บาโลเตลลี่ - “ถึงเวลาที่ผมต้องเป็นผู้ใหญ่”
ปิดฉากฝันร้ายที่แอนฟิลด์เป็นที่เรียบร้อย สำหรับศูนย์หน้าจอมเกรียนอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่กับต้นสังกัดเดิมของเขาก่อนที่จะย้ายมาพบเจอกับวิบากกรรมในสีเสื้อลิเวอร์พูล แน่นอนว่าจากผลงานที่ทำได้แค่ 1 ประตูจากการลงเล่นเกมลีก 16 นัดในทีมหงส์แดงถือว่าเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ค่าตัว 16 ล้านปอนด์ที่หงส์แดงจ่ายไปไม่ต่างอะไรกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เอาซอสมะเขือเทศไปละลายในทะเล
เราไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ บาโลเตลลี่ ที่แอนฟิลด์ จากศูนย์หน้าที่มีสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยฤดูกาลอย่างต่ำ 10 ประตู สมัยเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงได้ถึง 20 ประตูจากการลงเล่นในเกมลีก 54 นัด ตอนย้ายไปอยู่กับมิลานลงเล่นในลีกไป 43 นัด ยิงได้ถึง 26 ประตู แต่กับลิเวอร์พูลทุกอย่างต่างกันราวฟ้ากับเหว จะเพราะว่าการปรับตัวเข้ากับทีมไม่ได้ แบรนดอน รอดเจอร์ กุนซือของหงส์ใช้งานกองหน้าชาวอิตาลีคนนี้ไม่เป็น หรือเป็นเพราะพฤติกรรมความเกรียนของเจ้าตัวที่มักชอบสร้างปัญหานอกสนามมากกว่าผลงานในสนามก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าอะไรเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ บาโลเตลลี่ จึงโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังในฐานะนักเตะหงส์แดง
แต่ความผิดพลาดและน่าผิดหวังได้จบลงแล้ว และถึงเวลาที่บาโลจะต้องเริ่มใหม่กับทีมเก่าของเขาอย่าง เอซี มิลาน แฟนๆ ของอินเตอร์ มิลาน แมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล อาจจะไม่ปลื้มกับบาโลสักเท่าไหร่ เพราะพฤติกรรมแปลกๆ หลายอย่างที่เขาสร้างเอาไว้สมัยค้าแข้งกับทีม แต่ที่มิลานแฟนชื่นชอบเขาเพราะเจ้าตัวทำผลงานได้ดี การกลับมาอยู่กับรอซโซเนรี่เป็นคำรบสองจึงน่าจะเป็นทางเลือกและโอกาสที่ดีที่สุดแล้วของเจ้า “ซูเปอร์มาริโอ”
บาโลเตลลี่ ให้สัมภาษณ์กับ Gazzetta Dello Sport หนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดังของอิตาลีว่าการย้ายกลับมาอยู่กับ เอซี มิลานเป็นหนที่สองนั้น ถือเป็นโอกาสที่เขาจะได้เริ่มต้นใหม่และพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์หลายๆ คนมองว่านี้อาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวแล้วก็เป็นได้!!!
บาโลบอกว่าเขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา “เมื่อก่อนผมยังทำตัวเหมือนเด็กๆ ทั้งนอกและในสนามจากนี้ไปผมจะเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น ผมรู้ว่าหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าผมจะทำได้ แต่ผมรู้ว่าตัวเองว่ากำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำมันและผมมั่นใจว่าผมทำได้ หลายๆ เหตุการณ์ในชีวิตผมที่ผมทำไว้อาจจะดูไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมันทำลายโอกาสในชีวิตผมหลายครั้ง แต่เกมยังไม่จบ และตอนนี้ผมก็ได้โอกาสอีกครั้ง”
ตอนนี้บาโลเตลลี่อายุ 25 ปี ถือว่าเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว ประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลก็มีมาอย่างโชกโชน สมควรแก่เวลาที่เจ้าตัวจะต้องโฟกัสอยู่กับอาชีพการค้าแข้งของตัวเองให้มากกว่าเดิม ถ้าหากยังอยากมีชื่อว่าเป็นยอดนักเตะคนหนึ่งของวงการฟุตบอลแบบที่สื่อต่างๆ และแฟนบอลเคยยกย่องและคาดหวังเอาไว้เมื่อสมัยเป็นนักเตะดาวรุ่ง
หลายๆ คนที่เกี่ยวข้องกับบาโลและทีมเอซี มิลาน เริ่มออกมาให้สัมภาษณ์สนับสนุนและน่าจะเป็นการพูดเตือนใจเตือนสติบาโลเตลลี่ไปในตัว ว่าตอนนี้มีสัญญาณที่ดีที่เราจะได้เห็นบาโลในฐานะนักฟุตบอลผู้มากความสามารถ ศูนย์หน้าจอมถล่มประตู
อาเดียโน กัลเลียนี CEO ของมิลาน บอกว่า บาโลเตลลี่ ตั้งแต่กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กัลเลียนี่เล่าให้นักข่าวฟังว่า บาโลเป็นนักเตะคนแรกที่มาถึงสนามซ้อมมิลาเนลโลของเอซี มิลานเป็นคนแรกและกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย ถึงขนาดที่กัลป์เลียนีบอกติดตลกว่าเขามีความคิดที่จะให้กุญแจสนามไว้กับบาโล
อีกคนที่ออกมาสนับสนุนบาโลก็คือ มาร์โค มาเตรัซซี อดีตกองหลังทีมชาติอิตาลีและเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของบาโลเตลลี่สมัยที่ค้าแข้งอยู่กับอินเตอร์มิลาน มาเตรัซซีบอกว่าสำหรับเขา บาโลเตลลี่ เป็นเหมือนน้องชาย เขายินดีมากที่ได้เห็นเจ้าตัวกลับมาค้าแข้งในอิตาลีกับเอซี มิลาน และเชื่อว่า ซินิซ่า มิไฮโลวิช กุนซือของปีศาจแดงดำจะช่วยให้บาโลกลับมาเป็นยอดดาวยิงได้อย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่คุ้นเคยกันอยู่แล้วสมัยที่มิไฮโลวิชทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชให้ทีมงูใหญ่ช่วงฤดูกาล 2007-08 และที่สำคัญคือมาเตรัซซีเชื่อว่าความสัมพันธ์ของมิไฮโลวิชกับบาโลน่าจะไปได้ดีกว่าตอนที่ทำงานร่วมกับรอดเจอร์ที่ลิเวอร์พูลแน่นอน
แต่การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งในทีมปีศาจแดงดำในฤดูกาลนี้ของบาโลไม่ง่ายแน่นอน เพราะเอซี มิลานเพิ่งจะจัดการคว้ากองหน้าคนใหม่เข้าสู่ทีมถึง 2 ราย คือ คาร์ลอส บัคก้า และ หลุยซ์ อาเดียโน ซึ่งดูแล้วคู่นี้น่าจะเป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลใหม่นี้ ถ้าอยากจะได้โอกาสบาโลเตลลี่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเบียดลงสนาม น่าจะเป็นความพยายามที่เจ้าตัวต้องงัดออกมามาที่สุดเท่าที่เคยทำมาตลอดอาชีการค้าแข้งเลยก็เป็นได้
ที่มา http://www.banpolballs.com/?p=22978