แต่ก่อนผมก็เคยโดนแกล้ง (แต่ไม่โหดขนาดนี้) เรียนอยู่ดีๆ ก็มีเด็กเข้ามาเรียนใหม่อยู่คนนึง ตัวใหญ่มาก น่าจะซ้ำชั้นมาจากโรงเรียนอื่น พอมาถึงก็ทำตัวเป็นหัวโจก เพื่อนในห้องหลายคนรวมทั้งเพื่อนซี้ผมกลายไปอยู่ในกลุ่มมัน มารุมแกล้งผม แต่ไม่ใช่ลักษณะตบตีขนาดนี้ มีผลักบ้างไรบ้าง แต่ในช่วงเวลานั้นมันเป็นความทุกข์ใหญ่ของผมเลย
ผมจำหน้ามันได้ดี พอโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น ผมตัวใหญ่พอควร เคยเจอมันครั้งนึง ตัวเล็กกว่าผมแล้ว (ตอนนั้นคิดในใจ จะเล่นคืนเลยดีไหม) แต่มันคงจำผมไม่ได้ สุดท้ายผมก็ไม่สนมัน แล้วก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย
เรื่องเด็กที่โดนแกล้งเลยเป็นเรื่องที่คนไม่เคยโดนจะไม่มีวันรู้ ว่ามันสร้างบาดแผลในใจไปจนโต ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมตอนโตได้เลยทีเดียว ผมกลายเป็นคนหวาดกลัวที่จะถูกกระทำ แต่ก่อนหลายครั้งก็เคยแสดงความก้าวร้าวออกมา เพื่อปกป้องตนเอง แต่ตอนนี้ผมผ่านสิ่งเหล่านี้มาแล้ว พอผมโตขึ้น สังคมของผู้ใหญ่ไม่มีความรุนแรงงี่เง่าแบบเด็กๆ อีกแล้ว (ตอนเริ่มทำงาน ผมดีใจมากๆ) แต่เปลี่ยนไปในรูปแบบอื่น เช่นการเอารัดเอาเปรียบในด้านการใช้อำนาจ หรือเงินทอง แทน ซึ่งในรูปแบบนี้ผมสามารถรับมือได้ดีกว่า
แต่ก็ยังมีอยู่นะ เช่นการนินทาในบริษัท แต่มันก็ยังดีกว่าตอนเด็ก ส่วนใหญ่จะเลิกรากันไปเอง
คนที่เป็นฝ่ายแกล้งก็แค่คิดว่าทำเล่นๆ สนุกๆ ทำไมต้องซีเรียสด้วย แต่พอลองเป็นฝ่ายโดนแกล้งบ้าง ล้วนขำไม่ออกซักคน คนโดนแกล้งไม่เคยรู้สึกสนุก กลับกัน กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากอย่างที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว
ตอนนี้ผมมีลูกแล้ว และให้ความสำคัญกับการแกล้งกันของพี่น้อง และจะไม่ยอมให้ลูกเป็นฝ่ายที่ถูกแกล้ง และเป็นฝ่ายไปแกล้งคนอื่นเด็ดขาด สมัยเด็กๆ พ่อแม่ผมไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลย เมื่อเด็กถูกกระทำและไม่มีใครช่วยเหลือได้ เด็กก็ต้องเก็บไว้ในใจ ฝังแน่นจนยากจะแก้ไขได้
บ่นนาน แต่ผมไม่ได้โรคจิตนะ แค่อยากให้ตระหนักว่าไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ สำหรับเด็กเลย ผู้ใหญ่ควรใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น