[RE: จับแล้ว! คนร้าย ขี่จยย.ชนครูสาว ใช้หมวกกันน็อคทุบลากไปข่มขืน จนตาย]
duijai พิมพ์ว่า:
Cannavaro. พิมพ์ว่า:
ยิปมันส์ พิมพ์ว่า:
โทษประหาร ไม่ได้หรอกครับ ท่านต้องคิดถึงมนุษยธรรมด้วย ผู้ชายคนนี้อาจจะหลงผิด ควรได้รับโอกาสนะครับ เขาจะสำนึกตัวเป็นคนดีได้ ทุกคนควรได้รับโอกาสนะครับ
ลูกเมียเขาคงเจ็บปวดมาก ถ้าประหารเขา ใจเขาใจเรานะครับ ท่านต้องคิดถึงจุดนี้ด้วย
อีกอย่าง ถ้าประหาร จะทำให้เหยื่อถูกฆ่านะครับ
เรื่องถ้าประหารจะมีแนวโน้มทำให้เหยื่อถูกฆ่ามากขึ้น ผมว่ามันเป็นสัดสวนแปรผันตรง กับ ถ้าประหารจะทำให้รู้สึกยั้งคิดไม่ทำมากขึ้นเหมือนกันนะครับ
หลายๆคดีแล้วที่เรามักจะเห็นว่าคนร้ายทำลงไปด้วยความมึนเมาในฤทธิ์สุราหรือยาเสพติด ผมเชื่ออย่างนึงว่าการที่คนร้ายพาตัวเองไปถึงจุดที่เริ่มลงมือข่มขืนได้
เพราะความกล้าจากการมึนเมาในฤทธิ์ของสุราและยาเสพติด ทำให้ไม่เกรงกลัวต่อผลที่จะตามมา
เพราะคนร้ายคิดว่าอย่างน้อยทางออกสุดท้ายก็ยังมีคือการฆ่าปิดปากเหยื่อ แต่ถ้าคนร้ายถูกฝังความรู้สึกกลัวไปตั้งแต่ต้นล่ะว่า
ถ้าทำแล้วโดนประหารแน่ ถ้าไม่ฆ่าเหยื่อ อย่างน้อยก็ยังรอดโทษประหาร (
เพราะโดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยว่าจะต้องโทษประหารกับทุกคดีข่มขืน
เว้นเสียแต่ว่ามีการพิสูจน์ทราบและมีหลักฐานชัดเจนว่าก่อเหตุข่มขืนจริง เพราะ อาจจะถูกใส่ร้ายได้ว่าไปข่มขืน
แต่เห็นด้วยมากกับการให้มีโทษประหารกับคดีข่มขืนแล้วฆ่า) ส่วนนึงที่ผมคิดแบบนี้เพราะ ยกตัวอย่างจาก
กรณีเมาแล้วขับ
ที่ทุกวันนี้มีกระแสข่าวออกมาว่ามีการเพิ่มโทษค่าปรับและติดคุกเลย ก็เป็นส่วนนึงนะที่ทำให้การเมาแล้วขับลดลง
คนเลือกที่จะใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น หรือ ดื่มน้อยลง สังเกตุจากคนรอบตัวนะ ไม่ได้จากข่าวใดๆทั้งสิ้น เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา
คนกินเหล้าอาจจะน้อยลงอยู่แล้ว ต้องลองดูกันต่อไปอีกที
ในส่วนของสงสารลูกเมียเค้าจะอยู่ยังไง ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะ ฝ่ายผู้ถูกกระทำหรือเหยื่อล่ะ จะอยู่ยังไง
ญาติพี่น้อง แฟน ลูก ของเหยื่อล่ะ จะอยู่ยังไง มันก็เหมือนเป็นภาพสะท้อนซึ่งกันและกัน
ไม่มีใครเขามานั่งคิดหรอกว่าต้องเกรงกลัวโทษประหาร
มีตั้งเยอะที่ข่มขืนเพราะขาดสติ เมาเหล้า
ถ้าโทษข่มขืนมันหนักถึงขั้นประหารเหมือนข่มขืนแล้วฆ่า พอสติกลับมาคิดได้ว่าโทษคือตาย
ง่ายๆเลย ฆ่าปิดปากซะ ไม่มีคนชี้ตัว โอกาสโดนจับยากขึ้น
จะมีเหยื่อโดนฆ่าปิดปากเต็มไปหมด เพราะคนร้ายกล้วตาย
อย่างนี้คุ้มเหรอ
กลับไปอ่านใหม่นะครับ ผมไฮไลท์สีน้ำเงินไว้ให้แล้ว ขออภัยผมอาจจะสื่อความไม่ชัดเจน
ส่วนตรงสีเขียวผมจะหมายความว่า ถ้ามีการพิสูจน์ทราบแล้วว่ามีการข่มขืนจริงก็ให้โทษเป็นไปตามกระบวนการก่อนในเบื้องต้น ในเวลานี้
จนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขโทษจากคดีข่มขืน (แล้วไม่ได้ฆ่า) ให้เป็นไปจากเดิมในอนาคต
เช่นอาจใช้การฉีดสารที่ทำให้องคชาติไม่แข็งตัวหรือไม่มีอารมณ์ทางเพศอย่างเกาหลีใต้
โดยส่วนตัวไม่ได้หมายความว่า คดีข่มขืน ที่ ไม่ฆ่า จะต้องได้รับโทษประหาร ผมอาจจะสื่อใจความไม่ชัดเจน
เพราะ คดีข่มขืนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในบางสถานการณ์ แม้กระทั่งแฟนกันเอง (ยังไม่ได้แต่งงานจดทะเบียน)
วันดีคืนดีก็หาเรื่องฟ้องคุณข้อหาข่มขืนได้ ซึ่ง ข่มขืนก็ยังมีแบ่งเป็น ข่มขืนกระทำชำเราอีก แต่ในกรณีที่มีการข่มขืน
แล้วมีการทำร้ายร่างกายเหยื่อจนบาดเจ็บสาหัส หรือ ถึงแก่ชีวิต ผมว่าควรมีโทษประหาร
เพราะ คนร้ายพวกนี้มีแนวโน้มที่จะก่อคดีซ้ำเมื่อพ้นโทษหรือได้รับอภัยโทษออกมาในอนาคต
ที่เน้นว่า ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต ที่มีคำว่าบาดเจ็บสาหัสด้วย
เพราะว่า เหยื่ออาจจะแกล้งตายเพื่อเอาตัวรอด และเมื่อตามจับคนร้ายได้
เหยื่ออาจจะถูกคุกคามหรือย้อนกลับมาทำร้ายได้ในอนาคต
ทั้งนี้การที่กฎหมายจะตัดสินอะไรจะต้องมีพยานแวดล้อม หลักฐาน ชัดเจน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะเอามาพูดลอยๆได้
จะต้องมีบันทึกการรักษา บันทึกการตรวจร่างกาย บันทึกการชันสูตร เพราะฉะนั้น โดยแนวคิดของผม
ผมคิดว่าเพิ่มความเป็นธรรมให้กับเหยื่อและครอบครัวเหยื่อมากขึ้น
เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้กระทำผิดทุกคนอยากจะพ้นจากสภาพผิดทั้งนั้น
ไม่อยากให้มีคดีความ ไม่อยากให้มีใครติดตามจับกุมตัวได้
ทางที่ง่ายที่สุดคือ ฆ่าทิ้งซะ
เพราะฉะนั้น จะมีโทษประหาร หรือ ไม่มีโทษประหาร
ยังไงก็ ฆ่า อยู่ดี