การรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมเปิดเดินขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (SRT) กับการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) และพิธีเปิดสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) เชื่อมโยงสู่อาเซียน
นายสมาน รักษาวงศ์ สารวัตรงานเดินรถ แขวงหาดใหญ่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท.เตรียมเปิดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รองรับการเปิดสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ฝั่งไทยและเชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงมาเลเซีย-สิงคโปร์ ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.2558) โดยรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศที่สำคัญระดับอาเซียนที่สามารถเชื่อมโยงเส้นทางสู่มาเลเซีย ซึ่งมีขบวนรถด่วนพิเศษกรุงเทพ-บัธเตอร์เวิร์ธ ที่นักเดินทางรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หลังจากที่มาเลเซียเปิดเดินรถไฟฟ้าร้างคู่มาถึงสถานีปาดังเบซาร์ ทำให้การเดินทางจากปาดังเบซาร์สู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย และเชื่อมโยงไปยังรัฐยะโฮร์บารู เพื่อเชื่อมต่อรถไฟไปสิงคโปร์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ KTMB (การรถไฟมาเลเซีย) จะเปิดเดินรถดีเซลรางปรับอากาศ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2558 พร้อมกับเปิดสถานีปาดังเบซาร์2 (ฝั่งไทย) เพิ่มอีก 1 สถานีในเส้นทางนี้ ในระยะแรก 4 ขบวนต่อวัน ซึ่งคิดอัตราค่าโดยสาร 80 บาท ตลอดสาย หยุดรับส่งผู้โดยสาร ณ สถานีต่างๆ ดังนี้ - สถานีชุมทางหาดใหญ่ - สถานีคลองแงะ - สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งไทย(สร้างใหม่) - สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย(ผ่าน ตม. จุดนี้) ส่งผลให้ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อขบวนรถไฟฟ้าด่วน ETS ที่สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองบัตเตอร์เวอร์ธ(รัฐปีนัง), เมืองอิโปห์(รัฐเปรัก) และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้อย่างสะดวก จะมีพิธีเปิดโดยผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศ ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้
ส่วนขบวนรถไฟเดิม ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35/36 กรุงเทพ - บัตเตอร์เวอร์ธ - กรุงเทพ และขบวนรถด่วน Peninsular ที่ 953/954 (รหัสขบวนในเขตประเทศไทย) ชท.หาดใหญ่ - ยะโฮร์บารู - ชท.หาดใหญ่ กำหนดให้หยุดเพื่อการโดยสารเพิ่มที่สถานีคลองแงะและปาดังเบซาร์ (ไทย) สำหรับจุดขายตั๋วและจุดจอดของรถไฟจะมี 3 สถานี ได้แก่ ชุมทางหาดใหญ่ สถานีรถไฟคลองแงะ และสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ 2 ฝั่งไทย ส่วนผู้ที่จะเดินทางไปยังมาเลเซียก็สามารถจัดการเรื่องด่านศุลกากรที่สถานีปาดังเบซาร์ ฝั่งมาเลเซีย และต่อขบวนรถไฟไปได้ทันที ขณะที่การเดินทางไปสิงคโปร์จะต้องไปต่อรถไฟอีกครั้งที่ยะโฮร์บารู เพื่อเดินทางไปยังสิงคโปร์

เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ดีจะไปมาเลหรือต่อไปสิงคโปร์ แต่ทำไมสภาพรถไฟบ้านเรากับบ้านเค้า

เป็นอีกอย่างที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พัฒนาสักที

รถของเรานั่งไปจะเป็นบาดทะยักมั้ยครับ

เมื่อไรกันที่จะพัฒนา บางที่ให้พวกรัฐวิสาหกิจควรจะออกเป็นเอกชนเต็มตัวได้แล้ว
แล้วรัฐค่อยปล่อยเป็นสัญญาเช่าจะได้พัฒนาซักที
นี้อะไร มีรถไฟตั้งแต่ร.๕ เป็นประเทศแรกๆของเอเชีย กลับพัฒนาได้แค่เปลี่ยนหัวรถจักรจากพลังไอน้ำมาเป็นดีเซล แถมให้อีกเปลี่ยนหมอนจากไม้เป็นปูนเสริมเหล็ก

/แก้ไขคำผิด

เอาน่ากำลังพัฒนา ใจเย็นๆ ตอนนี้ต้องเร่งทำโครงสร้างพื้นฐานก่อน ทำเสร็จน่าจะมีอะไรไปต่อกรกับเพื่อนบ้านบ้างอ่านะ

มีรถไฟเป็นประเทศแรก ๆ เคยมีรถไฟที่ทันสมัยสุดทันสมัยกว่าญี่ปุ่น ผ่านมากี่สิบปีแล้วก็ได้แต่ห้อยโหนหากินไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง เป็นเอกชนแล้วแข่งขันไม่ได้กินได้ไม่เหมือนเดิมก็เลยต้องห้อยโหนอ้างโน่นนี่ ถ้าปรับถือว่าลบหลู่โน่นนี่นั่น ตอนนี้ญี่ปุ่นพัฒนาไปถึงไหนแล้ว กี่สิบปีแล้วที่นำหน้าไป

แล้วก็ยังมีคนบอกว่ากำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เออ เอาเข้าไป พัฒนามากี่สิบปีแล้วไม่เห็นไปไหน เงินลงไป 100 เข้าที่งาน 20 กิน 80 มันคงจะพัฒนาได้หรอก ทำงานกันแบบนี้อีก 100 ปีก็ไม่ต้ัองหวังหรอกว่าจะพัฒนาไปเท่าเพื่อนบ้านได้ครับ องค์กรลูกท่านหลานเธอกันขนาดนี้คนน้ำดียังอยู่กันลำบากเลย

ถามว่าทำไมไม่พัฒนา แล้วพวกเมิงไม่คิดบ้างเหรอว่า ที่มันไม่พัฒนาม่ใช่เพราะพวกเมิง กลัวนั่นกลัวนี่หรอกเรอะ

"อย่าทำเลย เดี๋ยวแม่งก็โกงอีก"
"เปลี่ยนทำไม แพง"
"เอางบที่จะซื้อจะเปลี่ยนไปพัฒนาการศึกษา"
"คนจนมีค่อนประเทศ เมิงเอาเงินประชาชนมาผลาญอีกแระ"


คือถ้าแม่งยังเป็นอยู่แบบนี้ คนไทย ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ต้องพัฒนามันล่ะ เรื่องในโลกมันไม่เหมือนในความคิดโลกสวย ที่หวังแต่จะได้อะไรดีๆ ไม่มีเสีย เมื่อถึงเวลาต้องคิดว่าจะไปต่อ มีทางเลือกสองทาง ก็ต้องชั่งใจเอาว่าทางไหนดีกว่า

ไม่ใช่ว่า มีอยู่สองทาง แต่กุไม่สน ฝ่าแม่งเลย กุเลือกทางกุเอง แบบนี้ให้ร้อยปีต่อมา ไทยก็ยังไม่ไปไกลกว่านี้หรอก ป่านนั้น ลาวพม่ามีรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าทั่วประเมศ แต่ไทยอาจมีแค่หัวเมืองใหญ่ๆ ในอีกร้อยปี

เห็นรถไฟของสองประเทศปุ้บน้ำตาจะไหล