สิ้นเสียงนกหวีดที่ Stamford Bridge ในการคุมทีมในบ้านนัดที่ 100 ของ “The Special One” Jose Mourinho กลายเป็นการบันทึกสถิติแพ้ในบ้านครั้งที่ 2 ของ Mourinho กับ Chelsea ต่อจากการพ่ายแพ้ให้ Sunderland ของ Gus Poyet เมื่อสองฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งทาง Mourinho ก็ให้เครดิตกับลูกทีมของ Alan Pardew ในการเล่นเกมนี้ และ”ยอมรับผิด”สำหรับการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเพื่อแก้เกม เพราะมีผู้เล่นบางคนที่เล่นไม่ดียังอยู่ในสนาม

นี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่า Mourinho รู้ดีว่าปัญหาของทีมอยู่ที่ตรงไหน เราอาจจะได้เห็นการแก้ปัญหาในเร็ววัน

แต่ไม่ช้าไปหน่อยหรือ ในเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นในสนามไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น

เมื่อต้นปี 2015 เกมกับ Spurs โดนยิงเกมเดียว 5 ลูก หลุดจากฝั่งขวาเยอะเป็นพิเศษทั้ง Ivanovic และ Cahill จนสุดท้ายครึ่งฤดูกาลที่เหลือต้องมาเล่นรัดกุม เอา Zouma/Mikel/Ramires มาช่วยกันสกรีนบอลกับ Matic ในแดนกลาง เพราะเล่นไปเล่นมา Matic รับภาระมากเกินไป ไม่สามารถ cover ได้ทั่วทั้งสนาม ถึงสุดท้ายได้แชมป์จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าในตอนนั้นบรรดาผู้ท้าชิงทั้งหลายต่างมีช่วงฟอร์มตกด้วยกันทั้งนั้น เราจึงคว้าแชมป์ได้โดยอาศัย”ความแน่นอน”ที่ใส่ไปในครึ่งฤดูกาลหลังมาประคอง

อีกครั้งในฟุตบอลถ้วย Uefa Champions League รูปเกมเป็นอย่างไร เวลาที่เจอกับทีมที่ยึดแดนกลางได้อยู่หมัดอย่าง P$G เราทำอะไรได้นอกจากส่งบอลไปให้ Eden Hazard แล้วรอพ่อมดร่ายคาถาเอา ส่วนพ่อมดหมายเลข 4 ก็หายตัวไปซะอย่างนั้น

จุดที่เห็นได้ชัดที่สุดในฤดูกาลนี้เริ่มจากแบ็คขวา Branislav Ivanovic ปีที่แล้วติดทีมยอดเยี่ยม ได้รับการยกย่องทั้งในเกมรุกและเกมรับ ปีนี้เล่นสไตล์เดิม ขึ้นสุดเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความช้าที่มาตามอายุ จนเป็นบ่อน้ำมันบ่อใหญ่ให้ทุกทีมรุมเจาะกันอย่างสนุกเท้า ที่แน่ๆ 9 ประตูจาก 4 นัด และโอกาสอีกสารพัดเริ่มมาจากฝั่งนี้นั่นแหละ ถึงแม้ว่าแผงหลังทั้งแผงควรจะมีส่วนในการรับผิดชอบก็ตาม

ส่วนอีกจุดที่สำคัญคือจอมทัพหน้ามน Cesc Fabregas ที่ฟอร์มตกจนน่าใจหาย ซึ่งจะว่าไปก็ฟอร์มทรงๆแบบนี้ตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลหลังแล้ว Killer Pass เริ่มไม่ค่อยมาเพราะพื้นที่จ่ายน้อยลง คนรู้ทันหมด แม้จะยังมีประโยชน์เวลายืนปั้นเกมหลังกองหน้า แต่การนำ Fabregas มายืนคู่ Matic เพื่อให้สะดวกในการวางบอลแนวลึกจังหวะเดียวกลับกลายเป็นผลเสียและภาระของทั้งกองกลางและกองหลัง ทั้งในเรื่องของการยืนตำแหน่ง คุมพื้นที่ การช่วยเล่นเกมรับ ถ้าจะบอกว่าหลายประตูที่เสียไป Fabregas มีส่วนรับผิดชอบด้วยก็คงไม่เกินไปนัก แม้จะมีกองกลางจอมขยันอย่าง Willian ลงมาช่วยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก

สองคนที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่ว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่มีตัวแทนไม่มีตัวเลือก อย่างแบ็คขวาที่สามารถโยก Azpilicueta กลับมาเล่นได้ แล้วให้ Baba Rahman ที่เป็น Full Back ธรรมชาติมาเล่นแบ็คซ้าย หรือแม้กระทั่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่มีทั้ง Mikel, Loftus-Cheek ที่ดูมีความสามารถพอในการคุมแดนกลางรอคอยโอกาสอยู่ ซึ่งดูยากลำบากเหลือเกินสำหรับทีมที่มีผู้จัดการทีมที่น้อยครั้งจะเปลี่ยน Line-up โดยเฉพาะในแดนกลางกับแดนหลัง ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้จัดการทีมที่เน้นการคุมเกมอย่าง Mourinho ที่จะเลือกชุดที่นิ่งที่สุดและเล่นด้วยกันนานที่สุดลงมาเล่นด้วยกัน เพราะการเล่นเกมรับที่ดีต้องเล่นเป็นทีม เล่นกันด้วยความเข้าใจ เล่นอย่างมีระเบียบวินัย แต่ถ้าผู้เล่นที่ไว้ใจทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่สามารถคุมเกมได้ตามที่วางแผนไว้ แล้วจะมีเหตุผลอะไรให้เก็บไว้ในสนามต่อ

ที่หนักไปกว่านั้น คือ ไม่ใช่แค่เกมรับที่มีปัญหา เกมรุกเองก็เช่นกัน แม้จะมีผู้เล่นอย่าง Eden Hazard, Diego Costa รวมถึงปีกหน้าใหม่ที่ดูไว้ใจได้มากกว่าคนก่อนๆอย่าง Pedro Rodriguez แต่วิธีการเล่นกลับไร้มิติ ไร้จินตนาการโดยสิ้นเชิง นักเตะในทีมเริ่มทำอะไรไม่เป็นเมื่อฝั่งตรงข้ามเน้นการยืนปิดพื้นที่แดนกลางแบบ”บัส 2 ชั้น”อันเลื่องชื่อที่ตัว Mourinho เองก็แก้ไม่ถูกเวลาเจอแผนของตัวเอง เมื่อต่อบอลเข้าไปตรงกลางไม่ได้ ก็เริ่มออกปีกโยน เคาะบอลไปมารอบๆเขตโทษ ซ้ายทีขวาที สุดท้ายก็ไปถึง Ivanovic ที่เติมขึ้นมาเปิดแบบหวังผลได้บ้างไม่ได้บ้าง พอเข้าตาจนก็เอา CB อย่าง Zouma ไปค้ำหน้าแล้วโยน ไม่ต่างจาก 10 ปีที่แล้วก็เคยเอา Robert Huth ไปค้ำตอนทีมตามหลังเหมือนกัน (และก็ไม่ได้ผล)

หลายคนอาจคิดถึงการเล่นกองหน้าคู่ โดยเอา Falcao ลงมาคู่กับ Diego Costa เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำประตู แต่ผมกลับคิดถึง Oscar ที่เจ็บอยู่ตอนนี้มากกว่า ไม่ใช่ว่าการเล่นกองหน้าคู่ไม่ดี แต่ในยามที่แดนกลางไม่สามารถคุมรูปเกมได้ การส่งเพิ่มจำนวนกองหน้าแต่ลดกองกลางอาจจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่

หลายคนอาจมองว่า Oscar ฟอร์มตกไป ไม่มีลูกจ่ายสำคัญๆเหมือน Fabregas แต่ถ้าดูดีๆ นี่คือคนที่สามารถเล่นบอลได้เข้าขากับแนวรุกคนอื่นของทีมมากที่สุด เพราะเซนส์บอลทันกัน รวมถึงความขยันในการช่วยทีมเล่นเกมรับ ช่วยเก็บในจังหวะที่แดนกลางพลาด ซึ่งถึงแม้จะเอา Willian มาเล่นแทนในขณะที่ Oscar เจ็บ ผลที่ได้ก็ยังไม่ดีนัก หากจะพูดว่าทีมต่อบอลได้ไม่ดีเท่าเดิมเมื่อขาด Oscar ก็มีส่วน ในช่วงต้นฤดูกาล 2014-2015 นับว่าเป็นคอมโบมรณะเลยก็ว่าได้ แนวรุกช่วยกันต่อบอลตรงกลางทั้ง Fabregas, Oscar, Hazard, Willian ทั้งการเคลื่อนที่เพื่อหาที่ว่างและดึงตัวประกบ ต่อบอลจังหวะเดียว ซึ่งสังเกตได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้หายไปเมื่อ Oscar ไม่อยู่ ไม่ว่าจะเจ็บหรือฟอร์มตกก็ตาม

ณ จุดนี้ อยู่ที่ Jose Mourinho แล้วว่าพร้อมจะเปลี่ยนวิธีการเล่นหรือตัวผู้เล่นขนาดไหน

ไม่แน่ใจนักว่า การที่เข้าสู่ช่วงพักเบรคทีมชาติในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีนักแบบนี้จะมีผลต่อกำลังใจและความต่อเนื่องในการเรียกฟอร์มเก่าๆกลับมาหรือไม่ แต่ที่แน่ๆอาจจะเป็นเรื่องดีต่อ Mourinho ที่จะมีเวลาคิดและแก้ไขปัญหามากขึ้น

อ้าวดันตั้ง พร้อมกัน

โอกาสมีเยอะครับ แต่ยิงไม่เข้าเอง
มิติเกมรุกก็พอมี แต่ก็หวังให้นักเตะใช้ความสามารถเฉาพะตัวเจาะเข้าทำ
ส่วนเกมรับนี่พลาดเองเห็นๆ เอาใหม่ครับ อีหลายนัด ลุ้นช่วยกัน นัดต่อนัดไป

ผมมองว่า มาติซฟอร์มยังไม่ค่อยดีเหมือนกันนะ ดัดสูงเยอะด้วย วินเลี่ยน ไม่เหมาะกะ กลางรุกจ่ายพอโอเค แต่ยิงไม่ได้เรื่องเลย

กอง หลังหาพวกสายเลือดใหม่เถอะ

เกมล่าสุดที่แพ้นี่เชลซีพับสนามบุกเลยมั้ง

ที่พลาดคือตอนโต้กลับแล้วหยุดไม่อยู่ทางด้านแบ็คขวา

แต่กองหน้าอย่าง คอสต้า ก็มัวแต่บ้าทะเลาะกับกองหลังที่ประกบ

ผมล่ะโคตรขำเลยไปหาเรื่องวิ่งชนเขาก่อน ทีนี้เลยโดนเขาแอบตอดเล็กตอดน้อยคืนแบบไม่กลัว เหมือนสมัยก่อนตอนแกไปไฟว์กับ เปเป้ ไม่มีผิด

และก็เพราะมัวแต่หัวเสียที่กรรมการไม่เป่า(ปีก่อนทำไว้เยอะคิดว่ากรรมการคงจ้องเป็นพิเศษ) เลยกลายเป็นว่าสมาธิหลุดไปหลายครั้ง



ส่วนแดนกลางอย่าง เชส ก็ดูจะเงียบหายไปจริงๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะกองหน้าที่เขาจ่ายบอลไปให้แล้วแต่ทำอะไรไม่ได้เลยทำให้ดูผลงานแย่ลง

กองหลังจริงๆก็น่าแปลกใจที่ มู ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพวกนี้แต่เชลซีกลับไม่เหนียวแน่นเหมือนเคย ทั้งๆที่นักเตะก็คนเดิมๆ

ผมแฟนผีนะ แต่สงสัยอย่างนึง เวลาออสกาลงแฟนเชลซีด่า พอไม่ลงแล้วทีมฟอมตกกลับนึกถึง

อารมเดียวกับแจ้ควิลเชียเลย

คอสต้าบ้าพุ่ง บ้าหาเรื่อง
เชสก็ช้าๆ เชื่องๆ ยึกๆยักๆวนๆ เสียบอลง่าย
อิวาหมดแล้วทุกอย่าง เห้อออออ