BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ตำรวจบอร์ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jul 2009
ตอบ: 23
ที่อยู่: Be as you were when we met
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 23:00
ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)
ความเดิมในตอนที่แล้ว

ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)
http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1256812


Day 5


ในทุกทริป ต้องมีเรื่องไม่คาดฝัน และมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ... ถ้านั่นคือ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น งั้น ระยะทาง 8 ชั่วโมง จาก Ulan-Ude อ้อมทะเลสาบไบคาล ไปยัง Irkutsk ก็คงเป็น ความทรมานอย่างหนึ่งของทริปนี้ นั่นแหละครับ

ย้อนกลับไปเมื่อวาน ตอนที่ผมใช้ภาษามือ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟชั้น 3 ไป Irkutsk ที่เลือกชั้น 3 เพราะเราต้องการประหยัดรายจ่าย เนื่องจาก การแวะพักที่ Ulan-Ude อยู่นอกกำหนดการแรกของเรา และคิดว่า แค่ 8 ชั่วโมงเอง นอนแป้ปเดียวก็ถึงแล้ว ไม่ได้อะไรมากหรอก

ซึ่งเราคิดผิด ....

ผมนึกย้อนกลับไป มีจังหวะนึง ก่อนที่คุณป้าคนขายตั๋วจะพิมพ์ตั๋ว เราสื่อสารกันเรื่อง ตั๋วเที่ยวไหน วันไหน ที่นั่งชั้นไหน แล้ว แต่คุณป้ายังทำมือ แปลกๆ ยกมือ 2 ข้าง ยื่นออกมา ในระดับข้อศอก แล้วก็ ยกขึ้นสูงในระดับใบหู ซ้ำไป ซ้ำมา ผมก็ทำหน้าไม่เข้าใจ ป้าแกถอนหายใจ แล้วก็หันกลับไปพิมพ์ใหม่ ผมนึกทบทวนในตอนที่เรากำลังจะขึ้นรถไฟ แล้วก็นึกออก ว่ามันหมายถึง “จะเอาที่นั่งชั้นบน หรือ ชั้นล่าง ??” พอผมไม่ตอบ ป้าแกคงเห็นว่า ยังหนุ่มยังแน่น ปีนไปละกันพวกเมิง ..

แต่ป้าไม่ดูตัวผมเล้ยยยย ให้ตายเถอะ



หลังจากยื่นตั๋วให้ คนคุมชานชาลา เขาก็ชี้ หมายเลขตู้รถไฟ (Carriage) และ หมายเลขที่นั่ง เราได้หมายเลข 28, 40 และ 42 (เป็นเลขคู่ทั้งหมด) ซึ่ง ผมเป็นคนที่ถูกจับแยกออกมา เลขคู่ในตั๋ว หมายถึงที่นั่งชั้นบนครับ เพราะงั้น ทุกคนโดนจับไปนั่งชั้นบนหมด แถมเป็นครั้งแรกที่โดนจับแยก เพื่อนร่วมทาง 2 คนของผม ไปนั่งที่นั่งสุดท้ายติดทางออกไปห้องน้ำ โดยที่นั่งด้านล่าง เป็น คุณลุง 2 คน คนนึงหน้าตาแบบชาวมองโกล อีกคนหน้าไปทางยุโรป ซึ่ง พวกนั้นโชคดีกว่าผม ที่เจอคนเป็นมิตร ชวนนั่งข้างล่าง ด้วยกัน ..





ผมอธิบายนิดนึงก่อน ก็คือ ความแตกต่างของรถไฟชั้น 2 กับ ชั้น 3 คือ จำนวนที่นั่ง ชั้น 2 ตู้รถไฟนึง จะมีประมาณ 7 ตู้นอน ที่มีประตู้ปิด (ตู้นอนละ 4 ที่นั่ง) และมีทางเดินยาวด้านหน้า ก็คือ ผู้โดยสารรวมทั้งหมด 28 คน ส่วน ชั้น 3 จะเปิดโล่ง ด้านนึง มี 4 ที่ เหมือนกับ ชั้น 2 แต่ อีกด้าน ไม่ใช่ทางเดินยาว อย่างเดียว แต่มีที่นั่งคู่ด้วย ดังนั้น สภาพจะแออัดกว่า ชั้น 2 พอสมควร คือ ผู้โดยสารรวมทั้งหมด 42 คน ซึ่ง ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งชั้นไหน ในแต่ละตู้รถไฟนึง จะมีห้องน้ำ 1-2 ห้อง (เฉพาะรถไฟรัสเซียนะครับ รถไฟจีนมี 1 ห้อง)





ส่วนชั้น 1 ไม่เคยได้สัมผัสครับ เท่าที่ฟังมา เหมือนชั้น 2 ตรงที่เป็นตู้นอนแยกเป็นสัดส่วน แต่ ในแต่ละห้องจะมีแค่ 2 ที่เท่านั้น คือ ที่นอนชั้นล่าง กับ ชั้นบน และอีกด้านของตู้นอน เป็นที่นั่งสำหรับ คนที่นอนชั้นบน ลงมาจับจองเป็นเจ้าของ โดยไม่ต้องสนใจว่า คนที่นั่งชั้นล่าง จะนั่งหรือนอนครับ (อันนี้ โคตรยุติธรรมเลย ชั้น 2-3 อยุติธรรมกับคนชั้นบนมากกกก) และที่พิเศษยิ่งกว่า คือ มีห้องอาบน้ำในตัวด้วย แต่ห้องส้วมยังต้องใช้รวมกันอยู่ครับ แต่ความแออัดก็จะลดลงตามจำนวนคนในตู้รถไฟ ซึ่งมีแค่ 14 คนเป็นอย่างมาก


ซึ่ง การเดินทาง ไม่ว่าจะไกลใกล้ยังไง รถไฟชานเมือง ทุกขบวน เป็นที่นอนครับ ดังนั้น คนที่ได้ตั๋วที่นั่งชั้นล่างจะได้สิทธิ์ นั่ง บนที่นั่งยาว ซึ่งใช้เป็นที่นอนด้วย และได้สิทธิเคลมโต๊ะวางของตัวน้อย ที่ติดกับหน้าต่าง เพื่อชมทิวทัศน์ โดยปกติ เจตนา คือ ถ้าเป็นการเดินทางกลางวัน คน 4 คน ควรจะนั่งข้างล่าง เพราะ เบาะด้านล่าง ถ้าไม่นอน มันจะสามรถนั่งได้ ฝั่งละ 2 คน แต่ถ้าคนข้างล่างบอกว่า “กุจะนอน” ก็เป็นสิทธิของเขาครับที่จะไล่เราขึ้นไปนอน ทั้งที่เราอาจจะไม่อยากนอนก็ได้ ซึ่ง ที่นั่งชั้น 2 ที่เราเคยนั่งมานั้น ด้านบนจะกว้างขวาง เพราะมันเป็นตู้นอน มีประตูมิดชิด เหนือประตู จะเป็นที่วางของสำหรับคนที่นอนชั้นบน (ส่วนคนที่นอนชั้นล่าง ตรงที่นั่ง จะเปิดขึ้นเป็นช่องใหญ่สามารถวางเป้ขนาด 70 ลิตรได้พอดีๆ ทีนี้ ที่นั่งชั้น 3 จะไม่มีตู้นอน คือ เปิดโล่ง และที่นั่งสั้นกว่าชั้น 2 เล็กน้อย เพราะ ริมหน้าต่างอีกด้าน มีที่นั่งอีก 2 ที่ ผมสูง 175 เวลานอนแล้วต้องงอขา ไม่งั้นเท้ายื่นครับ

แต่ที่เลวร้ายที่สุด คือ ที่วางของ ซึ่งเป็นชั้นวาง กว้างยาวเท่าที่นอนของเรา อยู่สูงกว่าเบาะนอนขึ้นไปราว 2 ฟุต นั่นแปลว่า การใช้ชีวิตของคนชั้นบน ทำได้เพียง นอน กับ เอนหลัง เอาข้อศอกชันตัวขึ้น ไม่สามารถลุกขึ้นนั่ง จริงๆ คือ ไม่สามารถแม้แต่จะนอนชันเข่า เพราะมันจะติด สภาพเหมือนโลงศพ ที่เปิดด้านข้างนั่นแหละครับ



เอาล่ะครับ ตัดภาพกลับมาที่ ผม ผมก็จะทำแบบที่เพื่อนอีก 2 คนของผมทำนั่นแหละ คือ ขอนั่งก่อน ถ้าเค้าจะนอน ก็ค่อยปีนขึ้นไป แต่เมื่อผมเดินมาจนถึง โซนที่นั่งหมายเลข 27 28 29 30 มันถูกจับจองไว้ด้วย ครอบครัวหนึ่ง มีทั้ง ชายแก่ หญิงกลางคน หญิงสาว และ เด็กสาว เด็กชาย ..เฮ้ย ?? นี่มันเกิน 4 คนแล้วนี่หว่า ผมเลยขอปีนขึ้นไป ที่นอนของผม อย่าง งงๆ ฉิบหายละ ไม่ได้นั่งละซิเนี่ย ทำไมมากันเยอะจังวะ ??? พอนอนได้ซักพักก็ไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้เลย รถยังไม่ออก อากาศในรถยังอับร้อน (ขบวนรัสเซีย ไม่มีแอร์ และไม่มีพัดลมครับ เค้าเจอหน้าหนาวเป็นส่วนใหญ่) ผมเลยต้องปีนลงมาแล้วไปขอนั่งกับกลุ่มเพื่อนผม ซึ่ง ลุง 2 คนนั้นก็ใจดี ให้นั่งด้วย ผมเลยนั่งสักพัก



พอรถออก ผมก็เดินกลับไปดู ปรากฏว่า ชายแก่ กับหญิงวัยกลางคนหายไปแล้ว ตอนนี้ เหลือ หญิงสาว เด็กสาว 2 คน และ เด็กชาย 1 คน เมื่อรวมผมไปด้วย ก็จะเป็น 5 คน นั่นคือ ที่จริงแล้ว มี 1 คนในกลุ่มนี้ นั่งที่นั่งเดี่ยวริมหน้าต่างด้วย ซึ่ง พอผมจะทรุดตัวลงนั่งตรงที่นั่งยาวด้านล่าง หญิงสาวซึ่งน่าจะเป็นแม่ของเด็กทั้ง 3 คน ก็โบกมือไล่ (แหน่ะ ไล่กุทำไมน่ะ) เธอชี้ให้ผมไปนั่งตรงที่นั่งเดี่ยวริมหน้าต่าง ซึ่งมีเด็กสาวอีกคนนั่งอยู่ฝั่งนึงแล้ว หน้าตาบูดบึ้งตลอดเวลา สงสัยทะเลาะกับแม่ มองหน้าผมแบบบอกบุญไม่รับ เห้อออ ... ทำไมกูต้องมาเจอครอบครัวจอมบึ้งพวกนี้ด้วยวะ ??

[i]แผนการที่เราวางไว้ คือ รถไฟสายนี้ จะวิ่งผ่านโค้งริมผา ที่ด้านหนึ่งเป็นทะเลสาบไบคาล เป็นวิวที่สวยที่สุดในการเดินทางระหว่าง Ulan-Ude กับ Irkutsk เลยก็ว่าได้ ไม่เชื่อลองเสิร์ชอากู๋ คำว่า Lake Baikal trans siberian Beautiful Scene หนึ่งในนั้นจะมีรูป รถไฟวิ่งเรียบหน้าผา ริมทะเลสาบอยู่ด้วยแน่นอน แต่อนิจจา วิวที่ว่า อยู่ฝั่งที่ ยัยแม่ กับ ลูกสาว และลูกชายจับจองอยู่ ฝั่งผมเป็นฝั่งที่เห็นแต่หน้าผานั่นแหละครับ ซึ่งก็คือ ผมไม่มีรูปทะเลสาบสวยๆ มาอวดคุณผู้อ่าน ก็ด้วยเหตุนี้เอง จะถ่ายรูปหน้าผามาให้ดูแก้เก้อ ก็จะโดนด่าซะเปล่าๆ
[/i]





นี่คือ การพลาด หนที่ 3 ของทริปนี้ มาได้ 5 วัน ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย ซัดแฮตทริกเข้าไปแล้ว พ่อคุณเอ้ย




ชีวิตบนรถไฟ .....
8 ชั่วโมงที่ สูญเสียวิวที่สวยที่สุดของการเดินทางช่วงไซบีเรีย เราต้องหาอะไรมาชดเชย สิ่งที่ทำได้ มีเพียง การมองดูชีวิตของพวกผู้คนบนรถไฟ ซึ่ง จากจุดที่ผมนั่ง และ มุมมองส่วนตัวที่ผมมี ก็มีอยู่ 3-4 ครอบครัว ที่เห็น ครอบครัวแรก คือ ครอบครัวที่ใกล้ตัวผมที่สุด คนแม่อยู่ในวัยน่าจะเริ่มพ้นวัยสาว อยู่ระหว่าง 35-40 ปี ดูท่าทางเป็นคนมองโลกมืดหม่น สีหน้าอมทุกข์ตลอด หรือไม่ก็คงมีปัญหาชีวิต ส่วนลูกสาว คนนึงยังเด็ก อายุน่าจะ 12-13 ยังเป็นวัยรุ่นใสๆ ฟังเพลง นอน ไปเรื่อย ส่วนอีกคนที่นั่งตรงข้ามผม เป็นวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย อาจจะทะเลาะกับคนเป็นแม่ เพราะนั่งเงียบ หน้าตาบึ้งตึงตลอดทาง ตามประสา วัยรุ่นที่ไม่ชอบให้แม่มาเจ้ากี้เจ้าการ การเดินทางไกลๆ กับ ผู้ปกครองไม่ใช่สิ่งที่ปรารถนาเท่าไหร่



อีกครอบครัวอยู่ถัดไปทางต้นขบวน เป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูกสาว และลูกชาย โดยลูกสาว เริ่มโตเป็นสาวแล้ว ส่วนมากจะนอน นานๆ จะไปเข้าห้องน้ำที คนพ่อ เป็นผู้ชายอ้วนที่ผมคิดว่า ค่อนข้างน่ารังเกียจ ทีเดียว ดูจากนิสัยการกิน ที่ตะกละมูมมาม อย่างกับจะมีคนมาแย่งกัน และการนั่ง การใช้ห้องน้ำ การใช้พื้นที่ ที่เป็นส่วนรวม ค่อนข้างเห็นแก่ตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น ผมสังเกตว่าอีกหลายคนก็มองตาอ้วนนี่ด้วยสายตาแบบนั้น แต่ตาอ้วนนี่ สมัยหนุ่มคงดวงดี ได้แฟนที่อดีตคงเป็นสาวเปรี้ยวคนหนึ่ง ถามว่าทำไมถึงรู้ เพราะมันแสดงออกผ่านลูกสาวนี่ไงครับ ผมทอง หุ่นสะบึม อันนี้เดาว่าได้แม่มาเต็มๆ โชคดีแล้วน้องเอ้ย ถ้าได้พ่อมาซัก 20% ชีวิตน้องคงรันทด



อีกครอบครัวเป็นชาวรัสเซียหน้าตี๋ คือ ถ้าไม่พูด พวกเค้าก็คือ คนจีนในสายตาเราเนี่ยแหละ พ่อ แม่ ลูกสาวตัวน้อย และน้องคนเล็ก (ซึ่งถ้าสูงไม่ถึง 120 ซม. ขึ้นฟรีครับ) แต่ว่า ความที่ประเทศมันใหญ่และเต็มไปด้วยประชากรหลากชาติพันธุ์ บางทีเราเห็นเด็กผมทอง เล่นกับเด็กผมดำ มันก็เป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นนะครับ ภาษาคือ สิ่งที่เชื่อมโยงความเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะ ผิวสีอะไร ตาสีอะไร ผมสีอะไร ถ้าคุยกันรู้เรื่อง มันก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมิตรภาพ





อีกครอบครัว หรือ จริงๆ ไม่ใช่ครอบครัว แต่มาคนเดียว เป็นสาวสวย ท่าทางมั่นใจ เดินทางคนเดียว เธอไม่อะไรกับใคร แต่ถ้านับในการเดินทางวันนี้ ก็เด่นที่สุด ไม่ว่าจะหน้าตา รูปร่าง อันนี้ คือ แบบฉบับ สาวรัสเซียแท้ๆ เลย





มีสถานีย่อยๆ ที่มีชาวบ้านเอาของมาขาย แต่นาทีนี้ กินไรไม่ลงฮะ อยากไปให้ถึงก็พอ



สุดท้ายก็ถึงสถานี Irkutsk จนได้ ประมาณเกือบๆ 5 โมงเย็น เข้าไปแล้ว ฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล เราออกมาหาของกิน เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดแบบรัสเซียๆ อาหารออกแนวยุโรป ผสมมุสลิมหน่อยๆ รสชาติไม่จัดจ้าน เพราะคนรัสเซียไม่ชอบกินรสจัด รสเผ็ดนี่ไม่เอาเลยครับ อาหารเลยออกเลี่ยนๆ หน่อย อาหาร เช่น ข้าวที่ขายที่นี่ จะคิดราคาจากการชั่งน้ำหนักเอานะ ไม่ใช้การกะ ด้วยสายตาแม่ค้า ก็แฟร์ดีครับ จิ้มๆๆ แล้วก็ไปจ่ายตังที่เคาน์เตอร์ คนที่นี่ เวลารับเงินรับจากมือ แต่เวลาคืนเงินทอน เค้าจะวางไว้บนถ้วยรองเงินเล็กๆ ตรงหน้าเคาน์เตอร์ ไอ้เราก็ชิน จะแบมือรับตลอด





เจอครอบครัวตาอ้วนบนรถไฟมากินร้านเดียวกับเรา ช่างหัวตาอ้วนมัน สนใจลูกสาวก็พอ



ที่ต้องทำใจคือ คนรัสเซียไม่พูดภาษาอื่นนอกจากรัสเซีย และป้ายทุกป้ายในประเทศนี้ โดยเฉพาะเมืองที่ไม่ใช่เมืองหลวง เมืองใหญ่ จะไม่มีภาษาอังกฤษให้เห็นเลย (แต่เราเห็นภาษาเกาหลี และป้ายโฆษณา K Pop น่าจะวง EXO บนรถเมล์ว่ะ เกาหลีนี่แน่นอนจริงๆ 5555) ดังนั้นการสื่อสารเราใช้ภาษามือ และการเดาเป็นส่วนมากครับ โชคดีที่เราใช้ GPS ได้ โดยไม่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์ หรือ ไวไฟ แค่โหลดแผนที่มาไว้ก่อน ก็เปิด GPS เพื่อหาตำแหน่งได้ ซึ่ง เป็นประโยชน์มากครับ ไม่มี GPS ละตายหยังเขียด



ออกจากร้านอาหาร ฝนลงเม็ดพอดี โดดขึ้น Taxi ยังไม่ทันได้ถามราคา แต่เอาแผนที่ ที่พักให้ดู คืนนี้ เราพัก Hostel ชื่อ Dostoevsky ซึ่งเป็น Hostel ที่มีชื่อเสียง มีอยู่ในหลายเมืองของรัสเซีย และประเทศทางยุโรปตะวันออกครับ พี่ Taxi หุ่นบึ้ก เปิด GPS แล้วขับพาเราฝ่าสายฝนไป จากสถานีรถไฟ ข้ามแม่น้ำ Angara เข้าสู่ตัวเมือง Irkutsk



พี่บึ้ก พูดมาประโยคนึง มีคำว่า English ด้วย เราเลยเดาว่า เค้าน่าจะถามเราว่า พูดภาษาอังกฤษได้มั้ย ?? สบายล่ะ พี่บึ้กแม่มเจ๋ง พอถามไปว่า can you speak English เสือกทำหน้า งง แล้วก็ส่ายหน้า .??? คือ พี่จะถามทำไมครับ ไม่เห็นว่าบึ้กนี่ตบคว่ำละนะ แถมฝนตกปรอยๆ ดันจะพาเรามาทิ้งไว้ตรงปากซอยๆ หนึ่ง เราก็บอกว่า ไปส่งให้มันถึงๆ หน่อยเถอะพ่อคุณ (ภาษามือน่ะครับ) แกก็พาขับวนเข้ามาในซอย แล้วก็ชี้มือ พอดีผมเห็นป้าย มีคำว่า Hostel ก็เลยโอเค ลงก็ลงวะ ค่า Taxi ก็อยู่ในเรตที่ ไม่ขูดรีดกันจนเกินไป ก็ลงมางมหากันอยู่ซักพัก สุดท้ายก็เจอครับ Dostoevsky Hostel



น้องคนดูแล นาตาชา (นามสมมติ) เป็นสาวรัสเซียอารมณ์ดี แต่นาตาชาออกจะ ซื่อ ... คือ เค้าบอกว่า ค่าพักคนละ 700 รูเบิล นะคะ พวกผมก็เลยบวกให้เสร็จสรพว่า ก็คือ ทั้งหมด ผมต้องจ่าย 2,100 รูเบิลใช่มั้ย ?? น้องนาตาชา ยืนกรานบอกว่า คนละ 700 รูเบิลค่ะ พวกผมก็เลยต้องบวกเลขให้น้องดู ว่า นี่ไงคะ 700 + 700 + 700 มันเท่ากับ 2,100 พวกพี่จ่าย แบงก์พัน 2 ใบ แบงก์ 100 ใบนึง น้องจะได้ไม่ต้องวิ่งหาตังมาทอนพวกพี่ คนละ 300 รูเบิล น้องนาตาชาก็เลยถึงบางอ้อ .....



Hostel ก็คือ ห้องพักที่มีลักษณะคล้ายๆ บ้าน หรือ อพาร์ทเม้นท์ ที่อยู่รวมกัน หรือซอยห้อง โดยห้องนึงอาจจะต้องพักรวมกันคนแปลกหน้าอื่นๆ ถ้ากรณีที่เรามาคนเดียว สิ่งที่เสียไป คือ ความเป็นส่วนตัว รวมถึง ความปลอดภัยในมุมมองของบางคน โดยเฉพาะสุภาพสตรี และยังต้องรักษามารยาทในการอยู่ร่วมกันมากว่า Hotel เช่น การคุยเสียงดัง การใช้ห้องน้ำนาน (เพราะเป็นห้องน้ำรวม) แต่ก็เป็นรูปแบบที่พัก ที่นักแบกเป้นิยมใช้บริการ นอกจากราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับ Hotel แล้ว ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักท่องเที่ยวคนอื่น










สำหรับเราไม่อะไรมาก นอนที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีไวไฟ เพราะถ้าไม่ได้ไวไฟ ในที่พัก เราก็แทบไม่ได้ออนไลน์กันเลย (ไอ้พวกติดโซเชียลลล) ที่กังวลกว่า คือ รถไฟชั้น 3 นี่แหละครับ ต่างคนต่างเข็ดกันขี้ขึ้นสมอง ตอนจองก็เห็นว่ามันถูกดี แต่พอไปเจอของจริง แค่ 8 ชั่วโมงแม่งยังจะเป็นจะตาย นี่ 4 วัน 4 คืน มิตายห่ากันไปเลยหรือ ?? เราพบว่า คนไทยที่เคยมาที่นี่ ไม่เคยมีใครใช้บริการรถไฟชั้น 3 เลย (หรือมี ก็อาจไม่เคยมาเขียนรีวิว) ถ้าเรานั่ง ข้อดีคือ เราจะเป็น คนไทยไม่กี่คนในประเทศ ที่เคยผ่านสมรภูมิ รถไฟชั้น 3 วิ่งยาวจาก Irkutsk ไป Moscow แต่ถ้าใบประกาศนียบัตรนั้นมันแลกมาด้วยความทุกข์ตลอด 4 วัน 4 คืน จะคุ้มไหมวะ ??

สิ่งที่ปลอบใจก็คือ เราจองตั๋วล่วงหน้าเป็นเวลานาน ดังนั้น เราได้ที่นั่งเลขคี่ 2 ใน 3 ที่นั่ง แปลว่า ในล็อคหนึ่ง 4 ที่นั่ง เราครอบครองเบาะล่างทั้งหมด แปลว่า ในทางปฏิบัติ เรายึดครองโต๊ะเล็ก และวิวข้างหน้าต่างด้วย คนที่มานั่งกับเรา จะต้องเป็นเชลยของเรา ทำตามคำสั่งเราเท่านั้น ไล่ไปนอนก็ต้องปีนขึ้นไป แต่ก็มีคนแย้งว่า แล้ว ไอ้ที่เห็นว่า เลขติดกันเนี่ย ถ้าเกิดมันไม่ใช่ล็อคเดียวกัน แต่เป็นเลขติดกันของล็อคถัดไปล่ะ กลายเป็นเราถูกจับแยก โดนตัดกำลัง แล้วเราไม่ใช่เจ้าถิ่น เราก็อาจจะเสียอิสรภาพ และโต๊ะเล็ก ข้างหน้าต่างให้กับเจ้าถิ่นก็ได้ ส่วนอีกคนที่ได้ที่นั่งชั้นบนก็ต้องมาลุ้นอีกว่า อยู่บนหัวพวกเดียวกันหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ก็ถูกไล่ไปนอนตลอด 4 วันก็ตายกันเลยทีนี้ นี่ยังไม่นับเรื่องห้องน้ำ ที่ปกติอัตราส่วนที่เราแฮปปี้ อยู่ที่ประมาณ 20 คนต่อ 1 ห้อง แต่ชั้น 3 ของรัสเซีย ที่นั่งค่อนข้างเต็มตลอด นั่นหมายถึงอัตราส่วน 42 ต่อ 1 เลยนะเมิง (จริงๆ ห้องน้ำรถไฟของรัสเซีย น่าจะเกือบทั้งหมด มี 2 ห้องครับ หัวตู้ ท้ายตู้ อันนี้เราเพิ่งมารู้ ทีหลัง)

นี่คือสิ่งที่เราคิดกันตลอดคืน และนำไปสู่ การเปลี่ยนแผนอีกครั้ง (พลาดครั้งที่ 4)

วันนี้ ฝนตก คงไม่ได้ทำอะไรมากแล้ว เพราะตอนนี้ ก็ปาเข้าไป ทุ่มครึ่งแล้ว พวกเราไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวๆ นั้น (หลังๆ เราเริ่มช่ำชองการซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตของรัสเซียขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเจ้าถิ่นก็ไม่ปาน) ไม่ได้อะไรนอกจาก ไอติมแสนอร่อย เป็นยี่ห้อที่เราไม่เคยเห็นที่ไหน คงเป็นยี่ห้อที่มีเฉพาะในรัสเซีย และ เครื่องดื่ม ผมมารัสเซีย ติดกิน ชเวปป์ ครับ ที่นี่มีรส Bitter lemon ซึ่งรสชาติจะมีความขมที่ปลายลิ้น คล้ายๆ กินมะนาวจริง ซึ่งในมุมของผม ผมว่า มันอร่อยกว่า ชเวปป์ของไทยซะอีก น้ำอื่นๆ เช่น ไอซ์เลมอนที ของที่นี่ จืดกว่าไทยนะครับ ถึงจะเป็นยี่ห้อเดียวกัน



ซื้อเสบียงเสร็จก็เดินกลับที่พัก ขาออกดันปิดประตูสนิท ประตูที่นี่ แข็งแรงทำจากเหล็กกล้าทั้งบาน เป็นประตูรหัส ต้องกดเรียกน้องนาตาชาให้เปิดให้ อันนี้ เราถามจาก อาซิงห์ (นามสมมติ) นักเดินทางชาวอินเดีย ที่เคยเดินทางมาที่นี่หลายครั้ง และเคยมาทำงานที่ไทยด้วย ที่มาบตาพุด อาซิงห์ ยืนจิบกาแฟดูฝนตกปรอยๆ อยู่หน้าประตู พูดปลอบใจเราว่า รถไฟชั้น 3 เป็นทางเลือกที่ฉลาดแล้ว (เหรอวะ ??) นั่งไปเถอะ แล้วคุณจะชอบ

ฟังก็รู้ว่าเป็นคำปลอบใจ ... ขอบใจนายมากนะ ซิงห์ ... แต่เราเจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ...

พรุ่งนี้เดี๋ยวค่อยตัดสินใจ วันนี้นอนก่อนครับ ตอนหน้ามาดูว่า ตกลงจะเอายังไง หน้าดำคร่ำเครียดกันเลยทีนี้ รถไฟชั้น 3 แม่งปราบเซียนจริมๆ


โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: ฺBuriram is blue ลิเวอร์พูล อิส เรด
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Jun 2015
ตอบ: 5458
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 23:14
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)]
อ่านจนจบ น่าติดตามมาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Dec 2006
ตอบ: 368
ที่อยู่: H!P-
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 23:25
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)]
อ่านเพลินเลยแฮะ เขียนเล่าเรื่องราวได้ดีครับ

ปล.ถ่ายรูปสาวๆมาเยอะๆนะครัช
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Aug 2009
ตอบ: 452
ที่อยู่: Saint Petersburg State University
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 23:43
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)]
ทรหดกันจริงๆครับพี่ๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: เหรียญมันยังมีสองด้าน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Jun 2007
ตอบ: 18159
ที่อยู่: ดินแดนอันไกลโพ้น.....
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 23:48
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
จะเพื่อนกิน..หรือเพื่อนตาย..ก็เพื่อนเรา..แล้วเราจะไม่เดินเดียวดาย....


ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jun 2007
ตอบ: 45746
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Fri Jul 31, 2015 00:05
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)]
ถือซะว่านักชั้น 3 มีโอกาสเจอสาวๆน่ารักแล้วกันครับท่าน

เป็นกำลังใจให้นะครับ จะรออ่านต่อ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 May 2008
ตอบ: 351
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 31, 2015 04:50
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 3)]
เคยไปยุโรปก็หลายประเทศแต่ไม่เคยไปรัสเซียเลย เรื่องของจขกทสนุกจังครับ ไม่ไปโพสต์ลงพันทิปด้วยละครับต้องมีคนสนใจเยอะแน่เลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel