ผลสกอร์เสมอ 1-1 ระหว่าง เวียดนาม กับ อิรัก ใน “ฟุตบอลโลก 2018” รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มเอฟ นัดล่าสุด ทำให้สถานการณ์ลุ้นเข้ารอบของกลุ่มนี้ “ช้างศึก” ยังได่้เปรียบอยู่

หลังเตะครบทีมละ 3 นัด ไทย นำจ่าฝูงด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 มี 7 แต้ม ตามมาด้วย อิรัก ที่มีแค่ 5 แต้มจากการชนะ 1 เสมอ 2 ขณะที่ เวียดนาม อยู่อันดับ 3 มี 4 แต้มจากชนะ เสมอ แพ้ อย่างละ 1 นัด ส่วน ไต้หวัน จมบ๊วยเพราะแพ้เรียบทุกเกม

ถึงตรงนี้ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าทีมไหนจะเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ทุกทีมยังต้องต่อสู้กันอีกใน 3 นัดที่เหลือ ซึ่งสถานการณ์ของทีมไทยถือว่าไม่หนักไม่เบา แข้ง “ช้างศึก” ได้เล่นในบ้าน 1 เกมและออกไปเยือน 2 เกม

เกมสำคัญที่สุดของนักเตะจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาคือนัดต่อไปวันที่ 13 ตุลาคมนี้ที่จะต้องออกไปเยือนนักเตะสกุล “เหงียน” ที่สนามมี ดิงห์ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

นี่คือเกมที่แฟนบอลของทั้ง 2 ชาติรอคอย เพราะ ไทย กับ เวียดนาม ถือเป็นคู่ปรับกันในย่านอาเซียนอยู่แล้ว รวมถึงกระแสใน “โลกออนไลน์” ยังมีการเกทับบลัฟแลกกันมาตลอด

แม้ไทยจะกลับมาเป็น “เสืออาเซียน” อีกครั้งหลังคว้าตำแหน่ง “แชมป์ซูซูกิคัพ 2014” แต่บอกเลยว่าเกมนี้ไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เกมล่าสุดที่ เวียดนาม เกือบชนะ อิรัก อยู่แล้วแสดงให้เห็นพวกว่า “ญวน” ไม่ธรรมดาในบ้าน

เกมกับ อิรัก แฟนบอลอาจจะไม่เต็มสนามมี ดิ่งห์ แต่เชื่อเถอะว่านัดเจอกับ ไทย รับประกันว่าในสนามจะไม่มีที่ว่างแม้กระทั่งให้มดเดิน แฟนบอลเต็มความจุกว่า 40,000 คนชัวร์ๆ

แต่บรรยากาศแบบนี้ใช่ว่านักเตะไทยไม่เคยเจอ หากจำกันได้ใน “ซีเกมส์ ครั้งที่ 22” นักเตะไทยเคยทำแฟนบอลเวียดนามน้ำตาท่วมสนามแห่งนี้มาแล้วเมื่อ “โอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ซัด “โกลเด้นโกล” ให้ไทยคว้าเหรียญทองมาครองแบบสุดสะใจ

หลังจากนั้น “ปีเตอร์ รีด” ก็เคยเปิดตัวคุมทีมชาติไทยแบบสวยหรูด้วยการพาทัพ “ช้างศึก” ไปคว้าแชมป์ “อะกรี แบงค์ คัพ” ที่สนามมี ดิงห์ เช่นกัน เรียกได้ว่าสนามแห่งนี้ีทีมไทยเคยไปสร้างผลงานเยี่ยมยอดมาแล้ว

แต่ใช่ว่านักเตะไทยจะไม่เคยน้ำตาตกที่สนามแห่งนี้ ใน “ซูซูกิคัพ 2008” รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 “เล ค่อง วิน” โหม่งตีเจ๊าไทยในช่วงทดเวลา 1-1 ทำให้รวมสกอร์ 2 นัด เวียดนาม ชนะคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรกของพวกเขา

เอาเป็นว่าอดีตคืออดีต สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเกมวันที่ 13 ตุลาคมที่หากใครคว้า 3 แต้มได้น่าจะมีโอกาสผ่านเข้ารอบสูง ดูแล้วต้องบอกว่าโอกาสทั้ง 2 ทีมออกได้ทั้ง 3 หน้า ชนะ เสมอ แพ้

แม้ทีมชาติไทยจะตั้งเป้าไว้ที่ 3 คะแนน แต่คิดว่าหากบุกไปเสมอเก็บได้สัก 1 แต้มไม่น่าจะเสียหายมากนัก เพราะเกมแรก ไทย ชนะมาก่อนแล้ว 1-0 หากนัดนี้ไม่แพ้ยังถือว่ากำไรและจะทำให้มีแต้มเพิ่มเป็น 8 คะแนน

หลังจากนั้นไทยกลับมาเล่นในบ้านเจอ ไต้หวัน คิดว่าไม่น่าพลาดจะเก็บเพิ่มเป็น 11 คะแนน แล้วค่อยไปลุ้นนัดสุดท้ายเยือน อิรัก หากเก็บได้สัก 1 แต้มมี 12 คะแนนถือว่าได้ลุ้นเข้ารอบไม่น้อย อย่างน้อยๆก็น่าจะมีลุ้นในการเป็นทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 ที่จะผ่านเข้ารอบ

แต่ก็นั้นละครับถ้าจะเอาชัวร์คงต้องพยายามเก็บ 3 คะแนนจากฮานอยกลับมาให้ได้ หากทำได้ก็เตรียมตีตั๋วไปสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายได้เลย ขณะที่ เวียดนาม ไม่มีทางเลือกอื่น หากอยากเข้ารอบต้องชนะ ไทย สถานเดียวเท่านั้น หากผิดจากนี้ต่อให้ 2 เกมสุดท้ายชนะรวดยังมีแค่ 11 แต้มเท่านั้น

นี่คือเกมระดับ 5 ดาวที่ทุกคนรอคอยจริงๆ บทสรุปของเกม “ช้างศึก” vs “ญวน” จะลงเอยอย่างไร ลุ้นระทึกไปด้วยกันตลอด 90 นาทีวันที่ 13 ตุลาคมนี้ครับพี่น้อง

ไทยแลนด์ สู้โว้ยยยยยยยยยยย

“บับเบิ้ล”

เครดิตภาพ : เพจ Thailand National Team Gallery

รอลุ้นเกมนี้มาก

วันที่ 13 เตะกี่โมงครับ แล้วมีถ่ายทอดทางไทยรัฐทีวีเหมือนเดิมมั้ยครับ รบกวนผู้รู้ช่วยบอกหน่อย

19.00 ไทยรัฐ ตามเดิม ครัช

เจตัวเล็กจัง

ทำไมนาทีนี้ ทุกคนมั่นใจว่าเราจะได้แต้มแน่เกมกับเวียดนาม ผมมองว่าเราติดประมาทมากๆตอนนี้ โอเคผลงานตอนนี้เรายังไม่แพ้(ถึงเกือบจะแพ้เกมกับอิรักก็เถอะ) แต่เวียดนามแสดงให้เห็นเกมกับอิรักแล้วว่า นัดหน้าไม่หมูสำหรับทีมชาติไทยแน่นอน โอเค เกมนี้ยังไงเวียดนามดาหน้าบุกแน่นอน แต่กองหลังของเราล่ะ คิดว่าแน่นอนพอรึยัง ผมคิดว่าไม่!! ยังไงเกมนี้เวียด บุกกดดันเราแน่นอน เรารอสวนกลับ แต่ช่วงแรกถ้าเกิดเราเสียประตูก่อน คิดว่าเราจะทวงคืนได้เร็วมั้ย ผมว่ายังยากอยู่ นัดนี้ให้ 50-50 เลยทีเดียว ใครพลาดน้อยกว่าน่าจะได้แต้ม โมเมนตัมตอนนี้มาทางทีมไทยเรา แต่ถ้าประมาท ผมว่าเรามีโอกาส รถบัสคว่ำกันเป็นแถว ทีมชุดนี้ได้ลุ้นนะครับ แต่ต้อง เขี้ยวให้สุดๆๆ ลากดินกันเลยทีเดียว