หลังจากไปตีแบดมามีสายเข้าให้เข้าไปคุยเรื่องธุรกิจ
โดยปลายสายเป็นเพื่อน สาวสวยหมวย คนหนึ่งเรียกให้เข้าไปคุยกันหน่อย
ดันบังเอิญอยู่ใกล้คอทแบดผมพอดี


ผมก็เข้าไปคุยครับ ไปถึงเพื่อก็บอกแฟร์ๆเลยว่าเนี่ยจะให้เข้ามาคุยเรื่องธุรกิจเครือข่ายนะ
ผมก็เจียมๆไป อ้อๆครับๆ ว่าไงว่างั้น แล้วก็มีผุ้ขายจูเนี่ยเข้ามาคุยกับผม



1

มาถึงก็พูดเรื่อง เป้าหมายความหวังที่จะสบายได้เร็วในอนาคตไหม
ยกตัวอย่างมาคนเงินเดือน 15,000 หักค่าใช้จ่ายนู๊นนี้นั้น เหลือเงินเก็บ 1,000 บาท
มันจะไปพอใช้ชีวิตได้ยังไง แล้วจะทำไงให้มีเงินเพิ่ม ก็เอาไปลงทุนซิ

ยกตัวอย่างเงินออมถ้าเราออมเงินเดือนละ 5,000 บาทต่อเดือน ปีเดียวก็ได้ 60,000
ฝันของคนเราอยากได้รถซักหนึ่งคัน ก็ราคา 600,000 ต้องเก็บเงิน ตั้ง 10 ปี
ถ้าอยากได้เงินไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่สบายต้องมีเงินซัก 6 ล้าน ซึ่งก็ตั้ง 100 ปี
เห็นไหมพี่ไม่มีโอกาสที่จะหาเงินขนาดนั้นได้เลย


ผมก็บอกไปว่าเห๊ย ถ้าดอกเบี้ย ร้อยละ 2%ต่อปี 100 ปี มันก็มีเงิน 17 ล้านแล้ว
ถ้าหักภาษีจากดอกเบี้ย 15% ก็จะได้ 15ล้านนะครับ คิดแบบน้องว่ามันไม่ถูก

น้องก็บอกยกตัวอย่างทั่วๆไปคล่าวๆว่ามันจะได้ประมาณนี้
ผมก็บอกไปว่าทำธุรกิจนะครับไม่ได้ขายของเล่ยทำไมไม่ยกตัวอย่างจริงมาพูดกัน
100 ปี 6 ล้าน กับ 15 ล้านมันต่างกันนะครับ

ผมก็เลยอ้อๆ อืมๆ ไหนว่ามาต่อซิ


2

พี่รู้ไหมสินค้าที่ขายในท้องตลาดนั้นมันมีค่า โฆษณา ค่าขนส่ง ที่ไม่ใช่ต้นทุนของสินค้าเลยบวกเข้าไปในสินค้า วัสถุดิบการผลิต 40 บาท ค่าใช้จ่ายที่ว่ามาอีก 60 บาท เห็นไหมพี่ต้องเสียเงินไปกับ ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่พี่ไม่ได้ใช้งานมันไป ตั้ง 60 บาท ทำไมเราไม่เลือกที่จะจ่ายเงิน 100 บาท แล้วได้ค่าตอบแทนคืน อีก 60 บาทละ


ผมก็สงสัย
อ่าวน้อง ทำไมของราคา 40 บาทเราคนกันเองทำไมไม่ขาย 40 จะมาเก็บพี่ 100 แล้วปันผลให้พี่ทำไม 60 บาท ในเมื่อพี่ต้องการสินค้าที่มูลค่า 40 บาทแล้ว แบบนี้มันต่างอะไรกับค่าการตลาดที่ แมสโปรดักเขาทำกันละครับ เพราะเราก็เสียเงินไปเพื่อสิ่งอื่นอีก 60 บาท แม้ว่าเราจะได้เงินคืนมาก็จริง แต่แล้วอีกอย่างหนึ่ง สินค้า 40 บาทนั้นมันก็รวมมูลค่าการตลอดและกำไรของผู้ประกอบการไปอีก

ผมขอเปิด Catalog สินค้า จิ่มไปที่สบู่ ก้อนราคา 300 บาท
ถ้าหักปันผผลไป 60% 180 บาท แล้วราคามัน 120 บาท
ถามว่าสบู่ราคา 120 บาทมันต่างอะไรกันกับ Lux ครับ 20 บาทที่รวมมูลค่าการตลาดไปแล้ว

น้องก็บอกว่าวัสดุสารเคมีตั้งต้นที่ใช้มันต่างกัน สบู่พวกนี้ไม่มีไขมันสัตว์ผสม ซึ่งวัสวดุมีราคาที่แพงกว่า

ผมก็เลยถามไปว่าแพงกว่าแพงกว่าเท่าไหร่ 6 เท่าเลยหรือปเปล่าครับ แล้วไขมันสัตว์ส่งผลอะไรต่อการใช้ชีวิตมนุษย์ครับ ตอบไม่ได้ไม่ว่ากันพี่เข้าใจว่าบางคนเขาแพ้ไขมันสัตว์ งั้นต้นทุนที่แท้จริงมันเท่าไหร่ทำไมเราไม่จ่ายที่ต้นทุนมันจริงๆไปเลยละ แล้วถ้าพี่ไม่ใช้สินค้าพวกนี้ละ

3

มันก็เลยเป็นธุรกิจเครือข่ายขึ้นมาไงครับพี่ สินค้าวัสดุคุณภาพ เมื่อพี่ใช้สินค้าไปถึงจุดหนึ่งในระดับ VIP แล้วพี่จะได้รับปันผลจากคนที่พี่สามารถไปแนะนำต่อได้ถึง 20 %
สมมติพี่ไม่ได้ใช้สินค้าแล้ว แต่ลูกข่ายพี่ใช้สินค้าพี่ก็ได้ปันผลไปด้วยครับ เห็นไหมว่าธุรกิจมันสร้าง passive Income มาให้พี่ด้วย โดยที่พี่ไม่ต้องใช้สินค้า ถ้าลูกข่ายพี่สามารถแนะนำคนได้ต่อไปอีก พี่ก็ได้ปันผลจากลูกข่ายของลูกข่ายอีกทีด้วย

ผมก็สงสัยอีกว่า งั้นแสดงว่าราคาสินค้านั้นแบ่งส่วนปันผลไปยังหัวข่ายด้วยนะซิ แล้วที่โจมตีสินค้าอื่นๆว่ามีค้าการตลาด แต่ทำไมสินค้าพวกนี้มีค้าปันผลไปให้กับใครที่เราก็ไม่รู้จักด้วย ยังยืนยันคำเดิมว่า ทำไมไม่จ่ายราคาสินค้าเฉยๆ

น้องก็พยายามอธิบายถึงกระบวนการ การทำเงินของระบบซึ่งผมเข้าใจหมดแล้วว่ามันได้เงินมายังไง


ผมก็เลยบอกไปว่าผู้ทำงานด้านบัญชี และกระบวนการผลิตสินค้าหลายๆ อย่างซึ่งมองออกว่าสินค้าแต่ละอย่างต้นทุนที่แท้จริง อยู่ที่เท่าไหร่ และเท่าไหร่ถึงยอมจ่ายได้ ผมก็ชี้ไปที่สินค้าแต่ละอย่างแล้วก็บอกว่ามันตั้งราคาแพงกว่าสินค้าในตลาดอีก

เช่นเครื่องกรองน้ำ หรือเครื่องทำกาแฟ โดยยกตัวอย่างเทียบกับ PANASONIC SAMSUNG ว่าทำไมถึงแพงกว่าญี่ห้อระดับโลกถีงหลายเท่า โดยที่คุณภาพวัสดุไม่มีผลต่อผุ้ใช้แล้ว แต่มีผลอะไรกับการทำงาน และเทคโนโลยีอะไรที่ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าชนินี้

ผมก็ยกตัวอย่างให้ว่าผมมองเห็นถึงต้นทุนการผลิตแล้ว ทำไมผมไม่สามารถซึอสินค้าที่จะราคาต้นทุนไปได้เลยละครับ

หลังๆผมยิ้มใส่น้อง น้องยิ้มคืน แล้วบอกว่ามันเป็นระบบของธุรกิจครับ ผมไม่ได้คาดหวัง หรือบังคับพี่ให้มาซื้อแค่มาคุยธุรกิจกัน

โดยการสนทนาทั้งหมดไปไปด้วยความสุภาพ

หลังจากนั้นผมก็กลับบ้านกับเพื่อน ขาวสวยหมวยคนนั้น ไปกินจิ่มจุ่มที่หน้าหมู่บ้าน เพื่อนจริงๆ






พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปไหว้เจ้ากันด้วย 555 ไม่งั้นนะ จะชำแหละอะไหล่ธุรกิจออกมาดูเลย

ไปจี้จุดเขาขนาดนั้น เขาไม่เอาพวกมาล้อมก้บุญแล้ว

โคตรเจ๋งอะ หลายคนรู้ว่าธุรกิจเครือข่ายมันเป็นยังไงและไม่อยากทำ แต่ไม่มีใครจะตอกกลับพวกนี้ทางวิชาการ จนพวกนี้จนมุมทำอะไรไม่ได้

จริงๆระบบธุรกิจเครือข่ายมันดีนะครับ ถ้าลองไปศึกษาดีๆ อย่าเพิ่งอคติไปซะหมด
เเต่เราต้องเป็นเจ้าของระบบเอง ไม่ใช่เป็นมดงาน
เคยไปคุยกับเถ้าเเก่คนนึง ตอนเเรกก็ไม่เชื่อหรอก เเต่เเกสอน เเละอธิบายวิธีการให้ฟัง
จะเห็นได้เลยว่าธุรกิจเครือข่าย มันก็โมเดลเดียวกับธุรกิจทั่วๆไปนี่เเหละ ไอใช้เเล้วบอกต่อ เเต่เเค่ธุกิจทั่วไปเราขายตัว product ธุรกิจเครือข่ายมันก็ขาย product เหมือนกัน เเต่ product ของธุรกิจเครือข่าย มันจะอยู่ในรูปเเบบของขายฝัน ขายความโลภ เเละขายกันเเบบผิดๆด้วย เพื่อให้คนมาสมัคร ให้คนมาทำงานให้ ส่วนเจ้าของก็นั่งอยู่บนภูรอนับเงินสบายๆ

เเละถ้าใครมองธุรกิจตัวนี้ออก จะรู้ว่ามันหลอกลวงเเละเอาเปรียบสมาชิกสุดๆ ให้ข้อเท็จจริงกันเเบบผิดๆ Passive Income ที่มันมักจะยกมาพูด ก็เอามาเเบบผิดๆ จนเดี๋ยวนี้อีตา Robert Kiyosaki คนเขียน Rich dad โดนมองกลายเป็นพวกขายตรงหมดล่ะ
เเละก็มีอีกหลายอย่างเลย อย่าให้เหลา นี่เเค่ธุรกิจเครือข่ายเเบบที่ทำจริงๆนะ ยังไม่นับพวกนอกกฏหมาย ที่เชิดเงินเเล้วหนี
สรุปคืออยากจะบอกว่า ธุรกิจเครือข่าย มันรวยได้จริง เเต่คุณต้องเป็นเจ้าของระบบ
เเละข้อดีอีกอย่างคือ มันช่วยให้คนไม่รู้พื้นฐานด้านการค้าขาย ด้านธุรกิจเลย!! ได้มีพื้นฐาน ได้รู้จักคิด รู้จักวางเเผน รู้จักลงมือ
เเต่ก็ไม่ทำให้รวย!!


เออเเล้วก็ที่ จขกท. ตอกกลับน้องเค้าไป ผมเชื่อว่าน้องเค้าไม่ได้สนใจหรือเสียใจหรอก เพราะพวกนี้มันถูกสอนมาให้ทนต่อเรื่องเเบบนี้ เเละมันก็จะหาสมาชิกต่อไปเรื่อยๆ คล้ายๆกับล้างสมองน่ะเเหละ
ผมเคยเจอเด็กนศ. มาขายชักชวนเหมือนกัน บางคนมีไฟมาก พูดเเนวคิดเป็นตุเป็นตะ เเต่พอเราอธิบายข้อเท็จจริงให้ฟัง กลับไม่ยอมเชื่อซะงั้น ก็คงต้องให้เค้าได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง

ถ้าธุรกิจเครือข่ายมันดีจริง ถ้ามันดีจริงนะครับ

สมมติ สบู่ Lux ขาย 20 บาท เค้าบอกว่าต้นทุนจริงคือ 40% 60% คือค่าการตลาด

งั้นทำไมไม่ขายแบบเดียวกับ Lux นี่แหละ แต่ขาย 16 บาทก็พอ ต้นทุนเท่าเดิม 8 บาท ที่เหลือกำไร8บาทเอามาแบ่งให้คนในเครือข่าย

ถ้าทำได้ ผมคิดว่าธุรกิจนี้มันดีจริง

แต่ที่เห็นมา ก็อย่าง จขกท.ว่า แพงกว่าราคาตลาดหลายเท่าตัว ล่อให้คนเข้ามาเกมส์การเงินทั้งนั้น

เครือข่าย L ปะครับ

Amway แน่นอน

มีสบู่ ยาสีฟัน เครื่องกรองน้ำ

ช่วงที่ไปชักจูง ส่วนมากจะไปคนเดียวพร้อมกับคนที่เรารู้จัก

ส่วนช่วงที่จะโดนล้อมนี่ น่าจะช่วงที่หลวมตัวไปอยู่ในห้องเชียร์กับมันแล้ว