโญเลต์ครับแต่เหมือนแกจะไม่เงยหน้ามองเพราะตำแหน่งของมิลเนอร์ ณ ตอนนั้นดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการส่ง แต่จะว่าไปแล้วโดยรวมลูคัสค่อนข้างโอเคเลยนะครับพวกตัดบอล โหม่งเคลียร์ ถือว่าสอบผ่านแต่ลงเล่นกับทีมอื่นผมไม่แนะ ฮา
นี่ยังดีถ้าลูกโหม่งจากจังหวะเตะมุมของโรเบิร์ต ฮูธที่มินนี่ออกมาว่าวไปหล่นบนหลังคาตาข่าย ไม่งั้นนึกไม่ออกว่าเกมจะออกมาแบบไหนตอน 2-2 บอลที่ดูแล้วชนะแน่ๆถ้าแพ้คาบ้านในวันเปิดอัฒจันทร์ใหม่บั่นทอยจิตใจทั้งผู้เล่น,สต๊าฟ,เจ้าของและแฟนบอลยาวแน่ๆครับ จะฝึงลึกเป็นความหลอนที่ยิงกี่ลูกก็ไม่พอซักที
ส่วนอาวุธสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลน่ากลัวในเกมรุกสุดๆก็คือความเร็วของมาเน่นี่แหละครับ มันทำให้พวกตัวรับไม่ค่อยกล้าขึ้น(เหมือนที่แดนนี่ โรสเคยบอกเอาไว้ว่ากลัวมาเน่สวนกลับ) แบบนี้แท็คติกโค้ชฝั่งตรงข้ามไม่สมบูรณ์ ยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้า"เดอะ แบก"เจ็บนี่จะยังไงเพราะลัลลาน่า,ฟิร์เมียโน่หรือหริดคล่องไวก็จริงแต่มันไม่ใช่แบบเร็วแบบทะลุไปข้างหน้า เป็นสิ่งที่ทำให้เกมรุกหงส์ฉกฉวยโอกาสจากจังหวะทะลุทะลวงเมื่อซีซั่นก่อนน้อยมาก
บ่นๆแล้วมาพูดถึงเรื่อง positive กันบ้าง สิ่งที่เห็นว่าดีขึ้นคือการเล่นที่ไม่หวงบอล,เล่นยากและมุจะไปอย่างเดียวของดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์จนเป็นที่มาของการแอสซิตให้มาเน่รวมไปถึงลูก 3-1 ของอดัม ลัลลาน่า
ลูก 3-1 เห็นชัดเจนว่าเป็นการเล่นที่ถูกต้องของหริดครับเพราะตอนแกไปรับบอลจากเพื่อนทั้งฮูธและมอร์แกน 2 เซนเตอร์หลุดจากตำแหน่งเซนเตอร์เพื่อจะมาแย่งบอลจากหริดเพียงคนเดียว ทำให้จังหวะแกไหลให้ไวจ์นัลดุมทะลุเข้าเขตโทษจึงโล่งมาก ถ้าเล่นแบบเมื่อก่อนลากต่อโชว์เก็บบอลเล่นยากต่อรับรอง 2 เซนเตอร์กลับไปยืนตามตำแหน่งได้ทัน การสร้างโอกาสนี้ไม่เกิดขึ้นแน่นอน
เชื่อว่าหริดน่าจะได้รับบทเรียนว่าทำไมฟิร์เมียโน่ถึงเป็นที่รักของเยอร์เก้น คล็อปป์ถุกดันไปเล่นหน้าแทนเขาอยู่เรื่อยๆก็เพราะการเล่นตามแท็คติกและเล่นเพื่อทีมแบบนี้แหละครับ
อีกจุดนึงที่ต้องชมคือการเล่นบอลแบบเป็นทีมและไม่เสียบอลเลอะเทอะยามที่กำลังจะต่อกันขึ้นมา สังเกตตรงที่ว่าเวลาใครก็ตามหันหลังรับบอลจากเพื่อนแล้วมีตัวประกบปรี่เข้ามาตามใบสั่งของเคลาดิโอ รานิเอรี่ที่ใช้การเพรสซิ่งจะแตะคืนให้ตัวที่ยืนหันหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้ซึ่งการเล่นแบบนี้ตัวที่บีบมาจากด้านหลังหลุดตำแหน่งและเข้าไม่ถึงบอลแต่บอลไปอยู่ที่ตัวหันหน้าอีกคนซึ่งเห็นช่องเห็นการเคลื่อนไหวได้ดีกว่า
นี่เป็นที่มาของประตู 2-0 ของมาเน่ครับ ฟิร์เมียโน่วิ่งมาเอาบอลโดยมีมอร์แกนทิ้งตำแหน่งเซนเตอร์ตามมาถึงเกือบครึ่งสนามถ้าอดีตแข้งฮอฟเฟ่มไฮม์พลิกเล่นเองผมว่าเจอสอยร่วงแน่นอนเพราะพวกกองหลังถ้าหลุดตำแหน่งเค้าจะถอนรากเดี๋ยวนั้นครับไม่งั้นสุ่มเสี่ยงโดนเจาะ
แน่นอนครับพอฟิร์เมียโน่แตะคืนให้เฮนโด้เบิ้ลบอลทันทีเพราะแกรออยู่แล้ว เห็นภาพข้างหน้ามีทั้งมาเน่และหริดวิ่งสอดทันที(ในขณะที่บอลเพิ่งออกจากเท้าของฟีโน่) จะเห็นได้เลยว่าตอนนั้นฮูธก็หาย เหลือแต่ซิมพ์สันแบ็คเพียงคนเดียว อันนี้คือการโจมตีทำลายแนวรับที่ใช้วิธีบีบสูงครับ วันที่"หงส์แดง"กดสเปอร์ส 5-0 ที่ไวท์ฮาร์ทเลนก็แผนนี้เลยครับ เซนเตอร์ดันบีบแต่ปล่อยให้กลางลิเวอร์พูลมีเวลามีโอกาสมองเหลี่ยมแบบนี้โดนทะลุกันเหนื่อย
แต่ถ้าจะเล่นแบบนี้ให้ประสบความสำเร็จต้องสม่ำเสมอ ถ้าเล่นแผนนี้ไม่ได้ก็ต้องมีแผนอื่น ไอ้ที่จ่ายขวางไปเรื่อยๆมันล้าสมัย เจาะพวกรับลึกลำบาก ต้องชิ่งไวพื้นที่แคบๆเหมือนที่ลัลลาน่า 1-2 กับมาเน่ก่อนที่หริดจะยิงขวาติดเซฟ ต้องแนวๆนั้นครับ
นี้ก็ได้แต่ว่าคล็อปป์จะวางหมากเจอกับเชลซีวันศุกร์นี้ให้ดีๆเพราะตอนนี้อาซาร์โชว์ของหนักมาก ไคลน์ตัวเดียวเอาไม่อยู่แน่นอนครับ แล้วต้องลุ้นให้เดยัน ลอฟเรนที่แอบมาต่อยไทย ไฟท์หายกลับมาให้ได้ไม่งั้นผมว่าลูคัสโดนคอสต้ากระทืบจมดินแน่ๆ
แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้เป็นอีกเกมที่พวกเราได้ชมกันก่อนตั้งแต่ 18.30 น.ตามเวลาไทย(เดี๋ยวตุลาคมปรับเวลาแล้วจะได้ไม่ต้องลนลานบอลมาเร็ว ฮา)
อย่างที่ทุกๆคนทราบกันดีว่ากลางของ"เรือใบ" outclass เล่นกันแบบไม่ไว้หน้าเลย ซิลบา,เดอ บรอยน์,โนลิโต้,แฟร์นานดินโญ่คือความแตกต่าง ทุกคนเล่นได้หมด นิ่ง เก็บบอล ออกบอลเรียกว่าขึงกันหนัก
แล้วลูก 1-0 ผมว่ายูไนเต็ดเสียง่ายเกินไป เสียง่ายเสียหน้าด้วยเพราะเป็นการเล่นแบบไม่มีอะไรซับซ้อนเลยของซิตี้จากการวางยาวมาดื้อๆของโคลารอฟจากเกือบๆมุมธงของฝั่งทีมเยือนอีกด้วยซ้ำแล้วไบญี่ไม่ยอมขึ้นปล่อยให้เด็กไม่สิ้นน้ำนมอย่างอีเฮียนาโช่โหม่งเช็ดง่ายๆ แล้วไม่รู้ยังไงจังหวะบอลตกทำให้บลินด์ต้องรอและกะพลาดจนเดอ บรอยน์ที่วิ่งเข้าหาบอลเร็วกว่าแย่งไปซะงั้น เป็นการเล่นบอลแค่ 3 จังหวะแต่เสียหายถึงประตู ผมว่าลูกนี้แหละที่ทำให้ซิตี้เล่นง่ายไปเลย
ปัญหายิ่งหนักเข้าไปอีกเพราะเวลาแมนฯยูฯจะทำเกมบุกขึ้นมาเจอเพรซิ่งเร็วจะเอาตัวรอดกันไม่เป็นเลย อย่าว่าแต่เอาตัวรอดเลยครับจับบอลปกติยังไม่อยู่ หรือเล่นแบบกลัวๆทั้งลินการ์ดกับ MK นี่ชัดมาก จึงเป็นเหตุทำให้มูรินโญ่นี่เปลี่ยนออกตอนพักครึ่งทั้ง 2 ตัวเลย เพราะสถิติการครองบอลที่ซิตี้มากกว่า 65%-35% มันเกินจะรับไหว
อาจจะตื่นสนามหรือหวาดกลัวอะไรก็แล้วแต่ซึ่งถ้าคนอย่าง"น้ามู"ซื้อใจส่งลงเกมใหญ่แบบนี้แสดงว่าแกต้องมั่นใจว่าจะตอบแทนแกหรือมีของโชว์เพื่อไว้หน้าแกบ้าง
โดนขึงไม่พอครั้นจะบุกก็ไม่ขึ้นเพราะริมเส้นสองข้างนอกจากไม่เร็วแล้วยังพลิกบอลไม่ได้การโดนแค่ 2 ลูกผมว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ดังนั้นลูกตีไข่แตกจากความผิดพลาดของบราโว่จึงเหมือนตัวจุดประกายให้ยูไนเต็ดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
แรชฟอร์ดทำให้เกมสวนของเจ้าถิ่นดีขึ้นเป็นกองครับ ใจเจ้าหนูนี่มันได้ เลี้ยงจี้เลี้ยงฝ่าแบบไม่กลัวตามประสาวัยรุ่นซึ่งเหมาะกับเกมที่เจื่อนๆหงอๆแบบนี้ของรุ่นพี่บางคน
แต่ระบบของเป๊ปยิ่งทำให้ซิตี้ชุดนี้จากที่เปเญกรินี่ทำไว้มันดูโหดขึ้นค่อนข้างชัดเจน แล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่ทำไมโจ ฮาร์ทโดนปล่อยออกไปเพราะเป๊ปแกประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าจะเล่นแบบตั้งบอลตั้งแต่ประตูขึ้นมาเลย
จะว่าไปแล้วเกมนี้"ปีศาจแดง"เบิกทางให้ทีมอื่นๆแล้วนะครับว่าการเล่นสั้นของบราโว่ตามใบสั่งของเป๊ปยังมีจุดอ่อนอยู่ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถ้าเจอบีบดีๆ บีบพร้อมกัน เหมือนที่ลูกยันใส่เวย์น รูนี่ย์ที่ดูยังไงก็เปิดปุ่มไม่ได้เอาข้างเท้าเข้าหาบอล แถมมาสองขา ถ้าเป็นสมัยที่มีการรณรงค์กันแรกๆเรื่องกระโดดสองเท้าผมว่าจุดโทษและแดงแน่ๆ
รวมไปถึงลูกบอมบ์กลางอากาศที่บราโว่ดูจะมีปัญหาอยู่พอสมควร ที่ทำให้เกมครึ่งหลังโดยรวมยูไนเต็ดดีขึ้นกว่าเดิมชัดเจน
ปิดท้ายคู่นี้ผมมองว่าเลรอย ซาเน่ถ้าลงตัวจริงแทนราฮีม สเตอร์ลิ่งเป็นการถาวรอาจจะยิ่งทำให้ซิตี้ดูเพอร์เฟคกว่านี้นะ อันนี้ตวามรู้สึกเหมือนราฮีมเหมือนแกจะเก่งกับการตบเด็ก กับพวกตัวประกบที่ไม่โหด เพราะที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเลี้ยงไม่ค่อยผ่านโดนเบียดก็ล้ม ซาเน่ลงมาเล่นแบบเก๋ากว่าลากจี้ตัดเข้าในเพราะถนัดซ้ายเล่นแบบนี้ทำให้แบ็คเติมเกมรุกจะเล่นง่ายกว่าครับคือถ้าไม่แตะไหลให้แบ็ควิ่งเล่นก็ตัดเข้าในเอง น่ากลัวกว่าเยอะ
ช่วงนี้ใครเป็นแฟน"ปืนใหญ่"คงต้องลุ้นกันจนสิ้นเสียงนกหวีดล่ะครับ เพราะในเมื่อการเล่นแบบเดิมๆเคาะบอล มีโอกาสหน้าประตูก็ยังจะชิ่งจะทำอะไรก็ไม่ทำก็เลยไม่ค่อยมียิงขาดๆปิดสกอร์ไวๆ เล่นจนเค้าจับทางกันได้หมดแล้ว
นึกสภาพไม่ออกถ้าเชน ลองยิงโล่งๆชิพข้ามปีเตอร์ เช็กดีๆในนาที 67 สกอร์เป็นทีมเยือนนำ 2-1 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ประตูชัยทดเจ็บนาทีที่ 4 ของกาซอร์ล่าอันนี้เสียงแตกว่าสมควรเป็นจุดโทษไหม ตอนดึงเสื้อผมว่ากรรมการไม่ได้อะไรนะเพราะพรีเมียร์เวลาบี้กันติดๆดึงเสื้อมันธรรมดาไม่ใช่ลากกระชากหนีแล้วโดนดึง แต่มาให้ตอนฟอนเต้ที่นอนอยู่แล้วเอาขาไปชัดชิรูด์ อันนี้เสียค่าโง่เพราะชิรูด์ไปไม่ทันบอลหรอกเซดริค ซอเรสอยู่ใกล้กว่าเคลียร์ทิ้งไปก่อนแล้ว
อีกประเด็นนึงก่อนที่จะมีเหตุการณ์นี้มีผู้เล่น"ปืนใหญ่"นอนเจ็บอยู่ในกรอบ 6 หลาอันนี้อยู่ที่ดุลพินิจของกรรมการว่าจะเป่าให้หยุดเกมหรือไม่หยุดแล้วก็อยู่ที่ฝั่งเจ้าถิ่นด้วยว่าจะเล่นต่อหรือไม่
ผมว่าเรื่องการแสดงสปิริตการเตะออกเนี่ย มันเริ่มมาจากบางจังหวะนักบอลแน่นิ่งจากการปะทะกันหรือขาหัก แขนหักก็ต้องเอาชีวิตคนไว้ก่อน แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ธุรกิจเข้ามาแทรกแซงในเกมลูกหนังหลายคนใช้เป็นเครื่องมือเช่น ตอนบุกเค้าบุกอย่างเมามันพอทีมตัวเองเสียบอลกำลังโดนสวนแล้วจังหวะโดนสกัดก็นอนเจ็บโอดโอยเพื่อให้เค้าเตะบอลทิ้งให้ หรือพวกเป็นตะคริวอันนี้ไม่ฟิตเองจะเตะทิ้งให้ทำไม พวกเจ็บข้างๆสนามออกได้ไม่ออกต้องมานอนให้เค้าหยุดเกม พอเค้าไม่เตะให้ก็มาโกรธมาฉุน
ถ้าเป็นไปได้ควรจะมีการทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ไปเลย แยกให้ออกเจ็บมากเจ็บน้อยเจ็บสำออย ถ้ามีคนบอกจะแยกยังไงก็ถ้าโหม่งหัวชนกันลงมานอนนิ่งอันนี้ก็เป่าเลยดูไม่ยาก เสียบสกัดกันถ้าถึงขั้นขาหักให้ดูปฏิกริยานักเตะในสนาม แล้วถ้าเป็นไปได้กันเอาไว้สำหรับพวกสำออยจริงๆก็คือถ้าแพทย์มาปฐมพยาบาลเกมหยุดต้องออกจากสนามถ้าจะกลับเข้ามาอีกต้องให้บอลตายจาก"คู่ต่อสู้"(ออกหลัง ออกข้าง คู่ต่อสู้ทำฟาว์ล) ที่เน้นคู่ต่อสู้เพราะเดี่ยวมีช่องโหว่เพื่อนรีบเตะออกหรือเจตนาทำฟาว์ลเพื่อให้เพื่อนเข้าสนามโดยไว ฮา คือถ้ามีกฏนี้พวกเจ็บเล็กเจ็บน้อยมันก็จะรีบลุกมาเล่น ไม่อยากให้เกมหยุดจนต้องออกไปรอข้างสนาม ถ้าเจอคู่แข่งเขี้ยวๆไม่ทำบอลตายหรือทำฟาว์ลก็ให้ยืนรอแบบนั้นซะ
ในเคสของ"ปืนใหญ่"ไม่เกี่ยวกับที่พูดมานะคือแบบอึดอัดมานาน ต้องการประตูถ้าไม่เจ็บจริงคงไม่มานอนหรอก(เอ หรือตอนนั้นจะเอาจุดโทษ ฮา)
แต่ถ้ามองอีกมุมนึงคือเจ็บหน้าปากประตูมันเกะกะการเล่น ประตูหรือกองหลังจะยืนตรงนั้นก็ลำบาก เจ็บตำแหน่งอื่นยังพอทน อันนี้มันเกมฟุตบอลที่ต้องยิงประตูก็เลยถกเถียงกัน
คู่อื่นๆต้องพาไปเกมที่คริสตัล พาเลซชนะนัดแรกซักทีหลังบุกไปเอาชนะมิดเดิลสโบรห์ที่ผมเคยชมว่าเล่นบอลดีทีมเวิร์คงามแต่โค้ชบอลสเปนเจอลูกครอสแล้วโหม่งตามสไตล์บอลอังกฤษก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะครับ
เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าเบนเทเก้มาถูกทีมแล้วเพราะเกมๆนึงครอสถี่มากเป็นสิบๆ เรียกว่าเซฟเก้าอี้อลัน พาร์ดิวเลยก็ว่าได้เนื่องจากก่อนลงสนามเพิ่งมีแต้มเดียวแพ้มา 2 จาก 3 นัด ลงทุนไปกับพี่เก้คนเดียวก็ 30 กว่าล้านปอนด์ เป็นเจ้าของทีมผมว่าต้องมีหมายหัวไว้บ้างแหละ
แต่ที่น่าห่วงว่าจะเป็นกุนซือคนแรกที่โดนปลดหรือเปล่าก็คือมาร์ค ฮิวส์ของสโตต๊ค ซิตี้นี่แหละครับ คือแพ้แบบสู้ได้สกอร์ไม่ห่างมันยังพอทำใจให้สู้ได้แต่เล่นในบ้านแพ้สเปอร์ส 4-0 แล้วเป็นการแพ้ 3 จาก 4 นัดถ้ามีเวลาทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าก็ดีเหมือนกันนะผมว่า(นัดนี้โดนไล่ไปดูเกมบนอัฒจันทร์ด้วย)
แล้วเหมือน"ช่างปั้นหม้อ"โชคร้ายพอดีเพราะผู้เล่น"น้องไก่"นัดกันปล่อยของพร้อมๆกันราเมล่า,เอริคเซ่น(ฉลองต่อสัญญาใหม่แอสซิสต์ไป 2) คุมแดนกลางปั้นเกมรุกซะเหนือแล้วบวกกับซง ฮึง มินดันมาเฉียบฉมังยิง 2 แถมแต่ละลูกไม่ง่ายเลย ลูกแรกแปยิงด้วยซ้ายตามน้ำทั้งๆที่ถนัดขวา(แถมบอลไม่ได้เลียดติดดินมาซะด้วยสิ) ลูกสองนี่อย่างโหดยิงแบบไม่ต้องเซฟกันเลย ทีมไหนมีตัวจบสกอร์จากโอกาสที่มีโอกาสชนะก็สูงแหละครับ(พูดซะเหมือนวีรศักดิ์ 555)
พอสโต๊คโดนไป 2 แฟนบอลเร่งเร้าจะเอาคืนก็ดันสูงหลังลอยก็โดนสวนสิครับ ใครเจอ"ไก่"สวนตายทุกราย ริมเส้นอย่างไว พวกแบ็คสองข้างหยั่งกะไปคัดโอลิมปิกมา
ที่สำคัญแฮร์รี่ เคนปลดล็อกได้ซักที ถอดออกจากแฟนตาซีปุ๊บมึงยิงเลยเนอะ เรียกว่าเกมนี้มีแต่ได้กับได้สำหรับสเปอร์ส
คือการเอาชนะนอกบ้านได้มันเหมือนตีบวกครับเพราะเกมต่อไปกลับไปเล่นในบ้านโอกาสชนะมันมีสูงกว่าอยู่แล้วเรียกว่าพร้อมกดแต้มไปกลับ 6 คะแนน ในการเล่นกีฬาถือว่าเกมนอกบ้านถ้าชนะเป็นอะไรที่สวยงามเหลือเกิน
ปิดท้ายที่เวสต์แฮมแพ้ในบ้านสนามโอลิมปิกที่จุผู้ชม 60,000 คนให้วัตฟอร์ด 4-2 อันนี้โดนบุกเป็นเข้า จะเอาคืนเค้าแต่เจอแตนอาละวาดกดเป็นตุง แม้ก่อนหน้านั้นมีลูกปลอบใจกำลังฮือฮาในโลกอินเตอร์เน็ตกับการไขว้ส่งของดิมิทรี่ ปาเยต์
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการตีกันของแฟนบอลทั้งสองทีมจนการ์ดต้องเข้ามาห้าม บอลอังกฤษตีกันบนสแตนด์หาดูไม่ค่อยได้แล้วนะครับในยุคนี้ ถ้ายุค 90 อันนี้เพียบ ตามข่าวคาดว่าถ้ามีการลงโทษแฟนที่ก่อเรื่องโดนแบนห้ามเข้าสนามตลอดชีพนู่นเลย บทลงโทษของเค้าโหดมากๆถึงไม่ค่อยมีใครกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยง
คืนนี้มันเดย์ไนท์ซันเดอร์แลนด์ พบ เอฟเวอร์ตัน อย่าลืมติดตามกันได้ครับ ถ้าทีมเยือนชนะนี่ขึ้นที่ 3 เลยนะแจ้ แต่ต้องถามเดวิด มอยส์ก่อนว่าจะเอาทีมเก่าอยู่ไหมเพราะตัวเองก็ลำบากอยู่รองบ๊วยเตะมา 3 แพ้ 2 มีแต้มเดียว ศิษย์ล้างครูหรือครูประจานศิษย์ไว้รอดูกันครับ
ช่วงนี้พายุเข้าระมัดระวัง ตากผ้าก็ช่วงชิงจังหวะกับแดดให้ดี กางเกงในตุนไว้บ้างก็ดีนะครับ สวัสดี
Swansea City vs Chelsea 2-2
Tottenham vs Stoke City 4-0
Arsenal vs Southampton 2-1
LIVERPOOL VS LEICESTER 4-1
Manchester United Manchester City
Middlesbrough 1 - 2 Crystal Palace
แฟนเวสต์แฮมกับวัตฟอร์ดตีกัน