วงการมาเฟียที่นักข่าวอาชญากรรมรุ่นเก๋า
มักนำมาเล่าสู่กันฟังเสมอก็คือ เรื่องราวของแก๊งมาเฟียเยาวราช
ที่หลายครั้งถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ หรือมินิซีรีส์ เป็นที่ติดอกติดใจของชาวบ้าน
ย้อนกลับไปสู่ปี 2532 สภาพสังคมไทย ในขณะนั้นยังโลกอีกด้านหนึ่ง
ซึ่งอยู่คนละด้านกับสุจริตชนทั่วไป นั่นคือโลกแห่งอิทธิพลของเจ้าพ่อมาเฟีย
มีทั้งระดับภูธร กับนครบาล โดยทุกสำนักต่างมีเส้นสายโยงใยไปถึงนักการเมือง
รวมถึง ตำรวจ ทหารบางคนที่ให้การหนุนหลัง !!!
“เหลา สวนมะลิ” หรือแคล้ว ธนิกุล ถูกชูให้เป็นเจ้าพ่อเมืองหลวงเบอร์ 1
เส้นทางนักเลงผ่านความเป็นความตายมาอย่างโชกโชน
ว่ากันว่าอิทธิพลของ “เหลา สวนมะลิ” นั้นบรรดาธุรกิจสีเทาต่างๆ
โดยเฉพาะบ่อนทุกแห่งไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ในเมืองหลวงต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้เขา
นอกนั้นยังมีสถานบริการแหล่งเริงรมย์ไปจนถึงธุรกิจมืด
หน้าฉากของ “เฮียเหลา” นอกจากเป็นเจ้าของค่ายมวย ส.ธนิกุล แล้ว
ยังมีตำแหน่งนายกสมาคมนักมวยอาชีพแห่งประเทศไทยอีกด้วย
การเข้าสู่วงการหมัดมวยนี้เองจึงสร้างความขัดแย้ง
สร้างศัตรูเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย ย้อนหลังกลับไปค่ำวันที่ 4 มีนาคม 2531
ณ เวทีมวยราชดำเนิน วันนั้นมีการแข่งขันชกมวยเงินล้าน
โดยทรงชัย รัตนสุบรรณ เป็นโปรโมเตอร์ ที่นั่งเต็มทุกชั้น
และเพียบพร้อมไปด้วยแขกเหรื่อระดับวีไอพีของวงการ
อาทิ “เหลา สวนมะลิ” กับสมัครพรรคพวกนั่งอยู่มุมหนึ่ง
ถัดไปใก้ลกับมุมน้ำเงินปรากฏร่าง “ชัยวัฒน์ พลังวัฒนกิจ”
หรือโหงว 5 พลัง นักเลงรุ่นน้องที่กำลังขึ้นชั้นพรวดๆ
เสียงเชียร์มวยเฮๆ กับความตื่นเต้นเร้าใจของมวยคู่สำคัญ
ที่กำลังแลกเตะต่อยกันอย่างสนุกสนานจนเสียงระฆังบอกหมดยก
ระหว่างนั้นนายชัยวัฒน์ลุกจากที่นั่งเดินมายังมุมน้ำเงินเพื่อต่อรองพนันมวย
จังหวะนั้นมือปืนที่รอโอกาสอยู่ก็เดินเข้าหาชักอาวุธปืนจ่อยิงสวนทะลุแว่นตา
จนเสี่ยโหงว 5 พลัง หงายท้องเสียชีวิตในทันที !!!
ช่วงนั้นคงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น แฟนมวยหลักพันที่เต็มสนาม
ต่างพากันแตกฮือด้วยความตกใจ ส่วนมือปืนซึ่งทราบต่อมา
ว่าเป็นญาติทางน้องเมียของนายสีห์ อัศวทรงศักดิ์ หรือ “ซิตี๋”
ผู้จัดการค่ายมวย ส.ธนิกุล ถือโอกาสช่วงเกิดความโกลาหลหลบหนีไปได้
พร้อมๆ กับกลุ่มของ “เหลา สวนมะลิ” เจ้าพ่อเลือดเย็นที่มานั่งดูผลงานด้วยตัวเอง
คดีลอบยิงโหวง 5 พลังโด่งดังมากและข่าวต่างพุ่งไปยัง “เหลา สวนมะลิ”
ซึ่งออกมาแก้ต่างเป็นระยะว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ส่วน “ซิตี๋”
ก็เป็นเพียงเด็กเก็บขี้หมาในบ้าน ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร
ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏก่อนหน้าว่าคนที่ตายกับ “เหลา สวนมะลิ” ขัดแย้งกัน
เรื่องชิงเก้าอี้ นายกสมาคมมวยฯ ต่อมาซิตี๋ถูกตำรวจจับข้อหาใช้จ้างวาน
แต่สู้คดีหลุดเนื่องจาก ขาดประจักษ์พยาน-หลักฐาน !!!

คนนี้แหละ ซีตี๋ น่าตาไม่น่าจะเก๋า เลย
จากผลงานดับคู่แข่งบารมีให้กับนายใหญ่นั่นเอง
“ซิตี๋” จึงได้รับความไว้วางใจจาก “เหลา สวนมะลิ” มากขึ้น
และกลายเป็นผู้ติดตามราวเงาติดตัวโดยทั้งสองพูดคุยกันด้วยภาษาที่สอง
คือภาษาจีน และมีรสนิยมเสพสารระเหยเหมือนกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองค้นประวัติคร่าวๆ ของนายสีห์ อัศวทรงศักดิ์
พบว่ามีความเป็นมาไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยเริ่มเข้าวงการมาเป็นคนรับใช้ของ “เฮียล้อ วงเวียน 22”
นักเลงรุ่นใหญ่ของเมืองหลวงอีกคนหนึ่ง คอยทำหน้าที่ติดตามและชงกาแฟให้เฮียกิน
ต่อมา “เฮียล้อ” เกิดบาดหมางกับ “เหลา สวนมะลิ” ความตายจึงมาเยือน “เฮียล้อ” เร็วกว่าปกติ
และมือปืนที่จ่อยิงท้ายทอยเขาระหว่างนั่งจิบกาแฟ อยู่ในบ้านพักก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
มือปืนคนนั้นก็คือ “ซิตี๋” เด็กหนุ่มรูปร่างล่ำอ้วนชอบสวมชุดเอี๊ยม
ที่ “เฮียล้อ” ไว้เนื้อเชื่อใจให้มาอยู่ใกล้ตัวนั่นเอง !!!!
ว่ากันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดถูกกำหนดแผนโดย “เหลา สวนมะลิ”
และชีวิตของ “ซิตี๋” ก็เปลี่ยนไปเมื่อมาอยู่กับเจ้านายคนใหม่
จากคนชงกาแฟก็ขึ้นชั้นมาเป็น นักเลงมีชื่อชั้น และขยับเป็น ผจก.ค่ายมวย
และด้วยผลพวงของการทรยศหักหลังคราวนั้นส่งผลให้ “เหลา สวนมะลิ”
มักจะขอคำปรึกษากับ “ซิตี๋” เป็นประจำหากมีปัญหาใดๆ
รวมทั้งการวางงานสังหาร “โหงว 5 พลัง” ด้วยความเจนจัด
และไม่เคยไว้ใจใคร เพราะหากข่าวรั่วนอกจากงานไม่สำเร็จ
ศัตรูอาจย้อนกลับมาคิดบัญชีได้ “ซิตี๋” เลือกใช้คนใกล้ชิดที่เป็นญาติทางเมีย
และเป็นมือปืนใหม่ถอดด้ามแต่ศึกษาดูจนเชื่อว่า “ใจถึง”
จึงกำหนดวันตาย “โหงว 5 พลัง” ได้สำเร็จ !!!
เมื่อ “ซิตี๋” พ้นความผิด เขาจึงกลับมาเดินสายในฐานะสมุนใกล้ชิดอันดับ 1 ของ “เหลา สวนมะลิ”
บ่อนพนันทุกแห่งในกรุงเทพฯ กลายเป็นแหล่งหาเงินของ “ซิตี๋”
แม้บ่อนจะเต็มใจจ่ายค่ามาเยือน หรือค่าคุ้มครองให้กับ “ซิตี๋” เที่ยวละ 2 หมื่นบาท
แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับรายได้นี้นัก จึงสร้างความอึดอัดเบื่อหน่าย ให้กับบ่อนเล็กบ่อนใหญ่
นั่นเพราะ “ซิตี๋” จะลงไปเล่นพนันเอง และเป็นนักพนันนิสัยเสีย
กล่าวคือ “ได้เอา เสียไม่จ่าย” จนที่สุดวันตายก็มาถึงเมื่อกล้าไปล้ำเส้นถิ่นมังกรเยาวราช
ตีสอง วันที่ 15 ตุลาคม 2532 นายสีห์ อัศวทรงศักดื หรือซิตี๋
พร้อมด้วยนายปราโมทย์ ศรีสุขใจสำราญ ลูกน้องคนสนิท
เดินทางไปเล่นพนันกำถั่วที่บ่อนเฮียสี่ ตั้งอยู่ชั้น 2
ตึกแถวเลขที่ 66 ตรอกไทร หลังสุกี้บะหมี่เท็กซัส ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กทม.
การเล่นพนันเที่ยวนี้ “ซิตี๋” มาในมุกเก่าๆ คือขอเบิกชิปไปเล่นพนัน
โดยเที่ยวแรกเบิกไป 3 แสนบาท แต่เล่นจนหมด และมาขอเบิกอีก 1 แสนหมดเป็นรอบสอง
แทนที่จะกลับบ้าน “ซิตี๋” ขอเบิกเป็นรอบที่ 3 คราวนี้สมุห์บัญชีปฏิเสธจึงกลายเป็นเรื่อง
มีการโวยวายทุบข้าวของจนนักพนันกำถั่วแตกกระเจิง
เสียงตึงตัง ดังไปถึงชั้นล่าง ว่ากันว่าเป็นห้องทำงานของ “ก่งก๊ก”
เจ้าพ่อหมายเลข 1 ของเยาวราชที่ครั้งหนึ่งเคยตกลงกับ “เหลา สวนมะลิ”
ในเรื่องแบ่งพื้นที่กันทำมาหากินและอย่าล่วงล้ำกล้ำเกินกัน
“ก่งก๊ก” ซึ่งรับทราบเหตุการณ์มาโดยตลอด และมองเห็นว่าไม่ใช่แค่การมาสั่วบ่อนกันธรรมดา
แต่เป็นการหยามหน้า ยอมกันไม่ได้ เพราะหากไม่จัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในฐานะเบอร์ 1 ถิ่นมังกรจีนเขาก็คงตกชั้น เสื่อมเครดิต !!!

นี่ไง คนที่ยิง ซิตี๋ เรียกกันว่า 2 กุมารของ " ก่งก๊ก " เยาวราช
จังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง !!
นายมนต์เทพ หรือ จุงไช้ แซ่โง้ว กับนายชาตรี หรือเล็ก แซ่โค้ว
สองกุมารจีนลูกน้องคู่กาย ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงผลุนผลันวิ่งขึ้นไป
เจอ “ซิตี๋” ยืนหันหลังจึงตะโกนเรียกชื่อแล้วยิงใส่ในระยะประชิด 3 นัดซ้อน
กระสุนถูกจุดตายทั้งสิ้นคือที่หน้าอก และขมับขวา
ส่วนนายปราโมทย์ ลูกน้องซิตี๋ ทำท่าจะเข้าช่วยจึงถูกนายชาตรียิงใส่อีก 3 นัด
กระสุนถูกศีรษะ กับต้นแขนตายคาที่ทั้งลูกพี่ลูกน้อง !!!
หลังปฏิบัติการล้มเด็กเจ้าพ่อนครบาล กรมตำรวจในยุคนั้น
มี พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ
จึงเรียก พล.ต.ต.ธนู หอมหวล รอง ผบช.น.ขณะนั้น
ให้มารับผิดชอบคดีและใช้มาตรการเข้มข้น
ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งเหิมเกริมหนักข้อขึ้นทุกวันๆ
โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมนายชาตรี หรือเล็ก แซ่โค้ว
ได้ที่โรงแรมอพอลโล ถนนวิภาวดีฯ ส่วนนายมนต์เทพ หริอจุงไช้ แซ่โง้ว
จับได้ที่โรงแรมเกียวอัน สระบุรี !!
เส้นทางสายมาเฟียเมืองหลวงของ “เหลา สวนมะลิ”
มาถึงปัจฉิมบทเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2534 ซึ่งอยู่ในช่วงยึดอำนาจของคณะทหาร
“เหลา สวนมะลิ” หรือแคล้ว ธนิกุล ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามเอ็ม 79
ยิงใส่รถประจำตัว และกราดเอ็ม 16 ถล่มพรุนทั้งคันขณะไปร่วมงานที่ จ.สมุทรสงคราม
นับเป็นการปิดฉากเจ้าพ่อครั้งสะเทือนเลื่อนลั่นที่สุดในประวัติมาเฟียไทย
25 ปีผ่านไป จากบ่อนเล็กๆ หลังบะหมี่เท็กซัส เยาวราช
ปรับเปลี่ยนเป็นบ่อนขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ “ซา หลัก เก้า”
ดำเนินการโดยเจ้าพ่อเยาวราช “คนเดิม” นั่นเอง !!!
นับเป็นเรื่องราวด้านมืดอีกด้านที่คล้ายบทภาพยนตร์ดีๆ ที่เราเคยชมกัน
บนเส้นทางนี้ย่อมสะท้อนให้เห็นจุดจบของเจ้าพ่อมาเฟียที่ไม่เคยแก่ หรือเจ็บไข้ตาย
แต่ความจริงเรื่องหนึ่งที่ควรศึกษาก็คือ “เจ้าพ่อ” ในยุคดิจิตอลไม่มีใครลากอาวุธสงคราม
หรือวางแผนยอกย้อนฆ่ากันไปมาอีกแล้ว จากวันนี้บ่อนซา หลัก เก้า ปิดตัวลง
พร้อมๆ กับชีวิตของนายมนต์เทพ “จุงไช้” แซ่โง้ว มือปืนใจเด็ดผู้ไม่ยอมก้มหัวให้กับศัตรูหน้าไหน
ที่คิดหมิ่นศักดิ์ศรี การดับรัศมีสมุนคู่ใจ “เหลา สวนมะลิ” ส่งผลให้ “ก่งก๊ก จุงไช้”
กลายเป็นตำนานนักเลงเยาวราชที่เล่ากันไม่รู้เบื่อ
และกลายเป็นทำเลทองไม่มีมาเฟียรุ่นไหนกล้าตอแยอีกต่อไป.. !!!
ปล. จากรายงานข่าวนอกจากจะ พูดถึงการตาย ของ “เหลา สวนมะลิ”หรือ"แคล้ว ธนิกุล"
อีกประเด็นที่คนพูดถึงกันมากมายเลยก็คือ รูกระสุนที่ เต็มทั่วทั้งรถ ไปหมด
แต่ ศพของ “เหลา สวนมะลิ” ไม่มีรูกระสุนแม้แต่รูเดียว
มีเลือกออกที่จมูก และหู เท่านั้น รายงานระบุว่า “เหลา สวนมะลิ” ตายเพราะแรงอัด
ที่น่าแปลกคือเพราะอะไรกันที่ ร่างเค้าถึงไม่ถูกคมกระสุนเลยแม้แต่รูเดียว
ทั้งๆที่รอยหระสุนที่เต็มไปทั่วรถ มันพุ่งตรงไปที่ตำแหน่งที่ เค้านั่งประจำการอยู่ด้วยทั้งสิ้น
ที่บอกว่าตายเพราะแรงอัด เพราะว่า หลังจากที่ยิงใส่รถจนหมดแม็ก แล้ว
คนร้ายก็ โยนระเบิดลูกเกลี้ยงใส่ไปอีกลูกนึง นี่แหละครับ จึงเกิดแรงอัดจนทำให้เสียชีวิต
พระที่คอ “เหลา สวนมะลิ” ถูกตั้งเป็นประเด็นขึ้นมา เพราะพระองค์นี้เค้าไม่เคย
ถอดเลยไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร “เหลา สวนมะลิ” จะแขวนติดตัวตลอดเวลา
อันนี้ผมไม่ทราบว่า พระอะไรน่ะครับ ( ทราบเพียงว่าเป็นพระสมเด็จอะไรซักอย่างนี่แหละครับ )
และตอนนี้รู้สึกจะอยู่กับ คุณ นุกูล และมีมูลค่าถึง 3 ล้านบาท เลยทีเดียว
( ผมไม่อยากให้หลงประเด็นนะครับ ปล. นี่ก็เป็นเพียงประเด็นเล็กๆประเด็นนึงที่คนบางกลุ่มพูดถึงครับ )
อันนี้ สภาพศพ คนขับรถให้ เหลา สวนมะลิ ในวันนั้นครับ
เรียกกันในวงการว่า ตี๋ ดำเนิน คนขับรถของ แคร้ว ครับ
....