หวังว่าจะเอามาถ่ายช่อง True4U เยอะๆนะ(ถ้าติดกล่องทีวีดิจิตอลจะดูได้)
เพราะถ้าถ่ายแค่ช่อง true sport ถ้าไม่ได้ติดจานTrueจะดูไม่ได้

ป.ล.ปัจจุบันช่อง True4U ถ่ายแค่สัปดาห์ละ 2 คู่(ส-อ)
 

ผมว่าแค่นี้ก็เยอะละนะสำหรับฟรีทีวี เสาร์คู่ อาทิตย์คู่ พรุ่งนี้ลีกคัพก็ถ่าย

จะเอาเยอะกว่านี้คงต้องเสียตังค์บ้างแหละครับ  

อ่อ ตอนนี้มีช่อง 9 อีกช่องคับ(ส-อ)
แต่ปีหน้าไม่รู้  

ช่อง 5 ถ่ายอาร์มมี่อีก ไม่แน่ปีหน้าอาจจะมีช่อง3 ถ่ายเฉพาะ บีอีซีก็ได้  

ขึ้นไม่ถึง 100% เพราะของเก่ามัน 3 ปี
ของเก่าปีละ 600 ล้าน ของใหม่ปีละ 1050 ล้าน ราวๆ 75% (หากแบ่งตามอัตราส่วนเดิม ทีมใน TPL จะได้ค่าถ่ายทอดสดทีมละ 35 ล้านบาท/ปี แม่เจ้า!!!)

เงินที่เยอะขนาดนี้ช่วยเอาไปแบ่ง D1 D2 เยอะๆเถอะ เห็นลงทุนแต่ละทีมขาดทุนปีละ 10ล้าน ไม่รู้จะอยู่นานแค่ไหน

TPL การตลาดถือว่าแซงย่านนี้ไปไกลแล้ว อย่างมาเลย์เซ็นกับ media prima 6 ปีแรกตกปีละ 70ล้านริงกิต (700ล้านบาท) แต่แบ่งเข้าทีมแข่งแค่ 30% เอง  

ของ tpl ก็แบ่งเข้า สโมแค่ 32 เปอ ไม่ใช่หรอครับ

 

เกินนิครับ แค่ ไทยลีค 18 ทีม ทีมละ 20 ล้าน ก้ 360 ล้าน จาก 600 ล้านละ  

ของ tpl ก็แบ่งเข้า สโมแค่ 32 เปอ ไม่ใช่หรอครับ

 

ถามสั้นๆ

แบบนี้ใครรวย ใครได้ผลประโยชน์เยอะสุด ?

 

20 x 18 = 360
360/600 = 60%  

คนใส่แว่นในรูปนั่นไง  

อย่างที่ผม โพสไป http://thaipremierleague.co.th/about.php

มาจากค่าอื่นด้วยป่าวครับ 20 ล้านนะ

อันนี้ผมไม่รู้นะ ถ้ามีข้อมูลผมอยากรู้ด้วย  

คืออันนี้พูดถึงเฉพาะเงินถ่ายทอดสดฮะ  

หรอครับ ผมเข้าใจว่า รวมๆ แล้วจ่ายให้ สโมสร 20 ล้านนะนิ

ผมกลับไปหาข่าวอ่านแปป


 

สปอนเซอร์จากโตโยต้าปีละร้อยกว่าล้าน

ค่าถ่ายทอดสดจากทรูปีละ 1000 ล้าน

รวยขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่มีลีคเยาวชนอีกถือว่าง่าวมากๆนะผู้บริหาร
 

จ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์ปีละ20ล้าน ถ้ามีเงินค่าปรับก็จะหักในส่วนตรงนี้ไปเลย แต่จ่ายเป็นงวดๆไป  

เงินจากทรู TPL ไม่รับจ้า ทรูจ่ายเช็คลงชื่อสโมสรแล้วยื่นให้ TPL ไปส่งต่อ (ดูกรณีท่าเรือเมื่อปลายปี และงบการเงิน TPL ที่รายได้ไม่เยอะระดับ 600ล้านต่อปี)
ส่วนผู้ถือหุ้นไรนั่นไม่เกี่ยว  

ค่าลิขสิทธิ์ที่ว่า หมายถึงเฉพาะการถ่ายทอดสดใช่ไหมครับ  

ค่าลิขสิทธิ์ที่ว่า หมายถึงเฉพาะการถ่ายทอดสดใช่ไหมครับ  

ขึ้นไม่ถึง 100% เพราะของเก่ามัน 3 ปี
ของเก่าปีละ 600 ล้าน ของใหม่ปีละ 1050 ล้าน ราวๆ 75% (หากแบ่งตามอัตราส่วนเดิม ทีมใน TPL จะได้ค่าถ่ายทอดสดทีมละ 35 ล้านบาท/ปี แม่เจ้า!!!)

เงินที่เยอะขนาดนี้ช่วยเอาไปแบ่ง D1 D2 เยอะๆเถอะ เห็นลงทุนแต่ละทีมขาดทุนปีละ 10ล้าน ไม่รู้จะอยู่นานแค่ไหน

TPL การตลาดถือว่าแซงย่านนี้ไปไกลแล้ว อย่างมาเลย์เซ็นกับ media prima 6 ปีแรกตกปีละ 70ล้านริงกิต (700ล้านบาท) แต่แบ่งเข้าทีมแข่งแค่ 30% เอง  

การตลาดของ D1 มันไม่มีเลยน่ะสิครับ พวกนักลงทุนเลยไม่อยากมาลง มาตราฐานและคุณภาพทีมยังห่างชั้นมากมายกับ TPL

พูดง่ายๆถ้าจะให้ดีคือทรูต้องทุ่มไปเยอะๆเลยซื้อมันทั้ง TPL D1 D2 บอลถ้วย และพยายามขายสัญญาณออกไปต่างประเทศด้วยทีนี้ล่ะคุ้มเงินแน่ๆ

แต่ผมว่าการที่เงินมันแตกต่างเยอะๆก็มีผลดีนะ มันจะเป็นการผลักดันทีมให้เติบโต พวกที่อยู่ TPL ไม่อยากลงมาด้านล่าง ส่วนด้านล่างต้องพยายามดันตัวเองขึ้นไปเพื่อให้ได้เงินมหาศาล แนวๆเดียวกับพรีเมียร์อังกฤษเป๊ะ  

ผมว่าแค่นี้ก็เยอะละนะสำหรับฟรีทีวี เสาร์คู่ อาทิตย์คู่ พรุ่งนี้ลีกคัพก็ถ่าย

จะเอาเยอะกว่านี้คงต้องเสียตังค์บ้างแหละครับ  

- ชื่อบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ( Thai Premier League Company Limited ) หรือ เรียกชื่อย่อว่า “ที พี แอล ซี ”( TPLC)
- ทะเบียนบริษัทเลขที่ ….0105551109231….
- สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เลขที่ 34 หมู่ 14 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมฯ 10230
- สถานที่ติดต่อ สนามศุภชลาศัย ประตู 3 ถ.พระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ 02-6126866, 02-6126877
- หมวดธุรกิจ การบริหารจัดการ และการให้บริการ
- ทุนจดทะเบียน

• หุ้นสามัญจดทะเบียนจำนวน 50,000 หุ้น
• มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
• มูลค่ารวมทั้งสิ้น 5, 000,000 บาท
• มูลค่าเรียกชำระแล้ว 1,000,000 บาท

โครงสร้างผู้ถือหุ้น

บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จะใช้หลักทมหาชนการของการเป็นบริษัทมหาชน ( ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ) มาเป็นแนวทางในการจัดสรรหุ้นในอนาคตกล่าวคือ

- จัดสรรจำนวนหุ้นรวมทั้งสิ้น 27,500 ( สองหมื่นเจ็ดพัดห้าร้อย ) หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ( ห้าหมื่นหุ้น ) ให้กับนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ และ / หรือบุคคลที่นายกสมาคมฟุตบอลฯกำหนดทั้งนี้จำนวนผู้ถือหุ้นต้องมีไม่น้อยกว่า 5 คน

- จัดสรรหุ้นจำนวน 16,000 ( หนึ่งหมื่นหกพัน ) หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ให้กับทีมองค์กรณ์สมาชิกที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 ทีมละ 500 ( ห้าร้อย ) หุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ถือหุ้นในแต่ละทีมต้องมีไม่น้อยกว่า 2 คน

- จัดสรรหุ้นที่เหลืออยู่จำนวนอีก 6,500 ( หกพันห้าร้อย ) หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ให้กับบุคคล หรือนิติบุคคลทั่วไป โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลทั่วไปถือได้ไม่เกิน คนละ 500 ( ห้าร้อย) หุ้น และนิติบุคคล ไม่เกินนิติบุคคลละ 1,000 ( หนึ่งพัน ) หุ้น สำหรับหุ้นในกลุ่มนี้ ผู้ถือหุ้นจะต้องจ่ายมูลค่าส่วนเกินพาร์ทละ 100 บาท ( Premium ) หรือไม่ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก  

ที่ไฮไลท์สีแดงนี่เป็นแบบนี้จริงๆ หรอครับ

แล้วจัดการแบบนี้ต้องมีปันผลหุ้นด้วยใช่รึเปล่าครับ

งี้เงินก็เข้าตัวนายกเต็มๆ เลยดิครับเหมือนเป็นเจ้าของลีคเลย

ผมนึกว่าเข้า กกท.  

คนพวกนี้ได้ของฟรีจนเคยตัวครับ