จากฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เมื่อปี1980 ที่ทีมชาติอินทรีเหล็กคว้าแชมป์
เป็นสมัยที่ 2 (โดยครั้งแรกชนะเลิศเมื่อปี 1972)........
ผมขอแนะนำให้รู้จักนักฟุตบอล 2 คนในทีมชาติอินทรีเหล็กในชุดแชมป์นั้น
..ด้วยฝีเท้าที่ได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยมของทั้งคู่.....ทั้งในตำแหน่งกองกลาง
และศูนย์หน้าของอินทรีเหล็ก
คนหนึ่ง.....ด้วยความสามารถ ความประพฤติที่ดีเยี่ยม.....ทำให้ถูกยกย่องว่า
เป็น คิง ในวงการลูกหนังเยอรมัน
ส่วนอีกขั้วก็ยอดจอมทัพดาวรุ่ง...แต่เลือกที่จะเดินตามใจปรารถนาของตัวเอง
โดยไม่มีการสร้างภาพเอาใจใคร.....กับฉายา Enfant Terrible
คิง คัลเล่ กับ ขบถลูกหนัง ตัวจริงเสียงจริง คนนั้น..........
ถ้าจะกล่าวว่า จอมห้าวหัวเสือ สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก เป็นนักเตะหัวแข็ง
คนหนึ่งของวงการฟุตบอลอินทรีเหล็ก....คงไม่ผิดนัก......แต่ในยุค 80's
ก็ยังมียอดนักฟุตบอลอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวของตัวเองสูงปรี๊ดไม่แพ้กัน......
ขบถลูกหนัง :::Bernd Schuster::: แบรนด์ ชูสเตอร์
เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 1959 ที่เมือง Augsburg ทางใต้ของเยอรมนี
ด้วยความสูง183 เซนติเมตร หนัก 83 กิโลกรัม และฝีเท้าอันยอดเยี่ยมเข้าขั้น
ระดับโลกทั้งที่อายุน้อย ทำให้ตำแหน่งมิดฟิลด์ของทีมชาติอินทรีเหล็ก ตกเป็นของ
ชูสเตอร์โดยง่ายดาย
เริ่มต้นอาชีพกับทีม FC Augsburg เมื่ออายุ 16 ปี และได้ถูกเรียกให้ติดทีมชาติชุด U18 ในอีก 2 ปีต่อมา
........ด้วยฝีเท้าที่เกินอายุ ทำให้ ชูสเตอร์โดนจับจ้องตาเป็นมันจากแมวมองของทีม
จากบุนเดสลีก้า แล้วก็เป็นทีมแพะผยอง FC Cologne คว้าตัวขบถลูกหนังรายนี้ไปในปี 1978 ขณะอายุ ไม่เต็ม 19 ปีดีด้วยซ้ำ
ด้วยฝีเท้าที่ชูสเตอร์สำแดงให้ยลในชุด แพะผยอง ประตูทีมชาติก็เปิดต้อนรับ
และก็เป็น จุ๊ปป์ แดร์วัลล์ ที่ออกมาโบกมือหยอยๆ ชวนยอดมิดฟิลด์พรสวรรค์
ติดทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเมื่อปี 1980
.... ทัวร์นาเม้นท์ที่อิตาลีนี้...ชูสเตอร์แจ้งเกิดได้อย่างง่ายดาย......โดยเฉพาะนัดชิงชนะเลิศที่เจอกับ เบลเยี่ยม ปีศาจแดงแห่งยุโรปชูสเตอร์ พร้อมเพื่อนร่วมทีม "ยักษ์โขมด"
ฮอร์ท ฮรูเบช
ที่ช่วยกันเป็นฮีโร่พาทีมเยอรมันตะวันตกคว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์ 2-1...........
แล้วการผจญภัยต่างแดนก็เริ่มต้นขึ้น...หลังจากเกิดความขัดแย้งกับโคโลญจน์
ชูสเตอร์เลือกที่จะออกไปค้าแข้งในลา ลีก้า
บาร์เซโลน่าเป็นทีมที่ชูสเตอร์ เลือกที่ร่วมหอลงโรงด้วย ในปี 1980...
แต่ก็ด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมทำให้ "เทพบุตรผมบลอนด์" (อีกฉายา) ประเดิมแชมป์
สแปนิชคัพเป็นรายการแรก.. ในถิ่นคัมป์นูชูสเตอร์พาทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา 1 สมัย
แชมป์บอลถ้วย 1 สมัย และแชมป์คัพวินเนอร์สคัพอีก 1 สมัย
รวมเวลา 8 ปีที่ค้าแข้งให้กับทีมแห่งคาตาลุนญ่า
และเพื่อตอกย้ำว่าฉายา ขบถลูกหนัง ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย...ชูสเตอร์เลือก
ที่จะไปใช้ชีวิตพ่อค้าแข้งต่อที่ "รีล มาดริด" เมื่อปี 1988
ลงเล่นให้ราชันชุดขาว 2 ซีซั่น ชูสเตอร์คว้าแชมป์ ลา ลีกา ไปทั้ง
2 ฤดูกาลและแชมป์สแปนิชคัพอีก 1 สมัย (ฝีเท้าก็ยังการันตีได้ถึงความสำเร็จอยู่ดี)
แอบนินทากันว่าเป็นเพราะขัดแย้งกับประธานสโมสร... ชูสเตอร์จึงย้ายทีม
อีกครั้ง.......และถ้าจะให้มันสมฉายา... ทีมที่จะย้ายไปอยู่ด้วยจะเป็นทีมใดไปไม่ได้
นอกเสียจาก แอตเลติโก้ มาดริด (เอากับเค้าสิ) แถมยังพาทีมต้นสังกัดสอย
แชมป์บอลถ้วย 2 สมัย...แต่คงไม่ต้องเดาอีก 2 ปีก็ย้ายออกเหมือนเดิมเหตุจากความ
ขัดแย้งกับสโมสรเช่นเดิม......
เมื่อเบื่อชีวิตในแดนกระทิงดุ ชูสเตอร์จึงเลือกที่จะกลับมาเล่นในถิ่นเกิดอีกครั้ง......
เป็นไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ชูสเตอร์ เลือกที่จะเล่นให้ในปี 1993 และก็เช่นเคย
คราวนี้เป็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเอริค ริบเบ็ค ผจก. ทีม ในช่วงเวลานั้น.....
ชูสเตอร์ตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1997 หลังจากล้มเหลวจากการค้าแข้งในเม็กซิโก
จึงหันมาจับงานในอาชีพโค้ชจนถึงปัจจุบัน............
สโมสรในอาชีพโค้ชของชูสเตอร์
Fortuna Cologne (1997-1998)
FC Cologne (1998-1999)
Barcelona (Spa/technical advisor/2000-2001)
Jerez (Spa/D2/2001-2003)
Shakhtar Donetsk (Ukr/since 2003)
Levante (2004-2005)
Getafe (2005- )
เกียรติประวัติ
ติดทีมชาติชุดใหญ่ 21 ครั้ง (โดยฝีเท้าน่าจะติดถึงหลัก 100 ไม่ยาก)
ชุด 21 ปี 1 ครั้ง
ชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี 10 ครั้ง
แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1980
แชมป์ลาลีก้า 3 ครั้ง (1985, Barcelona,1989-1990 Real Madrid)
แชมป์ Spanish Cup (1981, 1986, 1987, 1988, 1991)
แชมป์ Spanish League Cup (1983, 1986)
แชมป์ Spanish Supercup (1983, 1988, 1989)
สโมสรที่เคยค้าแข้ง
FV Hammerschiede Augsbourg, FC Augsbourg,
FC Cologne (1978-80), Barcelona (Spa/1980-88),
Real Madrid (Spa/1988-90), Atletico Madrid (Spa/1990-93),
Bayer Leverkusen (1993-96), UNAM-Mexico (9 matches in 1997)
ถึงแม้ว่า ชูสเตอร์ จะเป็นนักเตะหัวแข็ง.... เป็นขบถลูกหนังตัวจริงคนหนึ่ง
แต่ด้วยความเป็นอัจริยะในเชิงฟุตบอล..เขาก็ทำให้โลกของฟุตบอลได้มีสีสัน
ในฉากหนึ่งที่ชูสเตอร์เป็นตัวแสดง........
บาร์เซโลน่าซื้อ Bernd Schuster ด้วยค่าตัวเป็นสถิติใหม่ของสโมสรเอฟซี โคโลญจน์
ในขณะที่ฟุตบอลโลก 1982 ที่สเปนกำลังคอยอยู่ แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น
เมื่อเขาขัดแย้งกับพอล ไบร้ท์เนอร์ และคาร์ล ไฮนซ์ รุมมินิกเก้ เขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางการทำทีม และปฏิเสธการเล่นให้ทีมชาติหลายๆ ครั้ง ที่ไม่ได้เป็นแมทช์สำคัญๆ
Bern Schuster เป็นดาวดวงใหม่ในทีมบาร์เซโลน่า ในขณะที่จุ๊ปป์ แดร์วัลล์
(โค้ชทีมชาติ-บุนเดส เทรนเนอร์)
ต้องการเขาเป็นอย่างมากในฟุตบอลโลก 1982 แต่ก็กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เมื่อ Schuster ป่วยเป็นโรคกระเพาะ จนปฏิเสธการเล่นทีมชาติอีกครั้งและไม่ได้มาแจ้งให้สมาคมทราบ เขาโกรธแดร์วัลล์มากที่พูดว่าเขาไม่ได้ป่วยจริง และไม่เรียกชูสเตอร์
มาติดทีมชาติอีกในนัดต่อๆ มา
หลายเดือนต่อมา Schuster เล่นได้อย่างเยี่ยมยอดในฟุตบอลการกุศลของ Unicef
เมื่อ FC Barcelona พบกับทีมรวมดาราที่นู แคมป์ จุ๊ปป์ แดร์วัลล์ ได้พบว่า Schuster
นั้น เยี่ยมยอดเพียงไรในตำแหน่งมิดฟิลด์ และได้เห็นว่า ทีมชาตินั้นต้องการ Schuster เพียงใด
Schuster กลับคืนสู่ทีมชาติอีกครั้ง แต่ก็ยังไปมีปัญหาอีก คราวนี้มีปัญหากับอูลี่ สตีลิเก้
และผู้เล่นหลายๆ คน เริ่มไม่พอใจในพฤติกรรมของ Schuster และผู้จัดการทีม
แต่ละแม็ทช์ที่เล่นในทีมชาติ บรรยากาศมีแต่ปัญหาและความขัดแย้ง
Schuster ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในทีมชาติ หลายๆ แม็ทช์ เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุด
และทำประตูได้อีกด้วย แต่ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นอีก Schuster เดินทางไปแข่งแม็ทช์
กระชับมิตรกับบราซิล
ในขณะที่ทางทีมบาร์เซโลน่าไม่เห็นด้วยนัก เมื่อจะต้องเตะกับรีล แมดริด ในอีก
สองวันถัดมา
Schuster ตัดสินใจที่จะลงแข่งในแม็ทช์นี้เพียงครึ่งเดียว หลังจากการแข่งขัน เขาและภรรยาที่ตั้งท้องอยู่
ปฎิเสธที่ไปร่วมงานปาร์ตี้ของสุดหล่อ ฮันซี่ มุลเลอร์ ที่โรงแรม เพื่อกลับไปพักผ่อนและเดินทางกลับ
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น จุ๊ปป์ แดร์วัลล์โกรธมาก และกล่าวโจมตี Schuster และภรรยาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
หลังจากนั้น Schuster บาดเจ็บหนัก และกลับมาฝึกซ้อมกับบาร์เซโลน่าได้อย่างเยี่ยมยอด
และไม่คิดถึงเรื่องการติดทีมชาติอีก จุ๊ปป์ แดร์วัลล์ และผู้เล่นส่วนใหญ่กล่าวว่าไม่ต้องมี Bernd Schuster
ก็เป็นแชมป์บอลโลกได้ แต่ทีมเยอรมันก็ต้องแพ้อิตาลี ในนัดชิงชนะเลิศ
ระหว่างที่อยู่ในสเปน โทนี่ ชูมัคเก้อร์ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของ Schuster พยายามจะประสานรอยร้าว
ระหว่าง Schuster แดร์วัลล์ และพอล ไบร๊ท์เน่อร์ พี่เบิ้มของทีมชาติ แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง
แม้นอยแบร์เกอร์ ประธานเดเอฟเบจะยื่นมือเข้ามาช่วย ก็ไม่เป็นผล
นั่นแหละ ขบถลูกหนัง...เรื่องของเขายังมีอีกยาว
ในขณะที่ Schuster โชว์ฟอร์มได้อย่างเยี่ยมยอด เป็นกำลังหลักในทีมบาร์เซโลน่า
แต่ทีมชาติเยอรมันต้องล้มเหลวในฟุตบอลยุโรป 1984 ทำให้ BECKENBAUER
ก้าวเข้ามาเป็นบุนเดสเทรนเนอร์คนใหม่ แต่เบคเคนเบาวร์ไม่สนใจที่จะเจรจากับ Schuster
เพื่อดึง Schuster ช่วยทีมชาติไปเตะบอลโลกที่เม็กซิโก ในปี 1986 ถึงแม้ว่า Schuster
จะเป็นนักเตะยอดเยี่ยมอันดับสามของยุโรป ในปี 1985 ก็ตามที
เรื่องราวต่าง ๆ ของ Schuster เกี่ยวกับการสร้างสรรค์เกมอันชาญฉลาด ความเยี่ยมยอด
ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุด หลังจากยุคของไกเซอร์ ฟร้านซ์ เบคเคนเบาวร์
เป็นยอดนักเตะที่ทุกทีมต้องการ แต่สำหรับโค้ชทีมชาติอย่างเบคเค่นเบาวร์แล้ว
เขาไม่ชอบ Schuster ก็เท่านั้นเอง
ทีมชาติเยอรมันพ่ายแพ้อีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ ทั้งฟุตบอลโลก 1986, ฟุตบอลยุโรป 1988
จนมาสมหวังได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1990 นับเป็นเป็นเวลา 10 ปี พอดีหลังจากที่ได้แชมป์ยุโรป เมื่อ 1980
ไกเซอร์ ฟร้านซ์ นำถ้วยมาให้แฟนบอลชาวเยอรมันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าฟอร์มในครั้งนั้น จะธรรมดาๆ
ชนะอาร์เจนติน่าของมาราโดน่าได้เพียง 1-0 จากลูกจุดโทษของเบรห์เม่ แต่ก็ทำให้แฟนบอลเยอรมัน
ลืมชื่อ Bernd Schuster ไปได้สนิท ความสำเร็จของเขากับการได้เล่นในยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่า
และรีล แมดริด จะมีนักเตะเยอรมันคนไหนทำได้ แต่ก็ไม่ทำให้แฟนบอลสนใจเท่าการได้แชมป์โลก
ทีมชาติกับ Bernd Schuster จึงเหมือนเป็นเส้นขนานกัน
เครดิต : คุณกิมเฮง และ No.10 จาก Pantip
