"FORREST GUMP" - Best Picture 1994
= มองมุมหนัง =
"FORREST GUMP" - Best Picture 1994
“Stupid is as stupid does.” โง่หรือฉลาดอยู่ที่ “การกระทำ” หาใช่ที่กายภายนอก
แม้ภายนอกฟอร์เรสต์จะดูทึ่มดูโง่ในสายตาของใครหลายคน แต่ด้วยซื่อตรงต่อ “ความคิด” และ “การกระทำ” ของตัวเอง ทำให้ฟอร์เรสต์สามารถทำหลายสิ่ง และเป็นอะไรหลายๆ อย่างที่คนทั่วไปอาจไม่มีวันทำได้
หากมองไปที่ตัวเขาและลองเปิดกระเป๋าของฟอร์เรสต์เหมือนกับที่เราเปิดใจมองคนอื่น เราจะเห็นว่าความดีงามของฟอร์เรสต์ถูกบอกเล่าผ่านสิ่งของที่สะท้อนตัวตนของเขาได้อย่างดียิ่ง
(1) ขนนก : อย่าคิดมากกับชีวิตและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ชีวิตของฟอร์เรสต์ไม่ต่างจาก “ขนนก” ที่ลอยล่องอยู่ในหนัง คนส่วนใหญ่มักจะอยากลิขิตชีวิตตัวเอง แต่ฟอร์เรสต์ปล่อยให้ชะตาชีวิตลิขิตตัวเขา เราจึงเห็นว่าฟอร์เรสต์เป็นคนไม่มีความฝัน ไม่อยากได้ ไม่เป็นอยาก ไม่อยากหวังอะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาอยากเป็นจริงๆ ก็คือ “การได้เป็นคนรักของเจนนี่”
ในขณะที่เจนนี่ ผู้หมวดแดน และบั๊บบ้า เป็นตัวแทนของการใช้ชีวิตแบบ “นก” ที่ต้องการโบยบินและกำหนดชีวิตด้วยตัวของตัวเองฟอร์เรสต์ปล่อยชีวิตให้ลอยล่องดุจขนนกที่โดนลมพัด เขาใช้ชีวิตตาม “ครรลอง” ปกติของสังคม เป็นเด็กดี เชื่อฟังครอบครัว ตั้งใจเรียนหนังสือ ทำงานให้มั่นคง สร้างครอบครัวให้แข็งแกร่ง และดูแลบ่มเพาะลูกชายซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นต่อไปให้เข้มแข็ง ว่าจะเป็นไปชีวิตแบบฟอร์เรสต์ก็เปรียบเสมือน “กระแสหลัก” ของสังคม เป็นชีวิตพื้นฐานตามปกติที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่การใช้ชีวิตแบบเจนนี่เปรียบเสมือน “กระแสทางเลือก” ที่หลายคนต่างพยายามค้นหาตัวเอง รวมทั้งสรรหาหาทางออกและวิถีใหม่ๆ ให้กับสังคม แต่สุดท้ายก็ต้านทานการใช้ชีวิตในกระแสหลักไม่ได้ จนเจนนี่ต้องเลิกเป็นฮิปปี้ และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแบบทั่วไป ทำงาน เลี้ยงลูก สร้างครอบครัว แบบเดียวกับวิถีของฟอร์เรสต์
(2) ไม้ปิงปอง : ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
ถึงแม้ฟอร์เรสต์จะไม่เคยตีปิงปองมาก่อน แต่ก็สามารถตีปิงปองได้ภายในครั้งแรก คนธรรมดาอาจจะคิดว่าตีปิงปองให้เก่งเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับฟอร์เรสต์กลับทำได้ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่เพื่อนสอน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไร อย่าละสายตาจากลูกปิงปองกลมๆ ลูกนี้เป็นอันขาด”
ตาต้องไว มือต้องเร็ว!! เป็นคุณสมบัติสำคัญมากในการเล่นปิงปอง ฟอร์เรสต์อาจจะไม่รู้ แต่ด้วยวิถีการมองโลกแบบง่ายๆ ทำให้เขาทลายกำแพงที่หลายคนชอบก่อให้กับตัวเองว่า
“มันยากเกินไป เราคงทำมันไม่ได้หรอก”
ฟอร์เรสต์จริงจังกับการตีปิงปองไม่ยอมหยุดและฝึกมันจนชำนาญ เวลาผ่านไปไม่กี่เขาก็ได้เป็นตัวแทนทีมชาติไปแข่งกับต่างประเทศ จะว่าไปการตีปิงปองก็ไม่ต่างจากการเล่น "อเมริกันฟุตบอล" และเป็น "ทหาร"
เล่นฟุตบอลให้เก่ง ก็แค่วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ส่วนการเป็นทหารที่หลายคนอาจจะมองว่ายากลำบากและเสี่ยงอันตราย แต่ผู้ชายปัญญานิ่มอย่างฟอร์เรสต์กลับไปได้ดีกับการเป็นทหาร เขามองว่าเป็นทหารก็ไม่ได้มีอะไรยากเลย แค่พูดคำว่า “ครับผม!” และทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง
การมองโลกแบบนี้ ก็คือ “การเคารพเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา” ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทหารทุกคนพึงมี
(3) รองเท้า : ทำอะไรทำให้เต็มที่ แล้วผลจะออกมาดีเอง
แม่บอกฟอร์เรสต์ว่า
“เวลาดูคนให้ดูที่รองเท้า แล้วเราจะรู้ที่มาที่ไปของเขาดี” นั่นเพราะว่าสิ่งของอะไรย่อมสะท้อนถึงนิสัยและวินัยของคนใช้งาน
ในฉากเปิดเรื่องฟอร์เรสต์นั่งรอรถเมล์ด้วยรองเท้าที่เปื้อนโคลน ซึ่งบ่งบอกว่ารองเท้าคู่นี้น่าจะถูกใช้งานมาอย่างหนัก ในขณะที่หญิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ รองเท้ากลับขาวสะอาดเอี่ยม ราวกับว่าชีวิตของเธอยังผ่านโลกมาไม่มากนัก
แต่สำหรับฟอร์เรสต์รองเท้าของเขา สื่อให้เรารู้ว่าชีวิตของเขาผ่านอะไรมามากมาย เป็นนักอเมริกันฟุตบอล เป็นวีรบุรุษสงคราม เป็นนักปิงปองทีมชาติ เป็นเจ้าของกิจการ และเป็นนักวิ่งที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน
อะไรทำให้ฟอร์เรสต์ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้?
ฟอร์เรสต์ใช้ชีวิตแบบขนนก ไม่มีเป้าหมาย ไม่อยากได้ ไม่อยากฝันอะไรเป็นพิเศษ ความสำเร็จของฟอร์เรสต์มาจากการการที่ “อยากทำอะไร ก็ทำมันให้เต็มที่” แม้เป้าหมายจะไม่ถูกตั้งเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดผลลัพธ์มันจะออกมาดี เพราะเขาเป็นตัวอย่างของคนที่ "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" เช่นเดียวกับ “การวิ่ง” อยู่เฉยๆ ฟอร์เรสต์ก็ใส่รองเท้าที่เจนนี่ซื้อให้ และวิ่งออกไปอย่างไม่มีเป้าหมาย ฟอร์เรสต์วิ่งข้ามรัฐไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นกระแสสังคมและกลายเป็นตัวอย่างให้หลายคนลุกขึ้นมาทำอะไรจริงๆ จังๆ อย่างที่ตัวเองตั้งใจหลายคนอาจคิดไปเองว่าเขาวิ่งเพื่อเสรีภาพ เพื่อคนยากจน เพื่อสตรี และเพื่อสังคม
แต่จริงๆ แล้วเขาวิ่ง เพราะแค่อยากวิ่งเท่านั้นเอง และเขาทำได้ดี แม้จะไม่มีเป้าหมายว่าจะวิ่งไปทำไม
(4) หมวก : รักเพื่อนและรักษาคำพูดของตัวเอง
ในสงครามที่เวียดนามฟอร์เรสต์กับบั๊บบ้าเหมือนพี่เหมือนน้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันสองคนนี้มีความต่างกันมาก บั๊บบ้าฝันอยากเป็น “กัปตันเรือกุ้ง” ในขณะที่ฟอร์เรสต์เป็นคน “ไม่มีความฝัน”
แต่ถึงอย่างไรความแตกต่างกันก็ไม่ได้จำกัดมิตรภาพความเป็นเพื่อน
ฟอร์เรสต์บอกเอาไว้ว่า
“บั๊บบ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง แม้แต่คนโง่ๆ อย่างเขาก็ยังรู้เลยว่า เพื่อนดีๆ มันหายากแค่ไหน” บั๊บบ้าเคยชวนฟอร์เรสต์ลงขันทำธุรกิจเรือกุ้ง และเขาก็ตอบตกลง เมื่อบั๊บบ้าจากไปฟอร์เรสต์ก็ไม่ลืมที่จะรักษาคำพูดและสานต่อความตั้งใจของเพื่อนรักคนนี้ เขารวบรวมเงินที่มีอยู่กับตัวซื้อเรือลำหนึ่งมาจับกุ้ง และต่อสู้กับอุปสรรคในการออกเรือ จนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจกุ้ง “Bubba-Gump” และไม่ลืมที่จะยกส่วนแบ่งของบั๊บบ้าให้กับครอบครัวของเพื่อน จนกลายเป็นเศรษฐีและไม่ต้องเป็นคนรับใช้ทำครัวให้ใครกินอีกต่อไป
หมวก Bubba-Gump จึงเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า ฟอร์เรสต์ไม่เคยลืมและไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนของตัวเอง
(5) เหรียญเกียรติยศ : ความกล้าหาญ
ฟอร์เรสต์ได้เป็นวีรบุรุษสงครามและได้รับเหรียญเกียรติยศ เขามอบมันให้กับเจนนี่
“ผมได้มันมาเพราะทำตามที่คุณบอก”
ก่อนไปสงครามเจนนี่บอกกับฟอร์เรสต์ว่า
“ถ้าเจออะไร อย่าทำเป็นเก่ง ให้วิ่งหนีเลย” ฟอร์เรสต์ทำตามอย่างไม่มีกังขา เขาเอาชีวิตรอดกลับได้ และยังช่วยทหารอีกหลายชีวิตให้รอดพ้นอีกด้วย ฟอร์เรสต์วิ่งหลบกระสุนและระเบิดเข้าไปช่วยผู้หมวดแดน บั๊บบ้า และเพื่อนในกองทัพ
บางทีการมีเพื่อนที่อาจจะไม่ค่อยฉลาด แต่ซื่อสัตย์แบบฟอร์เรสต์ก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าฟอร์เรสต์กลายเป็นใครที่ฉลาดขึ้นมาอีกนิด เขาอาจจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เพื่อแลกกับชีวิตของคนอื่น เขาอาจจะเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้งเหมือนที่คนฉลาดหลายๆ คน จ้องจะหยิบฉวยโอกาสดีๆ ให้กับตัวเอง
เหรียญกล้าหาญที่ฟอร์เรสต์ได้มา จึงเป็นของอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนตัวตนอันน่ายกย่องของเขาเอง
cr.
https://www.facebook.com/BergRongCinema/?pnref=story