ใครยังไม่ง่วงมีหนังพาง่วงขั้นเทพมาแนะนำ(รีวิว The Tree of Life)
The Tree of Life (2011), Terrence Malick
นอกจาก 2001: A Space Odyssey แล้วก็มีหนังดีกรีปาล์มทอง The Tree of Life นี่แหละที่รู้สึกชอบมากถึงขั้นหลงใหล หนังที่มีเนื้อหาอภิมหาปรัชญานี่มีไม่น้อยเลย เท่าที่ได้ดูก็มีทั้งเรื่องที่ชอบและไม่ชอบ หากไม่ชอบนี่คือเกลียดเลย เราสามารถมองได้ว่าหนังแม่งปัญญาอ่อน ไร้สาระ เพ้อเจ้อ อะไรยังไงก็ไม่ผิด
แต่สิ่งที่ 2001:ASO กับ The Tree of Life มีเหมือนกันและแตกต่างจากเรื่องอื่นๆที่ผมเกลียดคือหนังมันมีความน่าจดจำทั้งเนื้อหาและความเป็น Cinematic ที่มีทั้งความทะเยอทะยาน ความกล้าที่จะนำเสนอ มันไม่ใช่หนังที่มีความบันเทิงอย่าง ดรามา โรแมนซ์หรืออะไรใดๆ อาจเรียกได้ว่าเป็น Genre ที่แตกต่าง มันจึงสามารถทำให้คนดูตระหนักได้ว่าภาพยนตร์สามารถให้อะไรกับคนดูได้"อีก"บ้าง
ด้วยตัวเนื้อหาเองล้วนๆไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกหลงใหลนักหากไม่มีการนำเสนอที่ให้หนึ่งในประสบการณ์การดูหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งหนึ่ง ที่บอกว่าสิ่งที่ 2001:ASO กับ The Tree of Life มีเหมือนกันคือในขณะดูหนังสามารถพาเราดำดิ่งสู่ความพิศวงผ่านภาพและเสียงที่ชวนขนลุกขนพอง มีการกำกับที่กำกับคนดูให้จดจ่อกับทุกการเคลื่อนไหวบนจอ กับ The Tree of Life ผู้กำกับ Terrence Malick เน้นการใช้ภาษาภาพในการเล่าเรื่องซึ่งทำในส่วนนี้ได้ดีมากๆ ส่วนหนึ่ง(เป็นส่วนใหญ่ๆเลย)ต้องยกความดีความชอบให้งานภาพสุดงดงามไร้คำบรรยายของ Emmanuel Lubezki ซึ่งมีอิทธิพลต่อหนังมากบวกกับดนตรีประกอบของ Alexander Desplat ที่ส่งเสริมตัวหนังให้น่าพิศวงขึ้นไปอีกและสิ่งที่ทำให้ชอบ The Tree of Life มากๆชอบกว่า 2001:ASO คือการที่หนังโฟกัสไปที่ครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง ช่วยทำให้เรารีเลทกับหนังมากขึ้นไปอีกเพราะคำถามที่หนังพยายามส่ง Message อยู่ในไดอล็อกและการกระทำของตัวละครทั้งหมด
ไม่ว่าจะหยิบมาดูกี่ครั้งก็ยังรู้สึกขนลุกกับความยิ่งใหญ่กับความงดงามของหนัง หนำซ้ำยังรู้สึกหลงใหลมากขึ้นไปอีกเพราะด้วยคำถามดังกล่าวแม้ว่าจะหาคำตอบได้แล้วก็มักจะมีคำถามใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีกทุกครั้งที่ดู ซึ่งล้วนเป็นคำถามที่ไม่เคยมีอยู่ในสมองแต่หนังก็สามารถทำให้เราสนใจอยากค้นหาคำตอบ มันเป็นหนังที่อธิบายเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือได้ยากทางที่ดีควรสัมผัสด้วยตัวเองจะดีที่สุด