ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Apr 2009
ตอบ: 16060
ที่อยู่: Promised Land
โพสเมื่อ: Tue May 31, 2016 17:04
[RE: หยุดเรื้อนผมครับ ผมยังไม่อยากโดนแบน ยูโรใกล้เตะแล้ว ]
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
เหมือนจะมีสาระ

เชลซี 2012 นี่ยังไงถึงจะไม่สมศักดิ์ศรี เส้นทางดราม่า คัมแบคโหดๆตั้งหลายรอบ

มาดริด 2014 ก็ยิงชาวบ้านกระจุยกระจาย เหนือกว่าแบบเอกฉันท์

ผีแดง 2008 ก็สมนะ มาในฐานะทีมที่ดีที่สุดของปีนั้น

จะมีที่ดูจืดชืดก็ปีล่าสุดนี่แหละ 2016

ไม่มีเรื่องราวอะไรเด่นๆ เท่าไหร่ จับสลากก็เจอบอลรองบ่อนแบบชัดเจน
โรม่างี้ อาจจะน่าตื่นเต้นกับแค่โวล์ฟบวร์ก

หักด่านเรือ ก็จืดชืด แล้วเรือก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลย

มาดริดปีนี้ก็ไม่ได้ท็อปฟอร์ม ไม่หวือหวาอะไร มาได้แชมป์ตอนท้ายไปแบบยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่ทีมที่โชว์ฟอร์มโหดสุดๆ ก็ต้องมีเรื่องดราม่าสุดๆ แบบเชลซี หรือลิเวอร์พูลได้

ส่วนตัวมองว่า 2016 เป็น UCL ที่มีเรื่องราวน้อยไปหน่อย  


ผมว่าเชลซีปี 2012 นี่แหละครับ ที่ดูด้อยกว่าทีมอื่นๆ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าได้แชมป์มาอย่างง่ายดายนะครับ ก็พยายามเหมือนทีมอื่นนั่นแหละ


ที่บอกว่าด้อยกว่าทีมอื่นๆก็เพราะ

1. อันดับในลีก ถ้าจำไม่ผิดฤดูกาลนั้นจบที่อันดับ 6
2. ปีถัดมา ทั้งแชมป์ ซูเปอร์คัพของยูฟ่า (เจอกับบิลเบารึเปล่าจำไม่ได้) ทั้งแข่งสโมสรโลก ทีมชุดนี้แพ้ทั้งสองถ้วย
3. ปีถัดมาตกรอบแบ่งกลุ่ม UCL

คือถ้ามองในแง่การแข่งขันเฉพาะ UCL ปีนั้น ทีมเชลซีทีมนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะแหละครับ แต่ถ้ามองเรื่องอื่นๆ ด้วยก็จะเห็นว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่ทีมที่แกร่ง เหมือนกับแชมป์ปีอื่นๆ  


จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ

แต่ผมกลับชอบนะ ที่เชลซีเป็นแชมป์แบบนั้น เพราะว่า ปีหลังๆ แชมป์ UCL นี่จะชอบมาแบบ triple ข้ามาคนเดียวไรงี้

ผมรู้สึกว่ามันเพอเฟคท์ไป เกินหน้าเกินตาไรงี้ (ถ้าไม่ใช่ทีมรักนะ) มีทีมได้แชมป์แบบทุลักทุเลแบบนี้ก็ดีไปอย่าง

แต่เรอัล นี่ คือมันตัวเต็งอยู่แล้ว แต่เส้นทางดูเรียบไปหน่อย แล้วผ่านแต่ละรอบก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าประทับใจนัก(ในมุมคนกลางนะ) ที่ระทึกหน่อยก็กับโวล์ฟบวร์ก ซึ่งก่อนหน้านั้นใครๆ ก็มองว่าต้องผ่านได้อยู่แล้ว

ปล.แต่เชลซีชุดนั้นก็แปรปรวนจริงๆล่ะครับ
ชิงซูเปอร์ คัพ แอต มาดริดครับ
 


หลังๆมา ช่องว่างแต่ละทีมมันเยอะครับ ต้องทำใจ

ส่วน UCL ปีนี้คู่ ไฮไลท์จริงๆ คือ บาร์เยิร์น กับ ยูเวนตุส รอบ 16 ทีมเลยครับ

อีกอย่างปีนี้ โค้ชที่ได้เล่น UCL ลึกๆ ส่วนมากก็มีแต่พวก ประสบการณ์น้อยทั้งนั้น

มีเป๊บคนเดียวที่ดูเก๋าในเวทีนี้หน่อย(ถึงจะอายุน้อยก็ตาม)

ผิดกับเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่มีทั้ง คาเปลโล่ ลิปปี้ เฟอร์กี้ พี่แจ้ เดลบอสเก้ ปู่จุ๊บ ลุงกุ๊ด หรือ แม้แต่ มูกับ ราฟา ก็ตาม  


ใช่ครับ ต้องคู่ที่ว่านั้นเลย

เสือใต้ กับ ตราหมีก็มันส์ใช่เล่น

อย่างที่ท่านว่า ช่องว่างมันห่างกันจริงๆ รอบรอง แทบจะหน้าเดิมๆ มาหลายปีติด

แต่ก็ดีนะ โค้ชหน้าใหม่ในวันนี้ ก็จะได้เป็นโค้ชเก๋าๆในวันต่อไป

ส่วนตัวก็รอคอยให้ฟุตบอลกลับมาสมดุลยิ่งขึ้น ไม่ผูกขาดเท่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเวทียุโรป

พวกยักษ์หลับจากกัลโช่ กับ EPL ให้กลับมาในสักวัน  


EPL มองว่าปัญหาหลักอยู่ที่การที่มีบอลถ้วยถึง สองถ้วยคือ เอฟเอ และคาร์ลิ่ง

ทำให้ตารางเวลามีปัญหาครับ ถ้าตัดเหลือแต่ FA Cup ได้เดี๋ยวผลงาน ใน UCL ก็ดีขึ้นมาเอง

ส่วน Serie A ผมมองว่าถ้าไม่มีแชมป์ในเร็ววัน จะ UCL หรือ ยูโรป้า ก็ดี จะน่าเป็นห่วงเอา

อีกอย่างนึงไม่ใช่แค่เรื่องลีก แต่เป็นเรื่องโครงสร้านพื้นฐาน ของทีมชาติเยาวชนของอิตาลี่ด้วย

เมื่อก่อนนั้น (1990-2000) อิตาลี่ชุดเล็กนี่เป็นทีมอันดับต้นๆ ของโลกเลยครับ  


การเล่นหลายถ้วยก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ EPL เสียเปรียบ ลา ลีกา และบุนเดส (บุนเดสยิ่งสบายกว่า เตะ 34 นัด)

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าเตะ 4 ถ้วย เลยก็คือ ไม่มีหนีหนาว
จุดนี้แหละ ที่กินพลังมากกว่าเล่น 4 ถ้วย เพราะบอลลีก คัพ ส่วนใหญ่ก็โรเทชั่นกันอยู่แล้ว และก็จบกันไปก่อนฤดูกาลจบหลายเดือนอยู่

แต่มาเตะบอลหน้าหนาวจัด ในขณะที่คนอื่นเขาไปพักผ่อนนี่มันหนักกว่ากันมาก
ลีกอื่นไปเก็บพลัง แต่อังกฤษมาเตะช่วงคริสมาสต์ ถี่ๆ โอกาสเจ็บก็เพิ่มตาม สภาพจิตใจก็มีส่วนเพราะ คริสมาสต์คือเวลาสำคัญ ลองคิดภาพทำงานไม่ได้หยุดปีใหม่ เป็นอะไรที่หนักมาก

ก่อนหน้านี้พรีเมียร์มี นักเตะเทพๆ แบบโรนัลโด้ เบล ฯลฯ แต่ตอนนี้ไปอยู่ ลา ลีกาแล้ว

อีกหนึ่งตัวอย่างว่า 4 ถ้วยไม่ใช่เหตุผลหลักคือ ช่วง2005-2012 ลีกอังกฤษก็ยังชิงได้ตลอด เพราะงั้นการดรอปลงมาเป็นเรื่องของคุณภาพมากกว่า ทีมมีนักเตะระดับเทพจริงๆ สู้ฝั่งนั้นไม่ได้

อิตาลี ปัญหาภาพรวมคือ มีแค่ยูเว่ทีมเดียว เรื่องเงิน อาจจะต้องรออีกนานกว่าจะฟื้น
แล้วก็โครงสร้างพื้นฐานอย่างที่ท่านว่า อิตาลีผลิตนักเตะเกรดท็อปได้น้อยกว่าแต่ก่อน  



ไอ้นักเตะคุณภาพน้อยลงก็มีส่วนครับ


จะว่าไงดีล่ะ บอร์ดสโมสรในอังกฤษสู้ บอร์ดของ ลาลีก้า กับ บุนเดนไม่ได้จริงๆนะครับ

เอาง่ายๆ คือการเลือกนักเตะ จะเห็นได้ว่าส่วนมากจะซื้อมาเกินราคาซะส่วนใหญ่


ปี 2005-2012 ที่ทีมจากอังกฤษได้เข้าชิงบ่อยก็เกี่ยวกับบอลสี่ถ้วยครับคือ

1. ลิเวอร์พูลปีนั้น ไม่ได้หวังแชมป์ลีกอยู่แล้ว (จบอันดับห้า) และราฟา บ้าโรเตชั่นด้วย
2. อาร์เซน่อล ปีนั้นก็พุ่งเป้าไปที่ UCL เป็นหลักเหมือนกัน (จบอันดับ สี่)
3. Liverpool 2007 ราฟาก็บอกเองว่า ทีมเค้าทำขึ้นมาเพื่อบอลถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นหลัก (แชมป์ลีกเรื่องรองว่างั้น)
4. Man UTD ทีมที่เข้าชิง 3 ครั้ง จะเห็นได้ว่า เฟอร์กี้ ไม่เน้นบอลถ้วยในประเทศเลย (แพ้แต่ทีมรองบ่อน ทีมกลางตารางซะเยอะ แก้ไขผมด้วยถ้าผมจำอะไรผิดพลาดไปนะครับ)
5. เชลซี 2012 ก็เน้นไปที่ถ้วย UCL เลย


จะเห็นได้ว่าทีมจาก EPL ที่เข้าชิงจริงๆ คือเค้ารู้จักจัดความสำคัญด้วยครับ

ทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ผมว่าได้แชมป์น้อยกว่าที่ควรในรอบ 10 ปี ก็คือ ไม่เน้นไปที่ถ้วยใดถ้วยหนึ่งอย่างดีพอ (ดีหน่อยก็ เอฟเอ สองปีติด)

เรื่องเบรคหนีหนาวก็สำคัญ


ผมอยากให้ดู ลิเวอร์พูล กับ มิลาน 2007 เป็นตัวอย่างครับ

ทั้งสองทีม ไม่ใช่ทีมที่เล่นบอลลีกได้ดีเลย แต่พุ่งเป้าไปที่ UCL เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ส่วนเรื่องที่บอกว่า หลังมาๆ มีแต่มาแบบ Triple แชมป์นี่ต้องดู Passion ของแต่ละทีมจริงๆครับ

พวก บาร์ซ่า อินเตอร์ 2010 บาร์เยิร์น มาดริด 2014 (ดับเบิ้ลแชมป์)
พวกนี้คือทีม ที่บอร์ดบริหาร มีความพร้อมในการสนับทีมอย่างเต็มที่ครับ (พร้อมทั้งเงิน และบุคลากรและแผนงาน)

แต่ทีมใน EPL มีบอร์ดไหนดีเท่าทีมพวกนี้บ้างล่ะ

Arsenal ...

Man city (เงินเยอะแต่ไม่ฉลาด)

Chelsea (เอาแต่ใจ นักเตะมีอิทธิพลต่อบอร์ดสูง)

Man UTD (ซื้อตัวช้าตลอด ซื้อมาไม่คุ้มราคา)

ETC...

ถ้า EPL แก้เรื่อง ค่าตัว และค่าเหนื่อยนักเตะเฟ้อจะดีมาก
เริ่มแก้ด้วยการ ลดเงินเดือน รูนีย์เลย
 


เห็นด้วยครับ มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความต่างของ ลา ลีกา กับ พรีเมียร์ในหลายๆปีที่ผ่านมา

ที่ท่านว่ามา จะมีแค่เชลซีอีกทีมครับ กับผีแดง ที่ไปไกลได้ทั้งลุ้นลีก และ UCL
(นอกจากผีแดง ก็มีเชลซีไปแวะๆ เวียนๆรอบรองบ่อยๆ)

ส่วนเรื่องคุณภาพที่ลดลงของ EPL นั้นก็มีทั้งเรื่อฝใน และนอกสนาม ผู้บริหารก็มีส่วน

อีกอย่างก็บริบท คือ ลา ลีกา บุนเดส ยักษ์ใหญ่ตบเด็กง่ายกว่า บอลขาดก็เก็บตัวได้ เกมขาดความเดือดก็ลดลง ปะทะ หรือเลี่ยงได้

อย่างถ้ามีเกม UCL รออยู่ ยังสามารถดรอปตัว ไว้เตะยุโรปได้ ส่วนในพรีเมียร์นั้น แต้มมันเกาะกลุ่ม จะทิ้งก็ลังเล (เลยต้องเลือกมุ่งสักถ้วยเหมือนที่ท่านว่า)

แต่ถ้าจะมองอีกมุมก็คือ แต่ละลีกก็มีช่วงเวลารุ่งเรืองของตัวเอง

ตอนพรีเมียร์รุ่ง มาดริดก็มืด
มาตอนนี้ ลา ลีการุ่ง พรีเมียร์ก็ต้องถอยฉากเป็นธรรมดา ส่วนบาเยิร์นผมว่าแค่อยู่ตัว เพราะไม่ได้แชมป์ใหญ่ ในบ้านนั้นของตายอยู่ละ

บอร์ด พรีเมียร์ ผมว่าคุณภาพน้อยกว่าชัดเจนอันนี้ใช่

ใช้เงินไม่ค่อยฉลาด หลังๆ นี้ใช่เลย เรื่องเงินเฟ้อคงลดลงยากเพราะมันเกี่ยวกับเม็ดเงินในลีกด้วย

ผมคิดว่าฤดูดาลถัดไป เป็นโอกาสกลับมาของพรีเมียร์ เพราะโค้ชมือดีหลายคนมารวมตัวกัน อาจเป็นตัวจุดปะทุให้พัฒนากันมากขึ้น
 


ปัญหานึงของทีมลาลีก้า ก็คือ ทีมเล็กๆ ใจไม่สู้เลยล่ะครับ พอโดนยิงเข้้าหน่อยก็ถอดใจล่ะ

ไม่งั้น โด้กับเมสซี่ยิงได้ไม่เยอะเท่านี้หรอก
 


ใช่ครับ

ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจกันเลยคือ ทีมใหญ่ชนะง่ายไป ผมไม่ได้จะดิสเครดิต แต่บริบทมาดริด บาร์ซ่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

แป๊บๆ 3-0 4-0 สบายตัว เล่นกันชิลๆ เปลีย่นตัว เก็บตัว โรเตชั่นเอาตัวสำรองลงมาเคาะสนิมได้

ส่วนตัวผมคิดว่า แม้มาดริด หรือบาร์ซ่า ย้ายมาเตะพรีเมียร์ ทั้งเมสซี่ และโด้ก็ไม่น่ายิงได้เยอะอย่างที่อยู่สเปน แต่อาจจะได้แชมป์อยู่
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2429
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 31, 2016 17:08
[RE: หยุดเรื้อนผมครับ ผมยังไม่อยากโดนแบน ยูโรใกล้เตะแล้ว ]
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
เหมือนจะมีสาระ

เชลซี 2012 นี่ยังไงถึงจะไม่สมศักดิ์ศรี เส้นทางดราม่า คัมแบคโหดๆตั้งหลายรอบ

มาดริด 2014 ก็ยิงชาวบ้านกระจุยกระจาย เหนือกว่าแบบเอกฉันท์

ผีแดง 2008 ก็สมนะ มาในฐานะทีมที่ดีที่สุดของปีนั้น

จะมีที่ดูจืดชืดก็ปีล่าสุดนี่แหละ 2016

ไม่มีเรื่องราวอะไรเด่นๆ เท่าไหร่ จับสลากก็เจอบอลรองบ่อนแบบชัดเจน
โรม่างี้ อาจจะน่าตื่นเต้นกับแค่โวล์ฟบวร์ก

หักด่านเรือ ก็จืดชืด แล้วเรือก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลย

มาดริดปีนี้ก็ไม่ได้ท็อปฟอร์ม ไม่หวือหวาอะไร มาได้แชมป์ตอนท้ายไปแบบยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่ทีมที่โชว์ฟอร์มโหดสุดๆ ก็ต้องมีเรื่องดราม่าสุดๆ แบบเชลซี หรือลิเวอร์พูลได้

ส่วนตัวมองว่า 2016 เป็น UCL ที่มีเรื่องราวน้อยไปหน่อย  


ผมว่าเชลซีปี 2012 นี่แหละครับ ที่ดูด้อยกว่าทีมอื่นๆ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าได้แชมป์มาอย่างง่ายดายนะครับ ก็พยายามเหมือนทีมอื่นนั่นแหละ


ที่บอกว่าด้อยกว่าทีมอื่นๆก็เพราะ

1. อันดับในลีก ถ้าจำไม่ผิดฤดูกาลนั้นจบที่อันดับ 6
2. ปีถัดมา ทั้งแชมป์ ซูเปอร์คัพของยูฟ่า (เจอกับบิลเบารึเปล่าจำไม่ได้) ทั้งแข่งสโมสรโลก ทีมชุดนี้แพ้ทั้งสองถ้วย
3. ปีถัดมาตกรอบแบ่งกลุ่ม UCL

คือถ้ามองในแง่การแข่งขันเฉพาะ UCL ปีนั้น ทีมเชลซีทีมนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะแหละครับ แต่ถ้ามองเรื่องอื่นๆ ด้วยก็จะเห็นว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่ทีมที่แกร่ง เหมือนกับแชมป์ปีอื่นๆ  


จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ

แต่ผมกลับชอบนะ ที่เชลซีเป็นแชมป์แบบนั้น เพราะว่า ปีหลังๆ แชมป์ UCL นี่จะชอบมาแบบ triple ข้ามาคนเดียวไรงี้

ผมรู้สึกว่ามันเพอเฟคท์ไป เกินหน้าเกินตาไรงี้ (ถ้าไม่ใช่ทีมรักนะ) มีทีมได้แชมป์แบบทุลักทุเลแบบนี้ก็ดีไปอย่าง

แต่เรอัล นี่ คือมันตัวเต็งอยู่แล้ว แต่เส้นทางดูเรียบไปหน่อย แล้วผ่านแต่ละรอบก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าประทับใจนัก(ในมุมคนกลางนะ) ที่ระทึกหน่อยก็กับโวล์ฟบวร์ก ซึ่งก่อนหน้านั้นใครๆ ก็มองว่าต้องผ่านได้อยู่แล้ว

ปล.แต่เชลซีชุดนั้นก็แปรปรวนจริงๆล่ะครับ
ชิงซูเปอร์ คัพ แอต มาดริดครับ
 


หลังๆมา ช่องว่างแต่ละทีมมันเยอะครับ ต้องทำใจ

ส่วน UCL ปีนี้คู่ ไฮไลท์จริงๆ คือ บาร์เยิร์น กับ ยูเวนตุส รอบ 16 ทีมเลยครับ

อีกอย่างปีนี้ โค้ชที่ได้เล่น UCL ลึกๆ ส่วนมากก็มีแต่พวก ประสบการณ์น้อยทั้งนั้น

มีเป๊บคนเดียวที่ดูเก๋าในเวทีนี้หน่อย(ถึงจะอายุน้อยก็ตาม)

ผิดกับเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่มีทั้ง คาเปลโล่ ลิปปี้ เฟอร์กี้ พี่แจ้ เดลบอสเก้ ปู่จุ๊บ ลุงกุ๊ด หรือ แม้แต่ มูกับ ราฟา ก็ตาม  


ใช่ครับ ต้องคู่ที่ว่านั้นเลย

เสือใต้ กับ ตราหมีก็มันส์ใช่เล่น

อย่างที่ท่านว่า ช่องว่างมันห่างกันจริงๆ รอบรอง แทบจะหน้าเดิมๆ มาหลายปีติด

แต่ก็ดีนะ โค้ชหน้าใหม่ในวันนี้ ก็จะได้เป็นโค้ชเก๋าๆในวันต่อไป

ส่วนตัวก็รอคอยให้ฟุตบอลกลับมาสมดุลยิ่งขึ้น ไม่ผูกขาดเท่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเวทียุโรป

พวกยักษ์หลับจากกัลโช่ กับ EPL ให้กลับมาในสักวัน  


EPL มองว่าปัญหาหลักอยู่ที่การที่มีบอลถ้วยถึง สองถ้วยคือ เอฟเอ และคาร์ลิ่ง

ทำให้ตารางเวลามีปัญหาครับ ถ้าตัดเหลือแต่ FA Cup ได้เดี๋ยวผลงาน ใน UCL ก็ดีขึ้นมาเอง

ส่วน Serie A ผมมองว่าถ้าไม่มีแชมป์ในเร็ววัน จะ UCL หรือ ยูโรป้า ก็ดี จะน่าเป็นห่วงเอา

อีกอย่างนึงไม่ใช่แค่เรื่องลีก แต่เป็นเรื่องโครงสร้านพื้นฐาน ของทีมชาติเยาวชนของอิตาลี่ด้วย

เมื่อก่อนนั้น (1990-2000) อิตาลี่ชุดเล็กนี่เป็นทีมอันดับต้นๆ ของโลกเลยครับ  


การเล่นหลายถ้วยก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ EPL เสียเปรียบ ลา ลีกา และบุนเดส (บุนเดสยิ่งสบายกว่า เตะ 34 นัด)

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าเตะ 4 ถ้วย เลยก็คือ ไม่มีหนีหนาว
จุดนี้แหละ ที่กินพลังมากกว่าเล่น 4 ถ้วย เพราะบอลลีก คัพ ส่วนใหญ่ก็โรเทชั่นกันอยู่แล้ว และก็จบกันไปก่อนฤดูกาลจบหลายเดือนอยู่

แต่มาเตะบอลหน้าหนาวจัด ในขณะที่คนอื่นเขาไปพักผ่อนนี่มันหนักกว่ากันมาก
ลีกอื่นไปเก็บพลัง แต่อังกฤษมาเตะช่วงคริสมาสต์ ถี่ๆ โอกาสเจ็บก็เพิ่มตาม สภาพจิตใจก็มีส่วนเพราะ คริสมาสต์คือเวลาสำคัญ ลองคิดภาพทำงานไม่ได้หยุดปีใหม่ เป็นอะไรที่หนักมาก

ก่อนหน้านี้พรีเมียร์มี นักเตะเทพๆ แบบโรนัลโด้ เบล ฯลฯ แต่ตอนนี้ไปอยู่ ลา ลีกาแล้ว

อีกหนึ่งตัวอย่างว่า 4 ถ้วยไม่ใช่เหตุผลหลักคือ ช่วง2005-2012 ลีกอังกฤษก็ยังชิงได้ตลอด เพราะงั้นการดรอปลงมาเป็นเรื่องของคุณภาพมากกว่า ทีมมีนักเตะระดับเทพจริงๆ สู้ฝั่งนั้นไม่ได้

อิตาลี ปัญหาภาพรวมคือ มีแค่ยูเว่ทีมเดียว เรื่องเงิน อาจจะต้องรออีกนานกว่าจะฟื้น
แล้วก็โครงสร้างพื้นฐานอย่างที่ท่านว่า อิตาลีผลิตนักเตะเกรดท็อปได้น้อยกว่าแต่ก่อน  



ไอ้นักเตะคุณภาพน้อยลงก็มีส่วนครับ


จะว่าไงดีล่ะ บอร์ดสโมสรในอังกฤษสู้ บอร์ดของ ลาลีก้า กับ บุนเดนไม่ได้จริงๆนะครับ

เอาง่ายๆ คือการเลือกนักเตะ จะเห็นได้ว่าส่วนมากจะซื้อมาเกินราคาซะส่วนใหญ่


ปี 2005-2012 ที่ทีมจากอังกฤษได้เข้าชิงบ่อยก็เกี่ยวกับบอลสี่ถ้วยครับคือ

1. ลิเวอร์พูลปีนั้น ไม่ได้หวังแชมป์ลีกอยู่แล้ว (จบอันดับห้า) และราฟา บ้าโรเตชั่นด้วย
2. อาร์เซน่อล ปีนั้นก็พุ่งเป้าไปที่ UCL เป็นหลักเหมือนกัน (จบอันดับ สี่)
3. Liverpool 2007 ราฟาก็บอกเองว่า ทีมเค้าทำขึ้นมาเพื่อบอลถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นหลัก (แชมป์ลีกเรื่องรองว่างั้น)
4. Man UTD ทีมที่เข้าชิง 3 ครั้ง จะเห็นได้ว่า เฟอร์กี้ ไม่เน้นบอลถ้วยในประเทศเลย (แพ้แต่ทีมรองบ่อน ทีมกลางตารางซะเยอะ แก้ไขผมด้วยถ้าผมจำอะไรผิดพลาดไปนะครับ)
5. เชลซี 2012 ก็เน้นไปที่ถ้วย UCL เลย


จะเห็นได้ว่าทีมจาก EPL ที่เข้าชิงจริงๆ คือเค้ารู้จักจัดความสำคัญด้วยครับ

ทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ผมว่าได้แชมป์น้อยกว่าที่ควรในรอบ 10 ปี ก็คือ ไม่เน้นไปที่ถ้วยใดถ้วยหนึ่งอย่างดีพอ (ดีหน่อยก็ เอฟเอ สองปีติด)

เรื่องเบรคหนีหนาวก็สำคัญ


ผมอยากให้ดู ลิเวอร์พูล กับ มิลาน 2007 เป็นตัวอย่างครับ

ทั้งสองทีม ไม่ใช่ทีมที่เล่นบอลลีกได้ดีเลย แต่พุ่งเป้าไปที่ UCL เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ส่วนเรื่องที่บอกว่า หลังมาๆ มีแต่มาแบบ Triple แชมป์นี่ต้องดู Passion ของแต่ละทีมจริงๆครับ

พวก บาร์ซ่า อินเตอร์ 2010 บาร์เยิร์น มาดริด 2014 (ดับเบิ้ลแชมป์)
พวกนี้คือทีม ที่บอร์ดบริหาร มีความพร้อมในการสนับทีมอย่างเต็มที่ครับ (พร้อมทั้งเงิน และบุคลากรและแผนงาน)

แต่ทีมใน EPL มีบอร์ดไหนดีเท่าทีมพวกนี้บ้างล่ะ

Arsenal ...

Man city (เงินเยอะแต่ไม่ฉลาด)

Chelsea (เอาแต่ใจ นักเตะมีอิทธิพลต่อบอร์ดสูง)

Man UTD (ซื้อตัวช้าตลอด ซื้อมาไม่คุ้มราคา)

ETC...

ถ้า EPL แก้เรื่อง ค่าตัว และค่าเหนื่อยนักเตะเฟ้อจะดีมาก
เริ่มแก้ด้วยการ ลดเงินเดือน รูนีย์เลย
 


เห็นด้วยครับ มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความต่างของ ลา ลีกา กับ พรีเมียร์ในหลายๆปีที่ผ่านมา

ที่ท่านว่ามา จะมีแค่เชลซีอีกทีมครับ กับผีแดง ที่ไปไกลได้ทั้งลุ้นลีก และ UCL
(นอกจากผีแดง ก็มีเชลซีไปแวะๆ เวียนๆรอบรองบ่อยๆ)

ส่วนเรื่องคุณภาพที่ลดลงของ EPL นั้นก็มีทั้งเรื่อฝใน และนอกสนาม ผู้บริหารก็มีส่วน

อีกอย่างก็บริบท คือ ลา ลีกา บุนเดส ยักษ์ใหญ่ตบเด็กง่ายกว่า บอลขาดก็เก็บตัวได้ เกมขาดความเดือดก็ลดลง ปะทะ หรือเลี่ยงได้

อย่างถ้ามีเกม UCL รออยู่ ยังสามารถดรอปตัว ไว้เตะยุโรปได้ ส่วนในพรีเมียร์นั้น แต้มมันเกาะกลุ่ม จะทิ้งก็ลังเล (เลยต้องเลือกมุ่งสักถ้วยเหมือนที่ท่านว่า)

แต่ถ้าจะมองอีกมุมก็คือ แต่ละลีกก็มีช่วงเวลารุ่งเรืองของตัวเอง

ตอนพรีเมียร์รุ่ง มาดริดก็มืด
มาตอนนี้ ลา ลีการุ่ง พรีเมียร์ก็ต้องถอยฉากเป็นธรรมดา ส่วนบาเยิร์นผมว่าแค่อยู่ตัว เพราะไม่ได้แชมป์ใหญ่ ในบ้านนั้นของตายอยู่ละ

บอร์ด พรีเมียร์ ผมว่าคุณภาพน้อยกว่าชัดเจนอันนี้ใช่

ใช้เงินไม่ค่อยฉลาด หลังๆ นี้ใช่เลย เรื่องเงินเฟ้อคงลดลงยากเพราะมันเกี่ยวกับเม็ดเงินในลีกด้วย

ผมคิดว่าฤดูดาลถัดไป เป็นโอกาสกลับมาของพรีเมียร์ เพราะโค้ชมือดีหลายคนมารวมตัวกัน อาจเป็นตัวจุดปะทุให้พัฒนากันมากขึ้น
 


ปัญหานึงของทีมลาลีก้า ก็คือ ทีมเล็กๆ ใจไม่สู้เลยล่ะครับ พอโดนยิงเข้้าหน่อยก็ถอดใจล่ะ

ไม่งั้น โด้กับเมสซี่ยิงได้ไม่เยอะเท่านี้หรอก
 


ใช่ครับ

ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจกันเลยคือ ทีมใหญ่ชนะง่ายไป ผมไม่ได้จะดิสเครดิต แต่บริบทมาดริด บาร์ซ่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

แป๊บๆ 3-0 4-0 สบายตัว เล่นกันชิลๆ เปลีย่นตัว เก็บตัว โรเตชั่นเอาตัวสำรองลงมาเคาะสนิมได้

ส่วนตัวผมคิดว่า แม้มาดริด หรือบาร์ซ่า ย้ายมาเตะพรีเมียร์ ทั้งเมสซี่ และโด้ก็ไม่น่ายิงได้เยอะอย่างที่อยู่สเปน แต่อาจจะได้แชมป์อยู่  


อย่าว่างั้นงี้เลย ผมว่าโด้โหดสุดคือตอนอยู่ ผีนะ

ไปมาดริดนี่รอยิงอะ

ขนาดอยู่ผีที่ผมว่าโหดสุด ในลีกยังยิงได้ไม่เกิน 30 ลูกเลย

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Apr 2009
ตอบ: 16060
ที่อยู่: Promised Land
โพสเมื่อ: Tue May 31, 2016 17:18
[RE: หยุดเรื้อนผมครับ ผมยังไม่อยากโดนแบน ยูโรใกล้เตะแล้ว ]
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
เหมือนจะมีสาระ

เชลซี 2012 นี่ยังไงถึงจะไม่สมศักดิ์ศรี เส้นทางดราม่า คัมแบคโหดๆตั้งหลายรอบ

มาดริด 2014 ก็ยิงชาวบ้านกระจุยกระจาย เหนือกว่าแบบเอกฉันท์

ผีแดง 2008 ก็สมนะ มาในฐานะทีมที่ดีที่สุดของปีนั้น

จะมีที่ดูจืดชืดก็ปีล่าสุดนี่แหละ 2016

ไม่มีเรื่องราวอะไรเด่นๆ เท่าไหร่ จับสลากก็เจอบอลรองบ่อนแบบชัดเจน
โรม่างี้ อาจจะน่าตื่นเต้นกับแค่โวล์ฟบวร์ก

หักด่านเรือ ก็จืดชืด แล้วเรือก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลย

มาดริดปีนี้ก็ไม่ได้ท็อปฟอร์ม ไม่หวือหวาอะไร มาได้แชมป์ตอนท้ายไปแบบยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่ทีมที่โชว์ฟอร์มโหดสุดๆ ก็ต้องมีเรื่องดราม่าสุดๆ แบบเชลซี หรือลิเวอร์พูลได้

ส่วนตัวมองว่า 2016 เป็น UCL ที่มีเรื่องราวน้อยไปหน่อย  


ผมว่าเชลซีปี 2012 นี่แหละครับ ที่ดูด้อยกว่าทีมอื่นๆ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าได้แชมป์มาอย่างง่ายดายนะครับ ก็พยายามเหมือนทีมอื่นนั่นแหละ


ที่บอกว่าด้อยกว่าทีมอื่นๆก็เพราะ

1. อันดับในลีก ถ้าจำไม่ผิดฤดูกาลนั้นจบที่อันดับ 6
2. ปีถัดมา ทั้งแชมป์ ซูเปอร์คัพของยูฟ่า (เจอกับบิลเบารึเปล่าจำไม่ได้) ทั้งแข่งสโมสรโลก ทีมชุดนี้แพ้ทั้งสองถ้วย
3. ปีถัดมาตกรอบแบ่งกลุ่ม UCL

คือถ้ามองในแง่การแข่งขันเฉพาะ UCL ปีนั้น ทีมเชลซีทีมนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะแหละครับ แต่ถ้ามองเรื่องอื่นๆ ด้วยก็จะเห็นว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่ทีมที่แกร่ง เหมือนกับแชมป์ปีอื่นๆ  


จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ

แต่ผมกลับชอบนะ ที่เชลซีเป็นแชมป์แบบนั้น เพราะว่า ปีหลังๆ แชมป์ UCL นี่จะชอบมาแบบ triple ข้ามาคนเดียวไรงี้

ผมรู้สึกว่ามันเพอเฟคท์ไป เกินหน้าเกินตาไรงี้ (ถ้าไม่ใช่ทีมรักนะ) มีทีมได้แชมป์แบบทุลักทุเลแบบนี้ก็ดีไปอย่าง

แต่เรอัล นี่ คือมันตัวเต็งอยู่แล้ว แต่เส้นทางดูเรียบไปหน่อย แล้วผ่านแต่ละรอบก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าประทับใจนัก(ในมุมคนกลางนะ) ที่ระทึกหน่อยก็กับโวล์ฟบวร์ก ซึ่งก่อนหน้านั้นใครๆ ก็มองว่าต้องผ่านได้อยู่แล้ว

ปล.แต่เชลซีชุดนั้นก็แปรปรวนจริงๆล่ะครับ
ชิงซูเปอร์ คัพ แอต มาดริดครับ
 


หลังๆมา ช่องว่างแต่ละทีมมันเยอะครับ ต้องทำใจ

ส่วน UCL ปีนี้คู่ ไฮไลท์จริงๆ คือ บาร์เยิร์น กับ ยูเวนตุส รอบ 16 ทีมเลยครับ

อีกอย่างปีนี้ โค้ชที่ได้เล่น UCL ลึกๆ ส่วนมากก็มีแต่พวก ประสบการณ์น้อยทั้งนั้น

มีเป๊บคนเดียวที่ดูเก๋าในเวทีนี้หน่อย(ถึงจะอายุน้อยก็ตาม)

ผิดกับเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่มีทั้ง คาเปลโล่ ลิปปี้ เฟอร์กี้ พี่แจ้ เดลบอสเก้ ปู่จุ๊บ ลุงกุ๊ด หรือ แม้แต่ มูกับ ราฟา ก็ตาม  


ใช่ครับ ต้องคู่ที่ว่านั้นเลย

เสือใต้ กับ ตราหมีก็มันส์ใช่เล่น

อย่างที่ท่านว่า ช่องว่างมันห่างกันจริงๆ รอบรอง แทบจะหน้าเดิมๆ มาหลายปีติด

แต่ก็ดีนะ โค้ชหน้าใหม่ในวันนี้ ก็จะได้เป็นโค้ชเก๋าๆในวันต่อไป

ส่วนตัวก็รอคอยให้ฟุตบอลกลับมาสมดุลยิ่งขึ้น ไม่ผูกขาดเท่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเวทียุโรป

พวกยักษ์หลับจากกัลโช่ กับ EPL ให้กลับมาในสักวัน  


EPL มองว่าปัญหาหลักอยู่ที่การที่มีบอลถ้วยถึง สองถ้วยคือ เอฟเอ และคาร์ลิ่ง

ทำให้ตารางเวลามีปัญหาครับ ถ้าตัดเหลือแต่ FA Cup ได้เดี๋ยวผลงาน ใน UCL ก็ดีขึ้นมาเอง

ส่วน Serie A ผมมองว่าถ้าไม่มีแชมป์ในเร็ววัน จะ UCL หรือ ยูโรป้า ก็ดี จะน่าเป็นห่วงเอา

อีกอย่างนึงไม่ใช่แค่เรื่องลีก แต่เป็นเรื่องโครงสร้านพื้นฐาน ของทีมชาติเยาวชนของอิตาลี่ด้วย

เมื่อก่อนนั้น (1990-2000) อิตาลี่ชุดเล็กนี่เป็นทีมอันดับต้นๆ ของโลกเลยครับ  


การเล่นหลายถ้วยก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ EPL เสียเปรียบ ลา ลีกา และบุนเดส (บุนเดสยิ่งสบายกว่า เตะ 34 นัด)

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าเตะ 4 ถ้วย เลยก็คือ ไม่มีหนีหนาว
จุดนี้แหละ ที่กินพลังมากกว่าเล่น 4 ถ้วย เพราะบอลลีก คัพ ส่วนใหญ่ก็โรเทชั่นกันอยู่แล้ว และก็จบกันไปก่อนฤดูกาลจบหลายเดือนอยู่

แต่มาเตะบอลหน้าหนาวจัด ในขณะที่คนอื่นเขาไปพักผ่อนนี่มันหนักกว่ากันมาก
ลีกอื่นไปเก็บพลัง แต่อังกฤษมาเตะช่วงคริสมาสต์ ถี่ๆ โอกาสเจ็บก็เพิ่มตาม สภาพจิตใจก็มีส่วนเพราะ คริสมาสต์คือเวลาสำคัญ ลองคิดภาพทำงานไม่ได้หยุดปีใหม่ เป็นอะไรที่หนักมาก

ก่อนหน้านี้พรีเมียร์มี นักเตะเทพๆ แบบโรนัลโด้ เบล ฯลฯ แต่ตอนนี้ไปอยู่ ลา ลีกาแล้ว

อีกหนึ่งตัวอย่างว่า 4 ถ้วยไม่ใช่เหตุผลหลักคือ ช่วง2005-2012 ลีกอังกฤษก็ยังชิงได้ตลอด เพราะงั้นการดรอปลงมาเป็นเรื่องของคุณภาพมากกว่า ทีมมีนักเตะระดับเทพจริงๆ สู้ฝั่งนั้นไม่ได้

อิตาลี ปัญหาภาพรวมคือ มีแค่ยูเว่ทีมเดียว เรื่องเงิน อาจจะต้องรออีกนานกว่าจะฟื้น
แล้วก็โครงสร้างพื้นฐานอย่างที่ท่านว่า อิตาลีผลิตนักเตะเกรดท็อปได้น้อยกว่าแต่ก่อน  



ไอ้นักเตะคุณภาพน้อยลงก็มีส่วนครับ


จะว่าไงดีล่ะ บอร์ดสโมสรในอังกฤษสู้ บอร์ดของ ลาลีก้า กับ บุนเดนไม่ได้จริงๆนะครับ

เอาง่ายๆ คือการเลือกนักเตะ จะเห็นได้ว่าส่วนมากจะซื้อมาเกินราคาซะส่วนใหญ่


ปี 2005-2012 ที่ทีมจากอังกฤษได้เข้าชิงบ่อยก็เกี่ยวกับบอลสี่ถ้วยครับคือ

1. ลิเวอร์พูลปีนั้น ไม่ได้หวังแชมป์ลีกอยู่แล้ว (จบอันดับห้า) และราฟา บ้าโรเตชั่นด้วย
2. อาร์เซน่อล ปีนั้นก็พุ่งเป้าไปที่ UCL เป็นหลักเหมือนกัน (จบอันดับ สี่)
3. Liverpool 2007 ราฟาก็บอกเองว่า ทีมเค้าทำขึ้นมาเพื่อบอลถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นหลัก (แชมป์ลีกเรื่องรองว่างั้น)
4. Man UTD ทีมที่เข้าชิง 3 ครั้ง จะเห็นได้ว่า เฟอร์กี้ ไม่เน้นบอลถ้วยในประเทศเลย (แพ้แต่ทีมรองบ่อน ทีมกลางตารางซะเยอะ แก้ไขผมด้วยถ้าผมจำอะไรผิดพลาดไปนะครับ)
5. เชลซี 2012 ก็เน้นไปที่ถ้วย UCL เลย


จะเห็นได้ว่าทีมจาก EPL ที่เข้าชิงจริงๆ คือเค้ารู้จักจัดความสำคัญด้วยครับ

ทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ผมว่าได้แชมป์น้อยกว่าที่ควรในรอบ 10 ปี ก็คือ ไม่เน้นไปที่ถ้วยใดถ้วยหนึ่งอย่างดีพอ (ดีหน่อยก็ เอฟเอ สองปีติด)

เรื่องเบรคหนีหนาวก็สำคัญ


ผมอยากให้ดู ลิเวอร์พูล กับ มิลาน 2007 เป็นตัวอย่างครับ

ทั้งสองทีม ไม่ใช่ทีมที่เล่นบอลลีกได้ดีเลย แต่พุ่งเป้าไปที่ UCL เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ส่วนเรื่องที่บอกว่า หลังมาๆ มีแต่มาแบบ Triple แชมป์นี่ต้องดู Passion ของแต่ละทีมจริงๆครับ

พวก บาร์ซ่า อินเตอร์ 2010 บาร์เยิร์น มาดริด 2014 (ดับเบิ้ลแชมป์)
พวกนี้คือทีม ที่บอร์ดบริหาร มีความพร้อมในการสนับทีมอย่างเต็มที่ครับ (พร้อมทั้งเงิน และบุคลากรและแผนงาน)

แต่ทีมใน EPL มีบอร์ดไหนดีเท่าทีมพวกนี้บ้างล่ะ

Arsenal ...

Man city (เงินเยอะแต่ไม่ฉลาด)

Chelsea (เอาแต่ใจ นักเตะมีอิทธิพลต่อบอร์ดสูง)

Man UTD (ซื้อตัวช้าตลอด ซื้อมาไม่คุ้มราคา)

ETC...

ถ้า EPL แก้เรื่อง ค่าตัว และค่าเหนื่อยนักเตะเฟ้อจะดีมาก
เริ่มแก้ด้วยการ ลดเงินเดือน รูนีย์เลย
 


เห็นด้วยครับ มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความต่างของ ลา ลีกา กับ พรีเมียร์ในหลายๆปีที่ผ่านมา

ที่ท่านว่ามา จะมีแค่เชลซีอีกทีมครับ กับผีแดง ที่ไปไกลได้ทั้งลุ้นลีก และ UCL
(นอกจากผีแดง ก็มีเชลซีไปแวะๆ เวียนๆรอบรองบ่อยๆ)

ส่วนเรื่องคุณภาพที่ลดลงของ EPL นั้นก็มีทั้งเรื่อฝใน และนอกสนาม ผู้บริหารก็มีส่วน

อีกอย่างก็บริบท คือ ลา ลีกา บุนเดส ยักษ์ใหญ่ตบเด็กง่ายกว่า บอลขาดก็เก็บตัวได้ เกมขาดความเดือดก็ลดลง ปะทะ หรือเลี่ยงได้

อย่างถ้ามีเกม UCL รออยู่ ยังสามารถดรอปตัว ไว้เตะยุโรปได้ ส่วนในพรีเมียร์นั้น แต้มมันเกาะกลุ่ม จะทิ้งก็ลังเล (เลยต้องเลือกมุ่งสักถ้วยเหมือนที่ท่านว่า)

แต่ถ้าจะมองอีกมุมก็คือ แต่ละลีกก็มีช่วงเวลารุ่งเรืองของตัวเอง

ตอนพรีเมียร์รุ่ง มาดริดก็มืด
มาตอนนี้ ลา ลีการุ่ง พรีเมียร์ก็ต้องถอยฉากเป็นธรรมดา ส่วนบาเยิร์นผมว่าแค่อยู่ตัว เพราะไม่ได้แชมป์ใหญ่ ในบ้านนั้นของตายอยู่ละ

บอร์ด พรีเมียร์ ผมว่าคุณภาพน้อยกว่าชัดเจนอันนี้ใช่

ใช้เงินไม่ค่อยฉลาด หลังๆ นี้ใช่เลย เรื่องเงินเฟ้อคงลดลงยากเพราะมันเกี่ยวกับเม็ดเงินในลีกด้วย

ผมคิดว่าฤดูดาลถัดไป เป็นโอกาสกลับมาของพรีเมียร์ เพราะโค้ชมือดีหลายคนมารวมตัวกัน อาจเป็นตัวจุดปะทุให้พัฒนากันมากขึ้น
 


ปัญหานึงของทีมลาลีก้า ก็คือ ทีมเล็กๆ ใจไม่สู้เลยล่ะครับ พอโดนยิงเข้้าหน่อยก็ถอดใจล่ะ

ไม่งั้น โด้กับเมสซี่ยิงได้ไม่เยอะเท่านี้หรอก
 


ใช่ครับ

ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจกันเลยคือ ทีมใหญ่ชนะง่ายไป ผมไม่ได้จะดิสเครดิต แต่บริบทมาดริด บาร์ซ่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

แป๊บๆ 3-0 4-0 สบายตัว เล่นกันชิลๆ เปลีย่นตัว เก็บตัว โรเตชั่นเอาตัวสำรองลงมาเคาะสนิมได้

ส่วนตัวผมคิดว่า แม้มาดริด หรือบาร์ซ่า ย้ายมาเตะพรีเมียร์ ทั้งเมสซี่ และโด้ก็ไม่น่ายิงได้เยอะอย่างที่อยู่สเปน แต่อาจจะได้แชมป์อยู่  


อย่าว่างั้นงี้เลย ผมว่าโด้โหดสุดคือตอนอยู่ ผีนะ

ไปมาดริดนี่รอยิงอะ

ขนาดอยู่ผีที่ผมว่าโหดสุด ในลีกยังยิงได้ไม่เกิน 30 ลูกเลย

 


ผมก็ว่าโด้ร่างผีแดง โหดแบบหลากหลายดี
ตอนอยู่ผีแดงเป็นตัวทำเกมหลักด้วย แต่ก็พัฒนาไปอีกทาง

อยู่มาดริด จบสกอร์เก่งขึ้นมาก แต่เหมือนจะทำเกมไม่เด่นเหมือนเดิม (เพราะมีคนมีทำหน้าที่นี้แทน)

ผมว่าโรนัลโด้พัฒนาขึ้นนะ คือ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำประโยชน์แบบรูปธรรมคือยิงประตู ดูเหมือนว่ารอยิงจะเป็นเรื่องไม่ยาก แต่คนที่ทำได้นี่ก็โคตรเก่งเลยล่ะ

ปีที่ท็อปๆ จริง โด้ยิงเกิน 30 ลูกมั้งครับ 2007/08 ปีที่ดีที่สุดกับทีม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2429
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 31, 2016 17:29
[RE: หยุดเรื้อนผมครับ ผมยังไม่อยากโดนแบน ยูโรใกล้เตะแล้ว ]
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
เหมือนจะมีสาระ

เชลซี 2012 นี่ยังไงถึงจะไม่สมศักดิ์ศรี เส้นทางดราม่า คัมแบคโหดๆตั้งหลายรอบ

มาดริด 2014 ก็ยิงชาวบ้านกระจุยกระจาย เหนือกว่าแบบเอกฉันท์

ผีแดง 2008 ก็สมนะ มาในฐานะทีมที่ดีที่สุดของปีนั้น

จะมีที่ดูจืดชืดก็ปีล่าสุดนี่แหละ 2016

ไม่มีเรื่องราวอะไรเด่นๆ เท่าไหร่ จับสลากก็เจอบอลรองบ่อนแบบชัดเจน
โรม่างี้ อาจจะน่าตื่นเต้นกับแค่โวล์ฟบวร์ก

หักด่านเรือ ก็จืดชืด แล้วเรือก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลย

มาดริดปีนี้ก็ไม่ได้ท็อปฟอร์ม ไม่หวือหวาอะไร มาได้แชมป์ตอนท้ายไปแบบยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่ทีมที่โชว์ฟอร์มโหดสุดๆ ก็ต้องมีเรื่องดราม่าสุดๆ แบบเชลซี หรือลิเวอร์พูลได้

ส่วนตัวมองว่า 2016 เป็น UCL ที่มีเรื่องราวน้อยไปหน่อย  


ผมว่าเชลซีปี 2012 นี่แหละครับ ที่ดูด้อยกว่าทีมอื่นๆ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าได้แชมป์มาอย่างง่ายดายนะครับ ก็พยายามเหมือนทีมอื่นนั่นแหละ


ที่บอกว่าด้อยกว่าทีมอื่นๆก็เพราะ

1. อันดับในลีก ถ้าจำไม่ผิดฤดูกาลนั้นจบที่อันดับ 6
2. ปีถัดมา ทั้งแชมป์ ซูเปอร์คัพของยูฟ่า (เจอกับบิลเบารึเปล่าจำไม่ได้) ทั้งแข่งสโมสรโลก ทีมชุดนี้แพ้ทั้งสองถ้วย
3. ปีถัดมาตกรอบแบ่งกลุ่ม UCL

คือถ้ามองในแง่การแข่งขันเฉพาะ UCL ปีนั้น ทีมเชลซีทีมนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะแหละครับ แต่ถ้ามองเรื่องอื่นๆ ด้วยก็จะเห็นว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่ทีมที่แกร่ง เหมือนกับแชมป์ปีอื่นๆ  


จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ

แต่ผมกลับชอบนะ ที่เชลซีเป็นแชมป์แบบนั้น เพราะว่า ปีหลังๆ แชมป์ UCL นี่จะชอบมาแบบ triple ข้ามาคนเดียวไรงี้

ผมรู้สึกว่ามันเพอเฟคท์ไป เกินหน้าเกินตาไรงี้ (ถ้าไม่ใช่ทีมรักนะ) มีทีมได้แชมป์แบบทุลักทุเลแบบนี้ก็ดีไปอย่าง

แต่เรอัล นี่ คือมันตัวเต็งอยู่แล้ว แต่เส้นทางดูเรียบไปหน่อย แล้วผ่านแต่ละรอบก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าประทับใจนัก(ในมุมคนกลางนะ) ที่ระทึกหน่อยก็กับโวล์ฟบวร์ก ซึ่งก่อนหน้านั้นใครๆ ก็มองว่าต้องผ่านได้อยู่แล้ว

ปล.แต่เชลซีชุดนั้นก็แปรปรวนจริงๆล่ะครับ
ชิงซูเปอร์ คัพ แอต มาดริดครับ
 


หลังๆมา ช่องว่างแต่ละทีมมันเยอะครับ ต้องทำใจ

ส่วน UCL ปีนี้คู่ ไฮไลท์จริงๆ คือ บาร์เยิร์น กับ ยูเวนตุส รอบ 16 ทีมเลยครับ

อีกอย่างปีนี้ โค้ชที่ได้เล่น UCL ลึกๆ ส่วนมากก็มีแต่พวก ประสบการณ์น้อยทั้งนั้น

มีเป๊บคนเดียวที่ดูเก๋าในเวทีนี้หน่อย(ถึงจะอายุน้อยก็ตาม)

ผิดกับเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่มีทั้ง คาเปลโล่ ลิปปี้ เฟอร์กี้ พี่แจ้ เดลบอสเก้ ปู่จุ๊บ ลุงกุ๊ด หรือ แม้แต่ มูกับ ราฟา ก็ตาม  


ใช่ครับ ต้องคู่ที่ว่านั้นเลย

เสือใต้ กับ ตราหมีก็มันส์ใช่เล่น

อย่างที่ท่านว่า ช่องว่างมันห่างกันจริงๆ รอบรอง แทบจะหน้าเดิมๆ มาหลายปีติด

แต่ก็ดีนะ โค้ชหน้าใหม่ในวันนี้ ก็จะได้เป็นโค้ชเก๋าๆในวันต่อไป

ส่วนตัวก็รอคอยให้ฟุตบอลกลับมาสมดุลยิ่งขึ้น ไม่ผูกขาดเท่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเวทียุโรป

พวกยักษ์หลับจากกัลโช่ กับ EPL ให้กลับมาในสักวัน  


EPL มองว่าปัญหาหลักอยู่ที่การที่มีบอลถ้วยถึง สองถ้วยคือ เอฟเอ และคาร์ลิ่ง

ทำให้ตารางเวลามีปัญหาครับ ถ้าตัดเหลือแต่ FA Cup ได้เดี๋ยวผลงาน ใน UCL ก็ดีขึ้นมาเอง

ส่วน Serie A ผมมองว่าถ้าไม่มีแชมป์ในเร็ววัน จะ UCL หรือ ยูโรป้า ก็ดี จะน่าเป็นห่วงเอา

อีกอย่างนึงไม่ใช่แค่เรื่องลีก แต่เป็นเรื่องโครงสร้านพื้นฐาน ของทีมชาติเยาวชนของอิตาลี่ด้วย

เมื่อก่อนนั้น (1990-2000) อิตาลี่ชุดเล็กนี่เป็นทีมอันดับต้นๆ ของโลกเลยครับ  


การเล่นหลายถ้วยก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ EPL เสียเปรียบ ลา ลีกา และบุนเดส (บุนเดสยิ่งสบายกว่า เตะ 34 นัด)

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าเตะ 4 ถ้วย เลยก็คือ ไม่มีหนีหนาว
จุดนี้แหละ ที่กินพลังมากกว่าเล่น 4 ถ้วย เพราะบอลลีก คัพ ส่วนใหญ่ก็โรเทชั่นกันอยู่แล้ว และก็จบกันไปก่อนฤดูกาลจบหลายเดือนอยู่

แต่มาเตะบอลหน้าหนาวจัด ในขณะที่คนอื่นเขาไปพักผ่อนนี่มันหนักกว่ากันมาก
ลีกอื่นไปเก็บพลัง แต่อังกฤษมาเตะช่วงคริสมาสต์ ถี่ๆ โอกาสเจ็บก็เพิ่มตาม สภาพจิตใจก็มีส่วนเพราะ คริสมาสต์คือเวลาสำคัญ ลองคิดภาพทำงานไม่ได้หยุดปีใหม่ เป็นอะไรที่หนักมาก

ก่อนหน้านี้พรีเมียร์มี นักเตะเทพๆ แบบโรนัลโด้ เบล ฯลฯ แต่ตอนนี้ไปอยู่ ลา ลีกาแล้ว

อีกหนึ่งตัวอย่างว่า 4 ถ้วยไม่ใช่เหตุผลหลักคือ ช่วง2005-2012 ลีกอังกฤษก็ยังชิงได้ตลอด เพราะงั้นการดรอปลงมาเป็นเรื่องของคุณภาพมากกว่า ทีมมีนักเตะระดับเทพจริงๆ สู้ฝั่งนั้นไม่ได้

อิตาลี ปัญหาภาพรวมคือ มีแค่ยูเว่ทีมเดียว เรื่องเงิน อาจจะต้องรออีกนานกว่าจะฟื้น
แล้วก็โครงสร้างพื้นฐานอย่างที่ท่านว่า อิตาลีผลิตนักเตะเกรดท็อปได้น้อยกว่าแต่ก่อน  



ไอ้นักเตะคุณภาพน้อยลงก็มีส่วนครับ


จะว่าไงดีล่ะ บอร์ดสโมสรในอังกฤษสู้ บอร์ดของ ลาลีก้า กับ บุนเดนไม่ได้จริงๆนะครับ

เอาง่ายๆ คือการเลือกนักเตะ จะเห็นได้ว่าส่วนมากจะซื้อมาเกินราคาซะส่วนใหญ่


ปี 2005-2012 ที่ทีมจากอังกฤษได้เข้าชิงบ่อยก็เกี่ยวกับบอลสี่ถ้วยครับคือ

1. ลิเวอร์พูลปีนั้น ไม่ได้หวังแชมป์ลีกอยู่แล้ว (จบอันดับห้า) และราฟา บ้าโรเตชั่นด้วย
2. อาร์เซน่อล ปีนั้นก็พุ่งเป้าไปที่ UCL เป็นหลักเหมือนกัน (จบอันดับ สี่)
3. Liverpool 2007 ราฟาก็บอกเองว่า ทีมเค้าทำขึ้นมาเพื่อบอลถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นหลัก (แชมป์ลีกเรื่องรองว่างั้น)
4. Man UTD ทีมที่เข้าชิง 3 ครั้ง จะเห็นได้ว่า เฟอร์กี้ ไม่เน้นบอลถ้วยในประเทศเลย (แพ้แต่ทีมรองบ่อน ทีมกลางตารางซะเยอะ แก้ไขผมด้วยถ้าผมจำอะไรผิดพลาดไปนะครับ)
5. เชลซี 2012 ก็เน้นไปที่ถ้วย UCL เลย


จะเห็นได้ว่าทีมจาก EPL ที่เข้าชิงจริงๆ คือเค้ารู้จักจัดความสำคัญด้วยครับ

ทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ผมว่าได้แชมป์น้อยกว่าที่ควรในรอบ 10 ปี ก็คือ ไม่เน้นไปที่ถ้วยใดถ้วยหนึ่งอย่างดีพอ (ดีหน่อยก็ เอฟเอ สองปีติด)

เรื่องเบรคหนีหนาวก็สำคัญ


ผมอยากให้ดู ลิเวอร์พูล กับ มิลาน 2007 เป็นตัวอย่างครับ

ทั้งสองทีม ไม่ใช่ทีมที่เล่นบอลลีกได้ดีเลย แต่พุ่งเป้าไปที่ UCL เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ส่วนเรื่องที่บอกว่า หลังมาๆ มีแต่มาแบบ Triple แชมป์นี่ต้องดู Passion ของแต่ละทีมจริงๆครับ

พวก บาร์ซ่า อินเตอร์ 2010 บาร์เยิร์น มาดริด 2014 (ดับเบิ้ลแชมป์)
พวกนี้คือทีม ที่บอร์ดบริหาร มีความพร้อมในการสนับทีมอย่างเต็มที่ครับ (พร้อมทั้งเงิน และบุคลากรและแผนงาน)

แต่ทีมใน EPL มีบอร์ดไหนดีเท่าทีมพวกนี้บ้างล่ะ

Arsenal ...

Man city (เงินเยอะแต่ไม่ฉลาด)

Chelsea (เอาแต่ใจ นักเตะมีอิทธิพลต่อบอร์ดสูง)

Man UTD (ซื้อตัวช้าตลอด ซื้อมาไม่คุ้มราคา)

ETC...

ถ้า EPL แก้เรื่อง ค่าตัว และค่าเหนื่อยนักเตะเฟ้อจะดีมาก
เริ่มแก้ด้วยการ ลดเงินเดือน รูนีย์เลย
 


เห็นด้วยครับ มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความต่างของ ลา ลีกา กับ พรีเมียร์ในหลายๆปีที่ผ่านมา

ที่ท่านว่ามา จะมีแค่เชลซีอีกทีมครับ กับผีแดง ที่ไปไกลได้ทั้งลุ้นลีก และ UCL
(นอกจากผีแดง ก็มีเชลซีไปแวะๆ เวียนๆรอบรองบ่อยๆ)

ส่วนเรื่องคุณภาพที่ลดลงของ EPL นั้นก็มีทั้งเรื่อฝใน และนอกสนาม ผู้บริหารก็มีส่วน

อีกอย่างก็บริบท คือ ลา ลีกา บุนเดส ยักษ์ใหญ่ตบเด็กง่ายกว่า บอลขาดก็เก็บตัวได้ เกมขาดความเดือดก็ลดลง ปะทะ หรือเลี่ยงได้

อย่างถ้ามีเกม UCL รออยู่ ยังสามารถดรอปตัว ไว้เตะยุโรปได้ ส่วนในพรีเมียร์นั้น แต้มมันเกาะกลุ่ม จะทิ้งก็ลังเล (เลยต้องเลือกมุ่งสักถ้วยเหมือนที่ท่านว่า)

แต่ถ้าจะมองอีกมุมก็คือ แต่ละลีกก็มีช่วงเวลารุ่งเรืองของตัวเอง

ตอนพรีเมียร์รุ่ง มาดริดก็มืด
มาตอนนี้ ลา ลีการุ่ง พรีเมียร์ก็ต้องถอยฉากเป็นธรรมดา ส่วนบาเยิร์นผมว่าแค่อยู่ตัว เพราะไม่ได้แชมป์ใหญ่ ในบ้านนั้นของตายอยู่ละ

บอร์ด พรีเมียร์ ผมว่าคุณภาพน้อยกว่าชัดเจนอันนี้ใช่

ใช้เงินไม่ค่อยฉลาด หลังๆ นี้ใช่เลย เรื่องเงินเฟ้อคงลดลงยากเพราะมันเกี่ยวกับเม็ดเงินในลีกด้วย

ผมคิดว่าฤดูดาลถัดไป เป็นโอกาสกลับมาของพรีเมียร์ เพราะโค้ชมือดีหลายคนมารวมตัวกัน อาจเป็นตัวจุดปะทุให้พัฒนากันมากขึ้น
 


ปัญหานึงของทีมลาลีก้า ก็คือ ทีมเล็กๆ ใจไม่สู้เลยล่ะครับ พอโดนยิงเข้้าหน่อยก็ถอดใจล่ะ

ไม่งั้น โด้กับเมสซี่ยิงได้ไม่เยอะเท่านี้หรอก
 


ใช่ครับ

ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจกันเลยคือ ทีมใหญ่ชนะง่ายไป ผมไม่ได้จะดิสเครดิต แต่บริบทมาดริด บาร์ซ่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

แป๊บๆ 3-0 4-0 สบายตัว เล่นกันชิลๆ เปลีย่นตัว เก็บตัว โรเตชั่นเอาตัวสำรองลงมาเคาะสนิมได้

ส่วนตัวผมคิดว่า แม้มาดริด หรือบาร์ซ่า ย้ายมาเตะพรีเมียร์ ทั้งเมสซี่ และโด้ก็ไม่น่ายิงได้เยอะอย่างที่อยู่สเปน แต่อาจจะได้แชมป์อยู่  


อย่าว่างั้นงี้เลย ผมว่าโด้โหดสุดคือตอนอยู่ ผีนะ

ไปมาดริดนี่รอยิงอะ

ขนาดอยู่ผีที่ผมว่าโหดสุด ในลีกยังยิงได้ไม่เกิน 30 ลูกเลย

 


ผมก็ว่าโด้ร่างผีแดง โหดแบบหลากหลายดี
ตอนอยู่ผีแดงเป็นตัวทำเกมหลักด้วย แต่ก็พัฒนาไปอีกทาง

อยู่มาดริด จบสกอร์เก่งขึ้นมาก แต่เหมือนจะทำเกมไม่เด่นเหมือนเดิม (เพราะมีคนมีทำหน้าที่นี้แทน)

ผมว่าโรนัลโด้พัฒนาขึ้นนะ คือ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำประโยชน์แบบรูปธรรมคือยิงประตู ดูเหมือนว่ารอยิงจะเป็นเรื่องไม่ยาก แต่คนที่ทำได้นี่ก็โคตรเก่งเลยล่ะ

ปีที่ท็อปๆ จริง โด้ยิงเกิน 30 ลูกมั้งครับ 2007/08 ปีที่ดีที่สุดกับทีม  


กับสโมสรอะใช่ครับ

แต่กับทีมชาติ โด้ร่างผีดีกว่าเยอะครับ

ทีมชาติพออกจากผี ผมว่านานี่ยังเด่นกว่าเลย

ฟอร์มตอนยูโร 2008 ใช้ได้เลย แต่เสียอย่างเดียวเจอเยอรมนี ที่เป็นทีมที่โปรตุเกสแพ้ทาง

ผมอาจจะมองว่า โด้ใช้โอกาสเปลืองไปหน่อยด้วยแหละครับ เลยไม่ค่อยชอบโด้ร่างมาดริดเท่าไหร่
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status: Don't Know What To Do
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Aug 2008
ตอบ: 59000
ที่อยู่: Blackpink in your area
โพสเมื่อ: Tue May 31, 2016 17:40
[RE: หยุดเรื้อนผมครับ ผมยังไม่อยากโดนแบน ยูโรใกล้เตะแล้ว ]
พึ่งเห็นมู้นี้ ขึ้นเลยบอกเชลซีไม่สมศักด์ศรี ามไปเรื้อนในคุกได้ไหม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Apr 2009
ตอบ: 16060
ที่อยู่: Promised Land
โพสเมื่อ: Tue May 31, 2016 20:42
[RE: หยุดเรื้อนผมครับ ผมยังไม่อยากโดนแบน ยูโรใกล้เตะแล้ว ]
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
MANCUNIENX พิมพ์ว่า:
เหมือนจะมีสาระ

เชลซี 2012 นี่ยังไงถึงจะไม่สมศักดิ์ศรี เส้นทางดราม่า คัมแบคโหดๆตั้งหลายรอบ

มาดริด 2014 ก็ยิงชาวบ้านกระจุยกระจาย เหนือกว่าแบบเอกฉันท์

ผีแดง 2008 ก็สมนะ มาในฐานะทีมที่ดีที่สุดของปีนั้น

จะมีที่ดูจืดชืดก็ปีล่าสุดนี่แหละ 2016

ไม่มีเรื่องราวอะไรเด่นๆ เท่าไหร่ จับสลากก็เจอบอลรองบ่อนแบบชัดเจน
โรม่างี้ อาจจะน่าตื่นเต้นกับแค่โวล์ฟบวร์ก

หักด่านเรือ ก็จืดชืด แล้วเรือก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลย

มาดริดปีนี้ก็ไม่ได้ท็อปฟอร์ม ไม่หวือหวาอะไร มาได้แชมป์ตอนท้ายไปแบบยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเทียบกับหลายๆปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่ทีมที่โชว์ฟอร์มโหดสุดๆ ก็ต้องมีเรื่องดราม่าสุดๆ แบบเชลซี หรือลิเวอร์พูลได้

ส่วนตัวมองว่า 2016 เป็น UCL ที่มีเรื่องราวน้อยไปหน่อย  


ผมว่าเชลซีปี 2012 นี่แหละครับ ที่ดูด้อยกว่าทีมอื่นๆ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าได้แชมป์มาอย่างง่ายดายนะครับ ก็พยายามเหมือนทีมอื่นนั่นแหละ


ที่บอกว่าด้อยกว่าทีมอื่นๆก็เพราะ

1. อันดับในลีก ถ้าจำไม่ผิดฤดูกาลนั้นจบที่อันดับ 6
2. ปีถัดมา ทั้งแชมป์ ซูเปอร์คัพของยูฟ่า (เจอกับบิลเบารึเปล่าจำไม่ได้) ทั้งแข่งสโมสรโลก ทีมชุดนี้แพ้ทั้งสองถ้วย
3. ปีถัดมาตกรอบแบ่งกลุ่ม UCL

คือถ้ามองในแง่การแข่งขันเฉพาะ UCL ปีนั้น ทีมเชลซีทีมนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะแหละครับ แต่ถ้ามองเรื่องอื่นๆ ด้วยก็จะเห็นว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่ทีมที่แกร่ง เหมือนกับแชมป์ปีอื่นๆ  


จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ

แต่ผมกลับชอบนะ ที่เชลซีเป็นแชมป์แบบนั้น เพราะว่า ปีหลังๆ แชมป์ UCL นี่จะชอบมาแบบ triple ข้ามาคนเดียวไรงี้

ผมรู้สึกว่ามันเพอเฟคท์ไป เกินหน้าเกินตาไรงี้ (ถ้าไม่ใช่ทีมรักนะ) มีทีมได้แชมป์แบบทุลักทุเลแบบนี้ก็ดีไปอย่าง

แต่เรอัล นี่ คือมันตัวเต็งอยู่แล้ว แต่เส้นทางดูเรียบไปหน่อย แล้วผ่านแต่ละรอบก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าประทับใจนัก(ในมุมคนกลางนะ) ที่ระทึกหน่อยก็กับโวล์ฟบวร์ก ซึ่งก่อนหน้านั้นใครๆ ก็มองว่าต้องผ่านได้อยู่แล้ว

ปล.แต่เชลซีชุดนั้นก็แปรปรวนจริงๆล่ะครับ
ชิงซูเปอร์ คัพ แอต มาดริดครับ
 


หลังๆมา ช่องว่างแต่ละทีมมันเยอะครับ ต้องทำใจ

ส่วน UCL ปีนี้คู่ ไฮไลท์จริงๆ คือ บาร์เยิร์น กับ ยูเวนตุส รอบ 16 ทีมเลยครับ

อีกอย่างปีนี้ โค้ชที่ได้เล่น UCL ลึกๆ ส่วนมากก็มีแต่พวก ประสบการณ์น้อยทั้งนั้น

มีเป๊บคนเดียวที่ดูเก๋าในเวทีนี้หน่อย(ถึงจะอายุน้อยก็ตาม)

ผิดกับเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่มีทั้ง คาเปลโล่ ลิปปี้ เฟอร์กี้ พี่แจ้ เดลบอสเก้ ปู่จุ๊บ ลุงกุ๊ด หรือ แม้แต่ มูกับ ราฟา ก็ตาม  


ใช่ครับ ต้องคู่ที่ว่านั้นเลย

เสือใต้ กับ ตราหมีก็มันส์ใช่เล่น

อย่างที่ท่านว่า ช่องว่างมันห่างกันจริงๆ รอบรอง แทบจะหน้าเดิมๆ มาหลายปีติด

แต่ก็ดีนะ โค้ชหน้าใหม่ในวันนี้ ก็จะได้เป็นโค้ชเก๋าๆในวันต่อไป

ส่วนตัวก็รอคอยให้ฟุตบอลกลับมาสมดุลยิ่งขึ้น ไม่ผูกขาดเท่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเวทียุโรป

พวกยักษ์หลับจากกัลโช่ กับ EPL ให้กลับมาในสักวัน  


EPL มองว่าปัญหาหลักอยู่ที่การที่มีบอลถ้วยถึง สองถ้วยคือ เอฟเอ และคาร์ลิ่ง

ทำให้ตารางเวลามีปัญหาครับ ถ้าตัดเหลือแต่ FA Cup ได้เดี๋ยวผลงาน ใน UCL ก็ดีขึ้นมาเอง

ส่วน Serie A ผมมองว่าถ้าไม่มีแชมป์ในเร็ววัน จะ UCL หรือ ยูโรป้า ก็ดี จะน่าเป็นห่วงเอา

อีกอย่างนึงไม่ใช่แค่เรื่องลีก แต่เป็นเรื่องโครงสร้านพื้นฐาน ของทีมชาติเยาวชนของอิตาลี่ด้วย

เมื่อก่อนนั้น (1990-2000) อิตาลี่ชุดเล็กนี่เป็นทีมอันดับต้นๆ ของโลกเลยครับ  


การเล่นหลายถ้วยก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ EPL เสียเปรียบ ลา ลีกา และบุนเดส (บุนเดสยิ่งสบายกว่า เตะ 34 นัด)

แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าเตะ 4 ถ้วย เลยก็คือ ไม่มีหนีหนาว
จุดนี้แหละ ที่กินพลังมากกว่าเล่น 4 ถ้วย เพราะบอลลีก คัพ ส่วนใหญ่ก็โรเทชั่นกันอยู่แล้ว และก็จบกันไปก่อนฤดูกาลจบหลายเดือนอยู่

แต่มาเตะบอลหน้าหนาวจัด ในขณะที่คนอื่นเขาไปพักผ่อนนี่มันหนักกว่ากันมาก
ลีกอื่นไปเก็บพลัง แต่อังกฤษมาเตะช่วงคริสมาสต์ ถี่ๆ โอกาสเจ็บก็เพิ่มตาม สภาพจิตใจก็มีส่วนเพราะ คริสมาสต์คือเวลาสำคัญ ลองคิดภาพทำงานไม่ได้หยุดปีใหม่ เป็นอะไรที่หนักมาก

ก่อนหน้านี้พรีเมียร์มี นักเตะเทพๆ แบบโรนัลโด้ เบล ฯลฯ แต่ตอนนี้ไปอยู่ ลา ลีกาแล้ว

อีกหนึ่งตัวอย่างว่า 4 ถ้วยไม่ใช่เหตุผลหลักคือ ช่วง2005-2012 ลีกอังกฤษก็ยังชิงได้ตลอด เพราะงั้นการดรอปลงมาเป็นเรื่องของคุณภาพมากกว่า ทีมมีนักเตะระดับเทพจริงๆ สู้ฝั่งนั้นไม่ได้

อิตาลี ปัญหาภาพรวมคือ มีแค่ยูเว่ทีมเดียว เรื่องเงิน อาจจะต้องรออีกนานกว่าจะฟื้น
แล้วก็โครงสร้างพื้นฐานอย่างที่ท่านว่า อิตาลีผลิตนักเตะเกรดท็อปได้น้อยกว่าแต่ก่อน  



ไอ้นักเตะคุณภาพน้อยลงก็มีส่วนครับ


จะว่าไงดีล่ะ บอร์ดสโมสรในอังกฤษสู้ บอร์ดของ ลาลีก้า กับ บุนเดนไม่ได้จริงๆนะครับ

เอาง่ายๆ คือการเลือกนักเตะ จะเห็นได้ว่าส่วนมากจะซื้อมาเกินราคาซะส่วนใหญ่


ปี 2005-2012 ที่ทีมจากอังกฤษได้เข้าชิงบ่อยก็เกี่ยวกับบอลสี่ถ้วยครับคือ

1. ลิเวอร์พูลปีนั้น ไม่ได้หวังแชมป์ลีกอยู่แล้ว (จบอันดับห้า) และราฟา บ้าโรเตชั่นด้วย
2. อาร์เซน่อล ปีนั้นก็พุ่งเป้าไปที่ UCL เป็นหลักเหมือนกัน (จบอันดับ สี่)
3. Liverpool 2007 ราฟาก็บอกเองว่า ทีมเค้าทำขึ้นมาเพื่อบอลถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นหลัก (แชมป์ลีกเรื่องรองว่างั้น)
4. Man UTD ทีมที่เข้าชิง 3 ครั้ง จะเห็นได้ว่า เฟอร์กี้ ไม่เน้นบอลถ้วยในประเทศเลย (แพ้แต่ทีมรองบ่อน ทีมกลางตารางซะเยอะ แก้ไขผมด้วยถ้าผมจำอะไรผิดพลาดไปนะครับ)
5. เชลซี 2012 ก็เน้นไปที่ถ้วย UCL เลย


จะเห็นได้ว่าทีมจาก EPL ที่เข้าชิงจริงๆ คือเค้ารู้จักจัดความสำคัญด้วยครับ

ทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ผมว่าได้แชมป์น้อยกว่าที่ควรในรอบ 10 ปี ก็คือ ไม่เน้นไปที่ถ้วยใดถ้วยหนึ่งอย่างดีพอ (ดีหน่อยก็ เอฟเอ สองปีติด)

เรื่องเบรคหนีหนาวก็สำคัญ


ผมอยากให้ดู ลิเวอร์พูล กับ มิลาน 2007 เป็นตัวอย่างครับ

ทั้งสองทีม ไม่ใช่ทีมที่เล่นบอลลีกได้ดีเลย แต่พุ่งเป้าไปที่ UCL เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ส่วนเรื่องที่บอกว่า หลังมาๆ มีแต่มาแบบ Triple แชมป์นี่ต้องดู Passion ของแต่ละทีมจริงๆครับ

พวก บาร์ซ่า อินเตอร์ 2010 บาร์เยิร์น มาดริด 2014 (ดับเบิ้ลแชมป์)
พวกนี้คือทีม ที่บอร์ดบริหาร มีความพร้อมในการสนับทีมอย่างเต็มที่ครับ (พร้อมทั้งเงิน และบุคลากรและแผนงาน)

แต่ทีมใน EPL มีบอร์ดไหนดีเท่าทีมพวกนี้บ้างล่ะ

Arsenal ...

Man city (เงินเยอะแต่ไม่ฉลาด)

Chelsea (เอาแต่ใจ นักเตะมีอิทธิพลต่อบอร์ดสูง)

Man UTD (ซื้อตัวช้าตลอด ซื้อมาไม่คุ้มราคา)

ETC...

ถ้า EPL แก้เรื่อง ค่าตัว และค่าเหนื่อยนักเตะเฟ้อจะดีมาก
เริ่มแก้ด้วยการ ลดเงินเดือน รูนีย์เลย
 


เห็นด้วยครับ มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความต่างของ ลา ลีกา กับ พรีเมียร์ในหลายๆปีที่ผ่านมา

ที่ท่านว่ามา จะมีแค่เชลซีอีกทีมครับ กับผีแดง ที่ไปไกลได้ทั้งลุ้นลีก และ UCL
(นอกจากผีแดง ก็มีเชลซีไปแวะๆ เวียนๆรอบรองบ่อยๆ)

ส่วนเรื่องคุณภาพที่ลดลงของ EPL นั้นก็มีทั้งเรื่อฝใน และนอกสนาม ผู้บริหารก็มีส่วน

อีกอย่างก็บริบท คือ ลา ลีกา บุนเดส ยักษ์ใหญ่ตบเด็กง่ายกว่า บอลขาดก็เก็บตัวได้ เกมขาดความเดือดก็ลดลง ปะทะ หรือเลี่ยงได้

อย่างถ้ามีเกม UCL รออยู่ ยังสามารถดรอปตัว ไว้เตะยุโรปได้ ส่วนในพรีเมียร์นั้น แต้มมันเกาะกลุ่ม จะทิ้งก็ลังเล (เลยต้องเลือกมุ่งสักถ้วยเหมือนที่ท่านว่า)

แต่ถ้าจะมองอีกมุมก็คือ แต่ละลีกก็มีช่วงเวลารุ่งเรืองของตัวเอง

ตอนพรีเมียร์รุ่ง มาดริดก็มืด
มาตอนนี้ ลา ลีการุ่ง พรีเมียร์ก็ต้องถอยฉากเป็นธรรมดา ส่วนบาเยิร์นผมว่าแค่อยู่ตัว เพราะไม่ได้แชมป์ใหญ่ ในบ้านนั้นของตายอยู่ละ

บอร์ด พรีเมียร์ ผมว่าคุณภาพน้อยกว่าชัดเจนอันนี้ใช่

ใช้เงินไม่ค่อยฉลาด หลังๆ นี้ใช่เลย เรื่องเงินเฟ้อคงลดลงยากเพราะมันเกี่ยวกับเม็ดเงินในลีกด้วย

ผมคิดว่าฤดูดาลถัดไป เป็นโอกาสกลับมาของพรีเมียร์ เพราะโค้ชมือดีหลายคนมารวมตัวกัน อาจเป็นตัวจุดปะทุให้พัฒนากันมากขึ้น
 


ปัญหานึงของทีมลาลีก้า ก็คือ ทีมเล็กๆ ใจไม่สู้เลยล่ะครับ พอโดนยิงเข้้าหน่อยก็ถอดใจล่ะ

ไม่งั้น โด้กับเมสซี่ยิงได้ไม่เยอะเท่านี้หรอก
 


ใช่ครับ

ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจกันเลยคือ ทีมใหญ่ชนะง่ายไป ผมไม่ได้จะดิสเครดิต แต่บริบทมาดริด บาร์ซ่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

แป๊บๆ 3-0 4-0 สบายตัว เล่นกันชิลๆ เปลีย่นตัว เก็บตัว โรเตชั่นเอาตัวสำรองลงมาเคาะสนิมได้

ส่วนตัวผมคิดว่า แม้มาดริด หรือบาร์ซ่า ย้ายมาเตะพรีเมียร์ ทั้งเมสซี่ และโด้ก็ไม่น่ายิงได้เยอะอย่างที่อยู่สเปน แต่อาจจะได้แชมป์อยู่  


อย่าว่างั้นงี้เลย ผมว่าโด้โหดสุดคือตอนอยู่ ผีนะ

ไปมาดริดนี่รอยิงอะ

ขนาดอยู่ผีที่ผมว่าโหดสุด ในลีกยังยิงได้ไม่เกิน 30 ลูกเลย

 


ผมก็ว่าโด้ร่างผีแดง โหดแบบหลากหลายดี
ตอนอยู่ผีแดงเป็นตัวทำเกมหลักด้วย แต่ก็พัฒนาไปอีกทาง

อยู่มาดริด จบสกอร์เก่งขึ้นมาก แต่เหมือนจะทำเกมไม่เด่นเหมือนเดิม (เพราะมีคนมีทำหน้าที่นี้แทน)

ผมว่าโรนัลโด้พัฒนาขึ้นนะ คือ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำประโยชน์แบบรูปธรรมคือยิงประตู ดูเหมือนว่ารอยิงจะเป็นเรื่องไม่ยาก แต่คนที่ทำได้นี่ก็โคตรเก่งเลยล่ะ

ปีที่ท็อปๆ จริง โด้ยิงเกิน 30 ลูกมั้งครับ 2007/08 ปีที่ดีที่สุดกับทีม  


กับสโมสรอะใช่ครับ

แต่กับทีมชาติ โด้ร่างผีดีกว่าเยอะครับ

ทีมชาติพออกจากผี ผมว่านานี่ยังเด่นกว่าเลย

ฟอร์มตอนยูโร 2008 ใช้ได้เลย แต่เสียอย่างเดียวเจอเยอรมนี ที่เป็นทีมที่โปรตุเกสแพ้ทาง

ผมอาจจะมองว่า โด้ใช้โอกาสเปลืองไปหน่อยด้วยแหละครับ เลยไม่ค่อยชอบโด้ร่างมาดริดเท่าไหร่  


ถ้าพูดถึงนักเตะ ขอเน้นที่ระดับสโมสรละกันนะครับ
เพราะทีมชาติบางทีมันมีข้อจำกัด
(เช่น อย่างโด้เนี่ย ถ้าเล่นทีมชาติ ผมว่ายังไงแกก็สู้มุลเลอร์ยาก ปัจจัยตัวนี้มันเลือกไม่ได้ ทำยังไงแกก็ย้ายทีมชาติไม่ได้ แถมองค์ประกอบมีผลต่อฟอร์ม)

แต่เท่าที่ผมติดตามผมก็ว่าโรนัลโด้ ทางสถิติแกดีขึ้นนะในทีมชาติ

ยูโร 08 ผมว่าโด้แกเหมือนไปไม่เต็มสูบนะ เพราะเหมือนมีเจ็บฝืนไป แล้วรอฝ่าหลังยูโร
ซีซั่นต่อมาแกหายไปช่วงต้นฤดู

ตอนเล่นทีมชาติเด่นสุดๆ น่าจะบอลโลก 06 ชุดที่มีรุ่นพี่ช่วยส่งเสริม เข้าไปลึกจนตัดเชือกเลย ตอนอยู่ผีอาจจะเด่นกว่าเพราะยังเป็นตัวทำเกม ได้โชว์ แต่พอออกจากผี สไตล์แกเปลี่ยนไป แต่เพื่อนในทีมชาติสนับสนุนไม่พอ เลยดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ส่วนเรื่องใช้โอกาสเปลืองนั้นเป็นธรรมดาของนักเตะที่หาโอกาสได้บ่อยๆ
แม้อัตราประตูต่อโอกาสจะน้อยกว่าคนที่อัตราความคมสูงๆ แต่ก็ยังอันตรายกว่าอยู่ดีครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel