ความเดิมในตอนที่แล้ว
ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberia (ตอนที่ 3)
http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1256915
วันที่ 6
Lost in Irkutsk ...... เช้านี้ เมื่อตื่นขึ้นมา ประเด็นหลัก คือ ตัดสินใจว่า จะเปลี่ยนตั๋วมั้ย ซึ่งคำว่า เปลี่ยนตั๋ว ไม่ใช่การอัพเกรดตั๋ว แต่เป็นการทิ้งตั๋วชั้น 3 เดิม และ จองตั๋วชั้น 2 ใหม่ ตอนนี้ ประเด็นคือ ตั๋วชั้น 2 ที่จองได้ จะทำให้เราออกเดินทางล่าช้าไปจากตารางเดิม 1 วันเต็มๆ หมายถึง เวลาใน มอสโก หรือ ซ.ปีเตอร์สเบิร์ก ของเราจะหายไปด้วย 1 วันเต็ม ลองจัดตารางใหม่ ก็จะได้ตารางแบบแน่นๆ แทนที่เราจะไปนอนที่ ซ.ปีเตอร์สเบิร์ก 1 คืน แล้วออกเดินทางกลับมามอสโกตอนสายๆ เพื่อมานอนที่มอสโกต่ออีก 1 คืน ด้วย รถไฟความเร็วสูง Sapsan มาเป็น เที่ยว ซ.ปีเตอร์สเบิร์ก จนถึง 3 ทุ่ม แล้วค่อยนั่งรถไฟชั้น 3 นอนยาวจาก ซ.ปีเตอร์สเบิร์ก มา มอสโก ประหยัดเวลาและค่าโรงแรมไป 1 คืน ถึงมอสโก เช้าวันเดินทางกลับ ซึ่งเครื่องบินออก ทุ่มครึ่ง ก็เท่ากับมีเวลาเกือบเต็มวันในการเที่ยว มอสโก
แผนออกมาดังนี้ ที่เหลือ คือการ โหวต ...... มติเป็นเอกฉันท์ ครับ ไม่อยากไปเสี่ยงบนรถไฟชั้น 3 ก็เลยสละตั๋ว (เสียดายโคตรๆ) แล้วจองใหม่ทันที ตั๋วไปมอสโก ชั้น 2 จองแล้ว ตั๋วไป ซ.ปีเตอร์สเบิร์ก ขาไป รถไฟความเร็วสูง ขากลับ รถชั้น 3 ก็จองเรียบร้อย ผ่านระบบ online (ผ่านเอเจ้นท์) ขาไปมอสโกนี่ระบุแบบชัดๆ เน้นๆ “request the lower seats and all passengers group together”... ตอนนี้ เหลือที่พัก ที่ยังไม่ได้จอง ก็หาสิครับ แนะนำสำหรับการไปหาที่พัก เราใช้วิธีจองผ่านเว็บ booking.com ครับ เพราะไม่ได้จ่ายออนไลน์ทันทีเหมือนพวก agoda.com หรือ hotels.com จ่ายหน้างาน ไม่มีชาร์จ ถ้ายกเลิกการจอง ดังนั้น เราเลยจองไป 2-3 ที่ แล้วไปดูลาดเลาก่อน ถ้าเวิร์กค่อยเอา
เราจองอพาร์ทเม้น ให้เช่าซึ่งไม่ไกลจาก ที่ Hostel นี้ คิดว่า น่าจะเอาของไปเก็บและออกเที่ยวในเมือง Irkutsk โดยความผิดพลาดครั้งที่ 4 ของเรา คือ มาถึง Irkutsk แต่ไม่ไป ทะเลสาบไบคาล (จริงๆ ควรไปนอนที่ไบคาล อย่างน้อย 1 คืน) จริงๆ มันพลาดตั้งแต่ลง Ulan-Ude ละคับ เพราะมันทำให้ตารางเที่ยว Irkutsk รวน ไม่งั้น เราจะลงที่แรก คือ Irkutsk และไปนอนที่ทะเลสาบไบคาล 1 คืน (ทะเลสาบไบคาล จะต้องขับรถออกไปจากเมืองประมาณ 2-3 ชั่วโมง) และเราจะไม่เจอประสบการณ์เลวร้ายของรถไฟชั้น 3 ไปเจอทีเดียวตอนขึ้นจาก Irkutsk ไป Moscow เลย (หนีไม่ได้แล้ว) ซึ่งอาจจะดีกว่าที่คิดแบบที่ อาซิงห์ บอกเราก็ได้ แต่เอาเถอะ ฟ้าลิขิตให้เราไม่ได้ทะเลสาบไบคาล มันต้องมีอะไรดีๆ รอเราอยู่ในเมืองนี้ซิน่า
เก็บของแบกเป้ ออกเดินทางอีกครั้ง เมืองแห่งประวัติศาสตร์ไซบีเรีย รอให้เราไปค้นหา ไปกับเรา ไปตามรอยเท้าของ .. เนวิเกเตอร์ ..
อ้าว ?? ไม่ใช่เหรอ 555 ไปครับ ไปหาที่พักก่อน จะได้เที่ยวซักที แบกเป้ออกมา เดินผ่านแยก ตามแผนที่ GPS ของเรา มันพาเรามายังตึกสูงแห่งหนึ่ง ที่ทางเข้าปิดทึบ เราลองเดินวนหาป้าย หรืออะไรซักอย่าง ที่จะบอกเราได้ว่า ตึกไหนคือ อพาร์ทเม้นที่ว่า แต่ก็เจอแต่ภาษารัสเซีย ร้านรวงที่ Irkutsk นี่ แปลกอย่างนึง คือ ไม่ชอบจัด display อย่าว่าแต่จัดเลยครับ เอาแค่ ร้านนี้ เปิดหรือปิดนี่ยังดูไม่ออก ทางเข้าก็ลึกลับซับซ้อน ที่ตึกนี้ก็เช่นกัน ด้านหน้าเป็นร้านเสื้อผ้า มีบันไดขึ้นไป ไม่มีฟร้อนท์คอยบริการ ไม่มี รปภ. มีแต่ระบบซีเคียวริตี้ ประตูเหล็กหนักเป็นตัน ล็อคด้วยระบบคีย์การ์ด ไม่มีช่องลม โอ้โห นี่อพาร์ทเม้น หรือคุกวะเนี่ย !!!
เราลองเดินเข้าไปถามในร้านเสื้อผ้า เจอสาวรัสเซียใจดำ เมินอย่างไม่มีเยื่อใย ลองออกมาถามทางข้างนอก เจอคนเดินผ่านก็ถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบ คำตอบคือ ตึกน่ะใช่แล้ว แต่จะเข้าไปยังไง ติดต่อใคร มีเบอร์โทร แต่เราก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แถมถ้าโทรไปจะคุยรู้เรื่องเหรอ
เลยลองเดินอ้อมมาด้านหลัง คิดว่า ทางเข้าออกในส่วนของ เร้สซิเด้นท์ น่าจะอยุ่ด้านหลัง ตามแบบอพาร์ทเม้นเมืองนอก แต่ก็ไปเจอประตูเหล็ก ไร้ช่องลม เราพยายามเปิด หรือหาคนช่วย ก็ไม่เจอ บังเอิญมีแม่สาวรัสเซีย สูงยาว ขาว สวย อึ๋ม คนหนึ่งเดินออกมา ประตูกำลังจะปิด เรารีบวิ่งไปรั้งประตูไว้ แต่ไม่ทัน นางฟ้ารัสเซียใจดี ช่วยใช้คีย์การ์ดเปิดให้ แถมยังพูดอังกฤษได้ ตอบเราได้ว่า นี่คือตึกที่เราหา ถูกต้องแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้ช่วยอะไรมากกว่านี้ แฟนหนุ่มในรถ ปอร์เช่ คาร์เยน คันสีดำที่ติดเครื่องรออยู่ ก็บีบแตรเรียกดังลั่น ทำให้เธอต้องขอโทษที่ต้องรีบไป ทิ้งให้เราต้องหาทางขึ้นไปเอง ข้างในก็สไตล์รัสเซียแบบที่ผมบอกมาเลยครับ ทึบ ไร้ผู้คน มีแต่ทางเดินเข้าไปที่ลิฟท์ เราลองดูที่บอร์ด ก็เจอแต่ภาษารัสเซีย มืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำไง ก็ต้องเดินออกมา ระหว่างที่ยืนเก้ๆ กังๆ ก็มีหนุ่มรัสเซียร่างอ้วน แต่งตัวเหมือนเพิ่งตื่นนอน เดินผ่านมา เราลองถามโดยให้ ที่อยู่อพาร์ทเม้นนั้นไป ว่าเราจะติดต่อเจ้าของได้ยังไง
ปรากฏว่า หนุ่มอ้วนคนนี้ ใจดีเกินคาด ครับ เค้าหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาตามเบอร์นั้นให้เราเลย โอ้ววว ขอบคุณมาก แต่ปลายสายไม่มีคนรับ ก็เลยคุยกัน
พ่อหนุ่มแนะนำตัวว่า ชื่อ กอร์ไล เค้าเคยมาเที่ยวเมืองไทย ชอบภูเก็ต กอร์ไล เป็นหนุ่มร่างอ้วน ที่ท่าทางชอบปาร์ตี้ และมีมนุษยสัมพันธ์ดีพอใช้ หน้าตาตอนที่พบเค้า ก็น่าสงสัยว่า เพิ่งฟื้นจากปาร์ตี้ เมื่อคืน เพราะดูเหมือนจะยังแฮงก์ๆ อยู่หน่อยๆ หน้าออกง่วงๆ เค้าแนะนำว่า Boyfriend ของเค้ามีอพาร์ทเม้น ให้เช่าเหมือนกัน เอารูปให้ดู ก็สวยงามน่าอยู่ใช้ได้ ราคาประมาณ 2 พันรูเบิลต่อคือ ถือว่าใช้ได้ เราเลยตกลงกันว่า เมื่อที่นี่ไม่ได้ ก็ให้ กอร์ไล ช่วยพาไปอพาร์ทเม้นที่เค้าแนะนำก็แล้วกัน อยู่ห่างไปไม่มีช่วงตึก เราขึ้นรถของกอร์ไล และขับออกมาได้ซักพัก ปรากฏว่า ปลายสายที่กอร์ไล โทรไปหาให้เราตอนแรก โทรกลับมา พ่อหนุ่มกอร์ไล เลยบอกแบบเซ็งๆ ว่า อีกประมาณ 20 นาที เจ้าของอพาร์ทเม้น จะมาพบเรา เค้าวนรถกลับมาส่ง และบอกให้นั่งรออยู่หน้าตึกนี่แหละ เราขอบคุณกอร์ไล อีกครั้ง ในน้ำใจ
นั่งรอไปซักพักใหญ่ๆ (เดินไปซื้อไอติมในมาร์ท มากินหมดไปแท่งนึง) ก็มีรถคันเล็กกะทัดรัดวิ่งเข้ามา คุณป้าคนหนึ่งเดินลงมา ปรากฏว่าเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นที่เราจะมาเช่านั่นเอง ในที่สุดดดดด เจอซักที ผ่านไปครึ่งวัน แม่เจ้า .....
คุณป้าพาขึ้นมาบนชั้น 8 พูดคุยทำความเข้าใจกันพักใหญ่ๆ (ในห้องมีไวไฟ เราจึงสามารถสื่อสารกับคุณป้าด้วย Google Translate ซึ่งผมแนะนำว่า กรณีมีเน็ต แอปฯ นี้มีประโยชน์มากๆ เพราะสามารถกดให้เค้าพูดใส่มือถือ แล้วแปลเสียงพูดเป็น text ภาษาไทยได้เลย) เรียบร้อยครับ อพาร์ทเม้นคุณป้า ของจริง .. นั่งจัดแจงทำธุระซักพัก ก็ออกเดินสำรวจเมือง (ซึ่งเวลา ณ ตอนนี้ ประมาณ บ่ายสองเข้าไปแล้ว)
เอาล่ะครับ ... ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ผมว่า หลายๆ คนเริ่มสงสัยแล้วว่า ตกลงพวกเมิงได้เที่ยวอะไรกันมั่งมั้ยนอกจากแบกเป้ตะลอนๆ หาที่พัก กับ เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ... นี่แหละครับ เรากำลังจะเข้าประเด็นกันแล้ว
Irkutsk … เมืองศูนย์กลางด้านการปกครองของ Irkutsk Oblast (ประมาณ แคว้น หรือมณฑล) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งในไซบีเรีย มีประชากรกว่า 6 แสนคน เป็นเมืองศูนย์กลางวัฒนธรรม มีอุตสาหกรรมการแต่งแร่ไมกา การแปรรูปไม้ผลิตรถยนต์ มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
เมืองนี้ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1652 โดย Ivan Pokhabov เพื่อเป็นสถานีการค้าของรัฐ ต่อมาได้ขยายตัวขึ้นเนื่องจากมีการค้ากับจีนและลุ่มแม่น้ำอามูร์ รวมถึงมีการติดต่อกับแหล่งทองคำในลุ่มแม่น้ำลีนาและการค้าขนสัตว์ ได้รับการสถาปนาเป็นเขตการปกครองอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกลางในปี 1680 และได้เริ่มสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่าง Irkutsk กับ Moscow แล้วเสร็จในปี 1760 เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเมืองหนึ่งของไซบีเรีย นอกจากจะใกล้ทะเลสาบไบคาลแล้ว ยังมีแม่น้ำแองการ่า พาดผ่านตัวเมืองอีกด้วย สภาพอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี หน้าหนาวอุณหภูมิติดลบถึง -22 องศาเซลเซียส (เคยหนาวถึง ติดลบ -49.7 องศาฯ) มีหน้าร้อนประมาณ 3-4 เดือน คือในระหว่าง มิ.ย – ส.ค. อุณหภูมิกำลังสบาย อยู่ระหว่าง 14-20 องศาฯ ในระหว่างวัน แดดแรง และมีช่วงกลางวันที่ยาวนาน
เราเดินผ่านย่าน ตลาดนัด ออกแนวๆ ประตูน้ำบ้านเรา ชื่อ Торговый Комплекс รู้สึกจะแปลตรงๆ ว่า Shopping Complex นั่นแหละครับ ซึ่งมีคนออกมาเดินซื้อของกันมาก ในช่วงแดดจัดๆ ผิดกับบ้านเรา ที่จะเลี่ยงมาเดินช่วงแดดร่มๆ
เดินผ่านมาซักพักก็เจอ Monument to Firefighters and Lifeguards เป็นอนุสรณ์สำหรับนักผจญเพลิงและกู้ภัย ผู้เสียสละ คนรัสเซียนี่ เค้าจะจดจำบุคคลด้วยวิธีแบบนี้คล้ายไทย ก็คือสร้างอนุสาวรีย์ ซึ่งต้องบอกว่า รัสเซีย มีอนุสาวรีย์เยอะเหลือกเกินครับ เจตนาก็เพื่อเล่าเรื่องราว เพื่อไม่ให้ชื่อของผู้มีคุณูปการเหล่านั้นเลือนหายไปตามกาลเวลา
เดินตรงมาอีกซักหน่อ่ย จะถึงแยก Lenin &Karl Marx ก่อนถึงก็มีที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ของ Lenin (ในรัสเซียมีรูปปั้นเลนินแทบทุกมุมถนนนั่นแหละครับ จะเห็นตึกหลังคาแหลมๆ เมื่อก่อนเป็น Russian and Asian Bank ตอนนี้ ถูกซื้อมาเป็นคลินิก
หลังจากเดินตัดแยก Lenin &Karl Marx มา ก็เจอร้านนึง สะดุดตา Double Coffee ตอนนี้ รู้สึกว่า ต้องกินแล้วครับ ก็เลยลองเข้าไป บรรยากาศภายในร้านดีมาก ไม่วายมีรูปปั้นครึ่งตัวของ Lenin อยู่ภายในร้านด้วย
สาวเสิร์ฟผิวสีคนแรกที่เราเจอ เธอน่าจะเป็นนักเรียนจากต่างประเทศมาหางานพิเศษทำ สำเนียงอเมริกันชัดแจ๋ว ส่วนสองสาวเสิร์ฟ คนนึงออกแนวอีโม ไฮไลต์ผมสีม่วง ออกแนวพังก์ ส่วนอีกคนเป็นแม่สาวผมทอง หน้าคม สวยมีเสน่ห์มากๆ
ที่ร้านนี้ เราได้ชิม โมโม่ อาหารกึ่งมุสลิม กึ่งทิเบต กินกันแพร่หลาย ตั้งแต่ บางพื้นที่ของ ลุ่มน้ำสินธุ ทีราบสูงทิเบต มาจนถึงแถบยูเรเซีย (รัสเซีย และประเทศโดยรอบ รวมถึง มองโกเลีย) อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน แต่ลักษณะคือ ส่วนผสมระหว่าง เกี๊ยวซ่า กับ เซี่ยวหลงเปา เนื้อข้างในก็แล้วแต่พื้นที่ อาจจะเป็นตั้งแต่ หมู เนื้อวัว เนื้อแกะ หรือกระทั่งเนื้อควาย
อิ่มท้อง เดินต่อมาผ่านร้าน Lenin Coffee แหม่ โลโก้ สีสัน ให้ฟีล Starbucks นะ ผมลุ้นว่าจะเจอ SFC (Stalin Fried Chicken) อยู่นะเนี่ย 555
เดินผ่านย่านเมืองเก่า ถ้าจะให้พูด ก็ออกแนวๆ สนามหลวงบ้านเรา ซึ่งแวดล้อมไปด้วย สถาปัตยกรรม และอาคารสถานที่ทางราชการ และสถานี่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง เช่น Институт социальных наук (Institute of Social Sciences) , Банк, ул. Ленина (Bank Street. Lenin) , vostsibugol (น่าจะหมายที่ที่ทำการศาลยุติธรรม)
ทีนี่ก็มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการเมือง คือ Kirov’s Park ซึ่งมีงานประติมากรรมสวยๆ อยู่ภายใน มีแผนที่เมือง 3 มิติ ทำจากโลหะ พอเดินข้าม Main Square ไปทางฝั่งที่ว่าการเมือง ก็จะมีสถานที่สำคัญของเมืองอีก 3 แห่ง ได้แก่
Organ Hall of The Irkutsk Regional Philharmonic Society (Polish Church) เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยอิฐสีส้มแบบยุโรปดั้งเดิม ดูโดนเด่น
ฝั่งตรงข้ามเป็น Church of the Savior of the Holy Face (Spasskaya Tserkov') ที่เป็นโบสถ์หินสีขาวสไตล์บาโรค ด้านหน้ามีศิลปะ Fresco เป็นรูปนักบุญอะไรซักอย่าง มันค่อนข้างครึ้มครับ ดูไม่ออก มีศิลาจารึก เป็นรูปกำแพงเมือง ผมพยายามดู แต่ไม่แน่ใจว่ามีความสำคัญอะไร
พอเดินไปอีกหน่อย ตรงข้ามริมแม่น้ำแองการ่า เป็น Cathedral of Epiphany อยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปด้านในนะครับ ตอนนี้ ฟ้ามืด ฝนมาละ
เดินรับลม ชมวิว ริมแม่น้ำแองการ่า ใหญ่พอๆ กับ เจ้าพระยาบ้านเรา ตรงนี้มี Monument to Founder of Irkutsk ซึ่งด้านหลังเป็นวิวโค้งน้ำที่สวยมาก น่ามาวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าๆ ทางเดินริมแม่น้ำนี้ ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกายของคนเมืองนี้
พอฝนเริ่มลงเม็ด เราก็รีบเดินกลับที่พัก ขามานั่นเดินมาอีกทาง ขากลับก็เดินวนเป็นวงกลม รวมๆ ระยะทางเดินวันนี้ ราวๆ 8 กิโลเมตรครับ เกือบได้มินิมาราธอน เราสังเกตว่า ที่นี่ยังรักษาอาคารแบบโบราณที่ ชั้นหนึ่ง ปลูกฝังลงไปในพื้นประมาณ ครึ่งชั้น เดาเอานะครับ ว่าเป็นการใช้ความร้อนที่สะสมในพื้นดินช่วยให้ความอบอุ่นแก่ตัวบ้าน บ้านเก่าๆ แบบนี้ มีเสน่ห์มากครับ แม้จะเป็นตึกโนเนม แต่ก็มีเสน่ห์ในตัวของมัน ที่นี่ยังรักษามันไว้อย่างดี และมีจำนวนไม่น้อยด้วย สวยดีครับ
ฝนยังโปรยปราย แต่ก็มิวาย แวะดูน้ำพุดนตรี ข้าง Artist's House ซึ่งน้ำพุเล่นจังหวะตามเพลงคลาสสิก ความจริงถ้ามากลางคืนจะมีแสงสี สวยกว่าตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาเย็นๆ และฝนตกปรอยๆ แต่ผมชอบคนยุโรป ที่ให้ความสำคัญกับ ดนตรี และศิลปะ อันเป็นรากฐานสำคัญของการมี สุนทรียภาพ และความคิดสร้างสรรค์
ตอนนี้ ฝนเริ่มแปรสภาพจากปรอยๆ เป็นแรงขึ้นเล็กน้อย เราจึงเร่งฝีเท้าเดินกลับ ผ่าน Vladimir Sukachyov's Estate Museum แต่ก็ไม่ได้เข้าไปอีก (ชะโงกทัวร์ของแท้เลยครับ 555) แต่ผมก็ไม่มีข้อมูลอีกแหละว่ามันมีอะไรน่าสนใจ เดินอีกไกลลิบเลยครับประมาณ 4-5 กิโลเมตร ก็แวะ ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ซื้อของอีกรอบ ก่อนเข้าที่พัก ไปพักผ่อนแป้ปนึง ก็เดินลงมา ไปหาซุปเปอร์มาร์เก็ตในละแวกนั้นอีก (เดินซุปเปอร์ฯ โคตรบ่อยครับ มานี่ เดินจำช่ำชอง 555) เพื่อไปหาซื้อของสด เจอเบียร์สิงห์ ของไทย ขายในร้านรัสเซียด้วย ถึงกับตะลึง ขวดละ 150 บาท อะโห้ ....
คืนนี้ จัดเต็มครับ เตรียมตัวขึ้นรถไฟยาว 4 วัน 4 คืน ต้องส่งท้ายด้วยอาหารสดกันหน่อย (ก็สดได้เท่านี้นะ 555) ยามค่ำคืน เมือง Irkutsk ก็ยังเงียบสงบ ไม่เหมือนเมืองใหญ่ๆ บ้านเรา ที่ออกจะคึกคัก (หรือไม่มันก็ไม่คึกคักที่อื่น) จริงๆ ที่เราเดินมาก็ผ่านที่เที่ยวกลางคืนหลายที่ ตึกเยื้องๆ กันก็มีผับ อยู่ประปราย แต่ไม่ไหวละ ง่วง วันนี้ หาที่พักก็เกือบตาย เดินอีกตลอดช่วงบ่าย ขอนอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ ไม่มีที่ไป ท่าทางจะกลายเป็นวันที่ว่างเปล่า ของทริปนี้ ...
สรุปเส้นทางเดินของวันนี้ครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับ ...
วันที่ 7
Blank Page ... วันนี้ ตื่นสายหน่อย เรามีนัดกับ คุณป้าเจ้าของอพาร์ทเม้น ตอนเที่ยงครึ่งให้พาไปส่งที่สถานีรถไฟ แต่รถไฟออกตอนเกือบเที่ยงคืน แล้วครึ่งวันนี้จะทำอะไรกันเนี่ย ?? ทีแรกพยายามติดต่อคุณป้าขอเลื่อนเวลา แต่ป้าแกบอกว่า ไม่ได้ มีคนจะมาพักหลังจากเราออกพอดี ก็เลยซวยไป ครับ สุดท้ายเลยตัดสินใจจองโรงแรมแถวๆ สถานีรถไฟ เพื่อพักรอต่อรถไฟ จะได้ใช้อาบน้ำ เต็มสูตร เป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นรถไฟด้วย ชื่อน่ารักน่าชัง Panda Mini Hotel
พอคุณป้ามา ก็พาเราขึ้นรถ มินิแวนคันจิ๋ว ออกเดินทางไปยัง สถานีรถไฟ Irkutsk Pass. ลงรถบ๊ายบายคุณป้า ก็เดินหาที่พักต่อครับ ทางเข้าค่อนข้างเปลี่ยว มีอู่รถ มีบ้านเก่าๆ ต้นไม้ครึ้มๆ เหมือนในหนังสยองขวัญ เดินหากันซักพักก็เจอ Panda Mini Hotel เราวุ่นวายกับเรื่องพาสปอร์ตกันอยู่พักใหญ่ ก็ได้เข้าห้องพัก ขนาดกะทัดรัด เตียง 3 เตียงลายเสือซะด้วย ห้องน้ำแบบตู้อาบน้ำ พร้อมเครื่องพ่นนวดตัว 555 คืนส่งท้าย ได้แบบนี้ก็ยังดีวะ
เพื่อไม่ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ก็เลยออกมาหาอะไรกิน เป็นฟาสต์ฟู้ดชืดๆ เย็นๆ กินกันตาย เสร็จก็เดินชมตลาดนัดเปิดท้ายแบบรัสเซียๆ ย่านสถานีรถไฟ จะอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำครับ เป็นย่าน ที่เปรียบเทียบกับ กทม. ก็อารมณ์ประมาณ หนองจอก ออกแนวๆ ริมภูธรแล้ว ตลาดนัดก็เลยออกบ้านๆ เหมือนตลาดเปิดท้ายตามต่างจังหวัด
ไม่มีอะไรทำก็เดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกแล้ว เดินได้แค่นั้นก็ต้องกลับมานอนรอเวลาที่ห้องพัก จนได้เวลาออก ฝนก็ดันตกลงมาพอดี เดินตากฝนหนาวเหน็บ ออกมาตามทางเปลี่ยว มืด ใจก็นึกเสียวๆ จะเจอแก็งสกินเฮด พวกนี้ ออกแนว นีโอนาซี ครับ คลั่งชาติพันธุ์ยุโรปแท้ ผมทอง ตาสีฟ้า รังเกียจคนเอเชีย คนผิวสี มีประปรายตามเมืองต่างๆ ถ้าซวยๆ ออกมากลางคืน เจอเข้าก็ถือว่า ซวยไป เดินใจตุ๊มๆ ต่อมๆ มาซักพัก ก็ถึงถนนใหญ่ แวะซื้อของใน มินิมาร์ท เป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นรถไฟ
ออกเดินทาง .... และแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทาง เดินลอดทางใต้ดินไปโผล่ที่ ชานชาลา ยื่นตั๋ว (E-Ticket) จริงๆ ที่นี่ ตั๋วที่เราได้รับในอีเมล์เอาไว้ให้เราดูนั่นแหละครับ ว่า Carriage ที่เท่าไหร่ ที่นั่งที่เท่าไหร่ ส่วนเจ้าหน้าที่ เค้าต้องการแค่ พาสปอร์ต เท่านั้น เพราะเค้าจะเช็คที่นั่ง กับ เลขที่พาสปอร์ตในระบบเอง
บ้านใหม่ของเราคือ Carriage หมายเลข 12 พอเดินไปดูที่นั่ง ก็งานเข้าทันทีครับ .... โดนจับแยกอีกแล้ว และก็เป็นผมอีกตามเคย ที่ถูกแยกออกมาคนเดียว ซวยชิบเป๋งเลยกรู ...
ณ ตอนนั้น เที่ยงคืนแล้ว คนที่อยู่ในตู้นอนเลยปิดไฟมืด ผมเดินเข้าไป เป็นพ่อ กับลูกชาย นอนฝั่งนึง อีกฝั่ง ยังว่างทั้งข้างบน และข้างล่าง ผมดูหมายเลขก็รู้แล้วล่ะ ว่าได้ที่นั่งด้านบนชัวร์ เพราะเป็นเลขคู่ (นี่ขนาด รีเควสต์ไปแล้วนะ) ผมเลยลงนั่งที่ชั้นล่างก่อน มันมืดครับ ไม่รู้จะปีนยังไง ส่วนอีก 2 คนได้ตู้นอนถัดไป เป็นครอบครัวรัสเซีย เชื้อสายมองโกล มากัน 3 ชีวิต เป็นแม่ กับลูกชายเล็กๆ อายุไม่เกิน 2-3 ขวบ (ซึ่งขึ้นฟรี) กับ เพื่อนผู้หญิงอีกคน ซึ่ง 2 คนนั้น ก็ได้ชั้นบนเหมือนกัน
สรุป แผนการยึดครองโต๊ะเล็ก และวิวริมหน้าต่างก็เป็นอันจบเห่ ด้วยประการฉะนี้ มิหนำซ้ำออกเดินทางไปได้ซักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่รถไฟร่างยักษ์ เดินเข้ามา เค้านอนชั้นล่าง ก้เลยไล่ผมไปนอนข้างบน ขนของเก็บที่วางของ ชั้นบนของ ที่นั่งชั้น 2 ไม่เลวร้าย เพราะสามารถนั่งยืดตัวตรงได้สบายๆ ครับ เหลือพื้นที่เหนือหัวอีกเยอะเลย ก็ล้มตัวนอน และหลับไป
ช่างมัน ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ลองมีเพื่อนร่วมทางใหม่ดูบ้าง ตอนนี้ นอนละ หนาว ง่วง พรุ่งนี้ เริ่มชีวิตบนรถไฟอีกครั้งครับ