ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 20 Dec 2009
ตอบ: 6600
ที่อยู่: รังสิต//รับซื้อขายคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม// https://www.facebook.com/groups/1575482702665318/
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:00 pm
ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1
ผมจำได้ลางๆว่าช่วงนั้น ร.1 ย้ายเมืองหลวงมา กรุงรัตนโกสินทร์ใหม่ๆ พม่าก็จัดทัพใหญ่มาหวังจะบดขยี้เราเพื่อป้องกันไม่ให้เราได้ตั้งตัว เห็นว่ายกมา แบบมหากองทัพกันเลยทีเดียว

คำถามผมอยากถามว่า
-ผมขอถามแบบดิบๆไม่เอาคำตอบ แบบครูสอนเด็กประถมมัธยมนะครับ อยากฟังความเห็นแบบ เป็นกลางเหมือนเราวิเคราะสงคราม3ก๊กของจีนโดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

คำถามคือ เราผ่านศึกนี้มาได้อย่างไรครับ เพราะเท่าที่ทราบ เค้าบอกว่า อัตรากำลังพลนั้น
เหมือนจะ มีทัพพม่า 1-2แสน กำลังพลฝ่ายเราเพียงแค่ 3-4หมื่น หรือว่าทหารฝ่ายเราเก่งแบบขุนศึกในเรื่อง 300 รึเปล่านะ



ปล.สุดท้ายทำไมไม่ค่อยมีหนัง เกี่ยวกับ สงคราม9ทัพเลยทั้งๆที่เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่มากๆสงครามนึง ส่วนมาก มีแต่หนังสมัย อยุธยา
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 1172
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:03 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
เราตัดกำลังใช้วิธีกองโจร

ตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อย ตั้งแต่ต้นทาง

พม่าเยอะก็จริงแต่แยกมาหลายสาย

กว่าจะมาถึงจุดหมายที่จะรวมก็โดนตัดกำลังไปเยอะ

คร่าวๆประมาณนี้มั่ง
เข้าร่วม: 20 Dec 2009
ตอบ: 6600
ที่อยู่: รังสิต//รับซื้อขายคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม// https://www.facebook.com/groups/1575482702665318/
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:04 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
บรูส พิมพ์ว่า:
เราตัดกำลังใช้วิธีกองโจร

ตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อย ตั้งแต่ต้นทาง

พม่าเยอะก็จริงแต่แยกมาหลายสาย

กว่าจะมาถึงจุดหมายที่จะรวมก็โดนตัดกำลังไปเยอะ

คร่าวๆประมาณนี้มั่ง  

เอาไป1แผล๊ป แต่คิดว่าเท่านี้ยังไม่น่าจะพอ รอคำตอบเซียนๆประวัติศาสตร์มาตอบหน่อย
0
0
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 417
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:09 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
เคย เรียนตอนนั้น ครูบอกว่า น้องชาย ร.1 ท่านเก่งมากก นำกำลังทหาร โจมตีแบบกองโจนปล้นสะดม พม่า ตลอด

ครูเล่า ว่า พระเจ้าตากสิน ร.1 และ น้อง ร.1 คือ บุคคน สำศัญ ในช่วง นั้นเลยนะครับ
เข้าร่วม: 20 Dec 2009
ตอบ: 6600
ที่อยู่: รังสิต//รับซื้อขายคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม// https://www.facebook.com/groups/1575482702665318/
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:12 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
HanGzManN พิมพ์ว่า:
เคย เรียนตอนนั้น ครูบอกว่า น้องชาย ร.1 ท่านเก่งมากก นำกำลังทหาร โจมตีแบบกองโจนปล้นสะดม พม่า ตลอด

ครูเล่า ว่า พระเจ้าตากสิน ร.1 และ น้อง ร.1 คือ บุคคน สำศัญ ในช่วง นั้นเลยนะครับ  

พระเจ้าตาก OK เก่งมากๆ แต่สมัย ร.1 ท่านได้สิ้นไปแล้ว
ร.1 ก็คือเพื่อนสนิทของพระเจ้าตาก เก่งพอๆกัน
ตัวละครลับ น้องของ ร.1 ท่านนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ท่านคือใครหรอครับ (ห้ามตอบผมว่าก็น้อง ร.1นะ ไม่เอาไม่เล่นมุขนะจ๊ะ )
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 2615
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:23 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเราเปลี่ยนกลยุทธิ์ในการรับศึกด้วยมั้งคับจากการตั้งรับในพระนครแล้วรอให้ถึงฤดูน้ำหลากมาเป็นการยกทัพไปประจันหน้าแล้วใช้ความได้เปรียบในยุทธ์ศาสตร์ทางพื้นที่บีบทัพพม่าด้วยแหละคับ อย่างที่ความคิดเห็นด้านบนบอกท่านวังหน้าในสมัยรัชกาลที่1นั้นเก่งเอามากๆ
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 417
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:25 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
lordkillerSS พิมพ์ว่า:
HanGzManN พิมพ์ว่า:
เคย เรียนตอนนั้น ครูบอกว่า น้องชาย ร.1 ท่านเก่งมากก นำกำลังทหาร โจมตีแบบกองโจนปล้นสะดม พม่า ตลอด

ครูเล่า ว่า พระเจ้าตากสิน ร.1 และ น้อง ร.1 คือ บุคคน สำศัญ ในช่วง นั้นเลยนะครับ  

พระเจ้าตาก OK เก่งมากๆ แต่สมัย ร.1 ท่านได้สิ้นไปแล้ว
ร.1 ก็คือเพื่อนสนิทของพระเจ้าตาก เก่งพอๆกัน
ตัวละครลับ น้องของ ร.1 ท่านนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ท่านคือใครหรอครับ  


ผมจำชื่อ น้องร.1 ไม่ได้นะครับ คือ ครูผมคนเนี้ย แกก้เก่งมากๆ นะเรื่อง ประวัตศาสตร์
คือมันมีเรื่องเล่าหลายสาเหตุมากนะครับ ของพระเจ้าตากเดียวจะแบ่งๆเอา ผมไม่ยื่นยันนะครับว่าคือเรื่องจริงเพราะครูผมเค้าก้บอกมาแบบนั้น

1. ร1 ต้องตัดสิ้นใจ ฆ่า พระเจ้าตาก เพราะท่านเป็นบ้า ไม่งั้นเดียวบ้านเมืองจะไม่สงบ ละสถาปนาเป็น ร1
2. ร1 ไม่ได้ฆ่า พระเจ้าตาก นำตัวท่านและลูก ไป หลบ ซ้อน และสถาปนาเป็น ร1

และมีเรื่องเล่าด้วยว่า แม่ทัพให้พม่า เคยทัก ร1 ตั้งแต่ตอนเป็น มือขวา ของพระเจ้าตากว่า
มีอะไรบ่างอย่างอยู่ในตัวและจะได้เป็นใหญ่ ในต่อไป


แกบอกว่า น้อง ร.1 เสียชิวิตก่อน ไม่งั้นอาจได้เป็น ร2 ต่อจาก ร1 เลย


สงครามเก้าทัพนี้ เดียวต้องนึกๆ ก่อนนะครับ จำได้แค่ ว่า ทัพ ร1 อะ อยุ่ในเมืองหลวง คอย ส่งกำลังไปช่วย 3-4 ทัพ ที่แยกกันไป ป้องกัน ทาง เหนือบาง กลางบ้างอะครับ
เข้าร่วม: 06 Feb 2008
ตอบ: 826
ที่อยู่: เทวากับซาตาน นางมารกับเทพบุตร เศษมนุษย์กับปถุชน สัตว์สังคมกับศพเดินดิน
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:29 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
ตอนนั้นเราจัดทัพ ออกเป็น 4 ทัพไปยันครับ
สามทัพยันตามเส้นทางหลัก เหนือ ตะวันตก ใต้ นครสวรรค์ เจดีย์สามองค์ แล้วก็เส้นใต้นี้รับลึก ส่วนทัพที่ 4 ของ ร1เป็นกำลังเสริม

ต้องเข้าใจว่าพม่ามา 9 ทัพก็จีิงแต่ไม่ได้ว่จะมาง่ายทุกทางหลายเส้นผ่านอุปสรรคหัวเมืองใหญ่่

อย่างสายใต้มาติดที่เมืองถลางกับพัทลุงอยู่นานแบบทัพใหญ่แทบไม่ลงมาช่วยด้วยซ้ำ(แต่เสียสงขลากับนครศรีไปก่อนแล้วทัพใหญ่ลงมาช่ยตีคืน)

ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว อ่านหนังสือมาตั้ง 20 กว่าปีแล้ว ใจความหลักๆ ชนะได้เพราะใช้ยุทธศาสตร์กับความสามัคคีของหัวเมืองเล็กเมืองใหญ่เป็นหลัก ลองหาในกูเกิ้ลดูนะครับ
เข้าร่วม: 10 Apr 2015
ตอบ: 1909
ที่อยู่: ห้องขังหมายเลข 7
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:31 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
มันอาจจะเป๋นเรื่อวเเต่งผสมเรื่องจริงก็ได้นะ ประวั้ติศาสตร์เเบบไทยๆ
เข้าร่วม: 06 Feb 2008
ตอบ: 826
ที่อยู่: เทวากับซาตาน นางมารกับเทพบุตร เศษมนุษย์กับปถุชน สัตว์สังคมกับศพเดินดิน
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:37 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
HanGzManN พิมพ์ว่า:
lordkillerSS พิมพ์ว่า:
HanGzManN พิมพ์ว่า:
เคย เรียนตอนนั้น ครูบอกว่า น้องชาย ร.1 ท่านเก่งมากก นำกำลังทหาร โจมตีแบบกองโจนปล้นสะดม พม่า ตลอด

ครูเล่า ว่า พระเจ้าตากสิน ร.1 และ น้อง ร.1 คือ บุคคน สำศัญ ในช่วง นั้นเลยนะครับ  

พระเจ้าตาก OK เก่งมากๆ แต่สมัย ร.1 ท่านได้สิ้นไปแล้ว
ร.1 ก็คือเพื่อนสนิทของพระเจ้าตาก เก่งพอๆกัน
ตัวละครลับ น้องของ ร.1 ท่านนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ท่านคือใครหรอครับ  


ผมจำชื่อ น้องร.1 ไม่ได้นะครับ คือ ครูผมคนเนี้ย แกก้เก่งมากๆ นะเรื่อง ประวัตศาสตร์
คือมันมีเรื่องเล่าหลายสาเหตุมากนะครับ ของพระเจ้าตากเดียวจะแบ่งๆเอา ผมไม่ยื่นยันนะครับว่าคือเรื่องจริงเพราะครูผมเค้าก้บอกมาแบบนั้น

1. ร1 ต้องตัดสิ้นใจ ฆ่า พระเจ้าตาก เพราะท่านเป็นบ้า ไม่งั้นเดียวบ้านเมืองจะไม่สงบ ละสถาปนาเป็น ร1
2. ร1 ไม่ได้ฆ่า พระเจ้าตาก นำตัวท่านและลูก ไป หลบ ซ้อน และสถาปนาเป็น ร1

และมีเรื่องเล่าด้วยว่า แม่ทัพให้พม่า เคยทัก ร1 ตั้งแต่ตอนเป็น มือขวา ของพระเจ้าตากว่า
มีอะไรบ่างอย่างอยู่ในตัวและจะได้เป็นใหญ่ ในต่อไป


แกบอกว่า น้อง ร.1 เสียชิวิตก่อน ไม่งั้นอาจได้เป็น ร2 ต่อจาก ร1 เลย


สงครามเก้าทัพนี้ เดียวต้องนึกๆ ก่อนนะครับ จำได้แค่ ว่า ทัพ ร1 อะ อยุ่ในเมืองหลวง คอย ส่งกำลังไปช่วย 3-4 ทัพ ที่แยกกันไป ป้องกัน ทาง เหนือบาง กลางบ้างอะครับ  


คนทัก ร1 คือ อะแซวุ่นกี้ ทักไว้ตั้งแต่สงครามปลายอยุธยาแล้ว ตอนนั้น ร1 ยกทัพไปยันไว้ที่ทางเหนือ พม่าตียังไงก็ไม่แตกจน อะแซวุ่นกี้ต้องขอดูตัวแล้วยกทัพกลับ

ส่วนน้องร1ที่เป็นอุปราชคือ พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท

เรื่องพระเจ้าตากน่ะเยอะ ประวัติศาสตร์ที่เป็นความจริงเค้าว่ากันว่า พระที่จะสอบเลื่อนขั้นเปรียญจะมีบทร้องกรองที่ต้องต้องท่องให้ผ่าน บทนี้แหละจะมีเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ถูกแต่งเติม
เข้าร่วม: 12 Oct 2013
ตอบ: 3584
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 6:51 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
ผมว่าหลายปัจจัยนะ เริ่มต้นก็ไม่ดีแล้ว ตั้งแต่ทางหัวเมืองเบงกอลจัดเสบียงให้ไม่ทัน พระเจ้าปดุงท่านก็ซัดหอกใส่แม่ทัพที่รับผิดชอบไปทีนึงแล้วก็ไม่ได้สนใจว่าทัพไม่พร้อม ก็ยังลุยหน้าต่อทั้งๆที่ทัพไม่พร้อม อาศัยจำนวนไว้ก่อน แล้วก็เจอแบบจรยุทธิ์หรือแบบกองโจรนี่ผมว่าหัวใจสำคัญเลย เครดิตนี่ผมว่าสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทสำคัญมาก ตอนรบกันยกแรก ทำให้พม่าติดช่องเขา ท่านก็ใช้วิธีกองโจรปล้นไปตอดไปเรื่อยๆ จะเดินหน้าก็ไม่ได้ โดนข้างหน้าตึงไว้ ทัพใหญ่ก็มาเสริมไม่ได้ จากที่ผมดูจูมงต่อให้คนเยอะขนาดไหน ศัตรูมีจำนวนน้อยแต่อยู่ในทำเลที่ดีกว่า เชี่ยวชาญภูมิศาสตร์กว่าก็จะได้เปรียบมาก ยิ่งเจอกองโจรดักปล้น เสบียงก็ลดลงๆ ทหารก็เสียขวัญ สุดท้ายถอยทัพกลับหมด อันนี้ดูจากจูมงนะ 555 จากที่อ่านดูประวัติศาสตร์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทนี่ท่านมีบทบาทมากจริงๆ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1808
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:02 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่า นอกจากไทยตอดเล็กตอดน้อย พม่าตอนบนโดนทัพจีนบุกประชิดด้วยเลยต้องถอนทัพไปตั้งรับ คุ้นๆว่างี้ จริงเท็จยังไงรอผู้รู้
เข้าร่วม: 22 Oct 2009
ตอบ: 496
ที่อยู่: อยู่ที่ไหนหัวใจฉานนนนนนน
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:09 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
ถึงจะบุกมาหลายทางแต่จุดที่ทางเราวางยุทธศาสตร์เป็นจุดหลักมีเพียง2-3จุด โดยเน้นที่ทัพหลักๆของพม่า ส่วนทัพอื่นส่งกำลังไปแค่ประวิงเวลาไม่ให้เข้ามาถึงพร้อมกัน สุดท้ายทำสงครามจรยุทธจนทัพใหญ่รับความเสียหายไม่ได้ต้องยกกลับ ทัพรองอื่นๆจึงต้องถอยกลับไปด้วยตามระเบียบ
เข้าร่วม: 20 Dec 2009
ตอบ: 6600
ที่อยู่: รังสิต//รับซื้อขายคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม// https://www.facebook.com/groups/1575482702665318/
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:10 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
IL KaarK พิมพ์ว่า:
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่า นอกจากไทยตอดเล็กตอดน้อย พม่าตอนบนโดนทัพจีนบุกประชิดด้วยเลยต้องถอนทัพไปตั้งรับ คุ้นๆว่างี้ จริงเท็จยังไงรอผู้รู้  

จีนหรืออังกฤษครับท่าน ผมเคยได้ยินว่าช่วงนั้น อังกฤษเข้ายึดพม่า และก็ครองมายาวเลยนะ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
เข้าร่วม: 21 Apr 2006
ตอบ: 1471
ที่อยู่: Gotham city, Metropolis, Central city, Star city, Coast city
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:21 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
1 จุดยุทธศาสตร์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
2 ความสามารถของกษัตริย์ ขุนนาง พระบรมวงศานุวงศ์
3 ยุทธวิถีของการรบแบบกองโจร
4 ศัตรูไม่พร้อมสู้ หวังแต่เพียงพวกเยอะ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
5 ศัตรูโดนศัตรูอีกด้านประชิดเมืองอยู่ มีความพะวงหน้า พะวงหลัง
6 รู้ภูมิศาสตร์ รู้ฤดูกาล จึงได้เปรียบกว่า
เข้าร่วม: 14 Mar 2015
ตอบ: 10329
ที่อยู่: Family : Ranunculaceae
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:36 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท(พระอนุชา) เป็นตัวแปรสำคัญในสงคราม 9 ทัพ
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97
ตั้งทัพสกัดในจุดทางผ่าน ใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์เพื่อลดความได้เปรียบ ทหารคะฉิ่น+คะยะ จึงเลือกตั้งค่ายรับเพราะเสียเปรียบด้านภูมิประเทศ เพราะเคยชินกับการตั้งรับในแนวเขา

พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่า จึงดำริถึงความถนัดสั่งให้ก่อป้อมสูงและให้ย้ายปืนใหญ่ขึ้นไปประจำบนแท่น ศึกในคราวนั้นพม่าจึกพลิกมาได้เปรียบ เพราะยึดครองอากาศ ให้การยิงแบบมุมสูง (Projectile) เพื่อเพิ่มระยะทำการ

สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ตัดสินใจเปิดประตูค่ายในช่วงฟ้าสางทำทีจะปล้นค่าย แต่แฝงอุบายพาปืนใหญ่ไปด้วย พอได้ระยะใกล้ปืนใหญ่ก็ยิงถล่มโคนป้อม ป้อมที่สูงจึงยิงมุมกดต่ำไม่ถนัด ป้อมถล่มล้มทับกำแพงค่ายเสียหายหลายแห่ง สมเด็จพระบวรฯ จึงควบม้าบุกฝ่าไปในแนวกำแพงที่พังเข้าปล้นค่ายได้ในคราวนั้น และทำให้พม่าถอยไปตั้งค่ายไกลขึ้น

เมื่อพม่าตั้งรับอยู่แต่ในค่าย และทัพหลวงยกมาหนุน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดให้ พระองค์เจ้าขุนเณร แต่งกองโจรปล้นตัดเสบียง ..เมื่อทัพหลวงมากดดัน ประกอบกับทัพหน้าที่พระเชษฐานำปล้นค่ายเป็นระยะๆ และโดนพระองค์เจ้าขุนเณรปล้นเสบียงอยู่เป็นประจำ ทำให้พม่าตัดสินใจถอยทัพกลับไป..

เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 105
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:36 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
มีสมาชิกเคยแปะเมื่อนานมาแล้วครับ ประวัติตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ

http://www.soccersuck.com/boards/topic/1144773
เข้าร่วม: 18 Sep 2006
ตอบ: 1596
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 7:44 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
Spoil
สาเหตุที่ไทยรบชนะพม่า

1.การวางแผนที่ผิดพลาดของพม่า

กองทัพพม่าซึ่งนำโดยพระเจ้าปดุงอังวะมีการวางแผนที่ผิดพลาด กล่าวคือ มีการแยกทัพออกไปมากถึงเก้าทัพ ทำให้กองทัพที่มีกำลังถึงแสนสี่หมื่นคนต้องแบ่งกำลังคนออกเป็นทัพเล็กทัพน้อยทำให้ไม่สามารถใช้กำลังคนจำนวนมากให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เมื่อทัพไทยที่มีกำลังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งคือเพียงแค่เจ็ดหมื่นคน(ทัพที่ลาดหญ้าสามหมื่นคน)แต่รวมกำลังเข้าจู่โจมทัพหลวงที่เป็นหัวใจหลักของทัพพม่าทำให้ทัพหลวงส่วนหน้าพ่ายแพ้ไปในที่สุด

อีกสิ่งหนึ่งคือการแบ่งเป็นหลายทัพและกระจายกันออกไป ในพื้นที่ที่ห่างไกลกัน ทำให้การนัดหมายรวมพลไม่เป็นไปตามที่กำหนด ทัพหลวงที่มาทางด่านเจดีย์สามองค์ซึ่งเป็นทางสะดวกและใกล้แหล่งรวมพลคือเมาะตะมะมาถึงก่อน ทัพที่มาทางราชบุรีต้องข้ามเทือกเขาบรรทัดมาซึ่งเป็นทางทุรกันดารนัก ก็มาช้ามากทัพหลวงแตกไปแล้วเพิ่งยกมาถึง ทัพที่ยกมาตีหัวเมืองเหนือและใต้ ถึงแม้จะมาเร็วแต่ไม่ได้รับคำสั่งให้มารวมพลที่กรุงเทพและไม่รู้ข่าวกันและกัน เมื่อทัพกลางแตกไปทัพเหนือและใต้ก็ไม่รู้ ได้แต่ทำหน้าที่ของตนไป เมื่อทัพใหญ่ของไทยยกไปตีก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด

ถ้าพม่าจะแก้ไขเรื่องข่าวสารระหว่างกองทัพควรตั้งสถานีนกพิราบสื่อสารไว้ตามแนวเทือกเขาบรรทัดในฝั่งพม่า จะได้คอยส่งหนังสือบอกข่าวระหว่างทัพให้รู้กันโดยไวโดยกองทัพส่งกลับมาที่สถานีแล้วส่งข่าวต่อไปยังทัพที่ใกล้ที่สุด หรือถ้าไกลนักก็ให้ส่งต่อไปยังสถานีอื่นต่อกันเป็นทอดๆ หรืออย่างน้อยก็ควรมีม้าเร็วส่งข่าวระหว่างทัพจึงจะเป็นการดี

2กลยุทธอันชาญฉลาดของฝ่ายไทย

ในสมัยที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีทัพไทยจะใช้รูปแบบการรบอยู่สองอย่างคือ
1.ถ้าข้าศึกมีกำลังน้อยจะยกทัพออกไปรับนอกพระนคร
2.ถ้าข้าศึกมีกำลังมากกว่ามาก จะตั้งรับอยู่ในพระนครรอจนฤดูน้ำหลากให้ข้าศึกยกทัพกลับไปเอง

ซึ่งทั้งสองกลยุทธนี้ก็ใช้ได้ผลตลอดจนมาเมื่อคราวก่อนกรุงแตก ทัพพม่าได้เตรียมเสบียงอาหารเอาไว้อย่างดี และมีการต่อแพและสร้างค่ายบนที่ดอนไม่ยกกลับไปเมื่อฤดูน้ำหลาก จึงสามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้แต่คราวสงครามเก้าทัพนี้ ฝ่ายไทยได้ใช้ยุทธวิธีใหม่คือ การยกทัพใหญ่ออกไปรบกับพม่าถึงชายแดน ทำให้พม่าต้องหยุดอยู่ที่ทุ่งลาดหญ้าหน้าด่านเจดีย์สามองค์ทำให้ทัพอื่นๆที่ตามหลังมาต้องหยุดตามไปด้วย กลยุทธนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวิเคราะห์ไว้ว่าเปรียบเสมือนการปิดตรอกตีพม่า1 ซึ่งก็คือทัพไทยไปตั้งค่ายดักพม่าอยู่ทุ่งลาดหญ้าหน้าด่านเจดีย์สามองค์ซึ่งเป็นช่องเขา เปรียบเสมือนเป็นตรอก ทัพพม่ายกมาเจอทัพไทยตั้งดักอยู่ ก็ต้องหยุดทัพตั้งค่ายทัพพม่าอื่นๆที่ตามมาข้างหลังก็ต้องหยุดตั้งค่ายเรียงรายกันอยู่ในช่องเขาบรรทัด เดินหน้าต่อไปไม่ได้ด้วยทัพไทยขวางอยู่เสียแล้ว อีกทั้งการตั้งค่ายก็ตั้งอยู่ตามเชิงเขาซึ่งเป็นที่ทุรกันดาร การคมนาคมขนส่งไม่สะดวก ทำให้ถูกตีชิงเสบียงระหว่างทางขนส่งได้ง่าย

แผนการนี้มีที่มาจาก หลังจากที่ทางพระนครทราบข่าวการเคลื่อนทัพของพม่าจากใบบอกของหัวเมืองเหนือใต้และกองมอญลาดตระเวนแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเรียกประชุมพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางข้าราชบริพาร ให้มาหารือเรื่องการรับศึกพม่า แต่การหารือครั้งนี้ไม่มีการบันทึกรายงานการประชุมไว้ทำให้ไม่สามารถทราบรายละเอียด แต่พอจะคาดการจากการกระทำได้ว่าจะยกทัพไปจัดการทัพหลวงของพม่าที่ด่านเจดีย์สามองค์ก่อน แล้วค่อยไปจัดการกับส่วนอื่นๆทีหลังดังจะเห็นได้จากหลังจากที่ทัพกรมพระราชวังบวรฯเสร็จศึกทางด่านเจดีย์สามองค์แล้วก็ทรงยาตราทัพขึ้นไปทางเหนือ เมื่อจัดการกับทัพพม่าทางเหนือแล้วก็ทรงเสด็จลงเรือล่องลงใต้สู่แหลมมลายูจัดการกับทัพพม่าที่เหลือต่อไป

ยุทธวิธีนี้เปรียบเสมือนการรักษาคนป่วยที่เจ็บหลายที่ จะรักษาให้หายได้นั้นต้องรักษาส่วนที่เห็นว่าหนักหนาสากรรจ์เสียก่อนเพื่อรักษาชีวิตแล้วจึงค่อยไปรักษาส่วนอื่นๆที่เจ็บน้อยกว่า

3ขวัญกำลังใจและกำลังรบ

ขวัญกำลังใจของทหารเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้กองทัพรบชนะถ้าทหารมีขวัญกำลังใจดีมีความฮึกเหิมในการรบการบชนะก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าทหารหมดอาลัยท้อแท้ไม่อยากรบการที่จะรบชนะนั้นก็จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

แต่ในการรบนั้นจะเอาใจใส่แต่ขวัญกำลังใจทหารฝ่ายตนข้างเดียวไม่ได้ ต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะทำลายขวัญฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยกาทำให้ทหารมีขวัญกำลังใจในการรบนั้นมีทั้งการขู่และการปลอบ การขู่คือการลงโทษทหารที่กลัวไม่กล้ารบทำให้ทหารคนอื่นๆเกิดความเกรงกลัวการลงโทษยอมออกไปรบ ดังเช่นที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงให้สร้างครกกับสากใหญ่ไว้ในค่ายสามสำรับสำหรับโขลกพวกที่หนีไม่กล้าสู้พม่า

ส่วนการปลอบนั้นคือการใช้ถ้อยคำปลุกใจหรือการกระทำของตัวผู้นำที่ทำให้ทหารเกิดความฮึกเหิมไม่เกรงกลัวข้าศึก ส่วนการทำลายขวัญข้าศึกคือการกระทำใดๆก็ตามที่ทำให้ข้าศึกเกิดความขลาดกลัวไม่กล้ารบซึ่งในสงครามเก้าทัพนี้ ข้าศึกเริ่มขลาดกลัวฝ่ายไทยเมื่อครั้งที่พม่าต่อหอรบเอาปืนใหญ่ขึ้นตั้งยิงมายังค่ายไทย กรมพระราชวังบวรฯจึงทรงให้นำปืนลูกไม้ตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรีออกมาตั้งเรียงรายหน้าคายระดมยิงท่อนไม้ถล่มค่ายพม่าบ้าง ก็ถูกหอรบและป้อมค่ายพม่าหักพังลง อีกทั้งปืนลูกไม้ของไทยใช้ลูกเป็นไม้ทำให้ลำกล้องไม่ร้อนยิงได้เรื่อยๆ และปืนใหญ่โบราณก็เป็นกระสุนวิถีราบเมื่อหอรบพม่าหักพังก็ไม่สามารถจะยิงตอบโต้กับไทยได้

อีกตอนหนึ่งคือ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงมีความเป็นห่วงจึงยกทัพหลวงมาจนถึงค่ายไทยที่ลาดหญ้า พม่ามองลงมาจากหอรบลงมาเห็นทหารหลายหมื่นยกมาเพิ่มเติมก็เกิดความขยาดขลาดกลัว อีกทั้งกรมพระราชวังบวรฯทรงดำริแผนทำลายขวัญพม่าได้อีกโดยลอบนำทัพออกจากค่ายลาดหญ้า
ไปพักทัพอยู่ที่เมืองกาญจนบุรีในเวลากลางคืนแล้วยกพลกลับตอนรุ่งสางทำทีว่าเป็นทัพหนุนยกมาเพิ่มเติม และทำเช่นนี้ทุกวัน ฝ่ายพม่าเห็นดังนั้นจึงสำคัญว่าเป็นทัพหนุนยกมาเพิ่มทุกวันจึงเกิดความขลาดกลัวไม่กล้าออกรบได้แต่ตั้งอยู่ในค่ายเมื่อถูกทัพไทยระดมตีจึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด

พระเจ้านโปเลียนมหาราชเคยกล่าวไว้ว่า”กองทัพต้องเดินด้วยท้อง”ซึ่งหมายถึงว่ากองทัพจะมีกำลังรบอยู่ได้ ทหารในทัพต้องมีอาหารกินจนอิ่ม เมื่อทหารกินจนอิ่มแล้วจึงจะมีแรงรบแต่ถ้าไม่มีอาหารกิน ทหารอยู่อย่างอดอยากการที่จะรบชนะนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เช่นเดียวกันในศึกสงครามเก้าทัพ กรมพระราชวังบวรฯทรงให้พระองค์เจ้าขุนเณรเป็นผู้นำกองโจร คุมพล๑,๕๐๐คนไปตีตัดเสบียงพม่าที่ส่งมาจากทัพหลังทำให้ทัพหน้าของพม่าที่มารบกับไทยขาดเสบียงและอดอาหาร ไม่มีแรงรบ และทัพไทยยังได้เสบียงและช้าง ม้า วัวที่ขนเสบียงของพม่าอีกด้วย มีครั้งหนึ่งทัพหลวงพม่าให้เอาเสบียงบรรทุกช้างกว่าหสิบเชือกทหารหาบหามเสบียงสามร้อยคนก็ถูกกองโจรไทยตีชิงได้หมด

ถ้าพม่าต้องการแก้ไขตรงนี้ทัพพม่าต้องจัดกองกำลังคุ้มกันเสบียงมากหน่อย ต้องให้มากกว่ากองโจรไทย อย่างน้อยต้องมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคนของกองโจรไทย หรือวางกลศึกล่อลวงให้กองโจรไทยมาตีชิงเสบียงโดยซุ่มทหารล้อมจับก็อาจแก้ปัญหาการตีตัดเสบียงได้

4ความพร้อมในการรบ

ในการทำสงครามนั้นฝ่ายที่มีความพร้อมมากกว่าก็เท่ากับว่ามีชัยชนะไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ดังนั้นการเตรียมพร้อมรบจึงเป็นสิ่งสำคัญมากดังคำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ว่า ”ถ้ารักสงบจงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ” ซึ่งหมายความว่าถ้าต้องการจะอยู่อย่างสงบต้องมีการเตรียมพร้อมในการรบเมื่อมีภัยสงครามมาจะได้สามารถป้องกันเอาไว้ได้

ในสงครามเก้าทัพนี้ถ้าดูจากกำลังพลพม่ามีมากกว่าไทยกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ทัพไทยก็ยังสามารถเอาชนะทัพพม่าได้ ในการรบนั้นจำเป็นต้องมีปัจจัยในการรบที่ดีจึงจะสามารถเอาชนะข้าศึกได้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้แก่

1.กำลังพล
2.ยุทธโธปกรณ์
3.เวลา
4.ภูมิประเทศ
5.ผู้นำ
6.การดำเนินกลยุทธ
7.การส่งกำลังบำรุง

ถ้าพิจารณาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์จะเห็นได้ว่าทัพพม่าจะเหนือกว่าไทยแค่กำลังพลเท่านั้น ส่วนปัจจัยด้านอื่นๆทัพไทยไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าทัพพม่าเลยบางอย่างอาจดีกว่าด้ายซ้ำสิ่งที่ทัพไทยเหนือกว่าอาจแจกแจงได้ดังนี้

1.ยุทธโธปกรณ์-ยุทธโธปกรณ์ในการรบในสมัยก่อนนั้นส่วนใหญ่ก็คล้ายๆกันคือมีดาบ ปืนคาบศิลา ปืนใหญ่ เป็นต้น แต่ทัพไทยมีปืนลูกไม้ที่ใช้ยิงท่อนไม้ ถึงแม้อานุภาพไม่ร้ายแรงนักแต่สามารถยิงทำลายหอรบและกำแพงค่ายได้ อีกทั้งยังยิงได้ต่อเนื่องเพราะลำกล้องจะร้อนช้ากว่าใช้กระสุนปืนใหญ่

2.เวลา- ทัพไทยทราบข่าวเร็วจากกองมอญลาดตระเวนและใบบอกจากหัวเมืองว่าพม่าตั้งทัพเตรียมยกมาตี ทำให้ทางฝ่ายไทยมีเวลาเตรียมตัวคิดกลยุทธรับศึกและเรียกระดมพล เมื่อทัพพม่ามาถึงลาดหญ้านั้นทัพไทยได้มาตั้งทัพรอยู่ถึงสิบห้าวันแล้ว

3.ภูมิประเทศ-ทัพไทยรู้จักใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ในการรบและการเดินทาง ทัพไทยเดินทางมาทางเรือซึ่งเร็วกว่าทัพพม่าที่มาทางบกต้องฝ่านป่าและภูเขา

4.ผู้นำ- ทัพไทยมีผู้นำที่ชาญฉลาดเป็นทัพหน้าคือกรมพระราชวังบวรฯส่วนทัพหน้าของพม่าคือเมียนหวุ่นแมงยี่กับเมียนเมหวุ่นไม่อาจสู้กรมพระราชวังบวรฯได้ถึงแม้ทัพพม่าจะมีแม่ทัพมากแต่ทัพหน้ามีเพียงสองคนนี้เท่านั้น พระเจ้าปดุงเองก็อยู่ทัพหลวงซึ่งห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรไม่อาจบัญชาทัพได้

5.การดำเนินกลยุทธ-ฝ่ายไทยรู้จักใช้ยุทธวิธี”ปิดตรอกตีพม่าซึ่งได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น ที่เป็นการใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ และยังมีการตีชิงเสบียงเพื่อทอนกำลังข้าศึก อีกทังใช้กลศึกลวงพม่าให้เข้าใจผิดว่ามีทัพหนุนมาเพื่อทำให้ข้าศึกเสียขวัญและไทย ยังสามารถดำเนินกลยุทธได้เหมาะสมทุกขั้นตอนคือ

5.1 ขั้นตอนดำเนินการตั้งรับด้วยการเข้ายึดพื้นที่ๆเกือกูลการปฏิบัติเสียก่อน คือการเข้ายึดพื้นที่ทุ่งลาดหญ้า
5.2 การวางกำลังในแนวต้านทานหลักคือการตั้งทัพหน้าดักทัพพม่าที่ทุ่งลาดหญ้าบริเวณหน้าด่านเจดีย์สามองค์
5.3 การจัดหน่วยระวังป้องกันเป็นกองรักษาด่านรบ เพื่อสังเกตการเข้ามาของข้าศึกคือการจัดกองมอญไปขัดตาทัพ
5.4 เมื่อข้าศึกรุกเข้ามาบีบข้าศึกให้เข้าไปอยู่บนเขาอันเป็นพื้นที่ๆจะใช้ปืนใหญ่ยิงคือการดึงข้าศึกมาเข้าพื้นที่สังหารแบบคล่องตัว
5.5 ทำให้ข้าศึกอ่อนกำลังบอบช้ำและเสียขวัญคือการตีตัดเสบียง การลวงข้าศึกและการยิงปืนใหญ่รบกวน
5.6 กลับทำการรุกโดยดำเนินการตามหลักการเข้าตีโดยครบถ้วนคือ
-ใช้ปืนใหญ่ยิงตัดรอนกำลังและยิงรบกวนข้าศึก -ทำให้ข้าศึกอ่อนกำลังลงด้วยวิธีดังกล่าวมาแล้ว -เข้าตีข้าศึกอย่างรุนแรงและฉลับพลัน1

ด้วยยุทธวิธีทั้งหมดนี้ทำให้ไทยสามารถเอาชนะทัพพม่าได้ในที่สุด

นอกจากนี้ทัพพม่ายังทำผิดหลักพิชัยสงครามอีกหลายประการเช่นที่ปากพิงทัพพม่าตั้งค่ายหันหลังให้แม่น้ำเมื่อถูกทัพไทยรุกไล่ก็ไม่มีทางหนีต้องหนีลงแม่น้ำทำให้จมน้ำตายหลายร้อยคน และที่ราชบุรีก็ไม่มีการตรวจตราลาดตระเวนทั้งๆที่ตั้งค่ายอยู่ห่างค่ายไทยเพียงแค่๕กิโลเมตรก็ยังไม่รู้(อันนี้ทัพไทยก็ด้วยเหมือนกัน)
5กองทัพพม่าประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติและตั้งค่ายในป่าทำให้ป่วยกันมาก

ตอนที่พระเจ้าปดุงทรงรวบรวมกำลังพลนั้น ทรงเกณฑ์พลมาจากเมืองประเทศราชที่ตีมาได้ด้วย ทั้งมอญรามัญ ยะไข่ ไทยใหญ่ และมณีบุระ ทำให้กองทัพที่มีกำลังถึงแสนสี่หมื่นคนนั้นอาจไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด นอกจากนั้นการที่พม่าตั้งทัพในป่าที่มียุงชุมทำให้ทหารป่วยเป็นไข้ป่า(มาลาเรีย)กันมาก มีบันทึกไว้ว่าไพร่พลพม่าเจ็บไข้ตายลงกันทุกๆกองทัพ

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นคือสาเหตุว่าทำไมทัพไทยที่มีกำลังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งจึงสามารถเอาชนะทัพพระเจ้าปดุงที่ยกพลมากันมหาศาลได้ และยังเป็นบทเรียนสำคัญให้แก่พม่าในการแก้ไขข้อบกพร่องในการเข้ามาตีไทยครั้งต่อไป นั่นคือสงครามครั้งที่สองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์สงครามท่าดินแดงนั่นเอง
--------------------

"บรรพบุรุษของสยามประเทศนั้น ได้เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต และความลำบากยากเข็ญเข้าแลก เพื่อ

รักษาเอกราชของชาติไทยเราไว้ ดังนั้นพวกเราควรจะสามัคคีกัน สมานฉันท์กัน อย่าให้ความบาดหมาง

เล็ก ๆ น้อย ๆ มาทำให้คนไทยแตกความสามัคคีกัน"
 
เข้าร่วม: 19 Dec 2006
ตอบ: 1446
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 8:03 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
คนมากกว่า เคลื่อนตัวช้า กินเยอะ ช้างกิน ม้ากิน น้ำ และข้าว

กว่าจะเดินทางจากพม่ามาไทย แต่ละทางผ่านหัวเมืองแข็งๆของไทยหลายจุด หลายหมู่บ้าน
ผมเชื่อเรื่องคงกระพัน วิชาอาคมต่างๆที่คนไทยเสียสละเพื่อให้ลูกหลานได้มีแผ่นดินอยู่

ผมว่าการสื่อสารพม่าคงไม่ดี และไทยก็คงเก่งและขอความช่วยเหลือจากพวกหัวเมืองที่ไม่ขึ่นกับใครมาช่วยต้านทัพพม่า คงประมาณสู้ยิบตาจนผ่านวิกฤตนั้นมาได้


เข้าร่วม: 25 Jun 2007
ตอบ: 4666
ที่อยู่: ชายละเบื่อไม่อยากจะพูด
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 8:08 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
ถ้าลุงกี้ไม่ยกทัพกลับ ไทยเสียกรุงครั้งสองแน่นวล


3สิ จขม ไม่แผล่บไม่แก้นะเนี่ย
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 304
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 8:33 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
สงคราม 5 ทัพก็สร้างเป็นหนังแล้วนะครับ หาดูได้ เมื่อปีที่แล้วเอง
เข้าร่วม: 16 Jul 2007
ตอบ: 14724
ที่อยู่: โกโรโฮ ประเทศจีน
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 9:14 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
AiEkta พิมพ์ว่า:
สงคราม 5 ทัพก็สร้างเป็นหนังแล้วนะครับ หาดูได้ เมื่อปีที่แล้วเอง  



5 ทัพ ?????
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 293
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Aug 07, 2016 10:05 pm
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
ปัจจัยสู่ชัยชนะของสยามในสงคราม 9 ทัพ ส่วนหนึ่งนอกจากความสามารถของเหล่าแม่ทัพ แล้วยังมีเรื่องการขาดแคลนเสบียงอย่างหนักของกองทัพพม่าด้วยครับ

เห็นได้จากเมื่อแรกวางแผนบุกพระเจ้าปดุงสั่งให้แม่ทัพเมงยีเมงข่องกะยอไปรวบรวมเสบียงที่เมาะตะมะ ทว่ารวบรวมได้ไม่เพียงพอกับกองทัพจึงทำให้พระเจ้าปดุงพิโรธมากถึงกับจับเมงยีเมงข่องกยอฆ่าเสีย แล้วพอเปลี่ยนตัวเเม่ทัพปัญหาเสบียงก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้อยู่ดี แถมครั้งนี้ยังแย่กว่าเพราะไม่มีใครกล้าทูล ทัพพม่าเลยยกทัพมาทั้ง ๆ ที่เสบียงร่อยหรออย่างนั้น สุดท้ายเมื่อทัพหน้าถูกกองทัพกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาถยันไว้ได้ที่ช่องเขาขยับไปไหนไม่ได้ สุดท้ายเสบียงใกล้หมด ซ้ำร้ายเมื่อทัพหลวงพระเจ้าปดุงมาสมทบ เสบียงที่ร่อยหรออยู่แล้ว ก็แทบไม่เหลือ สุดท้ายยังไงก็ต้องถอนทัพกลับไปอย่างบอบช้ำ กองทัพอื่น ๆ ก็โดนเหล่าแม่ทัพสยามตีแตกกลับไปทุกทิศทาง

ศึก 9 ทัพ ยังไม่น่ากลัวเท่าศึกต่อไปที่ท่าดินแดง เพราะกองทัพพม่าแก้ไขปัญหาเสบียงและมีเตรียมการมาพอสมควร แล้วก็แพ้ฝีมือทัพสยามอย่างไร้ข้ออ้าง สยามยึดได้อาวุธปืนใหญ่น้อยได้ทั้งหมด ถึงขนาดมีบันทึกว่าหากยกตามไปก็คงยึดได้ถึงอมรปุะเมืองหลวงพม่าเวลานั้น
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1628
ที่อยู่: Brazilia , Brazil
โพสเมื่อ: Mon Aug 08, 2016 12:06 am
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
lordkillerSS พิมพ์ว่า:
IL KaarK พิมพ์ว่า:
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่า นอกจากไทยตอดเล็กตอดน้อย พม่าตอนบนโดนทัพจีนบุกประชิดด้วยเลยต้องถอนทัพไปตั้งรับ คุ้นๆว่างี้ จริงเท็จยังไงรอผู้รู้  

จีนหรืออังกฤษครับท่าน ผมเคยได้ยินว่าช่วงนั้น อังกฤษเข้ายึดพม่า และก็ครองมายาวเลยนะ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ  

พม่าเป็นคู่กัดกับจีนตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วครับ เราเป็นแค่หอกข้างแคร่เท่านั้นเอง ตอนตีกรุงแตกเค้าถึงรีบเผารีบกลับ เพราะติดศึกกับจีนอยู่
ส่วนตอนพม่าเสียเมืองให้อังกฤษ ตรงกับสมัย ร.5 ครับ ลองหาหนังสือมาอ่าน สนุกมาก หรือไม่ก็รอดูละครเรื่อง เพลิงพระนาง ก็ได้ครับ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1628
ที่อยู่: Brazilia , Brazil
โพสเมื่อ: Mon Aug 08, 2016 12:11 am
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
สงครามเก้าทัพ เคยทำเป็นละครนะครับ ผมเคยดูตอนเด็กๆ มากเลย วันก่อนก็เห็นมีใน Youtube อยู่นะ

เจอละครับ
เข้าร่วม: 20 Dec 2009
ตอบ: 6600
ที่อยู่: รังสิต//รับซื้อขายคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม// https://www.facebook.com/groups/1575482702665318/
โพสเมื่อ: Mon Aug 08, 2016 8:58 am
[RE: ว่าด้วยเรื่องสงคราม9ทัพสมัย ร.1]
Lady.Kaka พิมพ์ว่า:
สงครามเก้าทัพ เคยทำเป็นละครนะครับ ผมเคยดูตอนเด็กๆ มากเลย วันก่อนก็เห็นมีใน Youtube อยู่นะ

เจอละครับ
 

อยากดูแบบหนังใหญ่ครับ ทำแบบ นเรศวรไปเลยคงมันน่าดู