ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 6259
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 21:48
ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]
อ่านตอนแรกและทำความเข้าใจเบื้องต้นได้ที่ [http://www.soccersuck.com/boards/topic/1347462]

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่นานภายหลังจากที่มูริญโย่ถูกปฏิเสธจากบาร์เซโลน่าอย่างไร้เยื่อใย เขาได้รับงานในฐานะผู้จัดการทีมอินเตอร์มิลาน เช่นเดียวกันกับที่เชลซี มูริญโย่เลือกแทคติคเกมรับอย่างเหนียวแน่น อินเตอร์ภายใต้มูริญโย่เป็นแชมป์ลีคในสองปีแรก และในฤดูกาล 2009/10 มูริญโย่พาพวกเขาคว้าถ้วยยูเอฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีคเป็นครั้งแรกใน 45 ปี

ชัยชนะของมูริญโย่เหนือฟานฮาลในรอบชิงนั้นเด่นชัดอยู่แล้ว (ในแง่ของประสิทธิภาพระหว่างปรัชญาสำนักบาร์แจกซ์และสิ่งที่มูริญโย่เชื่อ) แต่ทว่าชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ที่บดบังความยิ่งใหญ่ในรอบชิงก็คือการโค่นบาร์ซ่าในรอบสี่ทีมด้วยการยืนหลังติดกำแพงของเหล่านักเตะอินเตอร์ ในการแข่งเลคแรกในมิลานนั้น มูริญโย่โชคดีเนื่องจากมีภูเขาไฟระเบิดซึ่งหมายความว่านักเตะบาร์เซโลน่าต้องเดินทางด้วยบัสไปที่มิลาน เหตุดังกล่าวอาจจะอธิบายถึงความเฉื่อยชาของนักเตะบาร์เซโลน่าอันนำไปสู่ชัยชนะของมูริญโย่ถึง 3-1 ในเกมแรก

แต่ที่คัมป์นูในเลกสองนั้นเองที่มูริญโย่ได้ล้างแค้นบาร์ซ่าและเป็บ ผู้เล่นหนึ่งคนของอินเตอร์ถูกส่งออกจากสนามด้วยใบแดงในนาทีที่ 29 ซึ่งทำให้ลูกทีมของมูริญโย่ตั้งรับกันมากยิ่งกว่าเดิมด้วยการปล่อยให้บาร์เซโลน่าครองบอลอย่างเดียวโดยที่ไม่ทำให้เกมรับเสียรูปขบวนใดๆ หลายต่อหลายครั้งที่นักเตะบาร์ซ่าเผชิญกับแผงเสื้อน้ำเงินดำที่ระวังไม่ให้การผ่านบอลอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นได้ในแนวรับ

อินเตอร์โดนยิงท้ายเกมเพียงหนึ่งลูกและอัตราการครองบอลมีแค่เพียง 19% เท่านั้น บาร์ซ่ามีโอกาสยิง 15 ครั้งเป็นประตูเพียงครั้งเดียวในขณะที่อินเตอร์มีโอกาสยิงเพียงครั้งเดียว ผลคืออินเตอร์ชนะไปด้วยคะแนนรวม ทั้งหมดทั้งมวลหมายความว่า มูริญโย่สร้างความปราชัยแก่บาร์ซ่าและทำลายหลักปรัชญาเกมรุกที่สาวกบาร์ซ่ายึดถือมานาน



อินเตอร์เป็นเพียงหนึ่งในทางเดินสำคัญของมูริญโย่ ความรู้สึกของมูริญโย่ในช่วงเวลานั้นก็คือเขาอาจจะเล็งที่จะกลับอังกฤษหรือสเปนซึ่งเป็นที่ๆเม็ดเงินและอำนาจลูกหนังที่แท้จริงตั้งอยู่ และบางที ในกรณีของสเปนก็คือการเล็งไปที่บาร์เซโลน่า ที่ๆกวาดิโอล่าสร้างความยิ่งใหญ่ในเวลานั้น

การที่บาร์ซ่าครอบครองความเป็นใหญ่ในสเปนสร้างความหงุดหงิดให้ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัลมาดริดเป็นอย่างมาก ภายหลังจากชัยชนะของมูริญโย่ในเวทียุโรปและการโค่นยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า มูริญโย่ถูกมองจากมาดริดในฐานะชายผู้สามารถทำลายกวาดิโอล่าได้ในสเปน ความคลุมเครืออันเกี่ยวกับแนวทางการทำทีมของมูริญโย่ถูกมองข้ามไปและท้ายที่สุดสโมสรได้ตั้งมูริญโย่คุมเรอัลมาดริดในฤดูร้อนปี 2010

การเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างมาดริดและบาร์ซ่าเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งราชันชุดขาวไปเยือนคัมป์นู มูริญโย่วางแผนที่จะแพ็คผู้เล่นเหมือนที่เขาเคยกำชัยเหนือบาร์ซ่ากับอินเตอร์ แต่ด้วยปัจจัยการเสริมทีมที่เปลี่ยนแปลงไปของเหล่าอาร์ซูลกราน่า บาร์เซโลน่าขึ้นนำก่อน 2-0 อย่างรวดเร็วภายใน 14 นาทีแรกของเกม ซึ่งส่งผลให้มูริญโย่ต้องเปลี่ยนแทคติคโดยการให้นักเตะชุดขาวดันสูงขึ้นเพื่อกดดันนักเตะบาร์เซโลน่า ผลนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของมูริญโย่ถึง 5-0

ในฤดูกาลเดียวกันนั้น มาดริดของมูริญโย่แพ้บาร์ซ่าอีกเพียงแค่สามเกม บาร์เซโลน่าได้แชมป์ลีคในปีเดียวกันนั้นพร้อมทั้งก้าวขึ่นมาเป็นจ้าวยุโรปอีกครั้งด้วยการทำลายเรอัลมาดริดในรอบสี่ทีมสุดท้าย ในหนังสือชีวประวัติของมูริญโย่ที่เขียนโดยดีเอโก้ ตอร์เรส (Diego Torres) เขาได้ระบุไว้ว่า แทคติคอันสกปรกของมูริญโย่หลายอย่างทำให้นักเตะราชันชุดขาวเกิดความรำคาญ (หนังสือเล่มดังกล่าวไปสืบแหล่งที่มาในห้องแต่งตัวของมาดริด)

ดีเอโก้ ตอร์เรสได้เขียนในหนังสือของเขาว่า มูริญโย่ในการทำทีมเรอัลมาดริดไม่ใช่แค่เพียงกระหายชัยชนะ แต่เขาต้องการที่จะชนะในแบบของเขาเองด้วยคือการสถาปนาตัวเองในฐานะผู้บุกเบิกในด้านแทคติค (tactical pioneer) มูริญโย่มักจะย้ำเสมอๆถึง "Trivote" ซึ่งหมายถึงสามเหลี่ยมแห่งความดุดันก้าวร้าว ในที่นี้มูริญโย่ต้องการสื่อถึงเหล่ากองกลางขาโหดที่สามารถแย่งบอลกลับมาจากแดนศัตรูหรือสามารถมาตัดเกมช่วยเหลือแนวรับทั้งสี่คนของทีมได้ มูริญโย่ยึดติดกับระบบดังกล่าวมากซึ่งจากแหล่งข้อมูลของตอร์เรสสังเกตุถึงประโยชน์อันจำกัดและระบบดังกล่าวหมายถึงการใช้ผู้เล่นนอกตำแหน่งที่ควรจำเป็น กล่าวคือ สิ่งที่มูริญโย่พูดย้ำไปมาคือสิ่งที่มูริญโย่ต้องการโปรโมตแนวทางของตนเอง

ในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีครอบสี่ทีมระหว่างบาร์ซ่าและราชันชุดขาว เกมดำเนินไปภายใต้บรรยากาศครุกรุ่นซึ่งเกิดจากการที่มูริญโย่สร้างขึ้นมาเอง มาดริดไม่ทำอะไรมากมายแต่ทำลายเกมฟุตบอล แม้ว่านักเตะบาร์ซ่าจะพุ่งหรือบ่นอุบอิบก็ตาม หัวใจของการแข่งขันในเกมนั้นกลายมาเป็นทีมๆหนึ่งส่งบอลและเลี้ยงบอลไปมาในขณะที่อีกทีมหนึ่งคอยไล่เตะและไล่หาเรื่อง หัวใจของเกมกลายมาเป็นความสว่างปะทะกับความมืด การเล่นฟุตบอลและการเล่นนอกกติกา ในเกมทั้งหมด 17 เกม ของมูริญโย่ที่แข่งกับบาร์เซโลน่าในฐานะโค้ชแห่งเรอัลมาดริด ทีมของเขาทำฟาล์วทั้งหมด 346 ครั้ง ในขณะที่ฝ่ายบาร์ซ่าทำไปเพียง 220 ครั้ง

จากหนังสือของตอร์เรส มูริญโย่เสนอแผนเจ็ดประการในการทำทีมในเกมสำคัญ

1.ทีมที่มีข้อผิดพลาดน้อยกว่าจะชนะในการแข่งขัน

2.ใครก็ตามที่ทำให้ผ่ายตรงข้ามผิดพลาดได้มากเท่าไรก็คือผู้ที่คุมเกมได้มากเท่านั้น

3.การเล่นนอกบ้าน แทนที่จะพยายามเล่นเกมให้เหนือกว่าคู่แข่ง จะเป็นการดีกว่าที่ทำให้พวกเขาสร้างข้อผิดพลาด

4.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีโอกาสสร้างข้อผิดพลาดมากยิ่งขึ้น

5.ใครก็ตามที่เลือกที่จะละทิ้งอัตราการครองบอลหมายความว่าจะเป็นการลดความเป็นไปได้ที่จะสร้างข้อผิดพลาด

6.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีความตระหนกกลัวอยู่เสมอ

7.ใครก็ตามที่ไม่ได้ครอบครองบอลจึงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

แผนเจ็ดประการดังกล่าวเป็นหลักการคู่ตรงข้ามของปรัชญาสำนักบาร์แจ็กซ์ซึ่งเป็นการปฏิเสธความสำคัญของการครองบอล การเล่นบอลเชิงรุกของกวาดิโอล่าและคนอื่นๆที่คล้ายกัน หลักดังกล่าวเป็นสิ่งที่อินเตอร์ในสมัยมูริญโย่ได้นำมาใช้ในรอบที่ีเจอกับบาร์เซโลน่า แต่ที่มาดริดการเล่นเกมในลักษณะดังกล่าวถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ีไม่คู่ควรกับระดับทีมอย่างราชันชุดขาว





ในฤดูกาลถัดมา ความบาดหมางระหว่างเดอะสเปเชี่ยลวันและเป็บยังคงดำเนินต่อไปไม่ว่าจะเป็นการที่มูริญโย่แหย่ทำร้ายติโต้ บิลาโนบาซึ่งเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและยโสโอหังซึ่งนำไปสู่ผลที่ตามมาที่ไม่ดีนัก ท้ายที่สุดในฤดูกาลสุดท้าย มูริญโย่ได้มีปัญหากับลูกทีมอย่างเช่นอิเคร์ คาร์ซิยาสซึ่งเวลาของเขากับราชันชุดขาวได้ดูเหมือนจะหมดลง

ในคืนวันที่ 7 พฤษภาคม 2013 มีรายงานข่าวมาว่าปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะแต่งตัดเดวิด มอยส์แทนที่การอำลาของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จากหนังสือของดีเอโก้ ตอร์เรส ข่าวดังกล่าวสร้างความตกใจให้กับเดอะสเปเชี่ยลวันเป็นอย่างมาก เขาเชื่อมาตลอดว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟอร์กี้ แต่ทว่าเฟอร์กี้ไม่ได้โทรหาเขาเลยเพื่อแจ้งให้เขาทราบ ในค่ำคืนนั้นเอง มูริญโย่กระสับกระส่าย หงุดหงิด กระวนกระวาย และคอยเช็คข่าวคราวว่าอาจจะมีความคาดเคลื่อนในการแต่งตั้งมอยส์ ในเช้าวันถัดมา มูริญโย่โทรศัพท์ไปหาเอเย่นต์เขาเองเพื่อดูถึงความเป็นไปได้ที่จะแก้ไขการตั้งมอยส์และเปลี่ยนให้ตัวเขาเข้าไปแทนที่ในฐานะผู้จัดการทีมปีศาจแดง

วันต่อมา มูริญโย่ออกข่าวยืนยันว่าเขาต้องการกลับไปที่เชลซีเสมอ ทั้งยังเสริมด้วยว่าภรรยาของเขาต้องการอาศัยอยู่ในลอนดอน บางทีสิ่งที่เดอะสเปเชี่ยลวันว่าไว้อาจจะเป็นจริง แต่บางทีเจ้าตัวอาจจะมองว่านี่เป็นการหักหลักกันอีกครั้ง บ็อบบี้ ชารล์ตัน (ฺBobby Charlton) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของผีแดงในเวลาดังกล่าวได้ออกโรงมาแสดงความเห็นว่า "ใครก็ตามที่จะมาเป้นผู้จัดการทีมของยูไนเต็ดจะไม่ทำสิ่งเขาเคยกระทำต่อติโต้ บิลาโนบา มูริญโย่เป็นโค้ชที่ดีแต่ก็แค่ดีเท่านั้นละ"

ตัวเลือกในเวลานั้นของมูริญโย่ค่อนข้างจำกัด เขามีทางเลือกคือ PSG หรือการกลับไปเขลซีที่ซึ่งแฟนๆเชิดชูเขาและยอมรับได้ในสไตล์การทำทีมของเขา

ท้ายที่สุด มูริญโย่ได้กลับมาที่เชลซีในหน้าร้อนปี 2013 ทีมที่ซึ่งครั้งนี้มีนักเตะสร้างสรรค์เกมอย่างเอเดน อาร์ซาร์ หรือ ออสการ์ ซึ่งสามารถเล่นในฐานะหน้าต่ำ การกลับมาครั้งนี้ของมูริญโย่นั้น มีความพยายามในการเล่นฟุตบอลอันสวยงามมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดหยุดลงในเดือนธันวาคม 2013 เมื่อเชลซีแพ้ซันเดอร์แลนด์ในเกมลีคคัพ สิ่งเหล่านี้ทำให้มูริญโย่กลับมาสู่การเล่นแบบเดิมซึ่งเชลซีเสียประตูน้อยลงและไม่ถูกโค่นเป็นจำนวน 13 เกมส์ติดกัน กระนั้นก็ดีความพ่ายแพ้ในบางนัดนำไปสู่การตกไปอยู่อันดับสามในฤดูกาลนั้น

ฤดูกาลถัดมามูริญโย่พาเชลซีเถลิงแชมป์อย่างนิ่มนวลอีกครั้ง มูริญโย่ไม่เคยรู้สึกผิดในการทำทีมในแบบของเขาที่จะให้ความสำคัญกับชัยชนะ เขาได้กล่าวในเดือนพฤษภาคม 2015 ว่า "ไม่มีเด็กคนไหนที่เล่นกับญาติ กับพ่อ แม้กระทั่งในสวน ไม่มีเด็กคนไหนที่เล่นเพื่อที่จะแพ้ ธรรมชาติไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาเล่นเพื่อที่จะชนะ"



หลุยส์ ฟานฮาลไม่คิดเหมือนมูริญโย่ เขาได้กล่าวถึงมูริญโย่ว่า "เขาเชื่อในการป้องกันมากกว่าการรุก แต่ปรัชญาของผม ผมเชื่อว่าผมต้องเอ็นเตอร์เทนคนดูผมจึงทำทีมเล่นเกมรุก แต่ปรัชญาของมูริญโย่คือการเล่นเกมรับ" [ความเห็นผู้แปล/สรุป - แม่เจ้าทำไมลุงทำแมนยูน่าเบื่อขนาดนี้ละ]

มูริญโย่ได้วิจารณ์ปรัชญาการครองบอลโดยกล่าวว่า "ถ้าคุณไม่เล่นเกมสวนกลับนั่นเป็นเพราะคุณมันโง่ การเล่นเกมสวนนั้นมหัศจรรย์มากในวงการฟุตบอล มันเป็นกระสุนเมื่อคู่แข่งของคุณขาดความสมดุลในการเล่นเกม"

ในฤดูกาล 2015/16 มูริญโย่ได้คุมทีมเป็นปีที่สามอีกครั้ง เหมือนที่เคยคุมเชลซีครั้งแรกและคุมเรอัลมาดริด สิ่งที่เกิดขึ้นคือความผิดพลาดต่างๆมากมายเหมือนทุกๆครั้งในปีที่สาม

Beta Guttman ผู้เป็นโค้ชชาวฮังกาเรียน ได้เสนอไว้ว่า "ฤดูกาลที่สามนั้นสำคัญมาก" ทฤษฎีของ Guttman ง่ายมาก หลังจากสองฤดูกาลแรก โค้ชบอกและสอนทุกอย่างไปแล้ว แนวทางการเล่นจะถูกอ่านออกได้ง่ายมากขึ้น นักเตะจะขาดความกระตือรือร้นจากแผนการเดิม และความพอใจและการล่มสลายก็จะคลืบคลานเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่เป็นทฤษฎีที่สำคัญมากที่โค้ชทุกคนต้องพยายามก้าวผ่านไปให้ได้ มีไม่กี่คนที่สามารถทำได้ หนึ่งในนั้นที่ประสบความสำเร็จคือเฟอร์กี้

ปัญหาของมูริญโย่คือวิธีการของเขาอยู่บนแนวทางที่ค่อนข้างก้าวร้าว เขามักจะสร้างทฤษฎีสมคบคิดต่างๆขึ้นมา เขามักจะหาเรื่องใครก็ตามที่ไม่ได้มีอยู่จริงแต่อยู่ในจินตนาการของเขาเอง และท้ายที่สุดวิธีการดังกล่าวทำให้คนอื่นเหนื่อยหน่าย สื่อมวลชนและสาธารณชนมักจะเหลือบตามองบนเมื่อมูริญโย่กล่าวหามั่วซั่วว่ากรรมการมีอคติกับเขา ผู้อำนวยการทีมมักจะเซ็งเวลาเขาตกเป็นข่าว และนักเตะเริ่มเบื่อหน่ายกับความกดดันของเขาที่มีต่อทีม

บางที มูริญโย่อาจจะทราบตั้งแต่ปรีซีซั่นว่านักเตะขาดความกระหาย เขาอาจะเริ่มสังเกตุว่านักเตะบางคนสงสัยในตัวเขา เมื่อเริ่มฤดูกาลมา เขาใช้บทละครเดิมๆ เขาสร้างข่าวว่าจะจับมือกับอาร์เซน เวนเกอร์ เขาด่ากราดทีมแพทย์ออกสื่อเมื่อเหล่าทีมแพทย์จะเข้าไปปฐมพยาบาลนักเตะ หมอเอวา คาร์เนโรได้ลาจากทีมไปดังที่ทราบกันดีทั้งยังจะฟ้องร้องเดอะสเปเชี่ยลวันด้วย หลังจากเหตุการณ์ด่าแพทย์ออกสื่อ ผลของการกระทำดังกล่าวเริ่มแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาดมาก ไม่ใช่เพียงเพราะความอยุติธรรมที่มีต่อหมอเอวา แต่เป็นเพราะฐานะของแพทย์ในห้องแต่งตัว

เจ้าหน้าที่ทีมแพทย์มักจะเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและกุมความลับหลายสิ่งหลายอย่างของนักเตะ พวกเขาใช้เวลากับนักเตะมากพอดูจนถึงกับที่นักเตะสามารถไว้ใจจรรณยาบรรณทางการแพทย์ได้ อาทิ นักเตะอาจจะมีปัญหาที่ต้นขาที่ไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวจะถูกดร็อปแต่เขาอาจจะกล้าบอกกับแพทย์ผู้รักษา เช่นกัน ปัญหาอื่นๆในชีวิตไม่ว่าจะเป็นปัญหาในทางกายและใจเช่นกัน นักเตะมักจะปรึกษาทีมแพทย์อยู่เนืองๆ และดูเหมือนว่าหมอเอวาจะเป็นที่นิยมในห้องแต่งตัวของเชลซีด้วย ฉะนั้น การเฉดหัวหล่อนออกไปเป็นการเดินหมากทางการเมืองที่ผิดพลาดมหันต์



ภายหลังจากความผิดพลาดนั้น ผลงานทีมก็ดิ่งลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมูริญโย่ออกมาด่ากราดไม่ว่าจะเป็นกรรมการหรือใครก็ตาม ฟาบิโอ คาร์เปลโล่ ได้มองสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "มุริญโย่เป็นโค้ชที่ดี แต่เขาทำลายนักเตะของเขาเอง"

หลังจากที่พ่ายแพ้เลสเตอร์ในเดือนธันวาคม 2015 มูริญโย่ได้จากเชลซีไปอีกครั้งด้วยความยินยอมร่วมกัน เขาได้ออกมาพูดโดยนัยถึงใครก็ตามที่ได้ทรยศหักหลังเขา คำอธิบายถึงความล้มเหลวของผู้เล่นบางคนที่ไม่ยอมทำตามแทคติคเกมรับ เขายังเชื่อด้วยว่านักเตะบางคนแอบส่งฟอร์เมชั่นไลน์อัพไปให้ทีมคู่แข่งอย่างปอร์โต้ก่อนเกมในเดือนธันวาคม ความสัมพันธ์ของเขาและนักเตะก็ไม่สู้ดีนักไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับคอสต้าที่จะโยนเสื้อนอกใส่มูริญโย่ในเกมลอนดอนดาร์บี้กับสเปอร์ หรืออาร์ซาร์ที่ไม่กอดมูริญโย่ในเกมที่เจอกับปอร์โต้ หลังจากที่มูริญโย่จากเชลซีไป ผู้อำนวยการกีฬาของเชลซีได้พูดถึงความไม่ลงรอยกันที่สัมผัสได้ระหว่างนักเตะและโค้ช

อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้? มูริญโย่มักจะพูดถึงความต้องการที่จะกลับมาคุมทีมอีกครั้งและการยืนกรานที่จะอาศัยในลอนดอนนั้นเพียงพอต่อการมองว่าเขาต้องการกลับมาในเวทีพรีเมียร์ลีคอีกครั้ง ด้วยเหตุที่ฟานฮาลมักจะถูกกดดันเสมอๆ อาจจะเป็นไปได้ที่เขาจะกุมบังเหียนปิศาจแดงแทนอดีตนายใหญ่ของเขา ทั้งนี้ การที่มีข่าวว่าเป็บจะลาจากเสือใต้มาคุมทีมอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ นั่นหมายความว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการต่อสู้ห้ำหั่นระหว่างคู่แค้นเก่าอีกครั้ง (หมายเหตุ - บทความถูกเขียนในช่วงไม่กี่วันหลังจากมูริญโย่ออกจากเชลซี หมายความว่าผู้เขียนวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ) อย่างไรก็ดี เขาจำเป็นต้องระแวดระวัง แปดฤดูกาลหลังจากเขาคุมปอร์โต้ มุริญโย่ทำทีมเป็นแชมป์ลีคหกสมัยและพาทีมได้แชมป์เปี้ยนลีคสองครั้ง ตั้งแต่ปี 2010 เขาพาทีมได้แชมป์ลีคเพียงสองครั้งเท่านั้น มีผู้จัดการทีมไม่กี่คนที่เฉิดฉายมากกว่าหนึ่งทศวรรษ งานผู้จัดการทีมฟุตบอลนั้นค่อนข้างที่จะเป็นงานที่มีความอึดอัดต่ออารมณ์และความคิด และฟุตบอลเปลี่ยนแปลงพัฒนาอยู่เสมอ อาจจะเป็นไปได้ว่ามูริญโย่ได้ก้าวข้ามจุดสูงสุดไปแล้ว

ความตลกขบขันอยู่ที่ว่าจุดยืนของมูริญโย่และปรัชญาของเขามักจะถูกเจ้าตัวอนุญาตนิยามให้ตรงข้ามกันกับบาร์เซโลน่า เขาเป็นสิ่งที่พวกบาร์ซ่าไม่ได้เป็น แต่เขามักจะปล่อยให้บาร์เซโลน่าควบคุมเงื่อนไขในชีวิตของเขาต่างๆมากมาย ดั่งที่ความหมกมุ่นที่มีต่อกวาดิโอล่าแสดงให้เห็น มูริญโย่อาจจะปฏิเสธบาร์เซโลน่าดังที่พวกอาร์ซูลกราน่าปฏิเสธเขา แต่ในฐานะของคนที่แอนตี้บาร์ซ่า ตัวเขาเองก็ถูกนิยามโดยบาร์เซโลน่า



credit: the Guardian [http://www.theguardian.com/football/2015/dec/22/devil-and-jose-mourinho]


ป.ล. ความเห็นผู้แปล เออไม่แปลกใจที่ทำไมถึงมีข่าวแปลกๆราวกับว่ามูริญโย่จะมาคุมผีแดงแน่นอนแล้วบ่อยๆ อารมณ์ประมาณนักเตะที่เล็งไว้ ฯลฯ บทความนี้แสดงให้เห็นเลยว่าถ้าแกอยากจะคุมที่ไหน จะเพราะอะไร และด้วยเหตุผลอะไร และจะใช้วิธีอะไรบ้าง
แก้ไขล่าสุดโดย sandwhale เมื่อ Sat Mar 26, 2016 22:46, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: ★ BE THE REASONSOMEONE SMILES TODAY ★ ❤ ʕ・ᴥ・ʔ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Dec 2009
ตอบ: 23600
ที่อยู่: ʕ•̫͡•ʔ ʕ•̫͡•ʔ Satisfied City ♥ Blissful Land ʕ•͓͡•ʔ•̫͡•ʔ
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 21:53
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
อ้างอิงจาก:
4.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีโอกาสสร้างข้อผิดพลาดมากยิ่งขึ้น

5.ใครก็ตามที่เลือกที่จะละทิ้งอัตราการครองบอลหมายความว่าจะเป็นการลดความเป็นไปได้ที่จะสร้างข้อผิดพลาด

6.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีความตระหนกกลัวอยู่เสมอ

7.ใครก็ตามที่ไม่ได้ครอบครองบอลจึงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
 



โอ้จริงหรือนี่ ปรัชญาแอนตี้ฟุตบอลแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากได้มาคุมทีมเข้าไปใหญ่(จากที่ไม่อยากได้อยู่แล้ว)

โดยเฉพาะข้อ 6 นี่รับไม่ได้จริงๆ ไม่ควรสอนความคิดอย่างงี้ให้นักบอลเลยด้วยซ้ำ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 6259
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 21:54
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
Puet_TaeYeon พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
4.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีโอกาสสร้างข้อผิดพลาดมากยิ่งขึ้น

5.ใครก็ตามที่เลือกที่จะละทิ้งอัตราการครองบอลหมายความว่าจะเป็นการลดความเป็นไปได้ที่จะสร้างข้อผิดพลาด

6.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีความตระหนกกลัวอยู่เสมอ

7.ใครก็ตามที่ไม่ได้ครอบครองบอลจึงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
 



โอ้จริงหรือนี่ ปรัชญาแอนตี้ฟุตบอลแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากได้มาคุมทีมเข้าไปใหญ่(จากที่ไม่อยากได้อยู่แล้ว)

โดยเฉพาะข้อ 6 นี่รับไม่ได้จริงๆ ไม่ควรสอนความคิดอย่างงี้ให้นักบอลเลยด้วยซ้ำ  


มาจากหนังสือชีวประวัติของมูริญโย่น่ะครับ แหล่งอ้างอิงของผู้เขียนมาจากภายในห้องแต่งตัวของมาดริด

ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: ★ BE THE REASONSOMEONE SMILES TODAY ★ ❤ ʕ・ᴥ・ʔ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Dec 2009
ตอบ: 23600
ที่อยู่: ʕ•̫͡•ʔ ʕ•̫͡•ʔ Satisfied City ♥ Blissful Land ʕ•͓͡•ʔ•̫͡•ʔ
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 21:57
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
sandwhale พิมพ์ว่า:
Puet_TaeYeon พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
4.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีโอกาสสร้างข้อผิดพลาดมากยิ่งขึ้น

5.ใครก็ตามที่เลือกที่จะละทิ้งอัตราการครองบอลหมายความว่าจะเป็นการลดความเป็นไปได้ที่จะสร้างข้อผิดพลาด

6.ใครก็ตามที่ครองบอลจะมีความตระหนกกลัวอยู่เสมอ

7.ใครก็ตามที่ไม่ได้ครอบครองบอลจึงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
 



โอ้จริงหรือนี่ ปรัชญาแอนตี้ฟุตบอลแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากได้มาคุมทีมเข้าไปใหญ่(จากที่ไม่อยากได้อยู่แล้ว)

โดยเฉพาะข้อ 6 นี่รับไม่ได้จริงๆ ไม่ควรสอนความคิดอย่างงี้ให้นักบอลเลยด้วยซ้ำ  


มาจากหนังสือชีวประวัติของมูริญโย่น่ะครับ แหล่งอ้างอิงของผู้เขียนมาจากภายในห้องแต่งตัวของมาดริด

ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน  


ขอบคุณที่แปลมาให้นะครับ ผมยังไม่ได้อ่านทั้งหมดเดี๋ยวขออ่านก่อน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2010
ตอบ: 1240
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 22:24
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
ตอนที่เป็นข่าวกับแมนยู ก็เฉยๆนะ ไม่ค่อยชอบสไตล์เท่าไหร่อยู่แล้ว แต่ถ้ามาจริงก็เชียร์เหมือนเดิม

แต่อ่านบทความนี้แล้ว ไม่อยากให้มาแมนยูเลยจริงๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: ดนตรีคือชีวิต ชีวิตคือ ภาพมายา
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 296
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 22:29
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
เม้นไว้ก่อนเดี๋ยวว่างๆอ่านทีเดียวเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2010
ตอบ: 3537
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 22:38
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
อ่านแล้วแบบเอา กิ๊ก เถอะ

มูไม่ไหวแหะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status: Youth|Courage|Success
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 17433
ที่อยู่: Old Trafford, Sir Matt Busby Way, Stretford, Manchester M16 0RA, UK
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 22:39
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
อ้างอิงจาก:
"ฤดูกาลที่สามนั้นสำคัญมาก" ทฤษฎีของ Guttman ง่ายมาก หลังจากสองฤดูกาลแรก โค้ชบอกและสอนทุกอย่างไปแล้ว แนวทางการเล่นจะถูกอ่านออกได้ง่ายมากขึ้น นักเตะจะขาดความกระตือรือร้นจากแผนการเดิม และความพอใจและการล่มสลายก็จะคลืบคลานเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่เป็นทฤษฎีที่สำคัญมากที่โค้ชทุกคนต้องพยายามก้าวผ่านไปให้ได้ มีไม่กี่คนที่สามารถทำได้ หนึ่งในนั้นที่ประสบความสำเร็จคือ เฟอร์กี้  


Alex Ferguson "The Real One Genius"
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
#REDMANCUNIAN #GGMU



ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 809
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 23:11
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
อ่านไปเนื้อเรื่องเหมือนดูหนังเลยครับ อยากให้มูคุมผีเลย เดือดดาลแน่ๆเจอกับเป๊ป ปรัชญานี้ตรงข้ามกันทุกอย่าง อีกฝั่งเล่นสวยงาม ครองบอล อีกฝั่งไม่ครองบอล ไม่เอาสวย นี้มันพระเอกกับตัวโกงชัดๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 8911
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 23:12
ถูกแบนแล้ว
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
เอากิ๊กเลยครับ อยากเห็น
มูอย่าไปเลย ไปเยอรมันน่าสนุกกว่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Apr 2010
ตอบ: 10975
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Mar 26, 2016 23:23
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
เชื่อว่ามูพาผีได้แชมป์ลีก/UCLแน่ใน3ปีแรก

แต่ทีมจะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
อบรมขอไลเซนส์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 34697
ที่อยู่: Digital World
โพสเมื่อ: Sun Mar 27, 2016 00:25
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
ตอนนี้ยังไงผมก็เอามู ใครจะไม่ชอบสไตล์ยังไงผมไม่รู้
แต่ผมขอแชมป์พอ สไตล์ชั่งมัน เล่นสวยแต่แพ้ไม่มีแชมป์ก็เท่านั้น

ไม่รู้สิโดยส่วนตัวผมคิดว่า นักเตะแมนยูไม่ใช่พวกอีโก้สูงอะ
เวิลคลาสก็แทบไม่มี แต่ละคนก็ตั้งใจเล่น ตั้งใจฟังโค้ช
ขนาดฟานกัลกากๆแบบนี้ยัง ออกมาชื่นชมกันยกใหญ่
นักเตะถ้าจะอีโก้ใส่คงมีแค่รูนีย์ นอกนั้นผมว่าถ้ามูสั่งอะไรก็ทำหมดอะ

สามปีแรกคงได้แชมป์แน่ๆ แต่หลังจากนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกัน
ถ้ามูได้มาคุมจริงๆนะ แต่คิดว่าน่าจะได้มาคุมค่อนข้างแน่
แก้ไขล่าสุดโดย mscrown เมื่อ Sun Mar 27, 2016 00:37, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status: Deadly Monarch
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 713
ที่อยู่: The Theatre of Dreams
โพสเมื่อ: Sun Mar 27, 2016 01:00
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
ผมไม่รู้นะว่าบางท่านอ่านทุกตัวอักษรหรือเปล่าถึงขนาดบอกว่าอ่านจบแล้วถึงกับไม่อยากได้มู

1. เรื่องเจ็ดข้ออะไรนั่นเท่าที่อ่านก็บอกอยู่นะว่าใช้กับเกมสสำคัญ และเท่าที่ผมดูมูมาตลอดก็เป็นแบบนั้น กับเกมสที่เจอทีมไม่ใหญ่ก็บุกตลอดนะ ครองบอลก็ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเชลซี มาดริด คงยิงไม่ถึงร้อยลูกได้หรอกครับ

2. ตอนคุมมาดริดเจอบารซ่าที่ทำทีมนักเลงไล่เตะผมว่าไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้นครับ เพราะมาดริดตัวที่เล่นเกมสรับได้มีน้อยเกินไป ง่ายๆอย่างเปเป้ รามอส มาเชลโล่ เป็นกองหลังที่เล่นรุกได้ดีมากกว่ารับ จะมายืนเป็นระเบียบเหมือนตอนมูคุมอินเตอร์คงเป็นไปไม่ได้ ก็มีทางเดียวคือตัดเกมส์กระจาย กลายเป็นราชานักเลงไปตามระเบียบ ถ้ามูจะให้นักเตะเล่นเหมือนนักเลงจริงตอนคุมอินเตอร เชลซี หรือปอรโต้ ก็คงเห็นกันแล้วละ

3. ถ้ามูสามารถคุมทีมโดยไม่มีการเมืองภายใน ผมมั่นใจว่ามูสามารถทำทีมนั้นได้แชมป์โดยที่ไม่มีปัญหาเหมือนตอนที่คุมอินเตอร์ครับ แต่ถ้ามาคุมแมนยูบอกตรงๆผมไม่มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา เพราะดูแล้วน่าจะมีผู้ทรงอิทธิพลหลายคนพอสมควร

ปล. ไม่รู้ว่าคนเขียนต้นฉบับไม่พอใจอะไรมูหรือเปล่า อ่านแล้วเหมือนไม่ค่อยชอบขี้หน้า . . .
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 6259
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Mar 27, 2016 01:22
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
Dellons พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้นะว่าบางท่านอ่านทุกตัวอักษรหรือเปล่าถึงขนาดบอกว่าอ่านจบแล้วถึงกับไม่อยากได้มู

1. เรื่องเจ็ดข้ออะไรนั่นเท่าที่อ่านก็บอกอยู่นะว่าใช้กับเกมสสำคัญ และเท่าที่ผมดูมูมาตลอดก็เป็นแบบนั้น กับเกมสที่เจอทีมไม่ใหญ่ก็บุกตลอดนะ ครองบอลก็ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเชลซี มาดริด คงยิงไม่ถึงร้อยลูกได้หรอกครับ

2. ตอนคุมมาดริดเจอบารซ่าที่ทำทีมนักเลงไล่เตะผมว่าไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้นครับ เพราะมาดริดตัวที่เล่นเกมสรับได้มีน้อยเกินไป ง่ายๆอย่างเปเป้ รามอส มาเชลโล่ เป็นกองหลังที่เล่นรุกได้ดีมากกว่ารับ จะมายืนเป็นระเบียบเหมือนตอนมูคุมอินเตอร์คงเป็นไปไม่ได้ ก็มีทางเดียวคือตัดเกมส์กระจาย กลายเป็นราชานักเลงไปตามระเบียบ ถ้ามูจะให้นักเตะเล่นเหมือนนักเลงจริงตอนคุมอินเตอร เชลซี หรือปอรโต้ ก็คงเห็นกันแล้วละ

3. ถ้ามูสามารถคุมทีมโดยไม่มีการเมืองภายใน ผมมั่นใจว่ามูสามารถทำทีมนั้นได้แชมป์โดยที่ไม่มีปัญหาเหมือนตอนที่คุมอินเตอร์ครับ แต่ถ้ามาคุมแมนยูบอกตรงๆผมไม่มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา เพราะดูแล้วน่าจะมีผู้ทรงอิทธิพลหลายคนพอสมควร

ปล. ไม่รู้ว่าคนเขียนต้นฉบับไม่พอใจอะไรมูหรือเปล่า อ่านแล้วเหมือนไม่ค่อยชอบขี้หน้า . . .  


จากที่ผมตามอ่านบทความเก่าๆ จริงๆคือเขาออกไปในทางสรรเสริญมูด้วยนะครับ เพราะคนเขียนเป็นนักวิเคราะห์ประวัติศาสตร์แทคติคฟุตบอล ที่ว่าสรรเสริญคือมูเป็นคนที่เกิดจากบาร์ซ่าแต่คิดค้นอะไรไม่เหมือนกับที่ตัวเองเกิดมา แล้วสร้างวิวัฒนาการให้กับแทคติคฟุตบอล มีบทความนึงแกบอกว่าเนี่ย หนึ่งในวิธีสู้กับกับแนวคิดครองบอลติกิตะกะที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องครองบอลเลย possession football Vs non-possession football

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 1 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 589
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Mar 27, 2016 01:40
ถูกแบนแล้ว
[RE: ปีศาจและมูริญโย่ [บทความแปลยาวตอนจบ]]
sandwhale พิมพ์ว่า:
Dellons พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้นะว่าบางท่านอ่านทุกตัวอักษรหรือเปล่าถึงขนาดบอกว่าอ่านจบแล้วถึงกับไม่อยากได้มู

1. เรื่องเจ็ดข้ออะไรนั่นเท่าที่อ่านก็บอกอยู่นะว่าใช้กับเกมสสำคัญ และเท่าที่ผมดูมูมาตลอดก็เป็นแบบนั้น กับเกมสที่เจอทีมไม่ใหญ่ก็บุกตลอดนะ ครองบอลก็ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเชลซี มาดริด คงยิงไม่ถึงร้อยลูกได้หรอกครับ

2. ตอนคุมมาดริดเจอบารซ่าที่ทำทีมนักเลงไล่เตะผมว่าไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้นครับ เพราะมาดริดตัวที่เล่นเกมสรับได้มีน้อยเกินไป ง่ายๆอย่างเปเป้ รามอส มาเชลโล่ เป็นกองหลังที่เล่นรุกได้ดีมากกว่ารับ จะมายืนเป็นระเบียบเหมือนตอนมูคุมอินเตอร์คงเป็นไปไม่ได้ ก็มีทางเดียวคือตัดเกมส์กระจาย กลายเป็นราชานักเลงไปตามระเบียบ ถ้ามูจะให้นักเตะเล่นเหมือนนักเลงจริงตอนคุมอินเตอร เชลซี หรือปอรโต้ ก็คงเห็นกันแล้วละ

3. ถ้ามูสามารถคุมทีมโดยไม่มีการเมืองภายใน ผมมั่นใจว่ามูสามารถทำทีมนั้นได้แชมป์โดยที่ไม่มีปัญหาเหมือนตอนที่คุมอินเตอร์ครับ แต่ถ้ามาคุมแมนยูบอกตรงๆผมไม่มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา เพราะดูแล้วน่าจะมีผู้ทรงอิทธิพลหลายคนพอสมควร

ปล. ไม่รู้ว่าคนเขียนต้นฉบับไม่พอใจอะไรมูหรือเปล่า อ่านแล้วเหมือนไม่ค่อยชอบขี้หน้า . . .  


จากที่ผมตามอ่านบทความเก่าๆ จริงๆคือเขาออกไปในทางสรรเสริญมูด้วยนะครับ เพราะคนเขียนเป็นนักวิเคราะห์ประวัติศาสตร์แทคติคฟุตบอล ที่ว่าสรรเสริญคือมูเป็นคนที่เกิดจากบาร์ซ่าแต่คิดค้นอะไรไม่เหมือนกับที่ตัวเองเกิดมา แล้วสร้างวิวัฒนาการให้กับแทคติคฟุตบอล มีบทความนึงแกบอกว่าเนี่ย หนึ่งในวิธีสู้กับกับแนวคิดครองบอลติกิตะกะที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องครองบอลเลย possession football Vs non-possession football

 



ประวัติศาสตร์จะจารึกเฉพาะแชมป์

ไม่ใช่สไตล์การเล่นครับ

สำหรับแฟนแมนยูที่ร้างความสำเร็จมานาน

ถ้าจะเอาเล่นสวยแบบบาร์ซ่า แต่ไม่ได้แชมป์

กับเล่นแนวแทคติคแบบมูแล้วได้แชมป์

คงไม่ต้องบอกนะว่าแฟนผีจะเลือกอะไร

และผมก็ตามดูมูมาตั้งแต่ปอร์โต้..

มูจะเน้นแทคติคเฉพาะนัดสำคัญเจอทีมใหญ่ด้วยกัน

ถ้าไม่ใช่บิ๊กแมตซ์ ก็ยิงเละ

เหมือนตอนคุมเชลซีก็ยิงมากสุดเสียน้อยสุด

คุมมาดริดก็ยิงไปร้อยกว่าลูก

แรกๆอาจแพ้เป๊ปเพราะเพิ่งเริ่มสร้างทีม

หลังๆทีมเริ่มจูนกันติด ก็ชนะบาร์ซ่าได้มากขึ้น

สู้ได้สูสีขึ้น

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทความ

ปล. ดูฟานกัลเป็นตัวอย่างก็ได้ครับ ว่าเป็นยังไง

ประวัติหรู ทำทีมเน้นรุกมาตั้งแต่อาแจกซ์

แล้วดูสภาพแมนยูที่ฟานกัลทำสิครับ

อนาถยิ่งกว่ามอยส์อีกครับ

ดังนั้นเวลาเปลี่ยน สไตล์ของโค้ชก็เปลี่ยนกันได้

มูมาแมนยูรอบนี้ อาจเน้นเกมรุกหนักกว่าเดิมก็ได้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย T..BAG เมื่อ Sun Mar 27, 2016 01:42, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel