BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ตำรวจบอร์ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jul 2009
ตอบ: 23
ที่อยู่: Be as you were when we met
โพสเมื่อ: Wed Aug 05, 2015 21:42
ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 5)
ความเดิมตอนที่แล้ว

ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 4)
http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1257552/



วันที่ 8 (ผู้คนบนม้าเหล็ก)



ชีวิตบนรถไฟ เป็นเสมือนสังคมปิดเล็กๆ ที่มีกิจวัตรประจำวันซ้ำซาก ดูเหมือนจำเจ น่าเบื่อ แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน เป็น Slow Life ที่ไม่ต้องปั้นท่าอวดใคร เพราะไม่มีใครสน Slow อยู่บนชีวิตที่ เราใช้มันในแต่ละวินาที อย่างละเอียดขึ้น สื่อสารกับตัวตนข้างในมากขึ้น



กลับขึ้นรถไฟอีกครั้ง แต่คราวนี้ เราเรียนหลักสูตรการดำรงชีพบนรถไฟระดับ advance ด้วยการโดนจับแยก (ผมโดนแยกมาคนเดียว) หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด ผมชะโงกมองลงไปด้านล่าง ปรากฏว่า ลุงอ้วนๆ ที่นอนชั้นล่างหายไปแล้ว ส่วน 2 พ่อลูก ที่ขึ้นรถมาก่อนผมกำลังเก็บของ



ซึ่งต้องบอกว่า การเดินทางหลังจากนี้ มันเป็นการเดินทางภายในประเทศแล้ว ไม่เหมือนการเดินทางช่วงแรก ซึ่งเป็นรถไฟข้ามประเทศ ซึ่งจะพบแต่ผู้โดยสารที่เดินทางระยะยาวแทบทั้งสิ้น ผู้โดยสารภายในประเทศของรัสเซียก็เหมือนๆ บ้านเรานั่นแหละครับ บางคนก็เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ากรุง แต่บางคนก็แค่ไปลงตามหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งระยะทางจาก Irkutsk ไปยัง Moscow มีเมืองใหญ่ๆ อยู่ 3-4 เมือง ได้แก่ Novosibirsk, Omsk , Krasnoyarsk, Yakaterinburg ดังนั้น เพื่อนร่วมทางของเรา อาจจะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ...



2 พ่อลูก พับผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เอาไปคืนเจ้าหน้าที่คุมตู้รถไฟ ธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่นี่ ดีมากๆ ครับ ปกติที่นั่งบนรถไฟ จะมีที่นอนปูอีกชั้นหนึ่ง ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่ม มาให้ เมื่อเราจะลง ทุกคน (ย้ำนะครับ ว่าทุกคนที่ผมเห็น ไม่ว่าจะเป็นใคร ขึ้นจากเมืองอะไร) จะพับผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน นำไปส่งคืนเจ้าหน้าที่ และ พับหรือม้วนที่นอนไว้บนหัวนอน ไม่ปูทิ้งไว้ ซึ่ง เป็นอีกอย่างที่ผมรู้สึกว่า เค้าสอนกันมาดีจริงๆ



พอรถจอด 2 คนพ่อลูกก็เดินลงไป สถานีนี้มีคนรอขึ้นรถไม่น้อย ไม่ต้องสงสัยว่า ผมต้องได้เพื่อนร่วมทางใหม่ แน่นอน นั่งรอลุ้น ปรากฏว่า คนที่เดินเข้ามาเป็น 2 แม่ลูกบ้าง ก่อนนี้เป็น พ่อกับลูกชาย คราวนี้เป็นแม่กับลูกสาวตัวน้อย อายุประมาณ 3-4 ขวบ ปกติถ้าสูงไม่เกิน 120 ซม. เค้าจะให้ขึ้นฟรี แต่นั่งที่นั่งเดียว อันนี้ แม่น่าจะซื้อตั๋วให้ลูก จะได้มีที่นั่งเล่น ไม่มากวนแม่เวลานอน แปลได้อีกอย่างว่า 2 คนนี้ น่าจะอยู่นานครับ 2 แม่ลูกยึดครองที่นั่งชั้นล่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงโต๊ะเล็กริมหน้าต่าง คนแม่จัดการที่นอนชั้นล่าง ผมไม่ได้ทักทายอะไรมาก เพราะยังเช้าอยู่มาก พอเห็นว่าเป็นใครก็จะล้มตัวลงนอนต่อ ซักพักมีคนเดินเข้ามาอีก เป็นหนุ่มผมทองร่างยักษ์ ตัดผมสั้นเกรียน หมอนี่ปีนขึ้นมานอนด้านบนเหมือนผม กลายเป็น คนตัวใหญ่ถูกไล่ขึ้นมานอนข้างบนทั้งคู่ครับ ดูจากสัมภาระ และการวางเครื่องใช้ ก็เดาว่า หมอนี่ก็คงไม่ลงง่ายๆ เหมือนกัน พอได้เพื่อนร่วมห้องครบ ก็ล้มตัวนอนต่อ


สำรวจรถไฟ .....


ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ ผมไปเข้าห้องน้ำ จัดการธุระให้เรียบร้อยก่อนคนอื่นตื่น เอาล่ะครับ เรามารู้จักบ้านของเราซะหน่อย เดี๋ยวผมจะพาทัวร์ รถไฟรัสเซีย ตามมาครับ ...

รถไฟรัสเซีย โดยทั่วไป มีการวางผังต่างๆ เหมือนรถไฟจีน จริงๆ มีอยู่ 3 ขบวนนะครับ ที่วิ่งบนเส้นทางเดียวกัน ซึ่งรายละเอียดของแต่ละขบวนจะแตกต่างกันเล็กน้อย



ผมนั่งสาย 081ИА ชั้น 2 Hard Sleeper ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ Hard อย่างชื่อหรอก แต่ละ Carriage (โบกี้) ก็จะเป็นแยกห้องนอนเราเรียกว่า Compartment ครับ นับได้ 8 ห้อง ไม่รวมห้องเจ้าหน้าที่ประจำ carriage ในแต่ละ compartment มี 4 ที่นั่ง/นอน ล่าง 2 บน 2 พร้อมโต๊ะกลาง 1 ตัวติดหน้าต่างรถไฟขบวนนี้ดีกว่า รถไฟจีน และรถไฟรัสเซียบางสาย ที่มีคนรีวิวไว้ ค่อนข้างมาก ตั้งแต่ตู้นอนติดผิวลายไม้ดูสวยงาม มีวิทยุให้เปิดฟัง มีอยู่ 4 คลื่น จะบอกว่า คนรัสเซียชอบฟังอยู่ 2 แบบ คือ เพลงคลาสสิค กับเพลงเทคโนแดนซ์ ครับ ฟังๆ ไปก็เริ่มตื๊ดๆ ไปกับเค้าด้วย 555





รถขบวนนี้ไม่มีพัดลม แต่น่าจะมีแอร์ หรือช่องลมด้านบน มีสวิทช์อยู่ตรงประตู คู่กับสวิทช์ไฟกลาง ในส่วนของห้องผม สองแม่ลูกควบคุมสวิทช์อยู่ ปกติ บนรถอากาศจะไม่หนาว ถ้ารถจอดออกไปทางร้อนๆ หน่อยด้วยซ้ำ แต่มีบางครั้งที่ผมรู้สึกว่า มีลมเย็นๆ ออกจากจากช่องบนเพดาน เย็นจนหนาวเลยครับ แล้วก็หายไป 2 แม่ลูกคงจะหนาว เลยคิดว่าผมควรจะต้องหนาวด้วย หรือ จะเปิดไฟ ปิดไฟกลาง ก็ขึ้นกับ 2 คนนี้แหละครับ แต่ผมไม่อะไร เพราะไฟหัวนอนก็มี อีกอย่าง ผมโหลดหนังสือเป็น Ebook ใส่ iPad mini ไป ไม่ต้องใช้ไฟอ่านหนังสือ





ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกของรถไฟนี้ ที่ดีกว่า รถไฟจีนก็คือ มีห้องน้ำ Carriage ละ 2 ห้องครับ ห้วตู้ กับท้ายตู้ ทางออกไปห้องน้ำ เหนือประตูจะมีป้ายไฟ LED ซึ่งบอกทั้ง วันที่ เวลา อุณหภูมิ และข้อมูลอื่นๆ นอกจากนี้ ที่เจ๋งคือ ถ้ามีคนเข้าห้องน้ำจะขึ้นไฟสีเหลือง ถ้าห้องน้ำว่าจะขึ้นไฟสีเขียว ครับ เจ๋งแหะ ...





น้ำร้อน มีบริการไม่ขาดเหมือนกับรถไฟจีน แถมมีน้ำดื่ม อุณหภูมิห้องนะครับ ไม่เย็น ไว้บริการด้วย สภาพห้องน้ำค่อนข้างโอเคกว่ารถไฟจีน ที่ไม่ค่อยชอบใจ คือ หน้าต่างครับ ปกติ หน้าต่างตรงทางเดิน ที่เราเคยนั่งของจีน จะสามารถเปิดโดยดึงลง (เหมือนรถไฟไทยอ่ะแหละครับ) ก็เปิดได้ไม่สุดหรอก มันเก่า บางบานก็เปิดไม่ได้ ซึ่งอย่างน้อยที่สุด เราจะสามารถยื่นหัวออกไป หรือยื่นแขนออกไปได้ทั้งแขน ทำให้ได้รูปสวยๆ มาอวดทุกท่าน แต่หน้าต่างของรถขบวนนี้ มันเป็นหน้าต่างบาน fix เปิดได้เพียงบานพับด้านบนโดยเปิดแบบพับลงมา ซึ่งก็พับได้ไม่หมด เป็นแค่ช่องลมเล็กๆ ขนาดสอดกำปั้นออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้ ต้องค่อยๆ แบมือสอดออกไป



ซึ่งก็ทำให้การถ่ายรูปทำได้ลำบาก ต้องถ่ายผ่านกระจก ซึ่ง ... ก็สุดจะเขรอะ แม้ น้องเตี้ย (นามสมมติ ของคนคุมตู้เรา) จะเดินเช็ดทุกชั่วโมง แต่ว่า ก็เป็นการเช็ดจากด้านใน รอยสกปรกด้านนอกต้องลงไปเช็ดจากด้านนอก สันนิษฐานว่า ปกติ การเดินทางในเส้นนี้ จะหนาว แบบหนาวชิบหาย ติดลบเกิน -10 องศา ดังนั้น มันคงไม่มีใครบ้าไปเปิดหน้าต่างชมวิวหรอก เค้าก็เลยไม่ได้ออกแบบให้เปิดได้เหมือนรถไฟที่วิ่งผ่านทะเลทรายเหมือนรถไฟขบวนจีน




เจ้าหน้าที่ รถคันนี้มีเจ้าหน้าที่ดูแล Carriage ละ 2 คน สลับกัน ส่วนมากเป็นผู้หญิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย เฮี้ยบ และดุกว่าเจ้าหน้าที่จีน ซึ่งไม่ค่อยมาอะไรกับเรามาก ซึ่งนอกเหนือจาก น้องเตี้ย มีเจ๊อีกคนที่ดูเหมือนหัวหน้าน้องเตี้ย คนนี้โหดกว่า เฮี้ยบกว่า เราให้สมญานามเธอว่า มิสโน – Miss No หรือ นางสาวไม่ นั่นเอง) คือ จะทำอะไรก็ห้ามไปซะหมด ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ท่าประจำของเธอคือ เดินตรงดิ่งมาหาเราพร้อมกับยกแขนขึ้นไขว้กันเป็นรูปกากบาท ปากก็พูดว่า โน โน ... ชาร์จแบตพ่วงก็ไม่ได้ กินเบียร์ตรงทางเดินก็ไม่ได้ (ต้องยืนไม่เกินเส้นประตู) เปิดหน้าต่างก็ไม่ได้ แต่ดีหน่อยตรงที่ พวกเธอขยันมากครับ ปัดกวาดเช็ดถู ล้างห้องน้ำ เกือบจะทุก 3 ชั่วโมงเลย



เพื่อนร่วมทาง วันแรก ...


เอาล่ะครับ รู้จักรถกันไปแล้ว ตอนนี้ เช้าละ ทุกคนบนรถเริ่มเดินออกมายืดเส้นยืดสายหากาแฟกินกันแล้ว เรามาทำความรู้จักเพื่อนร่วมทางในวันแรกของเรากันดีกว่า วันต่อไปอาจจะเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาไปจากนี้ แต่นี่คือ คณะเดินทางชุดดั้งเดิมในการเคลื่อนล้อจาก Irkutsk


ตู้แรก เป็นคุณยาย เดินทางกับหลานสาว อายุประมาณ 7-8 ขวบ ยายไม่ค่อยได้สุงสิง หรือออกมาเดินข้างนอกบ่อยนัก ส่วนหลานแท็คทีมกับเด็กน้อย ห้องผม ยึดครองระเบียบทางเดินเป็นที่สวนสนุก

ตู้ที่ 2 เป็น ท.ทหารอดทน บรรดาทหารเกณฑ์หนุ่ม มากัน 3-4 คน พวกนี้ เสียงดัง โวยวายเป็นที่สุด กลางคืนก็แดกเหล้ากัน เมื่อคืนนอนๆ อยู่ได้ยินเสียงคร่ำครวญ ร้องห่มร้องไห้ ด้วย

คนรัสเซีย จะภูมิใจกับการเข้าเป็นทหารมากครับ ผมสังเกตดู แต่คนจะมีท่าทางภูมิใจอย่างมาก รวมถึง พ่อแม่ญาติพี่น้อง หรือ แฟนสาว ด้วย ผมสังเกตว่า ทหารพวกนี้ ปกติจะเดินถอดเสื้อไปมา เสื้อกล้าม เสื้อยืดบ้าง แต่พอถึงเวลานั่งรถผ่านเมืองที่มีญาติพี่น้องอยู่ จะแต่งตัว ชุดทหารเต็มยศลงไป หาญาติที่มายืนรออยู่ที่ชานชาลา ทุกคนสวมกอด พ่อยืนบีบไหล่ลูกชายมองดูเครื่องแบบทหารด้วยความชื่นชม แม่ยืนยิ้มปลาบปลื้ม แฟนสาวตาเป็นประกาย อันนี้ เรื่องจริงนะครับ ผมยืนสังเกตพวกเค้าอยู่นานเลย รู้สึกว่า ค่านิยมของชายรัสเซีย จะเป็นลักษณะแบบ ชายชาตรีแท้ๆ จิตสำนึกรักชาติ ร่างกายเข้มแข็ง จิตใจกล้าหาญ กินเหล้าเก่ง (รวมถึงหลีหญิงเก่ง เพราะ พอผ่านไปเมืองนึง ไอ้ทหารหนุ่ม ก็แต่งตัวลงไปอีก คราวนี้ มีหญิงอีกเมืองมายืนรอ จูบกันดูดดื่ม แหม่ .... ไอ้หนุ่มเอ๊ย ขุนแผนรัสเซียยังไงยังงั้นครับ)


ตู้ถัดมา อยู่กัน 2 หน่อ คือ เซอร์เก ผู้เย็นชา (นามสมมติ) หนุ่มแว่นผิวขาว ผม(น่าจะทอง) ดูไม่ออกเพราะโกนหัวโล้น รูปร่างผอมสูง กับ นิโคไล ผู้เคร่งขรึม (นามสมมติ) หนุ่มรัสเซียเชื้อสายแขกขาว ผมดำ จมูกโด่ง ขนดก หน้าเข้ม รูปร่างสูงโปร่ง 2 คนนี้ ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เข้าขากันได้ดี คนนึง พ่วงปลั๊ก 3 ตา เข้าไปเปิดหนังเปิดเพลงแดนซ์ฟังสบายใจเฉิบ ผมติดเพลงแดนซ์รัสเซียก็เพราะ นิโคไล คนนี้ แหละครับ ส่วนพี่แว่นก็เป็นคนที่ ไม่ว่าผมจะเข้าไปนอน แล้วเดินออกมายืนชมวิว กี่ครั้งในรอบวัน ทุกครั้ง ผมจะต้องเจอพี่แว่นยืนอยู่ตรงระเบียง เกาะราว เหม่อมองออกไปยังเบื้องนอก ตกอยู่ในภวังค์ จนสงสัยว่า พี่นอนมั่งมั้ยครับ ?? นอกจากยืนชมวิวเป็นประจำแล้ว พี่แว่นยังเป็นผู้นำเทรนด์ในการดูแลสุขภาพ ด้วยการแสดงท่ากายบริหารอยู่หน้าห้องเป็นประจำ โดยเฉพาะการเกาะราวริมหน้าต่าง และ ทำท่า Squat จนผมอดไม่ได้ที่จะต้องยืดเส้นยืดสายบ้าง เรียกว่า พี่แว่นคือผู้นำในด้านการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริงครับ






ตู้ที่ 4 ก็เป็น เพื่อนร่วมทริปของผมเองครับ อยู่กัน 2 คน กับ สองสาวชาวรัสเซียเชื้อสายมองโกล และเด็กชายหัวล้านตัวน้อย จ้ำม่ำ อายุไม่น่าเกิน 2 ขวบ ยังพูดเป็นคำไม่ได้ แต่ขยันออกเสียง ตะโกน เพราะเด็กวัยนี้กำลังสนุกกับการออกเสียงต่างๆ เจ้าหนูคนนี้นามว่า คีลี่ หรือ คีลิน (ออกเสียงแบบจีน) เสียงที่เป็นซิกเนเจอร์ คือ ก๊า ก๊า...... หรือ แอ๊ แอ๊ ไม่แน่ใจ แต่แน่ใจได้เลยว่า ถ้าคีลี่ลืมตาเมื่อไหร่ ต้องแหกปากเมื่อนั้น





ตู้ที่ 5 มาเป็นตู้ของผมเองครับ มีผม พี่ยักษ์ และ 2 แม่ลูก





ตู้ที่ 6 เป็นพ่อหนุ่มไอที รูปร่างเจ้าเนื้อ ใส่แว่น มาแฟนสาว ผมทอง พ่อหนุ่มคนนี้ รู้จักเมืองไทย รวมถึงพูดได้บางคำ อย่างเช้าวันนึง เค้าเดินออกมาจากห้อง และทักทายผมด้วยคำว่า “ขอบคุณคับ”


ตู้ที่ 7 เป็นคุณป้า ชาวรัสเซีย ผมทอง ตาสีฟ้า แต่พวกเราสงสัยว่า ป้าจะเป็นจารชนจีนปลอมตัวมา เพราะนิสัยคนยุโรปจะอึเป็นเวลาครับ เข้าเช้าแล้วจบ ไม่เข้าอีกแล้วยกเว้นท้องเสีย แต่ป้าคนนี้ เข้าบ่อยมาก เรียกว่า ถ้าหลับตา แล้วนึกไปถึงค่ำคืนบนเที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ – ปักกิ่ง นั่นเลยทีเดียว มิหนำซ้ำ ป้าแกยังชอบทิ้งร่องรอยไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ผิดวิสัยคนรัสเซีย คนยุโรปมากๆ


ตู้สุดท้าย เป็น 2 หนุ่มนักบาส แต่ท่าทางขี้ยา 2 คนนี้ ร่วมทางกับเราประมาณ 2 วัน 2 คืน แต่ไม่เคยออกมาจากห้องเลย ไม่ขี้ ไม่เยี่ยว ไม่ยืนชมวิว ไม่เดินไปเดินมา จะผลัดกันออกมากดน้ำร้อน เข้าไป เสื้อก็ชุดเดิมๆ คนนึงเสื้อกล้ามสีแดง อีกคนเสื้อบาสที แอลเอ เลเกอร์ส ติดเบอร์ ชื่อ โคบี้ ไบรอัน


ถัดจากตู้ของ 2 หนุ่มนักบาส ก็เป็นห้องพักของ น้องเตี้ย กับ มิสโน ซึ่ง 2 คนนี้ จะสลับกันออกมาปฏิบัติหน้าที่


เสียดายที่ รถไฟคันนี้ เราไม่มีโอกาสได้เดินไปตู้เสบียง แต่ก็จะมีคนเดินมาขายของ รวมถึงอาหารที่ทำใหม่ๆ สดๆ เป็นพวกพัฟ หรือ ขนมปังแบบรัสเซีย คนขายเป็น [b]ตาแว่น รูปร่างผอมๆ สูงๆ หัวยุ่งตลอดเวลา ตาแว่นไม่ปราดเปรียว เข้มแข็งเหมือนพี่แว่น ที่ถึงจะผอมแต่ท่าทางเหมือนนักไตรกีฬา ตาแว่นดูแหยๆ เนิร์ดๆ ครับ ใส่ชุดบริการ ผ้ากันเปื้อน ถือถาดใส่พัฟที่ว่า เดินขาย พยายามตื๊อเราซื้ออยู่หลายครั้ง ด้วยเทคนิคการขายที่แอดวานซ์ ขึ้นเรื่อยๆ[/b]


นอกจากนี้ น้องเตี้ย และ มิสโน จะแปลงร่างเป็น เซลส์ มือฉกาจ เดินเช้ามาหาเราพร้อมกับ ถาดใส่ของที่ระลึก เวลาเดินมาขายของบุคคลิกจะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังตีน ยิ้มแย้ม ใจดี พูดคุยเสียงอ่อนเสียงหวาน ซึ่งเราก็อุดหนุนนะครับ เป็นการซื้อใจกัน เพื่อจะได้พึ่งพา เพราะบนตู้รถไฟนี้ เจ๊เค้าใหญ่สุดละครับ อีกอย่าง เราก็อยากจะขอบคุณเค้านั่นแหละครับ เพราะเค้าขยันทำงานตามหน้าที่ได้ดีเยี่ยมมาก



เจ้าหน้าที่รัสเซีย จะคล้ายๆ จีน คือ เมื่อรถจอดสถานี ซึ่งสถานีในประเทศรัสเซีย จะมีชาวบ้านเอาของมาขายกันคึกคัก รวมถึง มีร้านของชำที่ชานชาลาด้วย น้องเตี้ย และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะเป็นผู้คุมขบวน โดยยืนเฝ้าทางขึ้นลง ที่มีทางเดียว และพวกเค้า “จำ” ผู้โดยสารของตัวเองได้ทุกคน และจะยืนอยู่ตรงนั้น ไม่แว่บไปไหนเลย ซึ่งผมบอกได้เลยว่า รถไฟสาย Trans Siberia เป็นรถไฟที่มีความปลอดภัยสูงมากๆ สายหนึ่ง ทั้งที่ระบบรถเก่าโบราณไม่ต่างจากไทย ครึ่งนึงมันมาจาก บุคลากรของการรถไฟประเทศเค้าครับ




เอาล่ะครับ รู้จักรถไฟ และเพื่อนร่วมทางของผมไปแล้ว ครั้งหน้าเรามาดูชิวิตในแต่ละวันของพวกผุ้คนบนรถไฟกันครับ


โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Sep 2009
ตอบ: 20594
ที่อยู่: Anfield Road. & Miyoung Heart & Korean Idol Republic
โพสเมื่อ: Wed Aug 05, 2015 22:09
ถูกแบนแล้ว
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 5)]
เจ๋งเลยคับ ผมต้องหาโอกาสลองซักครั้ง จุดหมายคือ ปาย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 83
ที่อยู่: ดาวนาเมก
โพสเมื่อ: Thu Aug 06, 2015 18:50
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 5)]
ติดตามทุกตอนเลยครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel