ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 12023
ที่อยู่: My home
โพสเมื่อ: Wed Mar 09, 2016 10:06
ถูกแบนแล้ว
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
เกมที่ถล่มเซาท์ 6-1 รู้สึกเราจะนำก่อน 3-0 ไม่ใช่เหรอครับ

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 43789
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Wed Mar 09, 2016 12:59
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
noneluck พิมพ์ว่า:
เกมที่ถล่มเซาท์ 6-1 รู้สึกเราจะนำก่อน 3-0 ไม่ใช่เหรอครับ

 


ทางข้างต้นจขกท.ถูกแล้วครับ โดนเร็วโดนก่อน ครับ แต่ตีเสมอได้ไว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 1000
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 09, 2016 19:53
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
noneluck พิมพ์ว่า:
เกมที่ถล่มเซาท์ 6-1 รู้สึกเราจะนำก่อน 3-0 ไม่ใช่เหรอครับ

 


http://www.bbc.com/sport/football/34918281

ตามนี้เลยครับ ขอบคุณที่ทักครับผม อย่างน้อยท่านก็อ่านละใส่ใจ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 1000
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 09, 2016 19:54
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
hutdbk พิมพ์ว่า:
ขอบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับป๋าด้วยได้ไม๊  


อันไหนอ่ะครับ เดี๋ยวลองหาดู
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 744
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 09, 2016 21:57
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
แฟนบอลหงส์จริงๆ ที่ติดตามกันมานานทราบดีครับ นานมากแล้วที่เชียร์หงส์แบบลุ้นถึงนาทีสุดท้าย เชียร์แบบที่ไม่กล้าปิดทีวีแม้จะโดนนำอยู่ เพราะบอสมี "ใจ" ต้องการนักเตะ "เล่น" ให้กองเชียร์ดู ไม่ใช่แค่ "ทำงาน" ตามหน้าที่เท่านั้น

นักเตะระดับที่ลงเล่นในยุโรปได้ มีดีอยู่ในระดับนึงแล้ว ความแตกต่างของนักเตะพวกนี้คือ "ความมั่นใจ" และคล๊อปป์ก็ให้ตรงนี้ แถมด้วยการกระตุ้นในระดับที่เรียกได้ว่า "ขนหัวลุก" ผมยังจำตอนที่โดนนอริชตีเสมอเป็น 4-4 ได้ ตอนนั้นคล๊อปป์ฉุนขาดมาก ไม่ได้ฉุนลูกทีม แต่ฉุนกรรมการที่ทดเวลานานเกิน แต่พอลัลลาน่ายิงนำ 5-4 ปฎิกริยาของบอสที่ทำกับลูกน้อง ดีใจในระดับนั้น ต้องบอกว่า พวกเค้า "สู้" เพื่อกองเชียร์จริงๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status: Liverpool man
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Dec 2005
ตอบ: 7994
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 10, 2016 04:11
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
patogo พิมพ์ว่า:
hutdbk พิมพ์ว่า:
ขอบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับป๋าด้วยได้ไม๊  


อันไหนอ่ะครับ เดี๋ยวลองหาดู  

ไม่รู้เหมือนกันครับ แค่อยากเห็นการแก้เกมชองเซอ อเล็กเทียบกับคลอป
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 1000
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 10, 2016 14:15
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
hutdbk พิมพ์ว่า:
patogo พิมพ์ว่า:
hutdbk พิมพ์ว่า:
ขอบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับป๋าด้วยได้ไม๊  


อันไหนอ่ะครับ เดี๋ยวลองหาดู  

ไม่รู้เหมือนกันครับ แค่อยากเห็นการแก้เกมชองเซอ อเล็กเทียบกับคลอป  


ผมวิเคราะเองไม่ค่อยเก่งอ่ะ 55555
แต่นั่งหาๆมา มันมีเปรียบเทียบป๋าเรื่องการกระตุ้นนักเตะครับ เดี๋ยวเอามาแปลให้คับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 1000
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jul 26, 2017 08:54
[RE: แท็คติก vs อารมณ์ร่วม - Klopp]
Zlap พิมพ์ว่า:
บอสใหญ่ของลิเวอร์พูลนั้นมีจุดเด่นในเรื่องการจัดการและชนะใจลูกน้องของเขา แต่หงส์แดงกำลังได้อะไรที่มากกว่านั้น


มันเป็นคุณสมบัติสองสิ่งที่ติดตัวคล็อปมาตั้งแต่สมัยคุมอยู่กับ ไมนซ์,ดอร์ทมุนด์,และในปัจจุบันที่ลิเวอร์พูล

อย่างแรกคือสิ่งที่คล็อปให้สำภาษณ์หลังจากเกมส์ที่พลิกกลับมาชนะ คลิสตัล พาเลซ
เมื่อพูดถึงใบแดงในเกมส์นั้นว่าส่งผลต่อทีมอย่างไรบ้าง ในแง่ดีแล้ว มันกลับทำให้คุณสมบัตินั้นของคล็อปแสดงออกมา

คล็อปกล่าวว่า “ เราอยากเอาคูตินโญ่ลงไปสร้างสรรค์เกมส์รุกทางปีกขวานะ แล้วโยกมิลเนอร์ไปเล่นแทนฟลานาแกน แต่แล้วจังหวะแรกหลังจากที่เปลี่ยนตัวลงไป เราก็โดนใบแดง”

“มันไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่มากในแง่ของเกมส์รุก แต่เราต้องหาทางออกให้เกมส์รับของเรา”

“อารมณ์ร่วม และความดุดันนั้นสำคัญกว่าแผนการเล่นอีกนะ”

อารมณ์ร่วมและความดุดันเป็นสิ่งหนึ่งที่ติดตัวคล็อปมาแต่ไหนแต่ไร คุณสมบัติที่ทำให้คล็อปบ้าระห่ำเมื่อยามอยู่ข้างสนาม

แต่ในทางกลับกัน แท็กติกของเค้ากลับไม่ได้โด่งดังมากเมื่อเทียบกับการมีอารมณ์ร่วมของเขา ซึ่งจริงๆแล้วมันควรได้รับการยกย่องเช่นกัน

ผู้จัดการทีมระดับโลกนั้นล้วนแต่มีแรงดึงดูดและเสน่ห์อะไรบางอย่างที่จะทำให้พวกเขาดูเหนือกว่าโค้ชดาดๆทั่วไป ซึ่งคล็อปก็มีสิ่งนี้ การจัดการและชนะใจลูกน้องของเขานั้นคือจุดเด่นและเป็นรากฐานของความสำเร็จของเค้า แต่คนกลับไม่สนใจในรายละเอียดเล็กๆและแท็คติกของเขา

และดูเหมือนว่าคล็อปเองก็ไม่สนใจเช่นกัน

แต่จริงๆแล้วคล็อปนั้นแค่เป็นคนถ่อมตน การกลับมาเอาชนะคลิสตัล พาเลซได้นั้นแท็กติกของเขาสำคัญมากๆ

เดยัน ลอฟเลนต้องวิ่งระยะทาง 40 หลาเพื่อที่จะไปแย่งบอลาี่กรอบ 20 หลาจากประตูสิ่งนี้คืออารมณ์ร่วม แต่สำหรับเขาที่ต้องเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเล่นเป็นกองหลังฝั่งขวา ทั้งต้องเข้าบอลและมีส่วมร่ววมกับการเติมเกมส์ สิ่งนี้คือแท็กติก

มันเป็นกับดักที่ง่ายดายของคล็อป ซึ่งก็ได้แสดงให้เห็นจากหลายๆเกมส์ที่กลับมาชนะหรือเสมอได้ ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับนิสัยและตัวตนของคล็อปมากกว่าสมองสะอีก

เกมส์กับพาเลซนั้นเป็นครั้งที่ 9 ที่ลิเวอร์กลับมาได้จากการตามหลัง หรือ 10 ครั้งถ้านับนัดที่เสมอกับเรือใบในเวมลีย์ และ 5 ครั้งจากการกลับมา สามารถเอาชนะได้อีกด้วย
สิ่งพวกนี้มันไม่ได้มาจากแค่การ กอด, ไฮไฟว์ของคล็อป แต่มันมาจากแท็กติกเช่นกัน

และนี้คือการแก้เกมส์ของคล็อปที่ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถกลับมาได้


เชลซี (เยือน)

สถาณการณ์ในตอนนั้น : หลังจากที่ตามหลังจากลูกยิงของรามิเลสในต้นเกมส์ คูตินโญ่ได้ยิงตีเสมอก่อนหมดครึ่งแรก ซึ่งทำให้เกมส์กลับมาออกได้ทั้งสองฝั่งอีกครั้ง

คล็อปทำอะไร: มูริญโญ่ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเปลี่ยนเอาอาซาร์ออกในช่วงนาทีที่ 60 ซึ่งคล็อปเน้นเกมส์บุกมากขึ้นด้วยการส่ง เบ็นเทเก้ไปแทนมิลเนอร์ ซึ่งเป็นการถอยเฟอร์มิโน่ลงมา หลังจากที่ต้องยืนค้ำหน้ามาตลอด การที่เบ็นเทเก้ได้ขึงแนวรับของเชลซีนั้นทำให้พื้นที่หลังกองหน้าหรือตรงกองกลางตัวรุกเปิดมากขึ้น แน่น่อนมันทำให้ คูตี้ ลัลลาน่า และเฟอร์มิโน่เล่นได้ง่ายขึ้นเยอะเลย และนั่นก็ส่งผลให้เห็นโดยที่คูตินโญ่ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำแป็น 2-1 และหลังจากนั้นตามด้วยเบ็นเทเก้บวกสกอร์เพิ่ม



นอริช (เยือน)

สถาณการณ์ในตอนนั้น: ลิเวอร์พูลได้ปล่อยความได้เปรียบหลุดมือไปหลังจากที่ออกนำไปก่อน 1-0 ในคาร์โรลล์ โรด และโดนแซงนำ 3-1 ตั้งแต่นาทีที่ 54 หลังจากนั้นเฮนเดอร์สันตีเสมอได้เร็ว พาลิเวอร์ไล่มาเป็น 3-2 แต่หงส์แดงก็เริ่มเข้าใกล้คำว่าพ่ายแพ้ไปทุกที

คล็อปทำอะไร: เปลี่ยนเอาลัลลาน่าลงมาแทนที่ไอบ์ซึ่งทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน นั่นทำให้เกมส์รุกของลิเวอร์พูลกลับมาเล่นได้อย่างปกติ เนื่องจากไอบ์โดนกองหลังของนกขมิ้นเหลืองอ่อนจัดการสะอยู่หมัด ในทางกลับทัน ลัลลาน่าวิ่งพล่านไปทั่วสนามและนั่นสร้างงานหนักให้ อิวาน ปินโต การเคลื่อนที่ของลัลลาน่านั้นสร้างความสับสนให้แก่กองหลังนอริชและเกมส์รุกลิเวอร์พูลเริ่มกลับมามีสีสันอีกครั้ง และก็เป็นลัลลาน่านั่นแหละที่จ่ายให้เฟอร์มิโน่ยิงตีเสมอและก็เป็นเขาอีกที่ยิงให้ลิเวอร์พูลเอาชนะไป

เซาท์แธมป์ตัน (เยือน)

สถาณการณ์ในตอนนั้น: ลิเวอร์พูลโดนนักบุญขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วจาก ไซโด มาเน่ นั่นทำให้นักบุญกำความได้เปรียบ

คล็อปทำอะไร: ไม่ได้ทำอะไรเลย มันเหมือนกับคล็อปไม่ได้แก้เกมส์อะไรเลย จริงๆแล้วเขาควรจะตื่นตระหนกตกใจแล้วเปลี่ยนแผนเป็น 4-4-2 เพื่อบุก แต่ไม่เลย เขากลับจับโอริกิถ่างไปเล่นกว้างกว่าเดิม ซึ่งทำให้แผน 4-2-3-1 ดูแข็งแกร่งกว่าเดิม คล็อปดูจะมั่นใจในแผนของเขามากๆและใจเย็นอย่างยิ่ง และมันก็สร้างความแตกต่างในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง เสตอร์ริจเบิ้ลสองลูกในสี่นาทีได้อีกด้วย จบเกมส์ด้วยการที่ลิเวอร์ชนะไป 6-1

คลิสตัล พาเลซ (เยือน)

สถาณการณ์ในตอนนั้น: ไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก โดนนำอยู่ลูกนึง เหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า 1 คน และความพ่ายแพ้กำลังรออยู่ข้างหน้า

คล็อปทำอะไร: คล็อปเหมือนถูกจับมัดมือไว้ เพราะเขาเพิ่งเปลี่ยนตัวคนแรกลงไปสนามเอง นั่นก็คือ คูตี้ลงไปแทนฟลานาแกน แล้วจับมิลเนอร์ไปเล่นแทนที่ตำแหน่งฟลาโน่ นั่นก็คือแบ็คขวา ซึ่งมิลเนอร์ก็ดันโดนไล่ออกทำให้คล็อปปรับแผนเป็น 3-4-2 โดยที่ถอยเอ็มเร่ ชาน ลงไปเล่นเป็นแผนหลังร่วมกับซาโก้และลอฟเรน ซึ่งพวกเขาก็ต้องรับมือกับปีกจี๊ดๆของพาเลซเมื่อยามจำเป็น แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก โมเรโน่ คูตี้ และลัลลาน่าจากตำแหน่งริมเส้นเช่นกันนั่นทำให้เราเห็น แผงหลัง 5 คนเมื่อตั้งรับ และ ดันขึ้นไป 6 คนเมื่อทำเกมส์บุกการห้อยผุ้เล่นสองตัวค้ำแดนหน้าไว้นั้นทำให้พาเลซไม่แน่ใจว่าจะตั้งรับหรือจะเปิดเกมส์บดแหลกดี ซึ่งการที่เฟอร์มิโน่ถูกห้อยไว้ข้างหน้านั้นส่งผลให้ได้ลูกตีเสมอมา หลังจากนั้นเบนเทเก้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาไม่ใช่เสตอร์ริจที่ทำได้แค่นั่งมองเพื่อนก็บชัยชนะ


เรื่องที่น่าจดจำ
มันมีการตัดสินใจของคล็อปที่ไม่ได้ทำให้ทีมชนะเช่นกัน แต่ก็ทำให้ทีมเก็บแต้มได้ เช่น เอา ค็อกเกอร์ลงมาเล่นเป็นกองหน้าในนาทีสุดท้ายในเกมส์ที่เจอกับอาเซน่อล ซึ่งก็ส่งผลดี เพราะมันเปิดพื้นที่ให้เบ็นเทเก้เล่นได้มากขึ้น และหลังจากนั้นก็ตั้งให้อัลเลนได้ซัดตีเสมอไป อีกเหตุการคือในเดือน พฤจิกายนที่เสมอกับ เวสบรอมไป 2-2 ในเกมส์นั้นคล็อปเปลี่ยนเอาลอฟเรนออกแทนที่ด้วย โอริกิ ตอนที่โดนนำอยู่ 2-1 ซึ่งโอริกิก็ยิงตีเสมอให้ลิเวอร์ได้

ครั้งที่มันไม่เวิร์ค
มันน่าตลกนะ แต่มันคือเกมส์ที่เจอกับพาเรซในช่วนต้นๆของฤดูกาล ซึ่งหมากของคล็อปเหมือนจะไม่ส่งผล ในตอนนั้นทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1 คล็อปตัดสินใจเอาเอ็มเร่ ชาน ออก และเอาฟิมิโน่เข้ามาแทนที่ ซึ่งมันเป็นการทิ้งเกมส์ในแดนกลางไป เพราะแดนกลางเหลือเพียงแค่สองคนและต้องทำงานอย่างหนัก และพาเรซก็ชนะไป 2-1 และคล็อปก็รู้สึกเศร้าใจที่แฟนบอลเดินออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 82

“ระหว่งนาทีที่ 82 ถึง 94 คุณสามารถยิงประตูได้นะ จริงๆแล้ว” คล็อปกล่าวหลังเกมส์

“ผมรู้สึกว่าผมเดินเดียวดายในช่วงเวลานั้น”

แต่ต่อไปนี้เขาจะไม่เดียวดายอีกต่อไปอย่างแน่นอน เพราะมันมีหลักฐานมากมายว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีเขาอยู่ข้างสนาม



แปลเองครับ ติชมได้เห็นมันน่าสนใจดี
Credit: http://www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/how-liverpool-fc-comebacks-down-11002736

Credit2(ลิ้งข้างบนเข้าไม่ได้เฉย): http://www.liverpoolecho.co.uk/authors/kristian-walsh/
ชื่อบทความ How Liverpool FC comebacks are down to Klopp's tactics as much as his passion
 
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel