#### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน soccersuck.com####

25 June 2016 04:13 PM by jedi

เลก 2 ลุ้นระทึก !!!

ฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2016” เตะจบครึ่งฤดูกาลแรกไปได้แค่ 2 วัน เกมเลกที่ 2 หรือครึ่งฤดูกาลหลังก็เริ่มเตะต่อทันที แบบว่าไม่ต้องพักให้หายใจหายคอกันเลย

เกมเลก 2 ที่จะมีอีก 17 นัดสุดท้ายให้ทุกทีมได้ชิงชัยจะเริ่มกันตั้งแต่วันที่ 25-26 มิ.ย.นี้เลย ต้องบอกว่าทุกนัดจากนี้น่าดูในระดับ 5 ดาวครับท่านผู้ชม

ต้องบอกอย่างนี้เพราะแต่ละทีมเสริมทัพและเปลี่ยนแปลงทีมกันแบบน่าดูมากๆ ทีมเงินมากขยับมาก ทีมเงินน้อยขยับน้อย ทุกๆทีมมีการปรับแต่งทีมกันตามสรรพกำลังที่มี

แน่นอนว่าในกลุ่มลุ้นแชมป์คงจับตามอง “แชมป์เลกแรก” ที่เป็นเต็งจ๋าจะคว้าแชมป์อย่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เสริมทัพได้แบบน่ากลัวสุดๆ

สโลแกนของทีมฤดูกาลนี้คือ “เดอะ ดรีมทีม” เพราะอุดมไปด้วยผู้เล่นทีมชาติไทย เฉพาะทีมชาติชุดใหญ่มีเกือบครบ 11ตัวจริง แถมในเลก 2 ยังได้ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทยมาเสริม รวมถึงล่าสุดได้ “เก่ง” อดิศร พรหมรักษ์ ไปอีกราย

ขณะที่ ซูมาโฮโร ยายา อดีตนักเตะขวัญใจของสาวก “กิเลนผยอง” ก็กลับมาสู่ทีมอีกครั้งทำให้ทุกขุมกำลังพลของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ช่างแข็งแกร่งเสียจริงๆ และไม่รู้ว่าใครจะหยุดสถิติชนะรวดของพวกเขาได้หลังจากเก็บชัยมาแล้ว 12 นัดรวด

ด้านทีมที่ร่วมลุ้นแชมป์ก็ไม่ธรรมดา “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 ได้กองหน้าระดับพระกาฬ กิลเบอร์โต มาเชนา มาล่าตาข่าย เรียกว่าเติมเกมรุกเต็มที่จะเอาแชมป์ให้ได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะห่วงแนวรับจึงดึง ปรัชญ์ สมัคราษฏรณ์ มาช่วยอีกแรง

ส่วนขุมกำลังรายอื่นยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะดีกรีทีมชาติไทยอย่าง สรรวัชญ์ เดชมิตร และ 3 ประสานต่างชาติทั้ง ดราแกน บอสโควิค, มาริโอ ยูรอฟสกี และ เจย์ซี จอห์น ออควูวานเน

ขณะที่ “แชมป์เก่า” ที่ฟอร์มตกแบบแทบไม่เหลือรายในเลกแรกอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะได้ ดิอาโก หลุยส์ ซานตา ดาวซัลโวจากฤดูกาลที่แล้วชาวบราซิลกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง พร้อมกับนักเตะใหม่ระดับเกรด เอ บี ซี ที่กวาดเข้ามาเสริมทีมอีกเพียบ

ที่น่าจับตามองมากๆคงจะเป็น 2 ตัวใหม่อย่าง บรูโน โมไรรา กองหน้าที่สั่งเข้ามาจากโปรตุเกส และ อเลกซานเดอร์ ซีกฮาร์ต นักเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมันที่เคยเป็นเด็กในสังกัด “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค นอกจากนั้น จิตปัญญา ทิสุด ยังถือเป็นนักเตะไทยที่ถูกคาดหมายว่าน่าจะมีโอกาสแจ้งเกิดมากที่สุด

ส่วนทีมอื่นๆ เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ “บีจี” บางกอกกล๊าส ที่เลกแรกจบอันดับ 3 จะได้ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ คุมทีมแบบขัดตาทัพแทน “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ที่รับความกดดันไม่ไหวลาออกไป

“บีจี” ดึงนักเตะใหม่ที่สร้างชื่อในลีกไทยมานานอย่าง คาลิฟ่า ซิสเซ และ โรแมง กัสมี ไปร่วมทีม ขณะที่นักเตะไทยได้ จักรพันธ์ พรใส ไปลากลุยตรงริมเส้น ส่วนดาวยิงอย่าง อาเรียล อารยา โรดริเกวซ ก็ยังอยู่ ดูแล้ว บางกอกกล๊าส ก็ยังถือว่าเป็นทีมที่กาชื่อทิ้งไม่ได้

แต่ทีมที่น่าจะถูกจับตามองมากที่สุดคือ “กว่างโซ้ง” เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เลกแรกได้อันดับ 5 เสริมผู้เล่นดีๆ ไปเยอะแยะมากมายอาทิ ประทุม ชูทอง, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, มงคล ทศไกร, บดินทร์ ผาลา แถมล่าสุดได้ ลาซารัส คาอิมบี ไปอีกคน

ดูสถานการณ์จากแต้มในตารางคะแนนและตัวผู้เล่นต่างๆแล้วคาดว่าการลุ้นแชมป์ไม่น่าจะหนีไปจาก 5 ทีมที่ว่านี่ เพราะโอกาสสอดแทรกของทีมอื่นถือว่ายากจริงๆ แต่ใช่ว่าจะลุ้นกันไม่สนุกเพราะแต่ละทีมก็ต้องลุ้นกันไปตามสภาพของตัวเอง

“ฉลามชล” ชลบุรี ที่ได้ อดุล หละโสะ กลับมาก็ต้องทำผลงานให้ดีกว่าเดิมเพื่อเรียกศรัทธาแฟนบอลกลับมา หรือ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี ที่ลงทุนไปเยอะก็เปลี่ยนตัวผู้เล่นไปมาก คงต้องดูว่าคุ้มการลงทุนหรือไม่ และน่าสนใจว่า ริคาร์โด โรดริเกวซ จะได้เป็นโค้ชจนจบฤดูกาลมั้ย

ส่วนท้ายตาราง “บิ๊กแบง” บีบีซียู ทีมบ๊วยต้องเล่นหนีตกชั้นทุกนัดไม่งั้นคงต้องกลับไปดิวิชั่น 1 ขณะที่ทีมรองบ๊วย “นกใหญ่” ชัยนาท ฮอร์นบิล ต้องดู “โค้ชอ๊วก” วรกรณ์ วิจารณ์ณรงค์ ว่าจะร่ายมนต์กู้วิกฤติทีมไม่ให้ตกชั้นได้หรือเปล่า

เช่นเดียวกับ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ที่ต้องพาทีมอยู่รอดให้ได้ในสถานการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงทีมใหม่จากโอสถสภา เอ็ม 150 สมุทราปราการ ไปเป็น “ซุปเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการ”!!!

ส่วนทีมอื่นๆอย่าง “สวาทแคท" นครราชสีมา มาสด้า, “ตะหานน้ำ” ราชนาวี, “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน และ “โลมาสีน้ำเงิน” พัทยา ยูไนเต็ด ทีมเหล่านี้ยังประมาทต่อการลุ้นหนีตกชั้นไม่ได้เหมือนกัน

เชื่อว่าเกม 17 นัดสุดท้ายจะเป็นอะไรที่มันส์ถึงใจพระเดชพระคุณท่านมากกว่าเลกแรกแน่นอน ตามลุ้นตามเชียร์กันครับว่าทีมไหนจะเข้าป้ายหรือจอดป้าย.....

“บับเบิ้ล”

zerossi, Neto