ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 14 May 2009
ตอบ: 1581
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 6:53 pm
<Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา
"It's never been easy for me.To find words to go along with the melody"

- Music and Lyrics (2007)

(Spoiler Alerted!)




“ถ้าเทียบกับดอกไม้แล้ว ทำนองเพลงก็เหมือนกับสีของกลีบดอกที่มีสีสันสวยงามทำหน้าที่ลวงล่อดึงดูดให้ผู้ที่พบเห็น มีความรู้สึกที่อยากจะเดินปรี่เข้ามาค้นหา สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในกลีบดอกอันสวยงามนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปกับ เนื้อเพลงที่รอคอยให้ผึ้งงานที่หลงเข้ามานั้นได้ลิ้มลองรสชาติของน้ำหวานที่ถูกซ่อนอยู่ภายใน บางครั้งดอกไม้สีสันสวยงามก็ไม่จำเป็นต้องมีน้ำหวานรสชาติดียอดเสมอไปอาจจะเป็นเพียงโพรงแห้งๆ สร้างความผิดหวังให้แก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนมิใช่น้อย ในทางกลับกัน ดอกไม้ที่มีกลีบดอกสีจืดจาง อาจเต็มไปด้วยน้ำหวานชั้นเยี่ยม รอคอยใครซักคนพลัดหลงเข้ามาลิ้มลอง”

ความสันพันธ์ที่ผู้เขียนได้เอ่ยถึงนั้น ถึงแม้ว่าจะกล่าวถึงบทเพลง ดนตรี เป็นข้อสำคัญ แต่ เมือความสันพันธ์นี้มันถูกถ่ายทอดออกมาโดย ภาพยนตร์อย่าง Music and Lyrics แล้วมันยังสามารถชวนคิดต่อไปได้อีกว่าความสัมพันธ์ที่อยู่ในบทเพลงนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรไปจาก ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ที่เป็นตัวเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งแต่เดิมนั้นพวกเขาสองคนก็ไม่ต่างอะไรกับบทเพลงเกรดต่ำเพลงหนึ่ง ที่ท่วงทำนองและ เนื้อเพลง ของเขาทั้งสองมันเต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์ และไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นักที่จะฟังให้จบโดยไม่เบือนหน้าหนีไปซะก่อน



“ชายหนุ่มผู้มากับ ท่วงทำนอง ”

Alex Fletcher(รับบทโดยเจ้าพ่อหนังรอม คอม อย่าง Huge Grant) ในอดีตนั้น อเล็กซ์ เคยเป็นคนที่โด่งดังมากๆคนหนึ่งในวงการจากการเป็นนักร้องดูโอ้ วง POP ที่คนสมัยนั้นคลั่งไคล้กันเป็นบ้าเป็นหลัง แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง เมื่อคู่ดูโอของเขาแยกวงเพื่อไปทำเพลงต่อเป็นศิลปินเดี่ยว ชีวิตการทำงานของเขากลับดิ่งลงอย่างน่าใจหาย อเล็กซ์หากินไปวันๆกับเพลงในอดีตของเขา และมีแฟนคลับรุ่นราวคราวเดียวกับแม่คอยตามกรี๊ดอยู่เบื้องล่างเวที

สำหรับ อเล็กซ์แล้ว ตัวเขานั้นเปรียบเสมือนกับ ‘ท่วงทำนองที่ไร้ซึ่งเนื้อหา’ เขายึดติดกับภาพลักษณ์อันแสนหล่อเหลาในอดีตที่แสนจะน่าค้นหาแต่ภายในลึกๆแล้วนั้นตัวเขากลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดน่าจดจำมากเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถแต่งเนื้อเพลงได้ตอนสมัยเขายังโด่งดังอยู่นั้น แต่หลังจากช่วงชีวิตเขาตกต่ำ หลังจากที่เขาแยกวงกับเพื่อน บทเพลงที่ อเล็กซ์แต่งนั้น ก็เต็มไปด้วยความน่าเบื่อและ ว่างเปล่าไม่ต่างอะไรไปจากจิตใจของเขาเลย

-อเล็กซ์ซาบซึ้งในการจัดเรียงเมโลดีให้ออกมาฟังดูไพเราะแต่สิ่งที่เขาทำไม่ได้ก็คือการเลือกคำอักษรมาร้อยเรียงลงในทำนองที่เขาได้จัดเรียงไว้ –

แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้มีโอกาสที่จะกลับมาโด่งดังอีกครั้งหนึ่งจากการแต่งเพลงๆหนึ่งให้แก่ Cora Corman เพื่อที่จะให้เธอนั้นนำไปร้องบนเวทีคอนเสิร์ตของเธอเอง เมื่อโอกาสมาถึงอเล็กซ์ ก็ไม่รีรอที่จะตอบตกลงอย่างทันทีทันใด


แต่การที่จะสร้างเพลงๆหนึ่งขึ้นมาและให้เหมาะสมที่จะให้ คอร่า ยอมรับนั้น ท่วงทำนองที่เขาเชี่ยวชาญเพียงลำพังคงยังไม่พอ เนื้อร้องที่สื่อความหมายลึกซึ้งและตรงไปตรงมาก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แตกต่างกัน โดยที่อเล็กซ์นั้นไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย แต่วินาทีที่เขาตอบรับงานของคอร่าไปนั้น มันทำให้เขามีโอกาสได้พบเจอกับ หญิงสาวคนหนึ่ง(โดยบังเอิญ) คนที่จะมาปิดช่องปัญหาของเขาและเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไป




“หญิงสาวนักกวี”

Sophie Fitcher นั้น เปรียบเสมือนอีกครึ่งหนึ่งของอเล็กซ์ที่ขาดหายไปจากการที่ตัวเธอนั้นเป็นหญิงสาวที่มีอารมณ์ความรู้สึกที่แสนจะอ่อนไหวลุ่มลึก และพร้อมจะกลั่นตัวออกมาเป็นบทกลอนหรือเนื้อเพลงได้อยู่เสมอ จนบางครั้งเธอก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่า บทกลอนที่เธอพูดออกไปลอยๆนั้น มันสวยงามเพียงใด แต่ถายนอกนั้นเธอกลับกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง โดยมีสาเหตุมาจากปมในอดีตเรื่องความรักของเธอ สำหรับโซฟีนั้น ถ้าเธอจะแต่งเพลงอย่างลำพังบทเพลงของเธอ จะมีเนื้อหาของเพลงที่สวยงาม เต็มไปด้วยคำอุปมาอุปไมย และมีสัมผัสพยัญชนะที่คล้องจอง อ่านดูน่ารื่นหู แต่ก็น่าเสียดายที่เพลงของเธอนั้นไม่มีทำนอง สูงต่ำ เพลงของเธอราบเรียบและไม่น่าค้นหาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อ อเล็กซ์ และ โซฟี ได้มาแต่งเพลงร่วมกัน ทั้งสองต่างเติมเต็มสิ่งที่ทั้งสองคนต่างขาดหายไปซึงกันและกัน จนในที่สุด บทเพลงของพวกเขาทั้งสองก็ถูกเรียบเรียงจนเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่มาของเพลงที่หลายๆท่านต่างคงคุ้นหูกันอย่าง
“Way Back Into Love”



[Way Back Into Love] บทเพลงสานสัมพันธ์

เพลงๆนี้เปรียบเหมือนกับตัวกลางที่คั่นอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสอง การปรับแต่งทำนองและเนื้อเพลงร่วมกัน นั่นคือสิ่งที่อเล็กซ์และโซฟีร่วมทำกันมาจนในที่สุด เมื่อทั้งสองปัจจัยเริ่มปรับเข้าหากันเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย จนกลายเป็นเนื้อเดียวกันในที่สุด แต่นั่นก็ไม่ใช่เพียงดนตรีอย่างเดียวหรอก ที่กำลังปรับเปลี่ยนอัตราส่วน แต่ความคิดและทัศนคติต่างๆ ที่ทั้งสองต่างก็มีและไม่มีก็ถูกปรับเปลี่ยนไปด้วยอย่างช้าๆจากการแลกเปลี่ยนกันผ่านการกระทำ ความคิด และการแลกเปลี่ยนพูดคุยที่ทั้งสองมีต่อกันระหว่าง ภาพยนตร์ดำเนิน การแลกเปลี่ยนต่างๆนี้มันเติมเต็มทั้งสองอย่างที่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้ตัว ในช่วงหนึ่ง จะสังเกตได้ว่า Way Back Into Love นั้น ถึงแม้ว่าเพลงๆนี้จะไม่มีสิ่งใดที่โดเด่นเห้นได้ชัดมากเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นทำนองที่ก็ถึงขั้นไม่ หวือหวาน้ำตาไหล เท่าไหร่นัก เนื้อเพลงก็ไม่ได้สวยงามลึกซึ้งเหมือนบทกลอนกวี แต่เมื่อทั้งสองความธรรมดานี้ได้ถูกนำมาบรรจบกันกลายเป็นเพลงๆหนึ่ง มันกลับทำให้เพลงๆนั้น กลายเป็นเพลงที่ไพเราะขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ อาจเพราะว่า เพลงๆนี้มันคืออัตราส่วนระหว่างทำนองและเนื้อเพลงที่ลงตัว ไม่มากไปไม่น้อยไป เมื่อจังหวะเริ่มซ้อนทับกับภาษา จากท่อนแรกถึงท่อนสุดท้ายของเพลง มันคือการช่วยเหลือเกื้อหนุนกันระหว่างสองปัจจัยจนทำให้ผลงานออกมาสวยงามไม่ต่างอะไรไปกับ ‘ดอกไม้สีสันสวยงามที่มีน้ำหวานเลิศรสอยู่ภายใน ’

แต่ก็เป็นอะไรที่ไม่ง่ายนักในการที่จะค้นปรับเปลี่ยนและค้นพบ เนื้อหาที่สามารถเข้ากับทำนองได้อย่างเหมาะสม ในชีวิตจริง ในสังคมของเรานั้นมีคนอย่างอเล็กซ์มากมายนับไม่ถ้วน และโซฟีก็ไม่ต่างกัน พวกเรานั้นต่างก็มีอัตราส่วนระหว่างทำนองกับเนื้อหาที่มีอยู่ในตัวของเรานั้นไม่เท่ากัน มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป เพลงของชีวิตของคนหลายๆคนนั้นยังคงไม่ใช่เพลงที่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก บางคนพยายามเหลือเกินที่จะ ไฝ่หาอัตราส่วนที่ใช่ ปรับเปลี่ยนมันด้วยตัวของเขาเอง แต่ก็มีส่วนน้อยทีทำสำเร็จ มันคงจะเป็นอะไรที่ยากเกินไปที่จะทำเพียงคนเดียว




“บทเพลงที่ตามหา”

ไม่ต่างอะไรกับ อเล็กซ์และโซฟี ในชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างครอบครองบทเพลงที่ขาดๆหายๆและไม่สมบูรณ์นั้น พวกเราต่างโหยหา เฝ้าคอย บทเพลงๆหนึ่ง จากคนๆหนึ่ง ที่กำบทเพลงที่ไม่สมบูรณ์อีกเพลงไว้ในมือเช่นกัน แต่บทเพลงที่เราไฝ่หานั้นย่อมมีส่วนที่เราไม่มีหรือเคยมีแล้วทำหล่นหายไป เพลงที่คอยเติมเต็มชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาหรือทำนองก็ตามแต่ อัตราส่วนที่เข้ากันได้ลงตัวนั้นย่อมเป็นอะไรที่ยากมากที่จะหาเจอเพราะในชีวิตจริงมันไม่มีฟิลเตอร์ให้เรากรอกข้อมูลตัวเลขที่เราต้องการลงไป ที่ทำได้ก็เพียงเรียนรู้ซึ่งกันและกันและคอยปรับเปลี่ยนให้ทั้งสองความสัมพันธ์มันกลมกลืนกันเป็นตัวเลขที่เราต้องการ แต่ถ้าไม่ใช่ต้องไฝ่หากันต่อไป แต่ก็คงเป็นอะไรที่คุ้มค่ามหาศาล ถ้าเราเจอบทเพลงๆนั้น จากคนๆนั้นคนไม่สมบูรณ์คนนั้น ที่คอยมาเติมเต็ม ปรุงแต่ง และปรับเปลี่ยนเพลงชีวิตของเราให้ไพเราะไม่ต่างอะไรไปจาก Way Back Into Love ของอเล็กซ์และโซฟีเลยแม้แต่น้อย

แต่บางครั้ง เมื่อเราได้พบเจอกับบทเพลงที่เฝ้ารอมานาน เมื่อเราค้นพบจังหวะทำนองและเนื้อเพลงที่ลงตัวในชีวิตของเรา แต่ก็น่าเสียดายเมื่อเวลาผ่านไปบทเพลงที่สมบูรณ์บทนี้ กลับถูกปรับเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“บทเพลงที่ถูกดัดแปลง”

เมื่อเพลงที่พวกเขา(อเล็กซ์และโซฟี)ร่วนกันสร้างขึ้นมา ถูกดัดแปลงโดย คอร่า โดยที่เธอนั้น เปลี่ยนทำนองของ Way Back Into Love อย่างเสียๆหายๆ แน่นอนว่าโซฟีย่อมรับไม่ได้กับสิ่งนี้เพราะเธอเห็นว่าแค่ทำนองเปลี่ยนไป ตัวตนของเพลงนั้นก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วยไม่ต่างกัน และความสัมพันธ์ของทำนองและเนื้อเพลงย่อมสะบั้นขาดลงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ในชีวิตจริง คนที่ปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์นี้มันไม่ใช่คอร่าแต่อย่างใด แต่มันกลับเป็นเวลาที่คอยเบี่ยงเบนให้ทำนองและเนื้อเพลงเคยเข้ากันได้อย่างลงตัว กลับถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างช้าไปในทางที่เลวร้ายลง หรือบางครั้งความพึงพอใจหรือรสนิยมในการฟังเพลงของคนๆหนึ่งกลับเปลี่ยนไปซะอย่างนั้น เมื่อทำนองที่เคยชอบกลับกลายเป็นเสียงที่ และดังบาดแก้วหู เมื่อตัวเลขที่เคยพอใจ กลับไม่ใช่ตัวเลขที่เขาชื่นชอบอีกต่อไป บทเพลงของคนๆหนึ่งที่เขาเคยคลั่งไคล้ เฝ้ารอ กลับกลายเป็นสิ่งที่อยากที่จะเมินเฉยและทิ้งขว้างขึ้นมาอย่างไร้ซึ่งเหตุผล

จากเพลงโปรดที่เปิดฟังทุกคืนก่อนนอน คงกลายเป็นดาดๆเพลงหนึ่ง ที่เก็บซ่อนไว้ลิสรายชื่อเพลงที่ไม่ต้องการฟัง และพร้อมที่จะลบทิ้งได้เสมอ เมื่อพบเจอเพลงโปรดเพลงใหม่ที่เดินเข้ามาในชีวิต

บทเพลงที่เคยสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะ ไม่สมบูรณ์อีกต่อไปแล้ว ไม่มีทางเลย

- Music and Lyrics (2007)

บทความผ่านแผ่นฟิล์ม



ฝากเพจและผลงานอื่นๆ วิจารณ์ ติชมได้เลยครับ

https://www.facebook.com/pages/บทความผ่านแผ่นฟิล์ม/680159158772066

เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1080
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 7:22 pm
[RE: <Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา]
ยอมรับว่าชอบเรื่องนี้มาก ดูไปเป็น 10 รอบล่ะมั้ง รอบล่าสุดก็พึ่งดูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แกรนจ์ และ ดรู เคมีเข้ากันมาก ดูแล้วโคตรอิน

น้องคาร่า ก็มีออร์ร่าสุด ๆ ที่ดูแล้วยังคิดว่า เธอเป็นซุปตาจริงๆ มาแสดง

รู้สึกบทนี้จะล้อเลียนซุปตาอย่าง บลิทนี่ส์ สเฟียร์ ซุปตาในยุคนั้นด้วย
เข้าร่วม: 14 May 2009
ตอบ: 1581
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 7:24 pm
[RE: <Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา]
hussell_bank พิมพ์ว่า:
ยอมรับว่าชอบเรื่องนี้มาก ดูไปเป็น 10 รอบล่ะมั้ง รอบล่าสุดก็พึ่งดูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แกรนจ์ และ ดรู เคมีเข้ากันมาก ดูแล้วโคตรอิน

น้องคาร่า ก็มีออร์ร่าสุด ๆ ที่ดูแล้วยังคิดว่า เธอเป็นซุปตาจริงๆ มาแสดง

รู้สึกบทนี้จะล้อเลียนซุปตาอย่าง บลิทนี่ส์ สเฟียร์ ซุปตาในยุคนั้นด้วย
 


ดูเรื่องนี้แล้วผมไปไล่ดูหนังของ ฮิว แกรนจ์เลย ชอบมาก


แต่ผมว่าคอร่า น่าจะเลียนแบบมาดอนน่า รึเปล่าครับ ไม่แน่ใจเหมือนกัน

Spoil
ตอนที่พระเอกร้องเพลงง้อนางเอกนี่ผมย้อนดูตลอด คือเนื้อเพลงมันสะท้อนควาในใจของพระเอกออกมาได้ชัดเจนมากๆ  
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 241
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 8:01 pm
[RE: <Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา]
Drew Barrymore เรื่องนี้สวยมาก
0
0
เข้าร่วม: 14 May 2009
ตอบ: 1581
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 8:03 pm
[RE: <Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา]
taocve พิมพ์ว่า:
Drew Barrymore เรื่องนี้สวยมาก  



หลงรักเลยครับ ชอบผู้หญิงแบบ โซฟีจริงๆ
0
0
เข้าร่วม: 29 Oct 2013
ตอบ: 1579
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 10:05 pm
[RE: <Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา]
ดูหลายรอบมากเรื่องนี้ ชอบมากครับ
ดูทีไร เกิดไฟในการแต่งเพลงทุกครั้ง

Spoil
แต่เพลงที่ผมแต่งมันกากเกิ๊นนน  


เข้าร่วม: 14 May 2009
ตอบ: 1581
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Oct 07, 2015 11:45 pm
[RE: <Music and Lyrics> บทเพลงที่เฝ้าตามหา]
Arttillo พิมพ์ว่า:
ดูหลายรอบมากเรื่องนี้ ชอบมากครับ
ดูทีไร เกิดไฟในการแต่งเพลงทุกครั้ง

Spoil
แต่เพลงที่ผมแต่งมันกากเกิ๊นนน  
 


เป็นกำลังใจให้ครับ แต่งเสร็จแล้วยังไงเอาผลงานมาอวดด้วยนะครับ